รู้ไหมว่ากระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์อย่างมากๆ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ไหมว่ากระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์อย่างมากๆ  (อ่าน 36 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ind4s2fuo6p0
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: สิงหาคม 13, 2018, 05:18:58 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
กระเทีย[/size][/b]
กระเทียมกับผลดีต่อสุขภาพ
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b] เป็นไม้ล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเหมือนกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะมี 6-10 กลีบ นิยมประยุกต์ใช้เป็นเครื่องปรุงเข้าครัว กระเทียมเป็นพืชที่ค่อนข้างไม่เหมือนกับพืชทั่วไป เพราะอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านี้กระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารฯลฯ ดังเช่นว่า อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) แล้วก็ซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย
กระเทียม
หลายท่านอาจจดจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ซึ่งมีต้นเหตุจากสารอัลลิซิน (Allicin) นอกเหนือจากที่จะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่โดดเด่นแล้ว อัลลิสินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่มีคุณประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกาย แล้วก็อาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆดียิ่งขึ้น โดยที่หลายๆคนมั่นใจว่าการรับประทากระเทียม
บางทีอาจช่วยทุเลาอาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและเส้นเลือด ความดันโลหิต คอเลสเตอรอล ทุเลาหวัด รวมถึงใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อโรคทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมร่วงอีกด้วย
ทั้งนี้สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์หรือหลักฐานทางด้านการแพทย์มีมากมายน้อยแค่ไหนที่จะช่วยยืนยันคุณประโยชน์ ประโยชน์ รวมทั้งความปลอดภัยของการกินกระเทียมที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยในการรักษาโรคกลุ่มนี้
ความดันเลือดสูง อัลลิซินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้ในกระเทียมสดหรือสินค้าเสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายของกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวในเส้นเลือดแล้วก็ทำให้เส้นเลือดขยายตัวแล้วก็ทำให้ระดับความดันเลือดลดลดน้อยลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองชิ้นหนึ่งให้คนเจ็บที่มีระดับความดันโลหิตสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากกว่าหรือพอๆกับ 140 มิลลิตรปรอท รับประทานกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มิลลิกรัม เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดต่ำลงมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่รับประทานยาหลอก จึงอาจจะกล่าวว่าการกินกระเทียมบ่มสกัดอาจมีความสามารถสำหรับเพื่อการรักษาผู้เจ็บป่วยความดันเลือดสูงได้ดีกว่ายาหลอก
ต่อให้มีการทดสอบอีก 2 ชิ้นที่ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระเทียมสำหรับการลดความดันโลหิตได้ดีมากว่าการใช้ยาหลอก แต่ว่าเนื่องด้วยผลของการทดลองอาจยังไม่แม่นพอเพียงที่จะสรุปประสิทธิภาพของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นโลหิตในคนป่วยความดันโลหิตสูง จึงยังจะต้องเรียนเพิ่มอีกเพื่อรับรองความสามารถที่แจ่มชัดยิ่งขึ้น
โรคมะเร็ง ความเกี่ยวข้องของการบริโภคกระเทียมและการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังไม่ชัดแจ้งรวมทั้งยังคงเป็นที่คัดค้านกันอยู่ ซึ่งจะมองเห็นได้จากการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนจีนทั้งหมดศชายและก็เพศหญิงที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารปริมาณกว่า 5,000 คน กินสารอัลลิทริดินขนาด 200 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยทำการทดสอบตรงเวลา 5 ปี รวมทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอกแล้วพบว่ากรุ๊ปที่กินสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกต่ำลง 33 เปอร์เซ็นต์ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารลดน้อยลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็แล้วแต่ มีการทำการวิจัยอีก 19 ชิ้นชี้ให้เห็นว่า ยังไม่พบหลักฐานที่น่าไว้วางใจได้ที่จะช่วยส่งเสริมความเกี่ยวเนื่องของการบริโภคกระเทียมต่อความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะ โรคมะเร็งหน้าอก มะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งมีหลักฐานที่ค่อนข้างจำกัดที่ส่งเสริมว่าการบริโภคกระเทียมอาจช่วยลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไส้ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งหลอดอาหาร โรคมะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งในโพรงปาก หรือโรคมะเร็งรังไข่
ดังนี้สถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) ได้กล่าวว่ากระเทียมเป็นผักที่อาจมีคุณสมบัติต้านทานโรคมะเร็ง แต่ยังมีสาเหตุอื่นๆยกตัวอย่างเช่น รูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกระเทียม หรือจำนวนความเข้มข้นที่นานาประการ อาจจะทำให้พิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของกระเทียมได้ยาก แล้วก็เมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บเอาไว้ภายในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจจะส่งผลให้สมรรถนะของกระเทียมหมดลงไปได้เช่นเดียวกัน
แก้หวัด คนไม่ใช่น้อยเชื่อว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์แล้วก็เชื้อไวรัส และมีการนำมาใช้เพื่อป้องกันและบรรเทาอาการหวัดมาอย่างช้านาน ซึ่งสอดคล้องกับการเล่าเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครจำนวน 146 คน รับประทานสารสกัดจากกระเทียมรูปแบบเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิซินขนาด 180 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง ตรงเวลา 12 สัปดาห์ แล้วให้อาสาสมัครจดบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 65 ครั้ง ทั้งยังพบว่าระยะเวลาของการเป็นหวัดในกรุ๊ปที่รับประทานสารสกัดจากกระเทียมมีจำนวนวันที่น้อยกว่า แต่ระยะเวลาการฟื้นฟูสภาพจากอาการหวัดของทั้งยัง 2 กรุ๊ปมีความไม่เหมือนกันเพียงนิดหน่อย ถึงแม้ผลของการทดลองข้างต้นจะบอกให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระเทียม แม้กระนั้นหลักฐานการทดสอบทางสถานพยาบาลยังน้อยเกินไปแล้วก็จะต้องเรียนรู้เสริมเติมเพื่อยืนยันสมรรถนะของกระเทียมให้แจ่มชัดเพิ่มขึ้น
ลดหุ่นรวมทั้งมวลไขมัน ในคนเจ็บภาวการณ์ไขมันพอกตับ ที่มิได้เป็นผลมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่มักมีต้นเหตุที่เกิดจากโรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง และก็ไขมันในเลือดสูง ซึ่งการรักษาด้วยการรับประทานยา การผ่าตัด หรือลดหุ่นบางทีอาจไม่พอ แม้ไม่ดูแลเรื่องการกินอาหารควบคู่ไปด้วย การกินกระเทียมจึงบางทีอาจเป็นช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ ด้วยเหตุว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และก็สารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณสมบัติคุ้มครองปกป้องสภาวะอ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนป่วยไขมันพอกตับที่ไม่ได้เป็นผลมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งเพศชายแล้วก็ผู้หญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี จำนวนทั้งหมด 110 คน กินกระเทียมผงชนิดแคปซูลขนาด 400 มก. ซึ่งภายในประกอบไปด้วยสารอัลสิลินขนาด 1.5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 15 สัปดาห์ โดยสามารถกินอาหารได้ตามธรรมดา แต่ว่ากินกระเทียมได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 กลีบ จากผลของการทดสอบแสดงให้เห็นว่า น้ำหนักและก็มวลร่างกายลดน้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มที่กินยาหลอก จึงอาจจะบอกได้ว่าการกินกระเทียมอาจช่วยลดปริมาณไขมันในตับและก็คุ้มครองป้องกันหรือชะลอการเกิดภาวการณ์ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็แล้วแต่การศึกษาเล่าเรียนในอนาคตยังควรต้องวางแบบการทดสอบให้และควรเพิ่มระยะเวลาสำหรับเพื่อการทดสอบเพื่อรับรองคุณภาพของกระเทียมให้ชัดแจ้งยิ่งขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงมีความขัดแย้ง จึงทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้อย่างแจ่มแจ้ง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองและก็การเรียนรู้โดยการทบทวนการค้นคว้าวิจัยที่เกี่ยวเนื่องจำนวน 29 ชิ้น ได้ชี้ให้เห็นว่า การรับประทานกระเทียมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้บางส่วน แม้กระนั้นไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงขึ้น หรือไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลดน้อยลงอะไร ก็เลยยังจึงควรเรียนรู้เสริมเติมเพื่อหาผลสรุปแล้วก็ยืนยันสมรรถนะของกระเทียมต่อระดับคอเลสเตอรอลที่กระจ่างเพิ่มขึ้น
[/b]
ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานกระเทียม
การรับประทานกระเทียมออกจะปลอดภัยถ้าเกิดรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม แต่อาจจะส่งผลให้เกิดผลใกล้กันได้ เช่น ปากเหม็น มีกลิ่นเต่า รู้สึกแสบร้อนที่รอบๆปากหรือที่กระเพาะ แสบร้อนกลางอก ท้องอืด คลื่นไส้ อ้วก หรือท้องเดิน อาการกลุ่มนี้บางทีอาจทวีความร้ายแรงขึ้นเมื่อรับประทานกระเทียมสด ทั้งยังการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่บริเวณผิวหนังอาจจะส่งผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนรวมทั้งเคืองได้
ข้อควรคำนึงสำหรับในการกินกระเทียมโดยเฉพาะบุคคลในกรุ๊ปต่อแต่นี้ไป
ผู้ที่กำลังท้องหรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การกินกระเทียมในตอนการตั้งครรภ์ค่อนข้างจะไม่มีอันตรายแม้รับประทานเป็นของกินหรือในปริมาณที่สมควร แม้กระนั้นอาจไม่ปลอดภัยถ้าหากรับประทานกระเทียมเป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้วางใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในช่วงการมีท้องหรือให้นมลูก
เด็ก การกินกระเทียมในปริมาณที่สมควรรวมทั้งในระยะสั้นๆบางทีอาจไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แม้กระนั้นการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจส่งผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนแล้วก็ระคายเคือง
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะหรือการย่อยอาหาร อาจจะส่งผลให้มีการเคืองที่เดินอาหารได้
ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจจะทำให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลงมากกว่าธรรมดา
ผู้ที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานกระเทียมก่อนการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 อาทิตย์เพราะว่าอาจทำให้เลือดออกมากและมีผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด แล้วก็ผู้ที่มีภาวการณ์เลือดออกเปลี่ยนไปจากปกติไม่สมควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมสด เนื่องจากว่าบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค ดังเช่น ไอโซไนอะสิด เนื่องจากกระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายและก็มีผลต่อสมรรถนะหลักการทำงานของยา รวมทั้งไม่สมควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุม
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต่อต้านเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/[/b][/size][/b]



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ