Advertisement
[/b]
ราชพฤกษ[/size][/b]
ที่ไปที่มาของต้นราชพฤกษ์ จากอดีตที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางราชการมีความมานะบากบั่นบ่อยมากสำหรับในการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยเฉพาะการกำหนด ต้นไม้ แล้วก็ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้เชิญให้ราษฎรพึงพอใจต้น
[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ[/b]หรือคูณมาตั้งแต่ตอนปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลมีมติให้ถือวันที่ 24 เดือนมิถุนายน เป็นวันต้นไม้รายปีของชาติ (arbour day) มีการเชื้อเชิญให้ปลูกต้นไม้ที่มีประโยชน์ชนิดต่างๆจำนวนมาก ในเวลาเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ คงจะนับว่าเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์ จนกระทั่งในปี พุทธศักราช2506 มีการสัมมนาเพื่อระบุสัญลักษณ์ต้นไม้และสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ พืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่มีสาระและรู้จักกันอย่างล้นหลามเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวพันกับจารีตประเพณีไทยและก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอตอนนั้นไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ฉะนั้นตลอดเวลาก่อนหน้านี้เครื่องหมายที่บ่งถึงความเป็นอิสระยก็เลยมีมากมาย ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนประเทศไทยเคยชินและประสบพบเห็นบ่อยครั้ง เช่น พระปรางค์วัดย่ำรุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เช่นเดียวกับ ต้นราชพฤกษ์ แล้วก็ ช้างเผือก ยังคงถูกชื่นชมให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตลอดมา
ปี พ.ศ.2530 มีการช่วยเหลือให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกรอบ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการผลักดันให้ปลูกต้
ราชพฤกษ์ทั้งประเทศปริมาณ 99,999 ต้น ขณะนี้ก็เลยมีต้นราชพฤกษ์อยู่จำนวนมากทั้งประเทศไทย
ข้อสรุปเรื่องเครื่องหมายประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่ชัดเจน จนถึงตอนปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่กล่าวผ่านมาแล้วกลับมาเสนออีกครั้ง และก็มีบทสรุปเสนอให้มีการกำหนดเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่งเป็น ดอกไม้ สัตว์รวมทั้งสถาปัตยกรรม และก็การพินิจที่ผ่านมาเสนอให้ระบุดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติหมายถึงช้างไทย แล้วก็สถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น ศาลาไทย
เหตุที่เลือก ดอก
ราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ ฯลฯไม้ที่แก่ยืน ทน ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ ฯลฯไม้พื้นบ้านที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อต่างกันในแต่ละภาค เป็นต้นว่า ลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีหลักๆดังเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลและก็ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในฤดูร้อนราชพฤกษ์จะมีดอกสะพรั่งทั้งต้น ช่อดอกมีทรงงดงาม สีเหลืองอร่ามเป็นสัญลักษณ์ของพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ และก็เป็นสีเดียวกับวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกเหนือจากนี้ความสวยสดงดงามของช่อดอก และก็ความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบประดับไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทยส่งดอกไม้ประจำชาติไทยเป็นดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์ คือ Cassia fistula
ดอกไม้สีเหลืองแพรวพราวที่พบได้มากมองเห็นได้ทั่วไปตามริมถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการชื่นชมให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย ทั้งยังมั่นใจว่าฯลฯไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านมีเกียรติขั้นชื่อ เสียงมากยิ่งขึ้นด้วย ยิ่งใกล้เข้าสู่เวลาแห่งการเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันจ้า
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้พื้นบ้านของเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน อินเดีย พม่า และก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญวัยได้ดิบได้ดีในที่โล่ง แล้วก็เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แต่ว่าก็ยังมิได้ผลสรุปกระจ่างแจ้ง จนกว่ามีการลงชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2544
[/b]
ดอกไม้ประจำชาติไทย เพราะ ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์" รวมทั้งมีการลงชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเลิศใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย แล้วก็ 3. ดอก
ราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย- ด้วยเหตุว่าเป็นต้นไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และมีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
- มีประวัติเกี่ยวข้องกับจารีตประเพณีหลักๆในไทยและเป็นต้นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่นิยมนำมาปลูก
- ใช้ประโยชน์ได้นานาประการ ดังเช่นว่า ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
- มีสีเหลืองสวยงาม พุ่มสวยเต็มต้น เทียบเป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนา
- มีอายุยืนนาน และก็แข็งแรง
ลักษณะทั่วไป ฯลฯไม้ขนาดกึ่งกลาง สูงโดยประมาณ 10-20 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองงาม แต่ละช่อยาวโดยประมาณ 20-40 เซนติเมตร โดยกลีบดอกไม้จะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ ส่งผลยาวราว 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นแรง แล้วก็มีเมล็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์ นิยมนำมาปลูกด้วยเม็ด โดยจะมีการเติบโตช้าในตอน 1-3 ปีแรก แม้กระนั้นต่อจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น แล้วก็มีดอกตอนอายุโดยประมาณ 4-5 ปี
การรักษา แสงสว่าง : อยากได้แดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง แล้วก็เติบโตเจริญในที่โล่งเป็นพิเศษ
น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนได้ดี
ดิน : สามารถเจริญเติบโตก้าวหน้าในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยมูลสัตว์ ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น รวมทั้งควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์ วิธีเพาะพันธุ์ต้น
ราชพฤกษ[/b]ที่นิยม คือ การเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ว่าจะต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ จากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ข้ามวัน จึงค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ หลังจากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะพบรากแตกหน่อ และสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์ มั่นใจว่าฯลฯไม้มงคล ที่ควรปลูกเอาไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และแม้ปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติยศ เกียรติ รวมทั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เพราะว่าเป็นไม้มงคลนาม
[url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/[/b]