Advertisement
Entrepreneur" "Businessman" "นักธุรกิจ" เป็นคำในฝันที่คนไม่ใช่น้อยต้องการจะเป็น โน่นเป็นการได้ครอบครองธุรกิจที่บรรลุเป้าหมาย มั่งคั่ง มีความมั่งคั่ง มีเงินมากพอที่จะทำให้ตัวเองและแฟนสบาย
ในยุคของผม (Gen-Y) เป็นสมัยที่คนรุ่นนี้คนไม่ใช่น้อยมีความปรารถนา (Passion) ในหัวข้อการทำธุรกิจ หลายท่านต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย โดยมีต้นแบบที่เยี่ยมยอดอย่างคุณต๊อบ เถ้าแก่น้อย นักธุรกิจวัยรุ่นพันล้าน เป็นไอดอล ทำให้พวกเราเองก็อยากบรรลุผลสำเร็จลักษณะเดียวกันกับคุณต๊อบเหมือนกัน
ผมได้ลงมือกระทำตามความฝันที่มันไม่ง่ายราวกับที่คิดเลย การลงมือกระทำกับความนึกคิดนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว หลายคนล้มเหลวรวมทั้งยกเลิกเพราะว่ามีความคิดว่ามันยากเกินความจำเป็น ประมาทเกินความจำเป็น หรือจริงๆแล้วลึกๆอาจจะมิได้ถูกใจแนวทางการทำธุรกิจก็เป็นได้ หรือแม้กระทั้งการทำธุรกิจแบบผิดวิธี ซึ่งไม่แปลกเพราะคนไม่ใช่น้อยอาจจะไม่ได้จบคณะบริหารธุรกิจโดยตรง ก็เลยขาดความรู้ความเข้าใจแล้วก็ประสบการณ์สำหรับเพื่อการทำธุรกิจ ผมก็เลยขอแชร์แนวความคิดการเริ่มต้นทำธุรกิจจากประสบการณ์แบบ B2B ที่มีมูลค่าทางการตลาดระดับ 1,500 ล้าน มาฝากกันขอรับถ้าผมทำเป็น คุณก็ทำได้แน่นอน
1. ถามตัวเองก่อนว่ามี "ความใคร่" (Passion) ในเรื่องอะไร
การลงมือทำธุรกิจ ไม่ใช่ว่านึกอยากจะทำก็ทำ หรือเห็นคนอื่นทำแล้วร่ำรวยก็เลยต้องการประพฤติตามบ้าง อย่ามีความรู้สึกว่าการทำธุรกิจนั้นจะสบายครับ ที่คุณเห็นคนอื่นๆสบาย ส่วนใหญ่เกิดจากการที่พวกเขาลงมือกระทำด้วยความยากลำบากจนสำเร็จแล้ว ในขณะที่พวกเขาเหมื่อยล้า พวกคุณบางทีอาจจะมิได้เห็นในส่วนนี้ว่าพวกเขาจำเป็นต้องทำอะไรบ้าง ทำให้บางครั้งบางคราวคุณคิดไปเองว่าการทำธุรกิจนั้นเป็นของง่าย
ควรถามตัวเองให้ชัดว่ามี "ความไคร่" ในหัวข้อการต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องการเป็นเถ้าแก่เยอะแค่ไหน ซึ่งหัวข้อนี้เป็นเรื่องความรู้สึกที่วัดไม่ได้ แต่ถ้าคุณเอาเงินเป็นตัวตั้ง เช่น ตลอดชีพนี้คุณจะเป็นเถ้าแก่ร้อยล้านให้ได้ แบบนี้ถือว่าดี เพราะวัดผลได้ด้วยตัวเงินถ้าหากไม่ต้องการที่จะอยากเป็นเจ้าของธุรกิจจากใจจริงก็อย่าเสียเวล่ำเวลาทำครับผม คุณจะสู้คนมีแพชชั่นจำนวนมากมิได้ ในระยะยาว คุณแพ้แน่นอนถ้าหากจิตใจไม่ถึงจริง ความไคร่จะเป็นพลังเชิงบวกให้คุณไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ไม่ว่าคุณจะอ่อนเพลียซักแค่ไหน คุณก็จะไม่ยอมแพ้และก็ลงมือกระทำจนเสร็จ ถ้าเกิดคุณมีความไคร่ในประเด็นนี้อย่างเต็มเปี่ยมรวมทั้งต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จจริงๆสู้งาน อดทน มีทัศนคติที่เป็นบวกอยู่ตลอดเวลา ผมขอบอกเลยว่าคุณมาถูกทางแล้วนะครับ
2. ลงมือเขียนเกี่ยวกับตนเองว่ามีความชำนาญด้านอะไรบ้าง
การเริ่มต้นทำธุรกิจ สามารถลงมือทำได้ง่ายขึ้นด้วยการลงมือสำรวจตัวเองว่ามีทักษะ วิชาความรู้ความชำนาญด้านใดเป็นพิเศษบ้าง สิ่งกลุ่มนี้จะทำให้คุณ "ดีกว่า" สำหรับเพื่อการชิงชัยทางธุรกิจอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น คุณจบทางด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มีความรู้และมีความเข้าใจสำหรับในการออกแบบโปรแกรมที่ช่วยงานได้นานาประการ คุณสามารถใช้ความรู้ความรู้ความเข้าใจในหัวข้อนี้เพื่อเริ่มทำธุรกิจของคุณเองได้โดยทันทีด้วยการเขียนโปรแกรมขาย พร้อมด้วยฝึกหัดความถนัดการขายไปในตัว ฯลฯ หรือบางบุคคลมีความเข้าใจด้านภาษาอังกฤษ สามารถทำงานแปลภาษาเป็นธุรกิจของตนได้ บางคนมักจะทำขนม ถนัดการปรุงอาหาร ทำกาแฟ ตัดผม ฯลฯ สิ่งพวกนี้จะทำให้คุณเริ่มธุรกิจด้วยความเชี่ยวชาญได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ว่าบางคนบางครั้งก็อาจจะไม่ถนัดอะไรเลยซักอย่าง มีความรู้แบบเป็ดๆ(ฮา) ผมเองก็เป็นเช่นนั้นขอรับ ถ้าหากคุณถูกใจงานขาย ถูกใจงานทำโดยไม่ลงทุน ไม่ต้องลงทุนมาก ลงแรงอย่างเดียว คุณอาจจะค้นพบความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการเป็นคนกลางให้กับหลายๆธุรกิจ ดังเช่นว่า ธุรกิจคนกลางที่ดิน ตัวแทน ขายประกัน ขายตรง คนกลาง B2B ฯลฯ ซึ่งความสามารถพวกนี้จะทำให้คุณสะดุดตาสำหรับเพื่อการไปสู่โลกธุรกิจมากเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่างานขายถือได้ว่าสกิลที่สำคัญที่สุดสำหรับการสร้างยอดขายและความมั่งคั่งเข้าสู่กระเป๋าคุณ
3. ตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจแบบ "B2B" หรือ "B2C"
ผมชี้แจงไปหลายรอบแล้วกับรูปแบบวิธีการทำธุรกิจทั้ง 2 โมเดลนี้ แม้กระนั้นก็จะขอชี้แจงซ้ำอีกรอบเพื่อความรู้ความเข้าใจสำหรับคนใหม่นะครับ ควรถามตนเองว่าคุณชอบธุรกิจแบบไหน แล้วเริ่มลงมือทำได้เลย B2B (Business-to-Business) เป็นธุรกิจที่กรุ๊ปลูกค้าคือตัวบริษัท หน่วยงาน เป็นหลัก ซึ่งมุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์แล้วก็บริการที่ตอบโจทย์อีกธุรกิจหนึ่ง ทำให้อีกธุรกิจได้ประโยชน์ที่ดียิ่งขึ้น อาทิเช่น ได้กำไรเพิ่มขึ้น ต้นทุนน้อยลง ทุ่นเวลาทำงานมากขึ้น ฯลฯ แบบอย่างธุรกิจ B2B ดังเช่น ธุรกิจเอเจนซี่โฆษณา ธุรกิจติดแอร์บริษัท ธุรกิจระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ธุรกิจขายเครื่องจักรเข้าโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ซึ่งธุรกิจกลุ่มนี้มีคุณลักษณะเด่นก็คือไม่ต้องทำการตลาด ลงทุนด้านโปรโมทอะไรล้นหลาม ผลิตภัณฑ์ที่ขายย้ำการตอบปัญหาผู้บริโภค สินค้าบางสิ่งมีมูลค่าพรั่งพร้อมซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถที่จะซื้อได้และไม่จำเป็น แต่จุดอ่อนคือจะต้องเน้น "นักขาย" เป็นหลัก มีขั้นตอนซื้อที่ใช้ระยะเวลา ช้าหรือเร็วขึ้นกับราคาของผลิตภัณฑ์ บางคราวลูกค้าขอผ่อนผันการชำระเงินอย่างน้อย 1 เดือน ทำให้ท่านบางครั้งก็อาจจะขาดกระแสการเงินสดได้ อีกทั้งยังมีปริมาณลูกค้าที่มีอยู่จำกัด ขึ้นอยู่กับขนาดของตลาดว่าสินค้าคุณขายได้มากขนาดไหน
B2C (Business-to-Customer) เป็นธุรกิจที่กลุ่มลูกค้าเป็นคนทั่วๆไป ย้ำการขายแบบแมส (Mass Market) ซึ่งสินค้าและก็บริการจะขายให้กับรายบุคคล พูดง่ายๆก็คือกรุ๊ปผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค ซื้อรับประทานซื้อใช้ อาหาร เสื้อผ้า เครื่องแต่งตัว ยารักษาโรค
ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจขายรถ ขายบ้าน ขายที่ดิน อื่นๆอีกมากมาย กลุ่มนี้ถือว่าเป็น B2C ทั้งสิ้น ต้องพึ่ง "การตลาด" โดยยิ่งไปกว่านั้นการโฆษณาอย่างมากมายเพื่อให้คนมีชื่อเสียงแล้วก็พอใจ การตลาดจะเป็นเรื่องที่จำเป็นที่สุดเหนือแนวทางการขายในหลายๆกรณี จุดเด่นก็คือถ้าเกิดคุณทำตลาดได้ดิบได้ดี สินค้าแพงน่าสนใจ คุณมีสิทธิ์มั่งมีมากมายเพราะลูกค้าที่มาซื้อนั้นมีหลายชิ้น แม้กระนั้นคุณจะต้องเจอหน้ากับคู่ปรปักษ์ที่มากมายเช่นกัน คุณต้องเชี่ยวชาญกลยุทธทางการตลาด การกำหนดราคา ลด แลกเปลี่ยน แจก แถม ต่างๆเพื่อคุณนำหน้าเหนือคู่แข่งให้ได้
4. ตั้งเป้าหมายให้แจ้งชัดว่าจะทำธุรกิจไปเพื่ออะไร
ถ้าตอบให้ชัดว่าทำเพราะว่าต้องการมั่งคั่งร้อยล้าน พันล้าน อย่างงี้นับว่าดีครับ ชัดเจนดี แต่ถ้าเป้าหมายคืออยากสบาย มองเห็นคนอื่นๆมั่งมีก็ต้องการมั่งคั่งบ้าง อย่างนี้บางทีอาจจะไม่แน่ชัดนัก เป้าหมายในการทำธุรกิจควรมีตัวเลข โดยยิ่งไปกว่านั้นยอดขายหรือขนาดของธุรกิจให้กระจ่างแจ้ง คุณมีสิทธิ์ฝันว่าเป็นคนมั่งคั่งร้อยล้าน พันล้านได้ สิ่งพวกนี้คือแผนการที่คุณจำเป็นต้องลงมือทำ แม้กระทั่งยังไปไม่ถึง แม้กระนั้นผมมั่นใจว่าคุณจะได้อะไรจากการลงมือกระทำธุรกิจไปได้มากอย่างยิ่งจริงๆครับ
แรงกระตุ้นที่ดีสำหรับในการทำธุรกิจก็คือ "การส่งมอบธุรกิจ" ให้กับคนที่คุณรัก ถ้าหากคุณทำสำเร็จ คุณสามารถมอบให้ลูกชายคุณขึ้นเป็นประธานบริษัทแทนคุณได้ หรือเขียนเป็นปริมาณรูปทรงหุ้นเพื่อแบ่งปันให้คนรักได้ผลประโยชน์ร่วมกับคุณด้วย ต้องตั้งเป้าหมายในประเด็นนี้ด้วย เพราะว่าครอบครัวและคุณรักก็เป็นส่วนที่ช่วยทำให้คุณประสบความสำเร็จจากวิธีการทำธุรกิจได้ครับ
5. เขียนแผนธุรกิจโดยเน้นถึงยอดจำหน่าย ผลกำไร จำนวนลูกค้า ทุนการสร้าง เงินลงทุนการตลาด เป็นหลัก
เมื่อคุณมีความตั้งอกตั้งใจแน่แน่ว มีเป้าหมาย เลือกประเภทของธุรกิจ ค้นหาผลิตภัณฑ์แล้วก็บริการที่อยากได้เริ่มต้นทำธุรกิจได้แล้ว สิ่งที่ควรจะทำโดยทันทีคือการเขียนแผนธุรกิจอย่างง่ายมากยิ่งขึ้นมา ขั้นตอนการก็ง่ายดายมากดังนี้
ธุรกิจที่ต้องการทำ: ธุรกิจจัดตั้งกล้องวงจรปิดข้างในอาคาร
แบบธุรกิจ: B2B บริษัทจำกัด เน้นย้ำแนวทางการขายแล้วก็ติดตั้งกล้องให้กับบริษัทหรือหน่วยงานที่มีอาคารสำนักงาน
เหตุผล: มีความรู้ มีข้อมูล มีแหล่งกล้องที่ดี เชื่อถือได้ รู้สึกว่างานติดกล้องภายในตึกมีความสำคัญ
จุดมุ่งหมาย: ต้องการทำเป็นแบบบริษัทที่มียอดจำหน่ายประมาณ 20 ล้าน ในช่วง 3 ปีแรก
กำไร: อยากได้กำไรไม่ต่ำยิ่งกว่า 30% จากยอดขาย (20ล้าน/30% = 6 ล้านบาท)
ปริมาณลูกค้า: เน้นกรุ๊ปหน่วยงานที่มีอาคารสำนักงานและก็ซีเรียสเรื่องความปลอดภัย แบ่งตามกรุ๊ปธุรกิจ ตัวอย่างเช่น
ธุรกิจ Community Mall: กรุงเทพมี 20 กว่าแห่ง
ธุรกิจร้านอาหารและก็ร้านอาหาร: กรุงเทวดามีมากยิ่งกว่า 500 แห่ง
ธุรกิจสถานบันเทิงเวลากลางคืน: มีเป็นร้อยกว่าแห่ง
ธุรกิจโรงเรียน: มีเป็นร้อย
ธุรกิจโรงหมอ: มีเป็นสิบ
จากเรื่องปริมาณลูกค้าจะก่อให้คุณมีลีด (Lead) ที่เป็นไปได้และก็ทำให้คุณประเมินปริมาณลูกค้าผู้คาดหมาย (Prospect) ได้คร่าวๆจำนวนลูกค้าจะเป็นเม็ดเงินเข้าสู่กระเป๋าคุณได้อย่างแน่นอน
เงินลงทุนการผลิต: ค่ากล้องวงจรปิด ค่าติดตั้ง ค่าอะไหล่ ค่าตอบแทน ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าออฟฟิศ ค่าตอบแทน ฯลฯ
เงินลงทุนการตลาด: ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาลงกูเกิ้ล ค่าทำโบรแน่นอน ค่าเอนเตอร์เทน อื่นๆอีกมากมาย
สมมติว่าอยากได้ยอดจำหน่าย 20 ล้านบาท
ขายกล้องวงจรปิด 1 งาน มีการติดกล้องถ่ายรูป 10 ตัว ราคาราวๆ 20,000 บาท พร้อมค่าตอบแทน
คุณต้องหาลูกค้า = 20,000,000/20,000 = 1,000 ราย
ใน 1 ปี ถ้าคุณทำนัดหมายได้วันละ 5 นัดหมาย ใน 1 เดือน ดำเนินงานวันละ 20 วัน หัก เสาร์ อาทิตย์ คุณจะทำนัดได้ 1,200 นัดหมาย ต่อปี ถ้าหากทุกเจ้าที่เข้าไปขายซื้อคุณหมด คุณจะบรรลุ 20 ล้าน ด้านใน 1 ปี แต่มันอาจจะเป็นไปไม่ได้
สมมุติว่าค่าถัวเฉลี่ยการบรรลุเป้าหมายที่ปิดการขายได้เท่ากับ 30% โน่นเป็น เข้า 10 ราย ขายได้ 3 ราย ใน 1 ปี คุณเข้าหาลูกค้า 1,000 ราย คุณจะขายได้ 300 ราย ซึ่งยอดยังไม่ถึง 20 ล้าน
คุณต้องหาลูกค้าสูงถึง 3,300 ราย ถึงจะได้ลูกค้าโดยประมาณ 1,000 ราย เนื่องจากว่าค่าเฉลี่ยที่ปิดได้คือ 30%
คุณคงเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน มีสองทางเลือกเป็น 1 เพิ่มคุณภาพการปิดการขายให้ดียิ่งขึ้น กับ 2 จ้างเซลล์เพิ่มขึ้น
เห็นภาพกันแล้วใช่มั้ยล่ะครับผม ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นไปได้หากคุณเขียนตัวเลขดูแล จากตัวอย่างจะเป็นการเขียนแผนธุรกิจอย่างง่าย โดยทุกข้อมีตัวเลขดูแลแล้วก็วัดผล สิ่งพวกนี้จะทำให้คุณมองเห็นความน่าจะเป็นไปได้เยอะขึ้น
6. ประเมินการเสี่ยงทางธุรกิจอย่างระมัดระวัง
ความเสี่ยงทางธุรกิจ เป็นสิ่งที่คนจำนวนไม่น้อยไม่ค่อยทำกัน รู้สึกว่าง่าย มีเงินก็ทำเป็น แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ เนื่องจากการเสี่ยงที่คุณไม่ระวังแล้วก็ประมาทอาจจะก่อให้คุณเจ๊งในทันที ต้องเขียนออกมาว่ามีต้นเหตุใดบ้างที่ทำให้ท่านเสียเปรียบได้ อย่างเช่น
คู่ต่อสู้
สภาพภูมิอากาศ
ธุรกิจของลูกค้า
การบ้านการเมือง
การสู้รบ
ข้อบังคับ
หุ้นส่วนของคุณ
คนในครอบครัว อาทิเช่น บิดา แม่ ลูก ภรรยา
สุขภาพของคุณและคณะทำงาน
ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ เภทภัยต่างๆ
ฯลฯ
ความเสี่ยงอะไรบางอย่าง ดังเช่นว่า สภาพภูมิอากาศแบบน้ำหลากนานๆอาจทำให้ธุรกิจของคุณเจ๊งได้เลย ควรคิดเสมอว่าถ้าหากเจอสถานะการณ์ห่วยๆเข้ามา คุณจะวางแผนต่อกรมันได้ยังไง ยกตัวอย่างเช่น ออมเงินสำรองทางธุรกิจ ทำธุรกิจเสริมหลายๆทาง ทำประกันวินาศภัย ใช้บริการที่ปรึกษาทางการเงินรวมทั้งธุรกิจ ฯลฯ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
นักธุรกิจรุ่นใหม่Tags : หัดทำธุรกิจ