ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 20 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: สิงหาคม 08, 2018, 12:52:17 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
ทับทิ[/size][/b]
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมกินอย่างแพร่หลาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่สำเร็จสดเยอะที่สุดและยังนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความสวยงาม ทั้งยังยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
[url=http://www.disthai.com/16488281/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1]ทัมทิม
อุสูดดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีหลากหลายประเภทที่มีสาระต่อสภาพทางด้านร่างกาย จึงมั่นใจว่าอาจมีคุณประโยชน์สำหรับในการคุ้มครองป้องกันโรคหรือบรรเทาอาการ อาทิเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจไม่สะดวกจากโรคนี้ โรคหัวใจแล้วก็หลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันเลือดสูง โรคในช่องปากรวมทั้งโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง และอื่นๆ
ในตอนนี้ยังมีการวิจัยที่เรียนการใช้ทับทิมในแบบอย่างแตกต่างกับการรักษาโรคที่ค่อนข้างจะจำกัด ทำให้ยังไม่อาจจะกำหนดคุณภาพของทับทิมต่อการดูแลรักษาโรคได้แจ้งชัด ซึ่งแบบอย่างการศึกษาเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ทับทิมคือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว ดังเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยับยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการผลิตโฟมเซลล์ และลดการแข็งตัวของหลอดเลือด จึงบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงในการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง
จากการเล่าเรียนฤทธิ์การต้านทานสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มก. (ประกอบด้วยกรดมึงลลิค 610 มก.) และประเมินผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการวัดฤทธิ์สำหรับในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนที่จะมีการทดสอบ พบว่าค่าดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นต่ำลง จึงคาดว่าการรับประทานทับทิมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากนั้น ยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยอีกชิ้นให้คนป่วยโรคเส้นโลหิตแดงแข็งปริมาณ 15 คน รับประทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปรวมทั้ง 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กลุ่มที่กินอาหาร 3 ปีขึ้นไป มีระดับไขมันที่ต่ำลงประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่น ก็เลยชี้ให้เห็นว่าการกินสารสกัดจากทัมทิมมากยิ่งกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดการเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ดังนี้ ยังคงควรมีการเรียนรู้เพิ่มในระยะยาวกับกรุ๊ปการทดลองขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถสรุปผลของทับทิมรวมทั้งการรักษาโรคเส้นเลือดแดงแข็งได้อย่างเห็นได้ชัด
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกประเภทที่มีคุณสมบัติช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการรักษาโรคเหงือก เหตุเพราะการดูแลรักษาหลักบางแนวทางที่ยังไม่มีคุณภาพพอเพียงสำหรับการทุเลาอาการจากโรคมากมายสักเท่าไหร่รวมทั้งลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดสอบทางสถานพยาบาลกับผู้เจ็บป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อดูสมรรถนะของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 224 ชั่วโมง โดยในแต่ละกรุ๊ปจะใช้แนวทางรักษาที่แตกต่างกัน ผลพบว่า กลุ่มที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการดูแลรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยแนวทางการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีอาการดียิ่งขึ้นภายใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับเพื่อการทดลอง ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยบางทีอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนไข้โรคเหงือกอักเสบพร้อมกันกับการรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่ศึกษาความสามารถของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกแบบอย่างเจลในการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบจำนวน 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 สัปดาห์ มีสุขภาพช่องปากแล้วก็ปัญหาโรคเหงือกอักเสบลดน้อยลงมากยิ่งกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก การศึกษาค้นคว้าวิจัยในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจนำไปใช้เป็นส่วนผสมในสินค้าดูแลรักษาช่องปาก ได้แก่ ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองปกป้องรวมทั้งทุเลาลักษณะของโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองการเกิดคราบจุลินทรีย์ สารสกัดจากทับทิมมีคุณภาพสำหรับในการลดคราบจุลชีวันตามผิวฟัน และบางทีอาจนำมาซึ่งโรคทางโพรงปากอีกหลายชนิด ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในช่องปากดี ปริมาณ 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ธรรมดา แต่สลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) และยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดรอยเปื้อนจุลอินทรีย์ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่ายาหลอก แต่ว่ามีคุณภาพไม่ได้ต่างอะไรจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน ก็เลยเพียงพอจะพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดโอกาสสำหรับการกำเนิดคราบจุลอินทรีย์ด้านในโพรงปาก
เวลาเดียวกัน การศึกษาเล่าเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมน่าจะมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดการเกิดคราบจุลชีพ ซึ่งสำหรับเพื่อการทดลองได้เก็บคราบเปื้อนจุลอินทรีย์จากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงแล้วก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี จำนวน 60 คน หลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเทียบผลก่อนและข้างหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดต่างกันในแต่ละกรุ๊ป ได้แก่ น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน รวมทั้งยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับการลดคราบเปื้อนจุลชีพลงมากที่สุดโดยประมาณ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% และยาหลอกที่ต่ำลงเพียงแต่ 11% ก็เลยอาจพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียรวมทั้งเป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการใช้กำจัดคราบจุลอินทรีย์บนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงควรจะมีการตำหนิดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมโดยตลอด เนื่องจากระยะเวลาสำหรับเพื่อการทดสอบค่อนข้างจะสั้น
ภาวการณ์คอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่พูดกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการเล่าเรียนผลการกินน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 รวมทั้งมีภาวะไขมันในเลือดสูงจำนวน 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดลองจะมีการเก็บข้อมูลของกินที่กินอาหารภายใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมถึงอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบอาทิตย์ที่ 8 พบว่าผู้เจ็บป่วยหรูหราไขมันรวม ไขมันชนิดไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี และก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดลง แต่ไม่พบความเคลื่อนไหวของระดับไตรกลีเซอไรด์รวมทั้งระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งชี้ให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนป่วยเบาหวานลง แต่ยังบอกมิได้ชัดเจน เนื่องด้วยของกินจำพวกอื่นที่รับประทานอาจมีส่วนช่วยสำหรับการลดไขมันในเลือดได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งกรุ๊ปการทดลองมีขนาดเล็ก จำเป็นที่จะต้องขยายผลการศึกษาในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเสริมเติม นอกเหนือจากนี้ การรักษาสภาวะคอเลสเตอรอลสูงต้องมีการควบคุมอาหารแล้วก็การบริหารร่างกายไปพร้อม ซึ่งอาจมีคุณประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารโพลีฟีนอลที่พบบ่อยใทับทิม[/url] จากรายงานผลที่เจอในห้องทดลองกล่าวว่าสารพวกนี้มีส่วนสำคัญในการทุเลาลักษณะโรคปอดอุดกันเรื้อรังและอาจชะลอไม่ให้โรคพัฒนาอย่างรวดเร็ว ก็เลยมีการศึกษาเล่าเรียนคุณภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มอีก โดยให้คนป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ปริมาณ 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่กินน้ำทับทิม 400 มิลลิลิตร (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่กินยาหลอกติดต่อกันทุกวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลอีกทั้งในเลือดแล้วก็เยี่ยวของคนไข้ ทั้งยังไม่พบความไม่เหมือนอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่าง 2 กรุ๊ป ก็เลยคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับในการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกันเรื้อรัง
โดยปกติสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมแล้วก็ตรวจเจอได้ในเลือดหรือปัสสาวะ แต่ว่าผลการค้นคว้ากลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการรับประทาน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพสารกลุ่มนี้โดยจุลชีวันในระบบการทำงานด้านการย่อยอาหาร จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกรรมวิธีซับสารอาหารที่แตกต่างก่อนจะอ้างถึงถึงประโยชน์ด้านของสุขภาพจากการกิน เนื่องจากว่าสารอาหารที่พบในอาหารที่รับประทานอาจมิได้ถูกเอาไปใช้ผลดีภายในร่างกายมนุษย์เราทั้งหมดทั้งปวง
โรคและอาการอื่นๆได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ การหย่อนสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อหลังการบริหารร่างกาย กลุ่มอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแดด การตำหนิดเชื้อทริวัวโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และก็อื่นๆยังต้องศึกษาวิจัยวิจัยเพิ่มเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยของทับทิมในการรักษาโรค
[/b]
ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มก.
แมงกานีส 12 มก.
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มก.
สังกะสี 0.35 มก.
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มิลลิกรัม
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับการรับประทานทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยปกติการรับประทานน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีลักษณะอาการแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเกิดผลข้างเคียงจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพร่างกาย การกินรากและลำต้นของทับทิมในปริมาณมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะไม่เป็นอันตรายสำหรับการกินหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แม้กระนั้นอาจจะส่งผลให้เกิดอาการแพ้น้อยในบางราย ดังเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจลำบาก
การกินน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในตอนให้นมบุตร แต่ยังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานหรือใช้ทับทิมในต้นแบบอื่น อาทิเช่น สารสกัดจากทับทิม จะต้องหารือแพทย์ก่อนการกินทุกคราว
น้ำทับทิมอาจจะก่อให้ความดันโลหิตลดลดลงนิดหน่อย ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้เจ็บป่วยที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการเกิดขึ้นอีก
คนที่มีลักษณะแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนป่วยที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ เพราะว่าทับทิมทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ก็เลยอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมควบคู่กับยาบางชนิดอาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ดังเช่น ยาที่เกี่ยวโยงกับหลักการทำงานของตับโดยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือประเภท P450 3A4 ยาลดความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตติน คนที่กินยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรขอความเห็นแพทย์ก่อนที่จะมีการรับประทานเพื่อความปลอดภัย



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ