มะนาว มีสรรพคุณเเละประโยชน์ดีๆ อีกมากมายที่เรายังไม่รู้

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มะนาว มีสรรพคุณเเละประโยชน์ดีๆ อีกมากมายที่เรายังไม่รู้  (อ่าน 20 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
plawan1608
Full Member
***

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 158


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2018, 11:13:48 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
มะนา[/size][/b]
ชื่อสมุนไพร มะนาว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น ส้มมะนาว (ภาคกลาง),ส้มที่นาว (ภาคใต้) ,สีมานีปีห์ (มลายู) ,หมากฟ้า (ไทยใหญ่) , โกรยชะม้า (เขมร) , มะเน้าเลย์ , มะนอเกละ , ปะนอเกล (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) , ปะโหน่โลภลยาน (กะเหรี่ยง กาญจนบุรี)
ชื่อสามัญ  Common lime, Lime , Sour lime
ชื่อวิทยาศาสตร์  Citrus aurantifolia (Christm. et Panz.) Swing.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Limonia aurantifolia Christm. & Panzer.
วงศ์  Rutaceae
บ้านเกิดเมืองนอน เช้าใจกันว่ามะนาวเป็นพืชประจำถิ่นในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์เพราะเหตุว่าผู้ที่อยู่ในภูมิภาคนี้ รู้จักการใช้คุณประโยชน์จากมะนาวกันเป็นอย่างดีมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเมืองไทย แต่มีการศึกษาค้นพบอีกชิ้นหนึ่งที่เชื่อว่ามะนาวมีต้นตอในอินเดียภาคเหนือ และก็เขตเชื่อมต่อกับเมียนมาร์ รวมทั้งทางทางเหนือของมาเลเซีย (แต่ว่าน่าประหลาดที่ไม่พบมะนาวในป่าของไทย) ตอนนี้มีการปลูกมะนาวทั่วไปในเขตร้อน และเขตอบอุ่นครึ่งร้อนทั่วทั้งโลกเนื่องจากว่มะนาว
สามารถขึ้นได้ในที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ แล้วก็ทนต่อดินเนื้อละเอียดได้ดีมากว่าส้ม
ลักษณะทั่วไป มะนาวเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดเล็กมีลักษณะเป็นพุ่มมีความสูงเฉลี่ย 2-5 เมตร ลำต้นมีลักษณะโค้งงอไม่ค่อยแข็งแรง เปลือกของลำต้นมีสีน้ำตาลปนเทา กิ่งอ่อนของมะนาวมีสีเขียวอ่อน เมื่อแก่ สีจะเข้มขึ้นจนกระทั่งเป็นสีน้ำตาลส่วนกิ่งที่แก่มากมายจะเป็นสีเทา การออกของแขนงไม่ค่อยเป็นระเบียบ บนลำต้นและกิ่งจะมีหนาม หนามมีลักษณะแหลมมีทั้งยังหนามสั้นและก็หนามยาวมีสีเขียวเข้มและสีเขียวอมเหลือง ส่วนบริเวณปลายหนามีสีน้ำตาล เมื่อแก่ขึ้นหนามจะแห้งตามไป
                ใบของมะนาวมีลักษณะเป็นใบเดี่ยว คือมีแผ่นใบอันเดียว ใบมีขนาดเล็กกว้างราว 3-6 เซนติเมตร ยาวราว 6-12 เซนติเมตรรูปร่างเป็นแบบรีหรือทรงไข่ ฐานใบมีลักษณะกลม ปลายใบมีรูปแหลม ป้าน ขอบใบเป็นคลื่น หรือเป็นหยักละเอียด ก้านใบสั้นแล้วก็มีปีกใบแคบหรืออาจไม่มีปีกใบก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับประเภทมะนาว ใบอ่อนมีสีเขียวจางเกือบเป็นสีขาว ใบแก่มีสีเขียวเข้ม ผิวใบข้างบนละเอียดวาวส่วนผิวใบด้านล่างค่อนข้างจะหยาบคายแล้วก็มีสีจางกว่า เมื่อทำการขยี้ใบจะมีกลิ่นฉุน
                ดอกมะนาวอาจกำเนิดเป็นดอกโดดเดี่ยวหรือช่อก็ได้ มีในขณะที่เป็นดอกบริบูรณ์และไม่บริบูรณ์ ดอกจะออกรอบๆซอกใบและก็ปลายกิ่ง ดอกมะนาวมีขนาดเล็ก ดอกที่ตูมจะมีขนาดความยาว 1-2 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมีสีเขียวเป็นรูปถ้วยมี 4-6 หยัก ส่วนกลีบมีสีขาว และด้านท้องกลีบดอกไม้อาจมีสีม่วงอมแดงเจืออยู่ด้วย กลีบดอกไม้มีลักษณะเป็นรูปถ้วย มีจำนวน 4-5 อัน จำนวนกลีบในรวมทั้งกลีบนอกมีปริมาณเท่าๆกัน แต่ละกลีบมีขนาด 0.8-1.2 ซม. ดอกมะนาวมีเกสรตัวผู้มากมายก่ายกองถึง 20-40 อัน เชื่อมติดกันเป็นกลุ่ม กรุ๊ปละ 4-8 อัน เกสรตัวเมียมีรังไข่รูปร่างเป็นทรงกระบอก ใน 1 ดอก จะมีรังไข่ราวๆ 9-12 อัน
                ผลมะนาวมีรูปร่างแตกต่างกันไปตามจำพวกของพันธุ์ มีทั้งรูปร่างยาวรี รูปไข่ และรูปร่างกลม ที่ตูดผลมีลักษณะเป็นจุกหรือปุ่มเล็กๆผลโดยธรรมดามีขนาดความยาว 3-12 เซนติเมตร เปลือกมักษณะขรุขระ และก็มีต่อมน้ำมันเปลือกผิว ผิวเปลือกเมื่อแหลม บรรจุอยู่จำนวนมาก เนื้อมะนาวมีสีเหลืองอ่อน มีรสเปรี้ยวรวมทั้งมีกลิ่นหอมยวนใจเม็ด ขนาดเล็กคล้ายรูปไข่ ด้านปลายหัวจะแหลม ภายในเม็ดมีเนื้อเยื่อสีขาว
การขยายพันธุ์  มะนาวเป็นพืชที่สามารถปลูกก้าวหน้าในดินเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ดินเหนียว ดินปนทราย แต่ถ้าหากต้องการจะปลูกมะนาว ให้เติบโตดี มี ผลดก และคุณภาพดี ก็ควรปลูกในพื้นที่ที่เป็นดินที่ร่วนซุย มีการระบาย น้ำดี มีอินทรียวัตถุผสม อยู่มากมาย แล้วก็ควรจะเลือกพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ
ส่วนการขยายพันธุ์มะนาวนั้นสามารถทำได้หลายแนวทาง ยกตัวอย่างเช่น การทำหมันกิ่ง การทาบกิ่ง และการติดตา แม้กระนั้นวิธีที่ได้รับความนิยมในการเพาะพันธุ์มะนาวมากที่สุดคือ การตอนกิ่ง โดยมีวิธีดังนี้

  • เลือกกิ่งที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไปและไม่เป็นโรคหรือมีแมลงกัดรับประทาน ยาวราวๆ 30-50 เซนติเมตร รวมทั้งมีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 0.5 ซม.ขึ้นไป
  • ตัดหนามแล้วก็ใบในรอบๆที่จะควั่นกิ่งออกราวๆ 5 ซม.
  • ควั่นกิ่งออกเป็น 2 รอยให้ลึกถึงเนื้อไม้ห่างกัน 1-2 เซนติเมตร
  • ขูดเยื่อเจริญออกให้หมด
  • หุ้มด้วยขุยมะพร้าวที่มีความชุ่มชื้นหรือใช้ตุ้มตอนสำเร็จ มัดเปาะหัวท้ายให้แน่น แล้วทิ้งไว้ประมาณ 30-45 วัน เมื่อรากออกมาแล้วก็ใช้กรรไกรตัดกิ่งตัดเพื่อนำไปแช่น้ำจนถึงอิ่มตัว
  • นำไปชำต่อในถุงดำขนาด 5x8 นิ้ว ที่ผสมดิน 1 ส่วน แกลบ 1 ส่วน รวมทั้งเมื่อกิ่งที่ชำเดินรากเจริญในถุงสีดำรวมทั้งแข็งแรงแล้วจึงนำไปปลูกต่อไป
การเตรียมพื้นที่ปลูก

  • พื้นที่ลุ่ม เตรียมพื้นที่โดยการทำคันดินให้มีความกว้างโดยประมาณ 6-8 เมตร ความสูงให้ดูจากปริมาณน้ำที่เคยท่วมสูงโดยให้อยู่สูงขึ้นมากยิ่งกว่า แนวระดับน้ำท่วม 50 เซนติเมตร แทงร่องหรือซอกซอยร่องทำแต้มน้ำเพื่อ ระบายน้ำเข้าออก ขนาดร่องน้ำกว้าง 1.5 เมตร ลึก 1 เมตร พื้นที่ร่องกว้าง 0.5-0.7 เมตร ใช้ระยะปลูก 5X5 เมตร
  • พื้นที่ดอน ควรไถพรวนเพื่อกำจัดวัชพืช และทำให้ดินร่วนซุย ใช้ระยะปลูก 4 x 4 – 6 x 6 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน
ขั้นตอนการปลูก
ควรจะปลูกลงในตอนต้นหน้าฝน ควรขุดหลุมปลูก ให้มีขนาดกว้างแล้วก็ลึกโดยประมาณ 50 ซม. ผสมดิน ปุ๋ยธรรมชาติ รวมทั้งปุ๋ยร็อคฟอสเฟตเข้าด้วยกัน ในหลุมให้ สูงโดยประมาณ 2 ใน 3 ของหลุม ยกถุงกล้า ต้นไม้วางในหลุม โดยให้ระดับของดินในถุงสูงกว่า ระดับดินปากหลุมเล็กน้อย ใช้มีดที่คม กรีดถุง จากก้นถุงขึ้นมาถึงปากถุงทั้ง 2 ด้าน (ช้ายและขวา) ดึงถุงก๊อบแก๊บออก โดยระวังไม่ให้ดินแตก กลบดินที่เหลือลงในหลุม กดดินรอบๆโคนต้นให้แน่น ปักไม้หลักและผูกเชือกยึด เพื่อคุ้มครองป้องกันลมพัดโยก หาวัสดุคลุมดินรอบๆโคนต้น ดังเช่น ฟางข้าว ต้นหญ้าแห้ง รดน้ำให้โชก ทำร่มเงา เพื่อช่วยปิดบังแสงอาทิตย์
การปฏิบัติดูแล การให้น้ำ ควรจะมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอน ที่ปลูกใหม่ๆควรให้น้ำวันละครั้งเป็นขั้นต่ำ (กรณีฝนไม่ตก) ภายหลังจากปลูกโดยประมาณ 15 วัน มะนาวสามารถตั้งตัวได้แล้ว ให้น้ำเดือนละ 2-3 ครั้ง รวมทั้งควรหา สิ่งของมาคลุมดินบริเวณโคนต้น เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้น                ควรจะเริ่มงดให้น้ำ ตั้งแต่ตอนมีนาคม เป็นต้นไป จนกระทั่งช่วงออกดอก เพื่อให้มะนาวสะสม ของกินให้มากถึงระดับซึ่งสามารถสร้างตาดอกได้ ปกติมะนาวจะออกดอก เมษายน-เดือนพฤษภาคม ภายหลังมะนาวมีดอก และกำลังติดผลอ่อน เป็นช่วงที่มะนาวอยากน้ำมาก เพื่อใช้เพื่อการเติบโต ของผล
[/b]
     ส่วนประเภทมะนาวที่มีการปลูกกันมากในไทย ดังเช่น

  • มะนาวไข่ ผลกลม หัวท้ายยาวเหมือนมะนาวหนัง เมื่อโตเต็มที่ผลมีลักษณะกลมมน เปลือกบางผลโต กว่ามะนาวหนัง
  • มะนาวแป้น ผลใหญ่ ออกจะกลมแป้น เปลือกบาง มีน้ำมาก นิยมใช้บริโภคมากกว่าจำพวกอื่นๆเชิงการค้าจะปลูกมะนาวประเภทแป้นดกพิเศษ สามารถบังคับให้ออกหน้าแล้งได้ง่าย
  • มะนาวหนัง ผลอ่อนกลมยาวหัวด้านหลังแหลม เมื่อโตเต็มที่ผลจะมีลักษณะกลมออกจะยาว มีเปลือกดก ทำให้รักษาผลตอบแทนนาน

องค์ประกอบทางเคมี น้ำจากผลมีกรด citric acid, malic acid, ascorbic acid,  ผิวมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยที่มาจากผู้กระทำลั่นผิวผล จำนวนร้อยละ 0.3-0.4 มีสารต่างๆดังเช่น  d-limonene (42-64%), alpha-berpineol (6.81%), bergamotene ผสมกับ terpinen-4-ol (3%),  alpha-pinene          citric acid       
(1.69%), geraniol (0.31%), linalool,  terpineol, camphene, bergapten (furanocoumarin)    ใบมะนาวเมื่อเอามาสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยการ    camphene
ต้มกลั่น (hydrodistillation) ได้น้ำมันหอมระเหยปริมาณร้อยละ 0.27  องค์ประกอบทางเคมีของน้ำมันมีสารต่างๆตัวอย่างเช่น  6-methyl-5-hepten-2-one (3.19), limonene (44.82), neral (4.95), geranial (7.66) , geranyl acetate (8.98), caryophyllene oxide (2.31) ส่วนข้อมูลทางโภชนาการของมะนาวมีดังนี้

  • พลังงาน 30 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 10.5 กรัม
  • น้ำตาล 1.7 กรัม
  • เส้นใย 2.8 กรัม terpineol
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • โปรตีน 0.7 กรัม
  • วิตามินบี 1 0.03 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.02 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 3 0.2 มก.
  • วิตามินบี 5 0.217 มก.
  • วิตามินบี 6 0.046 มก.
  • วิตามินบี 9 8 ไมโครกรัม
  • วิตามินซี 29.1 มก.
  • แคลเซียม 33 มก.
  • เหล็ก 0.6 มก.
  • แมกนีเซียม 6 มก.
  • ฟอสฟอรัส 18 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม 102 มก.
  • โซเดียม 2 มก. ที่มา : Wikipedia
คุณประโยชน์/สรรพคุณ
น้ำมะนาวมีคุณค่าสำหรับในการเป็นสารให้ความเปรี้ยว ผิวมะนาวมีกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหย มะนาวเป็นเครื่องปรุงรสของกินไทยที่ขาดเสียไม่ได้ เป็นองค์ประกอบรสเปรี้ยวหลักของน้ำพริก ตำส้ม ยำทุกประเภท ลาบแล้วก็ของกินไทยอีกอีกเพียบเลย ต่างแดนใช้มะนาวทั้งในอาหารคาวหวาน ยกตัวอย่างเช่น ในพายมะนาวของเมืองฟลอริด้า อเมริกา
น้ำมะนาวเว้นเสียแต่ใช้ปรุงรสเปรี้ยวในของกินหลาย ประเภทแล้ว ยังนำมาใช้เป็นเครื่องดื่ม ผสมเกลือ รวมทั้งน้ำตาล เป็นน้ำมะนาว ซึ่งมีชื่อเสียงกันดีในประเทศไทย แล้วก็ต่างถิ่นทั้งโลก นอกจากนั้นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์บางจำพวกยังนิยมฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆเสียบไว้กับขอบแก้ว เพื่อใช้แต่งรส
โดยข้างในผลมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยถึงจำนวนร้อยละ 7 น้ำมะนาวก็เลยมีคุณประโยชน์สำหรับใช้เป็นส่วนประกอบน้ำยาที่ใช้ในการทำความสะอาด เครื่องหอม การบำบัดด้วยกลิ่น (aromatherapy) หรือน้ำยาสำหรับล้างจาน
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการใช้ประโยชน์จากมะนาวด้านอื่นๆอีกเป็นต้นว่า หุงข้าวให้ขาวและก็อร่อยขึ้น ด้วยการใช้น้ำมะนาวประมาณ 2-3 ช้อนนำไปซาวข้าว  ทอดไข่ให้ฟูและก็นุ่ม มะนาว 4-5 หยดจะช่วยได้  มะนาวช่วยลดเหม็นคาวจากปลาเมื่อทำอาหารรวมทั้งทำให้ปลาคงรูปไม่เละ เมื่อใช้มีดผ่าหัวปลี มีดจะมีสีม่วงคล่ำ ล้างออกตรากตรำ นำมาที่นาวที่ผ่าแล้วมาถูตามใบมีด จะช่วยทำให้มีดสะอาดเหมือนเดิม  การเชื่อมกล้วยหักมุกให้น่าอร่อย เมื่อน้ำตาลเดือดเป็นยางมะตูมแล้ว ให้บีบมะนาวครึ่งด้านลงไป จะช่วยให้กล้วยใส น่าอร่อยเยอะขึ้นเรื่อยๆ  มะนาว 2-3 ลูกใส่ไว้ในถังข้าวสารช่วยปกป้องมอดได้  ส่วนการแปรรูปมะนาว มะนาวแปรรูปได้ ยกตัวอย่างเช่น น้ำมะนาวประกอบอาหาร มะนาวแช่อิ่มตากแห้ง น้ำมะนาวเข้มข้น มะนาว ผง เครื่องดื่มผสมน้ำมะนาว แยมมะนาว เยลลีมะนาว แยมเปลือกของมะนาว แยมนะทุ่งนาวดอง มะนาวดองเค็ม มะนาวหวาน กิมจ้อมะนาว เปลือกมะนาวสามรส เปลือกมะนาวเส้นปรุงรส เปลือกของมะนาวเชื่อม เปลือกมะนาวแช่อิ่ม มาร์มาเลดมะนาว ฯลฯ
ส่วนคุณประโยชน์ทางยานั้นระบุว่า แบบเรียนยาไทยผิวมะนาวจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” มี ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มโอ ผิวส้มจังหวัดตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะกรูด และก็ผิวมะนาว (หรือผิวส้มโอมือ) มีคุณประโยชน์แก้ลมกองละเอียด กองหยาบ แก้เสลดโลหะ ใช้ปรุงยาหอม แก้ทางลม
           นอกจากนั้นบัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้เริ่มแรก ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้ผิวมะนาว ในยารักษาอาการทางระบบไหลเวียนเลือด (แก้ลม) ปรากฏตำรับ”ยาหอมเทวดาจิตร” มีส่วนประกอบของผิวมะนาว อยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์ในการแก้ลมหน้ามืด แก้อาการหน้ามืด ลายตา ใจสั่น คลื่นไส้ คลื่นไส้ แก้ลมจุกแน่นในท้อง
                ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันเจาะจงถึงคุณประโยชน์ของมะนาวว่า สารดี-ลิโมนิน (d-limonin) เป็นสารที่ทำให้มีการเกิดความขมในน้ำมะนาว น้ำมันผิวมะนาว (lime oil) มักพบบริเวณผิวเปลือกของมะนาวมีสารดี-ลิโมนิน เป็นองค์ประกอบหลักเกินกว่าปริมาณร้อยละ 90 พบว่าน้ำมันผิวมะนาว มีคุณลักษณะคุ้มครองป้องกันแล้วก็รักษามะเร็งหลายชนิด
ชาวตะวันตกทั่วๆไปมักกินน้ำส้ม หรือน้ำจากผลพืชเครือญาติส้ม ตัวอย่างเช่น ส้มโอ หรือมะนาว ประกอบกับอาหารมื้อเช้า น้ำผลไม้เหล่านี้มีวิตามินซี และมีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (flavonoid) มีสารเฮสเพอริดิน (hesperidin) รูทิน (rutin) และก็ที่นาริงจิน (naringin) แล้วก็ลิโมนิน เป็นฟลาโวนอยด์หลักของพืชตระกูลส้ม จากนี้จะเรียกสารกลุ่มนี้ว่าฟลาโวนอยด์ส้ม (citrus bioflavonoid)
สารกรุ๊ปฟลาโวนอย์ส้มนี้มีรายงานด้านการแพทย์ตะวันตกว่าใช้สำหรับการรักษาไข้มาลาเรีย โรครูมาว่ากล่าวสม์เรื้อรังและโรคเกาต์ ใช้ในการคุ้มครองป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ปกป้องการตกเลือดหลังคลอด และก็ช่วยทุเลาอาการระคายคอจากการตำหนิดเชื้อรวมถึงโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งโรคที่เกิดขึ้นและมีสาเหตุมาจากการได้รับวิตามินซีในอาหารน้อยเกินไป ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีอาการของโรคเกิดขึ้นภายใน 8-12 สัปดาห์ คนป่วยมักมีอาการเหมือนเจ็บป่วย อ่อนแรง ง่วงซึม โลหิตจาง ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บกระดูก มีแผลบวมช้ำหรือบวมง่าย มีจุดเลือดออกแดงๆตามผิวหนัง เกิดโรคทางปริทันต์ เป็นแผลแล้วหายยาก อารมณ์ผันแปร หรือมีภาวการณ์ซึมเศร้า สำหรับคุณประโยชน์ซึ่งมาจากน้ำมะนาวต่อโรคนี้ มีงานศึกษาวิจัยเมื่อนานมาแล้วที่ให้ผู้ป่วยโรคนี้กินส้มกับมะนาวเหลือง พบว่าผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์และก็เร็วทันใจ เมื่อเทียบกับผู้เจ็บป่วยอีกกรุ๊ปที่กินอาหารชนิดอื่น นอกจากนี้ในน้ำมะนาวยังมีกรด citric ซึ่งมีรสเปรี้ยว จะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการขับน้ำลายออกมาทำให้เปียกคอ จึงช่วยบรรเทาลักษณะการเจ็บคอได้
แบบ/ขนาดวิธีการใช้
อาการไอ  ระคายคอจากเสลดใช้น้ำจากผลที่โตเต็มกำลัง  เพิ่มเติมเกลือบางส่วน  จิบเสมอๆหรือ จะทำน้ำมะนาวเติมเกลือแล้วก็น้ำตาลน้อย           อาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด   ใช้เปลือกผลสด 1/2-1 ผล ฝานเป็นชิ้นเล็กๆบางๆชงด้วยน้ำเดือด ปิดฝาทิ้งไว้ 5-10 นาที ดื่มแต่ว่าน้ำขณะมีลักษณะอาการ หรือหลังอาหาร 3 เวลาใช้มะนาว 1 ผล บีบเอาน้ำมะนาวมาชงกับน้ำร้อนดื่มหรือใช้มะนาวฝานบางๆจิ้มเกลือกินจะช่วยขับเสลดได้เช้าหลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้ว กินน้ำอุ่น 1 แก้ว บีบมะนาว 1/4 ผล (หรือใส่เกลือน้อย) จะช่วยทุเลาท้องผูก และช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกายน้ำมะนาวผสมผงกำมะถันใช้ทาก่อนนอน แก้อาการขี้กลาก เกลื้อน หิดใช้น้ำมะนาวทาที่ตุ่มคัน ทิ้งไว้ให้แห้ง ล้างน้ำสบู่แล้วถูให้แห้ง แล้วใช้แป้งทาตุ่มคัน แก้น้ำกัดเท้าในด้านความสวย ผลัดเซลล์ผิว ลดรอยด่างดำ ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนจนเข้ากัน ทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้สักครู่ ล้างออกโดยการใช้นำที่สะอาดแล้วซับให้แห้ง ทำสัปดาห์ละครั้ง ผิวหน้าจะมองแจ่มใส หรือใช้น้ำมะนาวผสมน้ำแช่อาบใช้สำหรับในการแก้ไข้ทับประจำเดือน ด้วยการเอาใบมะนาวโดยประมาณ 100 ใบมาต้มรับประทานช่วยแก้ลิ้นเป็นฝ้า ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำมะนาวเช็ดถูที่ลิ้นวันละ 2-3 ครั้ง
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา การศึกษาสัตว์ทดสอบในหนู พบว่าเมื่อให้สารเฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์หลักจากเปลือกในพืชตระกูลส้มกับหนูไขมันสูง ส่งผลเพิ่มไขมันที่ดี (เอชดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดไขมันไม่ดี (แอลดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดปริมาณไขมันรวมและก็ไตรกลีเซอไรด์ ในหนูดังกล่าว และมีผลลดระดับความดันเลือดและก็ขับฉี่ในหนูความดันสูง การทดลองในห้องปฏิบัติในแคนท้องนาดาการพบว่า ฤทธิ์ดังที่กล่าวมาแล้วของฟลาโวนอยด์ส้มเกิดขึ้นจากผลการกระตุ้นการทำงานของยีนรีเซปเตอร์ไขมันไม่ดี (แอลดีแอล) ในตับ ณ ตำแหน่งที่ควบคุมโดยสเตอรอคอยล (sterol regulatory element, SRE)
ในประเทศสหรัฐอเมริกา งานวิจัยในสัตว์ทดสอบพบว่า ฟลาโวนอยด์ส้มสองกลุ่ม ได้แก่กลุ่มเฮสเพอริดิน และก็กลุ่มโพลีเมททอกซิเลตฟลาโอ้อวดน (PMFs) มีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลในพลาสม่าของสัตว์ทดลอง ซึ่งช่วยเหลือผลที่ได้รับจากงานวิจัยในหนูถีบจักรของแคนาดา
สาธารณรัฐประชาชนจีน งานค้นคว้าวิจัยพบว่า นาริงจิน รวมทั้งเฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์กระตุ้นลักษณะการทำงานของยีนอะดีโพเนกทิน (adiponectin) ซึ่งเป็นยีนสำคัญในเมตาบอลิซึมของเดกซ์โทรสรวมทั้งไขมันที่เกี่ยวพันกับการผลิตพลัคอุดตันของเส้นโลหิตและก็กรรมวิธีอักเสบ ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยกล่าวว่าฟลาโวนอยด์ส้มทั้ง 2 ประเภทแสดงผลลัพธ์ต่อต้านการเกิดพลัคโดยกระตุ้น perovisome proliferator-activated receptor (PPAR) และก็ยีนอะดีโพเนกทินในเซลล์ไขมันอะดีโพไซต์
ยิ่งไปกว่านี้ สารทั้งสองยังมีฤทธิ์เอสโทรเจนอย่างอ่อน มีผลต่อการผลิตไนตริกออกไซด์ในเซลล์ผนังเส้นเลือดผ่านการกระตุ้นรีเซปเตอร์ของเอสโทรเจน จึงมีฤทธิ์ปกป้องการเกิดโรคเส้นโลหิตหัวใจ ส่งผลให้ช่วยเหลือการกินมะนาว และก็ฟลาโวนอยด์ส้มเพื่อลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด ปกป้องโรคเส้นเลือดหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงวัยทอง
งานศึกษาเรียนรู้หนึ่งพบว่า น้ำมะนาวเข้มข้น (concentrated lime juice, CLJ) มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์โมโนปรมาณูในระบบภูมิต้านทาน และก็โปรตีนในน้ำมะนาวเข้มข้นมีฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเซลล์ของมะเร็ง การเรียนรู้ในห้องทดลองในมลรัฐเท็กซัสรวมทั้งแคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นพอสมควร แต่ว่าต่ำกว่าฟลาโวนอยด์ในพืชเชื้อสายขิง มีบทความด้านการแพทย์กล่าวว่า ฟลาโวนอยด์ส้มยั้งการเจริญก้าวหน้าของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ปอด ช่องปาก กระเพาะอาหาร แล้วก็มะเร็งเต้านมจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการและก็ในสัตว์ทดลองหลากหลายประเภท แต่ว่ายังไม่เจอผลการศึกษาวิจัยทางสถานพยาบาล
ส่วนฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของมะนาวที่เกี่ยวกับแก้เจ็บคอมีดังนี้  ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย มีการทำการค้นคว้าผลของน้ำมันหอมระเหยและก็สารสกัด พบว่า น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Bacillus cereus รวมทั้ง E. coli สารสกัด 80% เอทานอลจากเปลือกผิว มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus รวมทั้ง Bacillus cereus สารสกัดจากเมล็ดมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ Bacillus subtilis, E. coli. Pseudomanas cichorii แล้วก็ Salmonella typhimurium สารสกัดเอทานอลจากส่วนกิ่ง (branches) ความเข้มข้น 20 มิลลิกรัม/มล. ไม่มีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus, Bacillus subtilis รวมทั้ง Streptococcus faecalis
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา การทดสอบความเป็นพิษ  เมื่อให้น้ำสกัดจากใบมะนาวทางปาก หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนูเม้าส์ ด้วยขนาด 10 กรัม/โลน้ำหนักตัว (เท่ากันกับ 1,852 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน) ไม่เจอความไม่ปกติอะไรก็แล้วแต่เมื่อป้อนสารสกัดรากมะนาวด้วยน้ำครั้งเดียวทางปาก ในขนาด 5 กรัม/โลน้ำหนักตัว ให้หนูแรทไม่พบว่าเป็นพิษทั้งแบบทันควันแล้วก็กึ่งเรื้อรัง แม้กระนั้นพบว่าในหนูที่ได้รับสารสกัด 1.2 กรัม/กก.น้ำหนักตัว/วัน  มีเอ็นไซม์ในตับมากขึ้นแม้กระนั้นยังอยู่ในตอนธรรมดา และไม่พบความเปลี่ยนไปจากปกติของอวัยวะภายใน  ส่วนสารสกัดจากเปลือกผิวมะนาวส่งผลยั้งฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์  รวมทั้งการทดสอบฤทธิ์ระคายโดยแนวทางการ Patch test พบว่าสารสกัดจากมะนาวให้ผล positive
ข้อแนะนำ/ข้อพึงระวัง

  • การทาน้ำมันมะนาวลงบนผิวหนังโดยตรงบางทีอาจไม่ปลอดภัยในมีผิวหนังแพ้ง่าย ที่สามารถนำมาซึ่งการทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีผิวค่อนข้างขาว ภายหลังการใช้น้ำมันมะนาวทาลงผิวหนังจำเป็นที่จะต้องทาครีมสำหรับกันแดดรวมทั้งสวมเสื้อผ้ามิดชิดเพื่อคุ้มครองป้องกันก่อนออกไปเผชิญกับแสงแดด
  • รสเปรี้ยวของมะนาวอาจทำให้เกิดท้องเดินหรือท้องร่วงได้แม้รับประทานมากจนเกินไป
  • ภายหลังจากดื่มน้ำมะนาวแล้วไม่ควรแปรงฟันทันทีเนื่องจากว่าอาจจะก่อให้สารเคลือบฟันตามธรรมชาติหลุดได้
  • หากดื่มหรือรับประทานมะนาวบ่อยๆและเป็นเวลานานติดต่อกันอาจจะก่อให้ฟันผุร่อนได้
  • คนที่มีภาวะโลหิตจางไม่ควรกินมะนาว เนื่องจากรสเปรี้ยวจะไปกัดฟอกโลหิตก่อให้เกิดอันตรายได้
  • ยาบางจำพวกที่จะถูกเปลี่ยนภายในตับ โดยมะนาวบางทีอาจส่งให้ระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนรูปของยาเหล่านี้ลดน้อยลง การกินน้ำมะนาวขณะรับประทานยาบางจำพวกที่เปลี่ยนรูปในตับก็เลยอาจส่งผลให้มีผลข้างเคียงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังเช่น ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) เฟกโซเฟนาดีน (Fexofenadine) ไตรอาโซแลม (Triazolam) เพราะฉะนั้น ก่อนรับประทานมะนาวควรจะขอความเห็นหมอเกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ด้วย
เอกสารอ้างอิง

  • วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. 2536. พจนานุกรมสมุนไพรไทย. กรุงเทพ ฯ : พิมพ์ครั้งที่ 2, สำนักพิมพ์สุริยบรรณ.
  • รวี เสรฐภักดี.2553.คู่มือประกอบการฝึกอบรมโครงการปลูกมะนาวและการผลิตมะนาวนอกฤดู:การสร้างสวนไม้ผลยุคใหม่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.นครปฐม
  • Sethpakdee, R. 1992. Citrus aurantifolia (Christm. & Panzer) Swingle . In: L.P.A. Oyen and Nguyen Xuan Dung (Editors): Plant Resourses of South-East Asia No 2. Edible fruits and nuts. Prosea Foundation, Bogor, Indonesia. pp. 126-128.
  • รศ.สุธาทิพ ภมรประวัติ.มะนาว ลดคลอเรสเตอรอลป้องกันโรคหลอดเลือด.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่354.คอลัมน์บทความพิเศษ.ตุลาคม.2551.
  • มะนาว.ฐานข้อมูลเครื่องยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีธิราภา แสนเสนา นพดล กิตติวราฤทธิ์ มาลิน จุลศิริ รุ่งระวี เติมศิริฤกษ์กุล. ฤทธิ์ต้านเชื้อและฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ของสารสกัดจากผิวผลพืชตระกูลส้ม. โครงการพิเศษ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2536.
  • มะนาว.สมุนไพรที่ใช้ในงานสาธารณสุขมูลฐาน.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/[/b]
  • อรรถศิษฐ์  วงศ์มณีโรจน์.2553.คู่มือประกอบการฝึกอบรมโครงการปลูกมะนาวและการผลิตมะนาวนอกฤดู ดินและปุ๋ยสำหรับการปลูกมะนาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.นครปฐม.ไม้ผลเศรษฐกิจ.ฉบับที่102(251)/2552.วารสารเมืองไม้ผล.เทคนิคการปลูกมะนาวพันธุ์แป้นเกษตรดกพิเศษให้ออกในช่วงฤดูแล้ง.88-93 น.
  • Prabuseenivasan, S. et al. 2006. Invitro antibacterial activity of some plant essential oils. BMC Complement Altern Med 30(6):39
  • ประโยชน์ของมะนาวต่อการรักษาโรคได้ผลชัวร์หรือไม่.พบแพทย์ดอทคอม
  • อาจินต์ ปัญจพรรค์. ขุดทองในบ้าน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อนงค์ศิลป์การพิมพ์, 2524.
  • Ross SA, El-Keltawi NE, Megalla SE. Antimicrobia



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ