ฝรั่งนั้นมีข้อดียังไง เเละสามารถนำมาทำอะไรได้บ้าง

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฝรั่งนั้นมีข้อดียังไง เเละสามารถนำมาทำอะไรได้บ้าง  (อ่าน 44 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2018, 02:52:39 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
ฝรั่[/size][/b]
ชื่อสมุนไพร  ฝรั่ง
ชื่ออื่นๆ/ ชื่อแคว้น มะก้วย  มะก้วยกา มะกา (จังหวัดเชียงใหม่) , มะปั่น (ลำปาง) , บักสีดา (อีสาน) , สีดา (นครพนม) จุ่มโป่ (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) , ชมพู่ (จังหวัดปัตตานี) , ยามู ,ย่าหมู (ภาคใต้) ยะมูบุเตบันยา (นาราธิวาส , มลายู) , ยะริง (ละว้า) , ฮวงเจี๊ยะหลิ่วกังซิวก้วยติดจีฉิ่ว (จีน)
ชื่อสามัญ  Guava
ชื่อวิทยาศาสตร์  Psidium guajava Linn
ตระกูล  MYRTACEAE
ถิ่นเกิด ฝรั่งคือผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดหรือเป็นพืชพื้นบ้านของเมริกาเขตร้อน De Candolle เชื่อว่าอยู่ระหว่างประเทศเม็กซิโก และก็ประเทศเปรู รวมถึงหมู่เกาะอินดีสตะวันตกด้วยชาวประเทศสเปนนำจากฝั่งแปซิฟิคไปยังประเทศฟิลิปปินส์ รวมทั้งประเทศโปรตุเกสนำจากฝั่งตะวันตกไปยังประเทศอินเดีย สำหรับในประเทศไทยนั้น คาดว่ามีการนำเข้ามาในประเทศไทยในช่วงสมัยของสมเด็จพระท้องนารายณ์มหาราช ตอนนี้เป็นพืชมีขึ้นทั่วๆไปในเขตร้อนแล้วก็กึ่งร้อน ปลูกเป็นไม้ผลตามบ้าน ตามสวนทั่วไป
ลักษณะทั่วไป ฝรั่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อมสูง 5-10 เมตร ลำต้นกิ่งก้านมีเนื้อไม้เหนียวแข็งดี เปลือกต้นเรียบมีเหลืองอ่อนออกเทา รวมทั้งมีรอยลอกออกเป็นแผ่นๆก้านอ่อนมีลักษณะสี่เหลี่ยม มีขนสีขาวๆสั้น ก้านแก่ ขนหล่นไปหมด ยอดอ่อนมีขนสีขาวสั้นๆปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงกันข้ามกันมีน้อยที่ออกเป็นวง (ที่ข้อเดียวกันออกเกินกว่า 2 ใบ) ใบรูปไข่ยาว 5-12 เซลเซียสม. หรือกว้าง 3-5 เซลเซียสม. ขยี้ใบดมดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมหวน ใบบางเหมือนแผ่นหนัง ปลายใบมนหรือแหลมสั้น ฐานใบเบาๆขยายแหลมออกมายังกลางใบ ขอบของใบเรียบหลังใบมีสีเขียวแก่ มีรอยเส้นใบ (บุ๋มลงไปบางส่วน) ท้องใบมีขนสั้นๆสีขาวอ่อนนุ่ม และก็มีเส้นใบเป็นรอยนูนออกมา มีเส้นใบ 7-11 คู่ ก้านใบยาว 4 ซม. ดอกอาจออกเป็นช่อ 1-4 ดอก มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียวกลมมน กลีบดอกไม้สาวบางๆหลุดร่วงง่าย ยาว 2-2.5 เซลเซียสม. มีเกสรตัวผู้มากมาย มีก้านเกสรตัวผู้สีขาวยาวพอกับกลีบ มีอับเรณูสีเหลืองอ่อน มีก้านเกสรตัวเมีย 1 อันยาวพุ่งขึ้นมาสูงกว่าก้านเกสรตัวผู้ รังไข่อยู่ข้างล่างมี 5 ห้องแล้วก็ลักษณะทรงกลม แล้วก็มีกลีบเลี้ยงเหลือติดอยู่กับปลายผล ผลรูปทรงกลม  มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวราว 3-15 เซลเซียสมัธยม เนื้อผลส่วนมากมีสีเหลือง ขาว หรือชมพู มีกลิ่นหอมสดชื่น เมล็ดแข็ง เป็นรูปไตมีเยอะมาก ขนาดเม็ด 0.3-0.5 เซนติเมตร สีขาวอ่อน มักพบปลูกตามบ้านหรือสวนทั่วไปเอาผลไว้รับประทานหรือขาย
การขยายพันธุ์    สามารถเติบโตได้ดิบได้ดีในทุกสภาพดิน และก็ทนต่อความแล้ง แล้วก็น้ำนองได้น้อย แม้กระนั้นโดยปกติมักถูกใจเจริญเติบโตเจริญในดินร่วนซุยคละเคล้าทราย ที่มีภาวะพื้นที่มีการระบายน้ำดี สามารถให้ผลผลิตได้ราวๆ 1 ปีหลังปลูก ผลสามารถเก็บได้ในช่วง 4-5 เดือน หลังติดดอก  โดยปกติจะได้ผลได้ในช่วงปลายหน้าแล้งถึงต้นฤดูฝนหมายถึงช่วงมี.ค.-เดือนมิถุนายน
                สำหรับการแพร่พันธุ์ฝรั่งสามารถทำเป็นหลายแนวทาง อย่างเช่น การปลูกด้วยเมล็ด การทาบกิ่ง การตำหนิดตา การปักชำ แม้กระนั้นแนวทางที่นิยมเยอะที่สุดหมายถึงการตอนกิ่ง
การเตรียมดิน และก็การเตรียมแปลง สำหรับเพื่อการปลูกฝรั่งนั้น สามารถทำเป็น 2 ต้นแบบตามสภาพพื้นที่ เป็น

  • พื้นที่ดินเหนียว น้ำท่วมขังง่าย และก็มีระบบระเบียบน้ำมากเกินเพียงพอ ให้ทำการขุดร่องลุกประมาณ 1 เมตร กว้าง 1-2 เมตร เพื่อเป็นแนวร่องสำหรับในการให้น้ำ การเตรียมแปลง รวมทั้งการปลูกเอาไว้ภายในรูปแบบนี้พบได้ทั่วไปในพื้นที่ลุ่มภาคกลางเป็นส่วนมาก
  • พื้นที่ทั่วๆไปที่มีระบบน้ำไม่พอ สามารถปลูกไว้ในแปลงโดยไม่ชูร่องหรือการยกร่องสูงราว 30 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างร่องราว 3-4 เมตร ดังนี้ ให้ทำการไถดะ 1 ครั้ง เพื่อตากดิน แล้วก็กำจัดวัชพืช แล้วก็ไถแปร 1 ครั้ง โดยเว้นช่วงห่างราว 1-2 อาทิตย์ จากนั้นทำไถยกร่อง
สำหรับวิธีการปลูกฝรั่ง มีดังนี้

  • ใช้กิ่งประเภทจากการตอนหรือการปักชำ
  • ขุดหลุมปลูก กว้าง ลึก ขนาด 50×50 ซม. แต่ละหลุมห่างกันโดยประมาณ 3 เมตร ระยะห่างระหว่างแถวโดยประมาณ 3-4 เมตร หรือตามขนาดระยะห่างของร่อง
  • รองพื้นด้วยปุ๋ยหมักหรือมูลสัตว์ราวๆ 0.5 กิโลกรัม/หลุม หรือขนาด 1 พลั่วตัก พร้อมคลุกดินผสมก้นหลุมให้สูงโดยประมาณ 1 ฝ่ามือ ทั้งนี้อาจผสมปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 ในอัตรา 1 กำมือ/หลุมก็ได้
  • นำกิ่งชนิด จากการตอนหรือการปักชำลงหลุมปลูก โดยกลบดินสูงเหนือปากหลุมนิดหน่อย ทั้งนี้ควรให้ดินกลบเหนือเขตรากสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร
  • ใช้หลักไม้ปักหลุม และผูกเชือกยึดลำต้น
  • เมื่อปลูกเสร็จควรจะให้น้ำให้ชุ่มโดยทันที

การให้น้ำ เริ่มให้น้ำทีแรกข้างหลังการปลูกเสร็จให้เปียกชุ่ม หลังจากนั้น ให้น้ำทุก 2 ครั้ง/วัน เช้า-เย็น จนกระทั่งต้นฝรั่งตั้งตัวได้ โดยอาจเลือกใช้ระบบการให้น้ำที่มีประสิทธิภาพ หลังจากนั้นอาจกระทำให้น้ำลดน้อยลง ขึ้นกับสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งความชื้นของดิน ซึ่งไม่ควรปลดปล่อยให้ดินแห้ง ขาดน้ำ โดยยิ่งไปกว่านั้นในตอนติดผล แต่ว่าในช่วงติดดอกไม่สมควรให้น้ำมากมายซึ่งในช่วงนี้เพียงแต่ระวังไม่หน้าดินแห้งก็ เพียงพอ
                โดยสายพันธุ์ของฝรั่งยอดนิยมในตอนนี้ ดังเช่น จำพวก แป้นสีทอง , ชนิดกิมจู , ประเภทกลมสาลี่ , พันธุ์ไร้เมล็ด , พันธุ์เวียดนาม เป็นต้น
องค์ประกอบทางเคมี
quercetin, quercetin-3-arabinoside , quercetin 3-O-b-L-arabinoside (guajavarin),                                    quercetin 3-O-b-D-glucoside (isoquercetin), quercetin 3-O-b-D-galactoside (hyperin),                             quercetin 3-O-b-L-rhamnoside (quercitrin) แล้วก็ quercetin 3-O gentiobioside , Tannin ในผิวฝรั่งเมื่อนำมาสกัดน้ำมันระเหย พบสารต่างๆดังเช่นว่า 1,8-cineole  ,   a-copaene,  trans-caryophyllene  , humulene  ,  a-amorphene ,    nerolidol   , caryophyllene oxide ,  epigiobulol, longitorenedehyde , aromaden dendrene , helifdenolC ฯลฯ  และสำหรับค่าทางโภชนาการของฝรั่งต่อ (165 กรัม) เป็น

  • พลังงาน 112 กิโลแคลอรี
  • ใยอาหาร 8.9 กรัม
  • โปรตีน 4.2 กรัม
  • ไขมัน 1.6 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 23.6 กรัม
  • วิตามินเอ 1030 IU
  • วิตามินซี 377 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 1 0.1 มก.
  • วิตามินบี 2 0.1 มก.
  • วิตามินบี 3 1.8 มิลลิกรัม
  • กรดโฟลิก 81 ไมโครกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 30 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 66 มก.
  • ธาตุเหล็ก 0.4 มิลลิกรัม
  • ธาตุโพแทสเซียม 688 มิลลิกรัม
  • ธาตุทองแดง 0.4 มก. ที่มา : Wikipedia

ผลดี/สรรพคุณ ฝรั่งเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่เหมาะกับคนที่อยากได้ลดหุ่น ลดความอ้วน หรือคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เหตุเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยกากใยอาหาร เมื่อกินแล้วจะก่อให้อิ่มนาน ช่วยกำจัดท้องร้อง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ช่วยทำให้ปรับระดับการใช้อินซูลินของร่างกายให้สมควร รวมทั้งยังช่วยล้างพิษโดยรวมได้อีกด้วย ก็เลยมีผลทำให้ผิวพรรณมองเปล่งปลั่งสดใส โดยฝรั่งจัดคือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกประเภท แล้วก็ยังมีวิตามินซีสูขี้เหนียวว่าส้มถึง 5 เท่า และก็ยังนิยมนำฝรั่งไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆตัวอย่างเช่น ฝรั่งดอง ฝรั่งแช่บ๊วย พายฝรั่ง แล้วก็ของหวานอีกหลากหลายชนิด รวมทั้งนำมาใช้ทำเป็นยาแคปซูลแก้ท้องเสียจากใบฝรั่ง ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งใส่แคปซูลละ 250 มิลลิกรัม
                นอกนั้นน้ำมันหอมระเหยในใบฝรั่งยังมีการใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมของกิน อย่างเช่น หมากฝรั่ง ลูกกวาด รวมถึงนำมาผสมหรือแต่งกลิ่นในน้ำยาบ้วนปากได้อีกด้วย ส่วนสรรพคุณทางยาของฝรั่งนั้นมีดังนี้ หนังสือเรียนยาไทยระบุว่า เปลือกต้น, ราก รสฝาด สุขุม ใช้แก้แผลเป็นพิษ แก้ปวดฟัน โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการเลือดกำเดา แก้น้ำเหลืองเสีย แผลพุพอง ใบรสฝาดชุ่ม สุขุมไม่มีพิษ ใช้เป็นยาฝาดสมาน แก้ท้องเดิน บิดเรื้อรัง ผื่นคัน ผื่นคัน รอยแผลที่มีเลือดออก ผลที่ยังไม่สุก รสเปรี้ยว ฝาดสุขุม ใช้แก้ท้องเสีย บิด ดับกลิ่นปาก แก้ปวดฟัน ผลสุกรสหวานหอมใช้เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก ใช้ห้ามเลือดต้านการอักเสบ ลดน้ำตาลในเลือด โดยใช้เปลือกแห้งหนัก 10 กรัม ต้มน้ำกิน ใบแห้งหนัก 3-5 กรัม ถ้าเป็นใบสดใช้หนัก 15-30กรัม ต้มน้ำดื่ม ถ้าหากใช้ด้านนอกต้มเอาน้ำชะล้างหรือตำพอก ผลที่ยังไม่สุก แห้งหนัก 6-10 กรัม ต้มน้ำกิน
รูปแบบ/ขนาดวิธีการใช้

  • แก้ลำไส้อักเสบ บิด ใช้ใบสด 30-60 กรัม ต้มน้ำกิน
  • แก้กระเพาะลำไส้อักเสบกระทันหันและก็ท้องเสีย ที่เกิดขึ้นจากการย่อยไม่ดี ใช้ใบแห้งหนัก 10-15 กรัม ต้มน้ำดื่ม
  • แก้บาดแผลเป็นผลมาจากการหกล้มหรือกระทบกระแทกหรือรอยแผลมีเลือดออก ใช้ใบสดตำพอกแผลด้านนอก
  • แก้ปวดฟัน ใช้เปลือกรากผสมน้ำส้มสายชูต้มเอามาอมแก้ปวดฟัน
  • แก้เด็กเป็นแผลเล็กแผลน้อยเรื้อรัง ใช้เปลือก ราก ต้มร่วมกับขนไก่ เอามาชำระล้างรอยแผล
  • แก้ผิวหนังเป็นผดผื่นคัน ใช้เปลือกต้นสดรวมทั้งใบต้นเอาน้ำชำระล้างบริเวณที่เป็น
  • แก้ท้องเสีย ใช้ใบหรือผลดิบ ต้มรับประทานต่างชา (ใบแห้ง 5 กรัม ใส่น้ำ 100 มิลลิลิตร)
  • ใช้สวนล้างช่องคลอดข้างหลังคลอด ใช้น้ำต้มจากใบสดอุ่นๆสวนล้าง
  • ใช้ในการดับกลิ่นปาก ด้วยการนำใบสด 3-5 ใบมาเคี้ยวแล้วคายกากทิ้ง
  • ช่วยรักษาอาการเสียงแห้ง แก้คออักเสบโดยการใช้ผลที่ตากแห้งต้มน้ำดื่ม
  • ยอดอ่อนๆปิ้งไฟให้เหลืองกรอบ ชงน้ำดื่มแก้ท้องร่วง บิด ใบสดบดอมขจัดกลิ่นยาสูบ สุรา รวมทั้งกลิ่นปากได้ดี
การเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ แก้ท้องเดิน             จากการค้นคว้าฤทธิ์ทางยาของฝรั่งพบว่าการให้ยาเม็ดแคปซูลใบฝรั่งครั้งละ 500 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วัน กับผู้ป่วยที่เป็นโรคอุจจาระตก 122 คน สามารถลดจำนวนครั้งของการถ่ายอุจจาระ ช่วงเวลาที่ขี้ และก็จำนวนน้ำเกลือที่ให้ตอบแทนได้  การให้ยาเม็ดแคปซูลฝรั่งขนาด 500 มก. (ที่มีสารฟลาโวนอยด์ 1 มก./แคปซูล 500 มก.)  ทุก 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วันในคนเจ็บที่มีลักษณะท้องเสีย ปวดท้อง ปริมาณ 50 คน จะสามารถลดการบีบตัวของไส้และก็ลดช่วงเวลาปวดท้องได้   การให้ยาต้มของฝรั่งในคนเจ็บเด็กที่เป็นโรคไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส (Rota virus) 62 คน ทำให้อาการดียิ่งขึ้นภายใน 3 วัน ระยะเวลาท้องร่วงสั้นลง และไม่เจอเชื้อ Rota virus ในอุจจาระมากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
                 สารสกัดใบฝรั่งด้วยคลอโรฟอร์ม เฮกเซน เมทานอล และก็น้ำ สามารถลดการเคลื่อนไหว รวมทั้งการหดเกร็งของลำไส้เล็กของหนูตะเภารวมทั้งหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้มีการเคลื่อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยอะเซทิลโคลีน  สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 50 สามารถยับยั้งการยุบตัวของลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูเม้าส์ที่ถูกรั้งนำให้หดตัวด้วยไฟฟ้า อะเซทิลโคลีน รวมทั้งแบเรียมคลอไรด์ได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถยั้งอาการท้องเสียในหนูเม้าส์ที่ถูกชักนำให้เกิดอาการท้องร่วงด้วยน้ำมันละหุ่ง โดยฝรั่งจะไปเพิ่มการดูดซึมน้ำในไส้รวมทั้งลดการบีบตัวของไส้   สารสกัดด้วยน้ำของใบฝรั่งสดสามารถยั้งอาการท้องเดินได้ โดยลดปริมาณครั้งของการอุจจาระในหนูซึ่งถูกรั้งนำให้เกิดอาการท้องเสียด้วยยา microlax ได้
                 ส่วนสกัดของสารกลุ่ม polyphenolic, saponin รวมทั้ง alkaloid จากใบฝรั่ง สามารถยับยั้งการยุบเกร็งของลำไส้เล็กของหนูตะเภาที่รั้งนำให้หดเกร็งด้วยอะเซทิลโคลีนรวมทั้งโปตัสเซียมคลอไรด์ได้   สาร quercetin และก็ quercetin-3-arabinoside จากใบฝรั่ง สามารถต้านทานการหดตัวของลำไส้เล็กที่ถูกรั้งนำด้วยอะเซทิลโคลีน ทำให้ไส้มีการเคลื่อนลดลง  ยิ่งไปกว่านี้สาร quercetin ในใบฝรั่งยังสามารถยั้งการยุบเกร็งของลำไส้เล็กในหนูแรทและก็หนูตะเภาซึ่งเหนี่ยวนำให้กำเนิดอาการหดเกร็งด้วยสารละลายโปตัสเซียม  อะเซทิลโคลีน ธาตุแบเรียมคลอไรด์ ฮีสตามีน และซีโรโทนินได้ รวมทั้งสามารถลดความรู้ความเข้าใจในการซึมผ่านของๆเหลวของเส้นเลือดฝอยรอบๆท้องซึ่งมีผลช่วยรักษาอาการท้องเสีย  สาร quercetin 3-O-b-L-arabinoside (guajavarin), quercetin 3-O-b-D-glucoside (isoquercetin), quercetin 3-O-b-D-galactoside (hyperin), quercetin 3-O-b-L-rhamnoside (quercitrin) และ quercetin 3-O-gentiobioside จากใบฝรั่ง สามารถลดการหดเกร็งของลำไส้เล็กหนูเม้าส์ได้   สาร asiatic acid จากใบฝรั่งมีผลทำให้กล้ามเนื้อลำไส้เล็กส่วนปลายของกระต่ายคลายตัว  สารสกัดผลฝรั่งดิบด้วยเมทานอลมีฤทธิ์ต้านการหลั่งอะเซทิลโคลีนในลำไส้เล็กของหนูแรทและก็หนูตะเภาได้ แต่ว่ามีฤทธิ์น้อยกว่าอะโทรไต่ โดยฝรั่งส่งผลทำให้ไส้มีการเคลื่อนไหวลดน้อยลง ทำให้รักษาอาการท้องร่วงได้    สารสกัดฝรั่ง (ไม่ระบุส่วน) สามารถลดการบีบตัวของลำไส้เล็กของหนูแรทได้
ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียมีการศึกษาเล่าเรียนการต้านเชื้อแบคทีเรียหลายรายงาน เช่น สารสกัดเอทานอลของฝรั่ง สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli, Salmonella enteritidis, Shigella flexneri ได้  สารสกัดน้ำ ความเข้มข้น 10-5 มคลิตร/มล. ทดสอบในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ  พบว่าสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Shigella dysenteriae ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคบิดได้ สารสกัดเปลือกต้น
ด้วย 70% เอทานอล  ความเข้มข้น 250 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ทดลองในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุที่ทำให้มีการเกิดโรคอุจจาระหล่น คือ Staphylococcus aureus, Vibrio cholerae แล้วก็ V. parahaemolyticus แต่ว่าไม่มีผลต่อเชื้อ E. coli, Shigella  flexneri, Salmonella typhimurium สารสกัดราก กิ่ง แล้วก็ใบฝรั่งด้วย 50% เอทิลอัลกอฮอล์  ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ  พบว่าสามารถยั้งเชื้อแบคทีเรีย E. coli, Sh. dysenteriae, Sh. flexneri, S. typhimurium ที่เป็นต้นเหตุทำให้มีการเกิดโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร แต่ไม่เป็นผลต่อเชื้อ Salmonella enteritidis สารสกัดกิ่งฝรั่งด้วยเอทานอล:น้ำ อัตราส่วน 1:1 ความเข้มข้น 50 มคลิตร สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Sh. dysenteriae, Sh. flexneri (ซึ่งก่อให้เกิดโรคบิด) E. coli (แบคทีเรียในไส้) S. typhimurium (นำไปสู่โรคไทฟอยด์) แต่ไม่เป็นผลต่อเชื้อ S. enteritidis สารสกัดทิงเจอร์ของฝรั่ง สามารถยั้งเชื้อแบคทีเรีย V. chlorea ที่เป็นต้นเหตุของอหิวาต์ ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้แต่สำเร็จปานกลาง  น้ำมันหอมระเหยของใฝรั่ง
สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus แม้กระนั้นไม่มีผลต่อเชื้อ Bacillus subtilis, E. coli, S. typhimurium ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้  สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ความเข้มข้น 1,000 มคก./มิลลิลิตร สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Enterococcus faecalis ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ แต่ว่าไม่มีผลต่อเชื้อ E. coli, S. typhimurium, S. aureus สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำ ความเข้มข้น 20 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร พบว่าสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย S. dysenteriae 1 (ส่งผลให้เกิดโรคบิด) และก็ V. chlorea (ก่อให้เกิดอหิวาตกโรค) ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งขนาดความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าเท่ากับ 1.25, 5 มิลลิกรัม/มล. ตามลำดับ
สารสกัดผลดิบของฝรั่งด้วยเมทานอล  ในขนาด 50,100, 300 มิลลิกรัม/กก. สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. dysenteriae 1, Sh. dysenteriae 2, Sh. dysenteriae 4, Sh. dysenteriae 8 รวมทั้ง V. chlorea 1350 ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าพอๆกับ 100-200 มคก./มิลลิลิตร สารสกัดหยาบคายของใบฝรั่ง สามารถยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Vibrio ที่แยกได้จากกุ้งว่าวกุลาดำที่เป็นโรค 23 สายพันธุ์ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าพอๆกับ 1.25-5.00 มิลลิกรัม/มล. สารสกัดใบฝรั่งด้วยอะซีโตน รวมทั้ง 95% เอทานอล สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Salmonella B, S. newport, S. typhimurium, Sh.  flexneri นอกเหนือจากนี้สารสกัดใบ ลำต้นฝรั่งด้วย 95% เอทานอล ยังสามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้อีกด้วย  สารสกัดใบ ลำต้นฝรั่งด้วยน้ำ สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย E. coli, Sh. flexneri, S. aureus แม้กระนั้นไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. newport แล้วก็ S. typhimurium ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ
สารสกัดใบฝรั่งด้วยเมทานอล  สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. flexneri ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยั้งได้ (MIC) มีค่าพอๆกับ 10 มิลลิกรัม/วัน แต่เห็นผลไม่แน่นอนต่อเชื้อ E. coli, S. typhimurium สารสกัดใบฝรั่งด้วย 95% เอทานอล ความเข้มข้น 1,000 มคกรัม/มิลลิลิตร พบว่าสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรียที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคอุจจาระหล่น ได้แก่ Salmonella D, Sh. dysenteriae 1, Sh. flexneri 2A, Sh. flexneri 4A  ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้  แต่ว่าไม่เป็นผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. typhimurium type 2, Shigella bodyii, Sh. bodyii 5, Sh. dysenteriae 2, Sh. flexneri 3A, Sh. sonnei  ส่วนสกัดแทนนินจากใบฝรั่ง ความเข้มข้น 85, 95, 95, 100, 110 มคก./มิลลิลิตร สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Sh. flexneri, S. enteritidis, S. aureus , Escherichia piracoli, E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ตามลำดับ    สารสกัดใบฝรั่งด้วยเมทานอล  สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Salmonella spp. ได้ 2 สายพันธุ์  รวมทั้งต้านทานเชื้อ Sh.  flexneri, Sh. virchow, Sh. dysenteriae แล้วก็เชื้อ E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอล:น้ำ(1:1)และก็อะซีโตน สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย E. coli ที่เป็นต้นเหตุของโรคอุจจาระร่วงได้ สารสกัดลำต้นฝรั่งด้วย 95% เอทานอล สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย S. newport และก็ S. typhimurium, Sh. flexneri ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ แม้กระนั้นไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. aureus   น้ำคั้นจากผลฝรั่ง ไม่อาจจะต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Bacillus typhosus ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไทฟอยด์ได้ สารสกัดส่วนที่อยู่เหนือดินด้วยอัลกอฮอล์ แล้วก็น้ำ (1:1) ความเข้มข้นมากกว่า 25 มคกรัม/มิลลิลิตร ไม่อาจจะต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย B. subtilis, E. coli, S. typhosa
มีการทำการศึกษาโดย ปัญจางค์ ธนังเราล รวมทั้งคณะ ในคนไข้ 122 คน ที่เป็นโรคอุจจาระร่วง เป็นชาย 64 คน รวมทั้งหญิง 58 คน ซึ่งอยู่ในช่วงอายุ 16-55 ปี ศึกษาค้นคว้าเทียบโดยขั้นตอนการสุ่ม โดยนำใบฝรั่งอบแห้งแล้วบดเป็นผุยผง ใส่แคปซูล ขนาด 250 มิลลิกรัม ลักษณะเดียวรวมทั้งขนาดเดียวกับ tetracyclin รวมทั้งบริหารการรับประทานยาอย่างเดียวกัน คือ 500 มก. ทุก 6 ชม. เป็นเวลา 3 วัน ทั้งสองกรุ๊ป พบว่าใบฝรั่งสามารถลดจำนวนอุจจาระ ระยะเวลาที่ขี้ รวมทั้งปริมาณน้ำเกลือที่ให้ชดเชยได้
มีการเรียนรู้ในคนป่วยเด็ก 62 คน ที่เป็นโรคลำไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส (Rota virus) โดยให้กินยาต้มของฝรั่ง พบว่าอาการด้านใน 3 วัน และก็ช่วงเวลาท้องร่วงสั้นลงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) ปริมาณโซเดียมแล้วก็เดกซ์โทรสในอุจจาระต่ำลง รวมทั้งผลการตรวจอุจจาระไม่พบเชื้อ Rota virus สูงถึง 87.1% ในช่วงเวลาที่กรุ๊ปควบคุมไม่เจอเชื้อ Rota virus 58.1% แสดงว่ายาต้มของฝรั่งมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการรักษาอาการท้องเดินในคนป่วยลำไส้อักเสบจากเชื้อ Rota virus ได้
ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ   จากการศึกษาเล่าเรียนทางสถานพยาบาลในคนไข้ 70 คน ที่มีเหงือกอักเสบ พบว่าน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบฝรั่งสามารถลดการอักเสบได้ร้อยละ 19.8 รวมทั้งลดรอยโรคที่ความรุนแรง ได้จำนวนร้อยละ 40 เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนประกอบของสารสกัดจากใบฝรั่ง หลังจากใช้ตรงเวลา 3 อาทิตย์
            สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำขนาด 50-800 มิลลิกรัม/กิโล เมื่อฉีดเข้าช่องท้องพบว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบแบบรุนแรง  เมื่อทดลองกับอุ้งเท้าหนูที่ถูกรั้งนำให้เกิดการอักเสบด้วยไข่ขาวสด นอกจากนี้เมื่อฉีดน้ำมันหอมระเหยจากใบฝรั่งเข้าทางช่องท้องของหนูแรทในขนาด 0.8 มิลลิลิตร/กิโลกรัม พบว่าสามารถยับยั้งการอักเสบที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยสาร carrageenan ได้
สารสกัดจากผลฝรั่งด้วยเมทานอลเมื่อฉีดเข้าทางท้องของหนูแรท พบว่าสามารถยับยั้งการอักเสบของอุ้งเท้าหนูที่ถูกรั้งนำให้เกิดการอักเสบด้วยสาร carrageenan, kaolin และ formaldehyde ได้ ยิ่งกว่านั้นสารสกัดผลฝรั่งด้วยเมทานอลเมื่อฉีดเข้าทางช่องท้องของหนูเม้าส์จะสามารถยั้งการอักเสบแล้วก็ลดลักษณะการเจ็บปวดที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย acetic acid  ได้ดียิ่งไปกว่าแอสไพรินที่ให้ในขนาดเสมอกันนิดหน่อย
เมื่อนำใบฝรั่งมาหมักกับราและแบคทีเรียเป็นต้นว่า Phellinus linteus (ส่วนเส้นใย) Lactobacillus plantarum แล้วก็ Saccharomyces cerevisiae แล้วนำมาสกัดด้วยเอทานอล พบว่าสารสกัดที่ได้มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบโดยยับยั้งการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบเป็น ไนตริกออกไซด์และ พรอสต้าแกรนดิน อี 2 ในหลอดทดสอบ นอกเหนือจากนั้นสารสกัดฝรั่งด้วยเอทานอลและน้ำยังออกฤทธิ์ยั้งการผลิตไนตริกออกไซด์
             สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทิลอะซีเตตมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ แล้วก็แก้แพ้โดยยับยั้งการโต้ตอบต่อแอนติเจนที่ชักพาให้มีการแพ้แล้วก็การอักเสบ
ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด                 สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอลมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในหนูแรทที่ถูกชักจูงให้เป็นเบาหวานด้วยการฉีด alloxan เข้าหลอดโลหิตดำขึ้นรถสกัดใบฝรั่งออกฤทธิ์ใน 2 ชั่วโมง มีฤทธิ์สูงสุดในชั่วโมงที่ 6 แล้วก็หมดฤทธิ์ใน 24 ชั่วโมง
ฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็ง      สารสกัดใบฝรั่งมีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง murine fibrosarcoma และก็เซลล์มะเร็งเต้านม
[/b]
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
การทดสอบความเป็นพิษ  พิษกะทันหัน  สารสกัดด้วยน้ำจากใบ LD50 มีค่ามากยิ่งกว่าหรือเท่ากับ 20 กรัม/กก.  เมื่อให้ทางปากในหนูถีบจักรทั้ง 2 เพศ และก็มีค่ามากยิ่งกว่า 5 ก./กิโลกรัม  เมื่อฉีดเข้าทางท้อง สารสกัดเอทานอล (50%) จากส่วนเหนือดิน LD50 มีค่าเท่ากับ 0.188 เมื่อฉีดเข้าช่องท้องในหนูถีบจักร พิษเรื้อรัง  การให้สารสกัดน้ำจากใบทางปาก ขนาด 0.2, 2 และก็ 20 กรัม/กก. ทุกวี่ทุกวันติดต่อกันตรงเวลา 6 เดือน  พบว่าอัตราการเพิ่มของน้ำหนักตัวลดน้อยลง ในกรุ๊ปที่ได้รับสารสกัด เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับน้ำ ตอนที่ไม่เจอความไม่เหมือนของปริมาณของกินที่รับประทานในทุกกลุ่ม ความประพฤติทั่วๆไปธรรมดาในทุกกรุ๊ป หนูเพศผู้หรูหรา ALP, SGPT (หลักการทำงานของตับ), BUN (แนวทางการทำงานของไต) และ WBC สูงมากขึ้น ในตอนที่ระดับของโซเดียมแล้วก็คลอเลสเตอรอลในเลือดลดน้อยลง



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ