รีวิวสายสัญญาณเสียง ราคา 6 วิธีตรวจตราคุณภาพสายสัญญาณเสียง ราคา คลิกเลย

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รีวิวสายสัญญาณเสียง ราคา 6 วิธีตรวจตราคุณภาพสายสัญญาณเสียง ราคา คลิกเลย  (อ่าน 17 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
SEO.No1
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14253


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: กันยายน 10, 2018, 06:40:55 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

6 แนวทางสำรวจคุณภาพสายสัญญาณเสียง
สายสัญญาณเสียง เป็นวัสดุอุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อเครื่องเสียงกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆโดยสายนี้จะเป็นตัวนำเสียงจากเครื่องใช้ไม้สอยอิเล็กทรอนิกส์ให้มาแสดงออกในเครื่องเสียง ช่วยทำให้สามารถเล่นไฟล์เสียงด้วยเสียงที่ดังขึ้นได้
เดี๋ยวนี้ เราสามารถหาซื้อสายสัญญาณเสียงได้ทั่วไปตามร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆมีสินค้าหลายรุ่น หลายยี่ห้อให้เราได้เลือกซื้อกัน ซึ่งแน่ๆว่าเมื่อสายสัญญาณเสียงบนท้องตลาดมีอยู่หลายรุ่น หลายแบรนด์ ทำให้ท่านภาพของสินค้ามีความต่างกันด้วย ถ้าหากว่าเราได้สายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีมาใช้ดีแล้วไป แต่ถ้าพวกเราเผลอไปซื้อสายสัญญาณเสียง ราคา[/b] ที่มิได้ประสิทธิภาพมาใช้งานเข้า ก็ต้องเจอกับปัญหาระหว่างใช้งานหลายประการ อีกทั้งเสียงไม่ออก คุณภาพเสียงไม่ดี มีอายุการใช้แรงงานสั้น ใช้ไปได้เล็กน้อยก็เสียแล้ว ทั้งสายสัญญาณเสียงนั้นเป็นสินค้าที่ไม่อาจประเมินคุณภาพด้วยราคาได้ เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ราคาถูกหรือสินค้าราคาสูง ต่างก็มีทั้งยังคุณภาพดี คุณภาพไม่ดี รวมทั้งปัญหาในตนเองผสมกันไป ดังนั้น พวกเราก็เลยจำต้องมีวิธีการพื้นฐานสำหรับพิจารณาคุณภาพสายสัญญาณเสียง เพื่อให้สามารถซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมาใช้งานได้ถัดไป
.

.
การสำรวจประสิทธิภาพ สายสัญญาณเสียง พวกเราสามารถทำเป็น 6 วิธีดังนี้
1. พิจารณาความแข็ง-ความอ่อนของสาย ข้อนี้เป็นอย่างแรกที่เราสามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้ รวมทั้งควรจะเช็คเป็นสิ่งแรก เพราะว่าสายสัญญาณเสียงในปัจจุบันมีการผลิตสายออกมาให้มีความแข็งรวมทั้งความอ่อนแตกต่างกัน โดยทั่วไป สายสัญญาณเสียงที่แพงถูกมักจะมีสายออกจะแข็ง ในเวลาที่สายสัญญาณเสียงราคาแพงๆชอบมีสายอ่อน ข้อแนะนำคือ ไม่ควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่แข็งเกินความจำเป็น เพราะเหตุว่าจะไม่อาจจะพับสายได้ ถ้าพับ ม้วนเก็บสายย่อมทำให้เกิดปัญหา ในขณะเดียวกันก็ไม่สมควรซื้อสายสัญญาณเสียงที่อ่อนเกินไป เนื่องจากว่ายิ่งอ่อนนิ่มมาก สายก็จะยิ่งบอบบาง เมื่อเอาไปใช้งานเป็นประจำย่อมมีการเสี่ยงสูงที่สายจะขาด หรือหักพับได้ง่ายๆสาย audio cableที่เหมาะสมที่สุด ควรเป็นสายที่อ่อนพอจะสามารถพับได้อย่างไม่มีการเสียหาย แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความแข็งแรงพอที่จะใช้งานได้อย่างไม่มีการฉีกจนขาด ถ้าพวกเราพบว่าสายสัญญาณเสียงใดมีลักษณะแบบนี้ สามารถซื้อมาไว้ใช้งานได้เลย
2. พิจารณาอุปกรณ์ที่ใช้ทำหัวสายว่าเป็นยังไง สายสัญญาณเสียงที่ผลิตออกมาจัดจำหน่ายในตอนนี้นั้น มีการใช้โลหะอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆสำหรับเพื่อการทำหัวสาย ดังเช่น ทองสัมฤทธิ์ และก็อลูมิเนียม ขอชี้แนะว่าควรจะเลือกใช้สายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นทองเหลืองจะดีมากยิ่งกว่า เพราะเป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ดียิ่งไปกว่าอลูมินัม ไม่ค่อยพบปัญหาเสียงขาดเสียงหาย แม้จะแทงสายไม่แน่นก็ตาม ในขณะอลูมินัม เป็นโลหะที่นำสัญญาณได้ไม่ดีนัก หากเสียบไม่แน่นจะไม่สามารถนำสัญญาณเสียงได้ นอกนั้น ทองเหลืองยังเป็นโลหะที่มีคงทนถาวรสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน ไม่ค่อยพบปัญหาเรื่องการหัก หรือการโค้งงอผิดรูปผิดรอย ขณะที่สายสัญญาณเสียงที่มีหัวสายเป็นอลูมินัมนั้นต้องใช้งานอย่างระมัดระวัง แม้ไม่ถนอม หัวสายจะหักหรือโค้งงอได้ง่ายในเวลาอันรวดเร็ว
3. ตรวจสอบการยึดระหว่างหัวสายกับสายไฟว่าเป็นอย่างไร มีการเชื่อมต่ออย่างสนิทดีไหม โดยธรรมดาสายสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพดีจะยึดจุดเชื่อมต่อระหว่างสายไฟกับหัวเสียบได้อย่างสนิท ขณะที่สายสัญญาณเสียงคุณภาพแย่มักยึดส่วนหัวสายกับสายไฟได้ไม่แน่น บางรุ่นทำเพียงแค่เอาสายใส่เข้าไปในหัวแบบไม่ได้ยึด สิ่งที่จะตามมาเมื่อใช้งานไปได้สักระยะ ก็คือ สายไฟหลุดออกมาจากอารมณ์เสียบ และก็ถ้าเกิดสายสัญญาณเสียงใดมีปัญหานี้ขึ้นมาย่อมไม่อาจจะซ่อมได้ ต้องทิ้งสิ่งเดียว เพราะฉะนั้นในการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียง พวกเราก็เลยจำต้องสำรวจจุดเชื่อมต่อระหว่างหัวเสียบกับสายไฟด้วย
4. วิเคราะห์ความยาวของโลหะหัวเสียบว่ามีความสั้นยาวเพียงใด โดย สายสัญญาณเสียงที่ดี ควรจะมีความยาวระหว่างโลหะหัวเสียบอยู่ที่ 2-5 เซนติเมตร เพราะว่าเป็นความยาวที่สมควรในการทิ่มเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆได้โดยไม่เกิดการโยกหรือหลวม ทั้งยังยังทิ่มได้สนิท ไม่มีโลหะหัวเสียบโผล่พ้นขึ้นมา ถ้าหากเป็นสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวของโลหะอารมณ์เสียบสั้นเกินไป จะไม่สามารถที่จะแทงกับเครื่องไม้เครื่องมือได้ กำเนิดปัญหาเสียงไม่ออก หรือเสียงมาเป็นตอนๆต้องรอประคับประคองไว้ ส่วนหากโลหะที่หัวเสียบมีความยาวมากเกินไป เมื่อเสียบกับเครื่องมือจะมีผลให้มีโลหะนิดหน่อยโผล่ขึ้นมา แม้เผลอไปชนเข้าอาจจะทำให้สายมีการหักได้
5. พิจารณาความยาวของสายไฟว่ามีมากน้อยเท่าใด ข้อนี้แม้ว่าจะมิได้ส่งผลต่อคุณภาพการใช้งานโดยตรง แต่ว่าก็สำคัญ เพราะการซื้อสายสัญญาณเสียงที่มีความยาวเพียงพอต่อการใช้งาน จะช่วยให้สามารถต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างสะดวก ไม่เกิดปัญหาสายตึงรั้งเหลือเกินจนกระทั่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการหัก หรือหย่อนยานเกินความจำเป็นจนถึงเกิดความรู้สึกขวาง ซึ่งความยาวที่เหมาะสมของสายไฟขึ้นกับการใช้งานของเราว่าเป็นยังไง ถ้าเกิดเป็นสายสัญญาณเสียงสำหรับเสียบอุปกรณ์เครื่องเสียงในรถยนต์ หรือลำโพงทั่วๆไป จะต้องมีความยาวอยู่ที่ 30-60 เซนติเมตร ส่วนถ้าหากเป็นสานสำหรับต่อลำโพงขนาดใหญ่ จะต้องลากสายยาวๆก็ควรมีความยาวตั้งแต่ 1 เมตรขึ้นไป
6. วิเคราะห์แบรนด์ของสาย ส่วนยี่ห้อนี้ก็จัดว่ามีความหมายไม่แพ้กันสำหรับการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียง โดยควรที่จะทำการเลือกซื้อสายสัญญาณเสียงที่ทำขึ้นโดยแบรนด์อันเป็นที่รู้จัก หลบหลีกผลิตภัณฑ์จากยี่ห้อแปลกๆหรือสินค้าโนเนม เพราะเหตุว่ามักจะเป็นสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ ได้โอกาสทรุดโทรมเสียหายได้ง่าย
การเลือกซื้อ สายสัญญาณเสียง ให้ได้คุณภาพนับว่าเป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องให้ความใส่ใจ เพื่อให้การเชื่อมต่อเครื่องไม้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์กับเครื่องเสียงสามารถำได้อย่างมีคุณภาพ ได้การเล่นเสียงที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
เครดิตบทความ
บทความสายสัญญาณเสียง : https://www.dotlife.store/cable/audio-cable.html, dotlife
รีวิวสายสัญญาณเสียงจาก Pantip: www.pantip.com

Tags : สายสัญญาณเสียง,สาย audio cable



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ