Advertisement
[/b]
บุกบุ [/color]มีคุณประโยชน์ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีรอบเดือนมาแตกต่างจากปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟไหม้รวมทั้งน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ ใช้เป็นยาแก้ปวด แก้ฟกช้ำ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับรอบเดือนของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
บุก มีชื่อสามัญว่า Konjac อ่านออกเสียงว่า คอน-จัค มีชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch ชื่อเรียกอื่นๆของบุก เป็นต้นว่า บุกระอุงคก เบีย เบือ มันซูรัน หัวบุก บุกคางคก บุกหนาม บุกหลวง หมอ ยวี จวี๋ ยั่ว แพทย์ยื่อ เป็นต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้บุก[/size][/b]
ต้นบุก ถือเป็น ไม้ล้มลุกชนิกหนึ่ง เป็นไม้เนื้ออ่อน ลักษณะของลำต้นเจ้าเนื้อและก็มีสีเขียวเข้ม ใบบุกเป็นใบคนเดียว ซึ่งใบของบุกจะแตกใบที่ยอดและใบแผ่ขึ้นเสมือนร่มกาง ดอกของบุกจะมีสีเหลือง จะบานในตอนเย็น มีกลิ่นฉุน ลักษณะเสมือนดอกหน้าวัว
ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นราว 50-150 ซม. หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ รูปแบบของหัวเป็นรูปค่อนข้างกลมแบนนิดหน่อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 25 ซม. ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและกิ่งมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายทาสีขาวปนเปอยู่
ใบ
บุก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดยาวราว 15-20 เซนติเมตร
ดอกบุก มีดอกเป็นดอกผู้เดียว รูปแบบของดอกเป็นรูปทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวราว 30 ซม. สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก ลักษณะของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
คุณประโยชน์ของบุกสำหรับคุณประโยชน์ของบุก พวกเรานิยมใช่ประโยน์ทางยาของบุก จาก หัว รากรวมทั้งเนื้อของลำต้น รายละเอียด ดังนี้
หัวบุก มีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสลด แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีรอบเดือนมาไม่ปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟเผารวมทั้งน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ ใช้เป็นยาพารา แก้ฟกช้ำ
รากของบุก ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับระดูของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
[/b]
ข้อควรตรึกตรองสำหรับเพื่อการบริโภคบุกสำหรับสิ่งที่ห้ามสำหรับการรับประทานบุก คือ หัวบุกจะมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน เป็นพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ และระบบทางเดินอาหาร ฉะนั้น ในฝูงชนที่ ม้าม ตับ และระบบทางเดินอาหาร ไม่ดี ควรหลีกเลี่ยงรับประทาน และไม่กินมากจนเกินไป ซึงข้อควรคำนึงสำหรับการบริโภคบุก มีเนื้อหาดังต่อไปนี้
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) จำนวนมาก ที่ทำให้เกิดอาการคัน ส่วนเหง้ารวมทั้งก้านใบถ้าเกิดปรุงไม่ดีแล้วรับประทานเข้าไปจะมีผลให้ลิ้นพองและคันปากได้
ก่อนนำมารับประทานจะต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่กินกากยาหรือยาสดแนวทางการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำเพียงพอแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นมัวแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นคราวแรก และจากนั้นจึงนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อให้พิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกันเป็นก้อน จึงสามารถใช้ก้อนดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสำหรับในการประกอบอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้หากอาการเป็นพิษจากการรับประทานบุก ให้รับประทานน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วและก็ตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบหมอ
เนื่องมาจากวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก จึงไม่สมควรบริโภควุ้นบกตอนหลังการรับประทาน แต่ว่าให้กินก่อนรับประทานอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคอาหารที่สร้างขึ้นจากวุ้น อย่างเช่น วุ้นก้อนรวมทั้งเส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมอาหารหรือหลังรับประทานอาหารได้ เพราะว่าวุ้นดังที่ได้กล่าวมาแล้วได้ผ่านกรรมวิธีและได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว แล้วก็การการที่จะขยายตัวหรือขยายตัวได้อีกนั้นจึงเป็นได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณประโยชน์ทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เนื่องจากไม่มีการเสื่อมสลายเป็นน้ำตาลในร่างกาย และไม่มีวิตามินรวมทั้งธาตุ หรือสารอาหารใดๆก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเลยกลูโคแมนแนนมีผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันลดลง ซึ่งจะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมได้ แม้กระนั้นจะไม่มีผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ
การกินผงวุ้น
บุกในปริมาณมาก อาจส่งผลให้มีอาการท้องเสียหรือท้องอืด มีอาการหิวน้ำมากกว่าเดิม บางบุคคลอาจมีอาการหมดแรงเนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงได้
http://www.disthai.com/[/b]
Tags : สมุนไพรบุก
