สรรพคุณเเละประโชน์ ชุมเห็ดเทศ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรรพคุณเเละประโชน์ ชุมเห็ดเทศ  (อ่าน 59 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มม
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: ธันวาคม 04, 2018, 06:48:16 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


ชุมเห็ดเทศ
ชื่อสมุนไพร  ชุมเห็ดเทศ
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น ขี้คาก , ลับมืนหลวง , หมากกะลิงเทศ ,หญ้าเล็บมือหลวง (ภาคเหนือ) , ส้มเห็ด (เชียงราย) ,จุมเห็ด (มหาสารคาม) , ชุมเห็ดใหญ่ (ภาคกลาง) , ตะสีพอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ตุ๊ยเฮียะเต่า , ฮุยจิวบักทง (จีน) , ตุ้ยเย่โต้ว (จีนกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Senna alata (L.) Roxb.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Cassia alata (L.) Roxb. , Cassia bracteata L.f.
ชื่อสามัญ  Acapulo, Candelabra bush, Candle bush, Ringworm bush
วงศ์  FABACEAE (LEGUMINOSAE ) - Caesalpinioideae
ถิ่นกำเนิด
ชุมเห็ดเทศ มีถิ่นเกิดในเขตร้อนของทวีปแอฟริกา อเมริกาประเทศออสเตรเลีย แล้วก็เขตร้อนในเอเซียอาคเนย์ สำหรับในประเทศไทย สามารถพบได้บ่อยในประเทศไทย จากที่เปียกชื้น ทุกภาวะดินแต่ว่าไม่ขอบที่ร่มมาก พบได้มากทั้งยังบริเวณที่ราบรวมทั้งบนเขาที่มีความสูงไม่เกิน 1500 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ลักษณะทั่วไป
ชุมเห็ดเทศจัดเป็นพุ่มขนาดกึ่งกลาง สูง 1.5-3 เมตร ลำต้นแข็งมีเนื้อไม้ ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นแถวขนานกับพื้นดิน กิ่งจะแบออกทางข้างๆ มีขนสั้นนุ่ม เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีน้ำตาล ใบเป็นใบประกอบแบบขนปลายคู่ ออกเรียงสลับ ใบย่อย 8-20 คู่ ยาว 5-15 เซนติเมตร ใบย่อยรูปขอบขนาน ยาว5-15 ซม. ปนรูปรี โคนใบมน ปลายใบมน กลม หรือเว้าน้อย ไม่มีต่อม ฐานใบมนแตกต่างกันทั้งสองด้าน ขอบของใบเรียบมีสีแดง ศูนย์กลางใบครึ้ม ยาวราวๆ 30-60 เซนติเมตร ก้านใบประกอบยาวราวๆ 2 เซนติเมตร หูใบรูปติ่งหู สามเหลี่ยม ยาว 6-8 มิลลิเมตร ติดทน ดอกย่อยมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 4 ซม. ก้านดอกย่อยสั้นมากมาย ใบแต่งแต้มเป็นแผ่นบางๆกลีบเลี้ยงสีเขียวปลายแหลมมี 5 กลีบ กลีบดอกไม้สีเหลืองปลายมนมี 5 กลีบ ลายเส้นที่กลีบเห็นได้ชัด เกสรตัวผู้ยาว แตกต่างกัน เกสรตัวเมียมี 1 อัน ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปแถบ ยาว แบน แล้วก็สะอาดไม่มีขน ฝักมีขนาดยาวราวๆ 10-20 เซนติเมตรรวมทั้งกว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร มีสันหรือปีกกว้าง 4 ปีก ปีกกว้างราว 5 มม.ตามความยาวของฝัก ฝักมีฝาผนังกั้น ฝักเมื่อแก่จะเป็นสีดำและแตกตามยาว ภายในฝักมีเม็ดราวๆ 50-60 เม็ด เม็ดเป็นสามเหลี่ยมสีดำ มีผิวขรุขระ มีขนาดกว้างราวๆ 5-8 มม.และยาวราวๆ 7-10 มิลลิเมตร
การขยายพันธุ์ ชุมเห็ดเทศสามารถขยายพันธุ์ได้ 2 วิธีเป็นการใช้เม็ดและก็การปักชำ แต่ว่าโดยมากจะนิยมเพาะพันธุ์ด้วยเม็ดมากยิ่งกว่าซึ่งมีวิธีการปลูกดังต่อไปนี้
1. การเตรียมดินให้กำจัดวัชพืชและก็เศษวัสดุ และไถพรวนแล้วก็ตากดินไว้ 7-15 วัน ต่อจากนั้นให้ปุ๋ยคอกอัตรา 2 ตันต่อไร่
2. การเตรียมจำพวก หยุดเลือดเมล็ดที่แก่จัดแล้วเอามาแช่น้ำไว้ 1 คืน ต่อจากนั้นคลุกกับทรายในอัตรา 1: 1-2 แล้วห่อหุ้มด้วยผ้าขาวบาง รดน้ำให้เปียกแฉะ เก็บในที่ร่ม 1-2 วัน เมล็ดก็จะเริ่มแตกหน่อ
3. การปลูก ถ้าหากปลูกแบบหยอดหลุมด้วยเมล็ดที่เริ่มแตกออก ให้หยอดหลุมละ 5-6 เม็ดให้มีระยะห่างระหว่างต้น และก็ระหว่างแถว 3x4 เมตร เมื่อปลูกเสร็จใช้ผางหุ้มบางๆรดน้ำให้เปียก แม้ปลูกแบบใช้ต้นกล้าให้น้ำต้นกล้าที่เพาะจากเมล็ดที่มีอายุ 30 วัน หรือมีใบจริง 5-7 ใบ มาปลูกลงแปลง รดน้ำให้เปียก ปักไม้ค้ำกระทั่งถึงไว้แล้วก็ผูกใกล้กับต้นกล้าแล้วหุ้มโคนต้นด้วยผางและก็ควรจะรดน้ำให้ชุ่มเสมอในช่าง 2 เดือนแรก
ส่วนประกอบทางเคมี ชุมเห็ดเทศมีองค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญประกอบด้วยสารกรุ๊ป Anthraquinone โดยในใบชุมเห็ดเทศ จะต้องมีสาระสำคัญ Hydroxy-anthracene derives ไม่น้อยกว่า 1.0% w/w (โดยคำนวณเป็น rhein-8-glucoside) ดังเช่น Aloe-emodin, Chrysophanol , Chrysophanic acid, lsochrysophanol, Physcion glycoside, Terpenoids, Sennoside, Sitosterols, Lectin, Rhein.

คุณประโยชน์ / คุณประโยชน์ [/size][/b]
แบบเรียนยาไทย: ใช้ด้านในแก้ท้องผูก เป็นยาระบาย ไปกระตุ้นทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวการขึ้น สมานธาตุรักษากระเพาะอาหารอักเสบ แก้กษัยเส้น ทำหัวใจให้ธรรมดาขับปัสสาวะ ขับพยาธิ ใช้ด้านนอก รักษาฝี แล้วก็แผลพุพอง รักษากลาก เกลื้อน โรคผิวหนัง อมบ้วนปาก รักษาผิวหนังอักเสบเป็นผื่นคัน เส้นประสาทอักเสบ โดยใช้ส่วนของ ใบ เป็นยาถ่าย ใช้ข้างนอกรักษากลาก แก้แมลงสัตว์กัดต่อย และโรคผิวหนังอื่นๆใช้ถ่ายพยาธิตัวตืด ใบสด ใช้รักษาขี้กลากโรคเกลื้อน ตำพอก เร่งหัวฝี ใบและก็ดอก ทำยาต้มรับประทาน เป็นยาระบายแก้ท้องผูกขับเสลดในรายที่หลอดลมอักเสบ และแก้โรคหืด เม็ด มีกลิ่นเบื่อ รสเบื่อนิดหน่อยใช้ขับพยาธิ แก้ตานซาง แก้ท้องเฟ้อ แก้นอนไม่หลับ ฝัก มีรสเบื่อเบื่อ แก้พยาธิ เป็นยาระบาย ขับพยาธิตัวตืด พยาธิไส้เดือน ต้นรวมทั้งราก แก้กษัยเส้น แก้ท้องผูก บำรุงหัวใจเปลือกแล้วก็เนื้อไม้ ใช้ขับน้ำเหลืองเสีย ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันระบุว่า ชุมเห็ดเทศเป็นยาระบายที่ดี เหตุเพราะมีอีกทั้งแอนทราควิโนน ซึ่งเป็นยาระบาย รวมทั้งแทนนิน ซึ่งเป็นยาฝาดสมาน จึงเป็นยาระบายที่สมานธาตุในตัว รวมทั้งในชุมเห็ดเทศยังมีพฤกษเคมีที่เป็นยารวมทั้งสารต่อต้านนุมูลิอิสระสำคัญหลายชนิด โดยมีการทดลองสารสกัดหยาบคายจากใบ เปลือกลำต้น ดอก ผล สกัด โดยใช้เอทิลอะซิเตทแล้วก็เมทานอล พบสารฟลาโวนอยด์ แอนทราควิโนน คูมาริน ซาโปนิน แทนนิน เทอร์ปินอยด์ สเตอร์รอยด์ รวมทั้งคาดิแอคไกลโคไซด์ แม้กระนั้นไม่พบสารแอลค้างลอยด์ ในทุกส่วนของชุมเห็ดเทศ แล้วก็พบว่าสารสกัดทั้ง 8 ตัวอย่าง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ นอกเหนือจากนั้น สารสกัดทั้งยัง 8 ตัวอย่างสารมารถต้านทานเชื้อ Bacillus subtilis และก็ Staphy-lococcus aureus ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารสกัดเมทานอลจากดอกชุมเห็ดเทศชนิดเดียวแค่นั้นที่ต้านเชื้อ Pseudomonas auroginosa ได้ แต่ไม่มีสารใดที่มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อ E.coli การศึกษาเล่าเรียนการออกฤทธิ์ของ Senna alata (L.) Roxb. หรือชุมเห็ดเทศสำหรับในการยับยั้งการก้าวหน้าของเชื้อก่อโรคพบว่าสารสกัดจากชุมเห็ดเทศสามารถยับยั้งการเจริญก้าวหน้าของเชื้อก่อโรคได้หลายประเภท อาทิเช่น เชื้อรา แบคทีเรีย เชื้อไวรัส ปรสิต และยังมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการก่อยั้งเนื้องอก เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ ลดการอักเสบ แก้ปวดอีกด้วย
ต้นแบบ/ขนาดวิธีการใช้

ท้องผูก ใช้ใบปริมาณ 12-15 ใบย่อย ตากแห้ง คั่ว (ถ้าไม่คั่วเสียก่อน จะเกิดอาการข้างเคียง เป็นอาจมีอาการอาเจียนอาเจียน เมื่อคั่วความร้อนจะช่วยทำให้สารที่ออกฤทธิ์ทำให้คลื่นไส้อ้วกสลายไป) แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปต้มกับน้ำพอเหมาะ ดื่มครั้งเดียวก่อนรับประทานอาหารรุ่งอรุณมืด หรือก่อนนอน หรือใช้ผงใบ 3-6 กรัม ชงน้ำเดือด 120 มล. ตรงเวลา 10 นาที ดื่มก่อนนอน บางทีอาจทำเป็นยาลูกกลอนก็ได้ หรือใช้ช่อดอกสด 1-3 ช่อดอก ลวก จิ้มน้ำพริก หรือใช้ดอก 1 ช่อ กินใหม่ๆเป็นยาระบาย รวมทั้งใช้ใบแล้วก็ก้านขนาดใหญ่ ประมาณ 3-5 ช่อ นำมาต้มกับน้ำประมาณ 2 ขัน(1500 ซี.ซี.) ต้มให้เดือดเหลือน้ำโดยประมาณ 1/2 ขัน ใส่เกลือเพียงพอมีรสเค็มนิดหน่อย ดื่มวันละ 1 แก้ว (250 ซี.ซี.)คราวถัดไป กินดอกทีละโดยประมาณ 1 ช่อ
การใช้ชุมเห็ดเทศรักษากลาก โรคเกลื้อน นำใบสดมาตำให้ละเอียดใช้ทาบริเวณที่เป็นขี้กลากหรือผื่นคัน หรือบางทีอาจนำใบชุมเห็ดเทศ 3-4 ใบ มาตำให้รอบคอบเติมน้ำมะนาวหน่อยเดียว ทาบริเวณที่เป็นวันละ 2-3 ครั้ง หรือใช้ใบสดขยี้ถูนานๆแล้วก็เสมอๆตรงรอบๆที่เป็น
รวมถึงใช้ใบสด 4-5 ใบ ตำรวมกับกระเทียม 4-5 กลีบ แล้วเติมปูนแดงนิดหน่อย ทาบริเวณที่เป็นซึ่งได้ใช้ไม้ไผ่บางๆฆ่าเชื้อโรคแล้วขูดผิวบริเวณที่นั้นให้มีสีแดง(กรณีกลาก) ทาวันละ3-4 ครั้ง จนกระทั่งจะหาย และก็เมื่อหายแล้วให้ทาไปอีก 1 อาทิตย์ หรือจะใช้ใบสดตำแช่เหล้า เอาส่วนสุราทาบริเวณที่เป็นวันละ 2-3 ครั้ง จนกว่าจะหาย พบว่าได้ประสิทธิภาพที่ดี แต่ไม่ค่อยได้ผลในขี้กลากที่ผมแล้วก็เล็บ
รักษาฝีแผลพุพอง ใช้ใบชุมเห็ดเทศ 1 กำมือ ต้มกับน้ำเพียงพอท่วม ต้มให้เหลือ 1 ใน 3 เอามาชำระล้างฝีที่แตกแล้ว หรือแผลพุพอง วันละ 2 ครั้งตอนเช้า เย็น ถ้าเกิดบริเวณที่เป็นกว้างมากมายใช้สมุนไพร 10-12 กำมือ ต้มกับน้ำใช้อาบเช้าตรู่เย็น กระทั่งจะหาย
ใช้ใบสดตำพอก เพื่อรีบให้หัวฝีออกเร็วขึ้น หรือจะใช้ใบผสมกับน้ำปูนใสหรือเกลือหรือน้ำมันตำพอก รักษากลาก แมลงสัตว์กัดต่อย โรคผิวหนัง นอกจากนั้นยังใช้ใบตำพอกหรือคั้นเอาน้ำผสมน้ำปูนใสทาหรือผสมวาสลิน ใช้ทำเป็นยาขี้ผึ้งทาได้อีกด้วย
ส่วนยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติที่เสนอแนะให้ใช้คือ กินทีละ 1 – 2 ซอง (ใบชุมเห็ดเทศแห้งซองละ 3 กรัม) (3 – 6 กรัม) ชงในน้ำเดือด 120 มล. นาน 10 นาที วันละ 1 ครั้งก่อนนอน บรรเทาอาการท้องผูก
การศึกษาทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ สารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำขนาดเทียบเท่าผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 5 กรัม/โล ทำให้ลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูตะเภาหดตัวได้ปริมาณร้อยละ 25 ของฤทธิ์จากฮีสตามีน 1 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำขนาดเสมอกันผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 10 และ 20 กรัม/กิโลกรัม ส่งผลเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ของหนูเม้าส์ได้มากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำในขนาด 15 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ทำให้ลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูตะเภาหดตัวได้ในหลอดทดสอบ ในขณะที่สารกลัยโคไซด์จากใบชุมเห็ดเทศมีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบในไส้
ฤทธิ์สำหรับในการรักษาอาการท้องผูก เมื่อให้สารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศแห้งด้วยน้ำร้อนกับหนูแรททางปากในขนาด 500 แล้วก็ 800 มก./กิโล พบว่ามีฤทธิ์ช่วยระบาย รวมทั้งเมื่อให้สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำกับหนูเม้าส์ทางปากในขนาดเท่ากันผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 5, 10 และก็ 20 กรัม/กิโลกรัม จะมีผลให้หนูเม้าส์ถ่ายเหลว โดยการให้ในขนาดต่ำ (5 กรัม/โล) จะออกฤทธิ์ช้ากว่าในขนาดสูง (10 และ 20 กรัม/กิโลกรัม) สาร anthraquinone glycoside จากใบเป็นต้นว่า isocrysophanol, physcion-l-glycoside, chrysophanol, emodine, rhein, และ aloe-emodin มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย
ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีวัน สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำ สารสกัดด้วยเอทานอล สารสกัดด้วยเมทานอล รวมทั้งสาร aloe-emodin, rhein emodol, 4,5-dihydroxy-1-hydroxymethylanthrone, 4,5-dihydroxymethylanthraquinone แล้วก็ chrysophanol จากใบชุมเห็ดเทศ มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อราที่ผิวหนังดังเช่นว่า Epidermophyton floccosum , Microsporium gypseum, Trichophyton rubrum , T. mentagrophytes และก็ M. canis เมื่อเทียบกับยา tolnaftate สารสกัดด้วยน้ำรวมทั้งเอทานอลจากเปลือกต้นชุมเห็ดเทศสามารถยับยั้งเชื้อยีสต์ Candida albicans ได้ โดยที่ความเข้มข้น 30 ไมโครกรัม/ไมโครลิตร จะให้ผลดีเมื่อเปรียบเทียบกับยา ticonazole 30 ไมโครกรัม/ไมโครลิตร แต่ว่าสารสกัดจากใบด้วยน้ำและเอทานอลไม่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อยีสต์ น้ำมันหอมระเหยจากใบชุมเห็ดเทศ สารสกัดจากเปลือกต้นด้วยเมทานอล มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Bacillus subtilis ในจานเพาะเชื้อได้ปานกลาง สารสกัดด้วยน้ำจากใบชุมเห็ดเทศสามารถยั้งเชื้อ Escherichia coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อถึงที่กะไว้ความเข้มข้นมากยิ่งกว่า 21.8 มก./มิลลิลิตร
ผลงานวิจัยทางคลินิก (clinical pharmacology) การเรียนฤทธิ์สำหรับเพื่อการรักษาอาการท้องผูก การศึกษาเล่าเรียนทางสถานพยาบาลแบบสุ่มมีกรุ๊ปควบคุมระหว่างชงชาชุมเห็ดเทศ มิสท์แอลบา แล้วก็ยาหลอก ในโรงพยาบาลชุมชน 5 แห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลทั่วไป 1 ที่ ผู้ป่วยที่ไม่ขี้ต่อเนื่องกันเกิน 72 ชั่วโมง ปริมาณ 80 ราย แบ่งเป็น 3 กรุ๊ป กลุ่มแรก รับยาหลอกเป็นน้ำ เพิ่มสีคาราเมล 120 มล. ปริมาณ 28 ราย กรุ๊ปลำดับที่สองรับยามิสท์แอทบา 30 มล. น้ำ 90 มล. จำนวน 28 รายแล้วก็กลุ่มที่สามรับน้ำละลายชุมเห็ดเทศ ได้จากการชงผงชุมเห็ดเทศจำนวน 3-6 กรัม ในถุงกระดาษ แช่ในน้ำเดือด 120 มล. นาน 10 นาที ปริมาณ 24 ราย ผู้ป่วยอีกทั้ง 3 กรุ๊ปมีลักษณะไม่มีความต่างกัน ได้รับยารับประทานก่อนนอนประมวลผลจากการถ่ายอุจจาระหรือไม่ถ่ายอุจจาระข้างใน 24 ชั่วโมง พบว่า เห็นผลขี้ข้างใน 1 วัน ปริมาณร้อยละ 18,86 และ 83 เป็นลำดับ ซึ่งพบว่าผลของกรุ๊ปชุมเห็ดเทศแล้วก็มิสท์แอลบาดีกว่ายาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติแต่เจออาการท้องร่วงในกลุ่มที่ได้รับมิสท์แอลบามากกว่า คนไข้กลุ่มที่ได้รับชุมเห็ดเทศมีความชอบใจมากยิ่งกว่ายาหลอก สรุป ยาชงชุมเห็ดเทศมีประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาท้องผูก
ส่วนอีกการทดลองหนึ่งพบว่าเมื่อผสมผงใบชุมเห็ดเทศในของกินในขนาดปริมาณร้อยละ 2 แล้วก็ 10 ของอาหาร แล้วให้หนูแรทรับประทานนาน 4 อาทิตย์ จะพบแผลในลำไส้ ตับ แล้วก็ไต และหรูหราฮีโมโกลบินรวมทั้ง packed cell volume (PCV) สูงมากขึ้น แต่ว่าปริมาณเม็ดเลือดแดงลดลงใน 2 สัปดาห์แรก เมื่อใส่สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยเอทานอลขนาด 100 มิลลิกรัมในน้ำให้หนูแรทกินนาน 14 วัน พบว่าเกิดแผลในตับ เซลล์ตับตายเรี่ยราดแล้วก็มีการคั่งของเลือดในเส้นเลือดดำ การฉีดสารemodin รวมทั้ง kaemferol ขนาด
10 มิลลิกรัม เข้าท้องหนูแรทต่อเนื่องกัน 14 วัน หรือฉีดสาร aloe-emodin ขนาด 100 มก. สาร rhein ขนาด 70 มิลลิกรัม เข้าท้องนาน 4 วัน พบว่ากำเนิดแผลในตับของหนูทุกกลุ่ม กรุ๊ปที่ได้รับ aloe-emodin จะพบเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย หนูทุกกลุ่มหรูหราฮีโมโกลบิน และ PCV น้อยลงภายใน 14 วัน เมื่อป้อนสารสกัดจากใบด้วยน้ำขนาด 10, 50, 100 และก็ 250 มก./กิโลกรัม ให้หนูแรทนาน 14 วัน จะเจอระดับฮีโมโกลบินและก็ เม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น ในเวลาเดียวกันหนูมีลักษณะอาการเบื่อข้าว ผอมโซแล้วก็น้ำหนักลด
การเรียนในคนไข้ที่เป็นโรคขี้กลากและโรคเกลื้อนสารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์และครีมชุมเห็ดเทศเข้มข้นร้อยละ 20 สามารถรักษาคนเจ็บโรคกลาก 30 ราย และโรคเกลื้อน 10 ราย ก้าวหน้าเสมอกันกับยาขี้ผึ้ง whitfield แต่ว่าไม่เป็นผลรักษาราที่เล็บแล้วก็หนังศีรษะ ยาตระเตรียมชุมเห็ดเทศในแบบอย่างทิงเจอร์และก็ครีม(ซึ่งมีสารสำคัญ rhein 600 ไมโครกรัม/กรัม) ให้ผลสำหรับการรักษาผู้เจ็บป่วยโรคกลากเกลื้อนที่ผิวหนังได้เหมือนกันกับยาครีมโคลสามมาโซลปริมาณร้อยละ 1 สารสกัดใบชุมเห็ดเทศสดด้วยน้ำ (ใบสด 100 กรัมต่อน้ำ 50 มล.) ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 100 ทาบริเวณแขน และก็ขา หรือความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 90 ทาบริเวณคอ แล้วก็มือ แล้วก็ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 80 ทาบริเวณหน้า วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน 2 ชั่วโมง มีผลรักษาโรคกลากโรคเกลื้อนประเภท Pityraisis versicolor ที่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อรา Malassezia furfur ในคนป่วยจำนวน200 คนได้
การเรียนทางพิษวิทยา การทดลองความเป็นพิษ การทดสอบความเป็นพิษรุนแรง พบว่าสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ปริมาณร้อยละ 50 ในขนาด 15 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่มีพิษเมื่อให้หนูเม้าส์ทางปากและฉีดเข้าใต้ผิวหนัง แต่ว่ามีความเป็นพิษเล็กน้อยเมื่อฉีดเข้าทางท้องหนูเม้าส์ แล้วก็เมื่อฉีดสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์จำนวนร้อยละ85 เข้าทางท้องหนูเม้าส์ในขนาด 2 กรัม/กิโลกรัมก็ไม่เจอความเป็นพิษ สารสกัดจากใบด้วยน้ำแล้วก็สารสกัดจากส่วนเหนือดินของชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ปริมาณร้อยละ 50 มีความเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าทางช่องท้องหนูเม้าส์
โดยขนาดของสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ร้อยละ 50 ที่ทำให้หนูถีบจักรตายปริมาณร้อยละ 50 (LD50) คือ ขนาดที่ให้ทางปากแล้วก็ทางผิวหนังมากยิ่งกว่า 15 กรัมต่อกิโลและก็ทางท้อง 8.03 กรัมต่อกิโลกรัม
การทดสอบพิษครึ่งเรื้อรังของผงใบชุมเห็ดเทศในหนูขาววิสตาร์ 4 กลุ่ม กลุ่มละ 24 ตัว (เพศผู้ 12 ตัว เพศเมีย 12 ตัว) เป็นกลุ่มควบคุมและก็กรุ๊ปที่ได้รับยาใช้ภายนอกงปากขนาด 0.03 , 0.15 และก็0.75 กรัมต่อกก.ต่อวัน (ซึ่งเปรียบเทียบได้กับได้รับ 1 5 รวมทั้ง 25 เท่า ของขนาดที่รักษาในคน) ผลเป็น ไม่พบพิษทุกกรุ๊ป มีการเติบโตธรรมดาการตรวจทางเลือดวิทยาและชีวเคมีปกติ ไม่พบพยาธิภาวะแล้วก็จุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายในที่ไม่ปกติ
พิษต่อระบบสืบพันธุ์ เมื่อฉีดสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์จำนวนร้อยละ 50 เข้าช่องท้องหนูแรทในขนาด 125 มก./กิโลกรัม ไม่มีผลทำให้แท้งและไม่พบพิษต่อตัวอ่อนแม้กระนั้นผลต่อความเคลื่อนไหวของรอบเดือนไม่กระจ่าง ส่วนสารสกัดจากใบด้วยน้ำขนาด300ไมโครกรัม/มล. มีฤทธิ์ทำให้มดลูกหนูแรทหดตัวในหลอดทดสอบและก็มีฤทธิ์เสริม oxytocin
พิษต่อเซลล์ การทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์โดยใช้ brine shrimp พบว่าสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำในขนาด 7.74 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ทำให้ brine shrimp ตายไปครึ่งเดียว แล้วก็สารสกัดนี้มีความเป็นพิษต่อเซลล์ Vero โดยความเข้มข้น 1,414 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ทำให้เซลล์ Vero ตายไปกึ่งหนึ่ง
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยเอทานอล มีผลก่อกลายพันธุ์ในSalmonella typhimurium strain TA98 และพบว่าสารสกัดชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ S. typhimurium strain TA98 รวมทั้งTA100 โดยสำหรับในการออกฤทธิ์อยากเอนไซม์จากตับหนูกระตุ้นการออกฤทธิ์
คำแนะนำ/ข้อควรไตร่ตรอง

1. ระมัดระวังการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี คนไข้ inflammatory bowel disease รวมทั้งสภาวะทางเดินอาหารอุดตัน คนชรา หญิงให้นมบุตร เนื่องจากว่าสารmetabolite บางตัวอาทิเช่น rhein ถูกคัดหลั่งทางเรือนม
2. ควรที่จะใช้ยาระบายเป็นครั้งคราว ไม่ควรใช้ติดต่อกัน เพราะเหตุว่าสารแอนทราควิโนนในใบชุมเห็ดเทศ มีฤทธิ์ทำให้ไส้บีบตัวและขยับเขยื้อนเร็ว ใช้ติดต่อนานจะก่อให้ไส้ชินต่อการใช้ยา ถัดไปถ้าไม่ใช้จะก่อให้ลำไส้ไม่บีบตัวไม่เคลื่อนกำเนิดท้องผูกhttps://www.disthai.com/[/b]
3. การรับประทานยาในขนาดสูงอาจจะทำให้เกิดไตอักเสบ มีเลือดหรือโปรตีนในฉี่มากกว่าปกติ
4. การใช้ตลอดนานๆอาจมีผลลดปริมาณเม็ดเลือดแดง รวมทั้งฮีโมโกลบิตและก็อาจส่งผลให้เกิดแผลที่ตับ
5. การใช้ต่อเนื่องในขนาดสูงนานๆบางทีอาจกำเนิดระบบการดูดซึมผิดปกติ มีการดูดกลับของเหลวน้อยลง เกิดภาวะระดับโพเทสเซียมรวมทั้งแคลเซียมในเลือดต่ำ
6. ห้ามใช้ในสตรีมีท้อง
7. การใช้ชุมเห็ดเทศในทีแรกๆๆอาจจะก่อให้เกิดอาการไม่ประสงค์ เช่น ลักษณะของการปวดมวนท้องเนื่องจากว่าการบีบตัวของลำไส้ใหญ่รวมทั้งอาจมีอาการคลื่นไส้ ของกินไม่ย่อยและก็เจ็บท้องได้
เอกสารอ้างอิง
1. เภสัชกรชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ.ชุมเห็ดไทย/ชุมเห็ดเทศ.คอลัมน์ สมุนไพรน่าสนใจ.แมกกาซีนแพทย์ราษฎร.เล่มที่ 26 .เดือนกรกฎาคม .2524
2. ฉัตรโย สวัสดิไชย,สุรศักดิ์ อิ่มใหม่.ชุมเห็ดเทศ.ยาน่ารู้.วารสารศูนย์การเล่าเรียนแพทยศาสตร์สถานพยาบาล โรงพยาบาลพระปกเกล้า.ปีที่ 34 ฉบับที่4.ตุลาคม-เดือนธันวาคม.2560 หน้า.352-355
3. ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม.“ชุมเห็ดเทศ”. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 271-274.
4. เปี่ยม บุณยะโชติ. หนังสือเรียนโบราณกล่าวถึงโรคเด็กแล้วก็คุณผู้หญิง. จังหวัดกรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์เฟื่องอักษร, 2514. หน้า 39.
5. กองวิจัยทางด้านการแพทย์. สมุนไพรท้องถิ่น เวลาที่ 1. กรุงเทพฯ: กรมวิทยาศาตร์การแพทย์. กระทรวงสาธารณสุข, 2526. หน้า 34.
6. ดร.นิจศรี เรืองรังษี, เครื่องหมายชัย มังคละคุปต์. “ชุมเห็ดเทศChumhet Tet)”. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1 หน้า 108.
7. พระเทพกระจ่างเมาลี. หนังสือเรียนยากลางบ้าน. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มงกุฏราชวิทยาลัย, 2524. หน้า 140.
8. ชุมเห็ดเทศ.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
9. วิทยา บุญวรพัฒน์. “ชุมเห็ดเทศ”. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีนที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. หน้า 208.
10. เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ กำเนิดดอนแฝก. ชุมเห็ดเทศ[/url]”. หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ประเภท. หน้า 74-75.
11. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ชุมเห็ดเทศ Ringworm Bush”. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีต้นไม้. หน้า 75.
12. ชุมเห็ดเทศ.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ม.อบ..
13. คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา. บัญชียาจากสมุนไพร พุทธศักราช 2549 ตามประกาศคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2549 เรื่องบัญชียาหลักแห่งชาติพุทธศักราช 2547 (ฉบับที่ 4). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การกสิกรรมแห่งเมืองไทยจำกัด, 2549
14. วันดี กฤษณพันธ์ แม้นสรวง วุฒิอุดมเยี่ยม ดอกมะลิ ไตรอำนาจวาสนา สุภาวี อาชวาคม. การเรียนรู้ฤทธิ์ต้านทานเชื้อราของสารแอนทราควิโนนจากใบชุมเห็ดเทศ. การประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์และก็เทคโนโลยีที่ประเทศไทย ครั้งที่ 24, 19-21 ต.ค. ณ. ศูนย์สัมมนาแห่งชาติสิริกิตติ์ กรุงเทพมหานคร, 2541.
15. Harrison J, Garro CV. Study on anthraquinone derivatives from Cassia alata L. (Leguminosae). Rev Peru Bioquim 1977;(1):31-2.
16. จินตนาการ สุทธชนาความรื่นเริง แล้วก็แผนก. ฤทธิ์ต้านทานเชื้อราของใบชุมเห็ดเทศ. รวมบทสรุปย่อการค้นคว้าการแพทย์แผนไทยและก็แนวทางการค้นคว้าในอนาคต สถาบันการแพทย์แผนไทย, 2543.
17. Akah PA. Abortifacient activity of some Nigerian medicinal plants. Phytother Res 1994;8(2):106-8.
18. Plengvidhya P, Suvagondha C. A study of diagnostic contents of leaves of some members in genus Cassia. J Pharm Assoc Siam, Third series 1957;10(1):10-2.
19. เกษร นันทจิต. ฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ของใบชุมเห็ดเทศ (Cassia alata Linn.). รายงานการวิจัย สำนักงานคณะกรรมการศึกษาค้นคว้าแห่งชาติ, 2538.
20. เสาวลักษณ์ พงษ์ไพจิตร. ฤทธิ์ต้านทานจุลอินทรีย์ของสารสกัดจากพืชสกุล Cassia sp. รายงานการวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2543.
21. Thamlikitkul V, Dechatiwonges T, Chantrakul C, et al. Randomized controlled trial of Cassia Alata Linn. for constipation. J Med Assoc Thai 1990;73(4):217-21.
22. Mokkhasmit M, Swatdimongkol K, Satrawaha P. Study on toxicity of Thai medicinal plants. Bull Dept Med Sci 1971;12(2/4):36-65.
23. Rao JVLN, Sastry PSR, Poa RVK, Vimaladevi M. Occurrence of kaempferol and aloe-emodin in the leaves of Cassia alata. Curr Sci 1975;44(20):736-7.
24. ทุ่งนาถฤดี สิทธิสมสกุล ทรงพล ชีวะพัฒน์ เอมมโน หวังหมัด สุธิดา ไชยราช พัชรินทร์ รักษามั่น จรินทร์ จันทรฉายะ. พิษของใบชุมเห็ดเทศ. วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์2534;33(4):145-54.
25. Somchit MN, Reezal I, Nur IE, Mutalib AR. In vitro ant



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ