สรรพคุณเเละประโชน์ ชุมเห็ดเทศ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรรพคุณเเละประโชน์ ชุมเห็ดเทศ  (อ่าน 17 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Posthizzt555
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12778


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: ธันวาคม 10, 2018, 02:46:04 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


ชุมเห็ดเทศ
ชื่อสมุนไพร  ชุมเห็ดเทศ
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น ขี้คาก , ลับมืนหลวง , หมากกะลิงเทศ ,หญ้าเล็บมือหลวง (ภาคเหนือ) , ส้มเห็ด (เชียงราย) ,จุมเห็ด (มหาสารคาม) , ชุมเห็ดใหญ่ (ภาคกลาง) , ตะสีพอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ตุ๊ยเฮียะเต่า , ฮุยจิวบักทง (จีน) , ตุ้ยเย่โต้ว (จีนกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Senna alata (L.) Roxb.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Cassia alata (L.) Roxb. , Cassia bracteata L.f.
ชื่อสามัญ  Acapulo, Candelabra bush, Candle bush, Ringworm bush
วงศ์  FABACEAE (LEGUMINOSAE ) - Caesalpinioideae
ถิ่นกำเนิด
[url=https://www.disthai.com/17028770/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8]ชุมเห็ดเทศ[/url] มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปแอฟริกา อเมริกาออสเตรเลีย และก็เขตร้อนในเอเซียอาคเนย์ สำหรับในประเทศไทย สามารถพบบ่อยในประเทศไทย ตามที่เปียกชื้น ทุกภาวะดินแม้กระนั้นไม่ขอบที่ร่มมาก พบมากทั้งยังบริเวณที่ราบแล้วก็บนเขาที่มีความสูงไม่เกิน 1500 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ลักษณะทั่วไป
ชุมเห็ดเทศจัดเป็นพุ่มไม้ขนาดกึ่งกลาง สูง 1.5-3 เมตร ลำต้นแข็งมีเนื้อไม้ ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นแถวขนานกับพื้นดิน กิ่งจะแผ่ขยายออกทางข้างๆ มีขนสั้นนุ่ม เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีน้ำตาล ใบเป็นใบประกอบแบบขนปลายคู่ ออกเรียงสลับ ใบย่อย 8-20 คู่ ยาว 5-15 เซนติเมตร ใบย่อยรูปขอบขนาน ยาว5-15 ซม. ปนรูปรี โคนใบมน ปลายใบมน กลม หรือเว้าบางส่วน ไม่มีต่อม ฐานใบมนไม่เท่ากันทั้งสองด้าน ขอบใบเรียบมีสีแดง แกนกลางใบหนา ยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร ก้านใบประกอบยาวประมาณ 2 เซนติเมตร หูใบรูปติ่งหู สามเหลี่ยม ยาว 6-8 มม. ติดทน ดอกย่อยมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 4 ซม. ก้านดอกย่อยสั้นมากมาย ใบประดับเป็นแผ่นบางๆกลีบเลี้ยงสีเขียวปลายแหลมมี 5 กลีบ กลีบดอกไม้สีเหลืองปลายมนมี 5 กลีบ ลายเส้นที่กลีบดอกไม้เห็นได้ชัด เกสรตัวผู้ยาว แตกต่างกัน เกสรตัวเมียมี 1 อัน ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปแถบ ยาว แบน รวมทั้งเกลี้ยงไม่มีขน ฝักมีขนาดยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตรและกว้างราวๆ 1.5-2 ซม. มีสันหรือปีกกว้าง 4 ปีก ปีกกว้างราว 5 มิลลิเมตรตามความยาวของฝัก ฝักมีฝาผนังกั้น ฝักเมื่อแก่จะเป็นสีดำและก็แตกตามยาว ด้านในฝักมีเม็ดโดยประมาณ 50-60 เมล็ด เม็ดเป็นรูปสามเหลี่ยมสีดำ มีผิวตะปุ่มตะป่ำ มีขนาดกว้างราว 5-8 มิลลิเมตรแล้วก็ยาวราว 7-10 มม.
การขยายพันธุ์ ชุมเห็ดเทศสามารถเพาะพันธุ์ได้ 2 แนวทางเป็นการใช้เม็ดและการปักชำ แต่โดยมากจะนิยมเพาะพันธุ์ด้วยเม็ดมากกว่าซึ่งมีวิธีการปลูกดังนี้
1. การเตรียมดินให้กำจัดวัชพืชและเศษวัสดุ พร้อมด้วยไถลูกพรวนรวมทั้งตากดินไว้ 7-15 วัน ต่อจากนั้นให้ปุ๋ยคอกอัตรา 2 ตันต่อไร่
2. การเตรียมพันธุ์ คัดเลือดเม็ดที่แก่จัดแล้วเอามาแช่น้ำไว้ 1 คืน แล้วหลังจากนั้นคลุกกับทรายในอัตรา 1: 1-2 แล้วห่อด้วยผ้าขาวบาง รดน้ำให้เปียกแฉะ เก็บในที่ร่ม 1-2 วัน เมล็ดก็จะเริ่มงอก
3. การปลูก ถ้าหากปลูกแบบหยอดหลุมด้วยเมล็ดที่เริ่มแตกออก ให้หยอดหลุมละ 5-6 เมล็ดให้มีระยะห่างระหว่างต้น แล้วก็ระหว่างแถว 3x4 เมตร เมื่อปลูกเสร็จใช้ผางคลุมบางๆรดน้ำให้เปียก ถ้าปลูกแบบใช้ต้นกล้าให้น้ำต้นกล้าที่เพาะจากเมล็ดที่แก่ 30 วัน หรือมีใบจริง 5-7 ใบ มาปลูกลงแปลง รดน้ำให้เปียก ปักไม้ค้ำยันไว้และผูกใกล้กับต้นกล้าแล้วปกคลุมโคนต้นด้วยผางแล้วก็ควรจะรดน้ำให้เปียกแฉะเสมอในช่าง 2 เดือนแรก
ส่วนประกอบทางเคมี ชุมเห็ดเทศมีองค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญมีสารกรุ๊ป Anthraquinone โดยในใบชุมเห็ดเทศ จะต้องมีสาระสำคัญ Hydroxy-anthracene derives ไม่น้อยกว่า 1.0% w/w (โดยคำนวณเป็น rhein-8-glucoside) อาทิเช่น Aloe-emodin, Chrysophanol , Chrysophanic acid, lsochrysophanol, Physcion glycoside, Terpenoids, Sennoside, Sitosterols, Lectin, Rhein.

คุณประโยชน์ / คุณประโยชน์

ตำรายาไทย: ใช้ด้านในแก้ท้องผูก เป็นยาระบาย ไปกระตุ้นทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวการขึ้น สมานธาตุรักษากระเพาะอาหารอักเสบ แก้กษัยเส้น ทำหัวใจให้ธรรมดาขับฉี่ ขับพยาธิ ใช้ข้างนอก รักษาฝี รวมทั้งแผลพุพอง รักษากลาก โรคเกลื้อน โรคผิวหนัง อมบ้วนปาก รักษาผิวหนังอักเสบเป็นผื่นคัน เส้นประสาทอักเสบ โดยใช้ส่วนของ ใบ เป็นยาถ่าย ใช้ข้างนอกรักษากลาก แก้แมลงสัตว์กัดต่อย รวมทั้งโรคผิวหนังอื่นๆใช้ถ่ายพยาธิตัวตืด ใบสด ใช้รักษาขี้กลากเกลื้อน ตำพอก รีบหัวฝี ใบแล้วก็ดอก ทำยาต้มกิน เป็นยาระบายแก้ท้องผูกขับเสมหะในรายที่หลอดลมอักเสบ และก็แก้โรคหืด เมล็ด มีกลิ่นเหม็นเบื่อ รสเบื่อนิดหน่อยใช้ขับพยาธิ แก้ตานซาง แก้ท้องเฟ้อ แก้นอนไม่หลับ ฝัก มีรสเบื่อเบื่อ แก้พยาธิ เป็นยาระบาย ขับพยาธิตัวตืด พยาธิไส้เดือน ต้นแล้วก็ราก แก้กษัยเส้น แก้ท้องผูก บำรุงหัวใจเปลือกรวมทั้งแก่นไม้ ใช้ขับน้ำเหลืองเสีย ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันกล่าวว่า ชุมเห็ดเทศเป็นยาระบายที่ดี เนื่องด้วยมีทั้งแอนทราควิโนน ซึ่งเป็นยาระบาย แล้วก็แทนนิน ซึ่งเป็นยาฝาดสมาน ก็เลยเป็นยาระบายที่สมานธาตุในตัว และในชุมเห็ดเทศยังมีพฤกษเคมีที่เป็นยาแล้วก็สารต้านทานนุมูลิอิสระสำคัญหลายอย่าง โดยมีการทดลองสารสกัดหยาบคายจากใบ เปลือกลำต้น ดอก ผล สกัด โดยใช้เอทิลอะสิเตทแล้วก็เมทานอล พบสารฟลาโวนอยด์ แอนทราควิโนน คูมาริน ซาโปนิน แทนนิน เทอร์ปินอยด์ สเตอร์รอยด์ แล้วก็คาดิแอคไกลโคไซด์ แม้กระนั้นไม่พบสารแอลติดอยู่ลอยด์ ในทุกส่วนของชุมเห็ดเทศ แล้วก็พบว่าสารสกัดทั้งยัง 8 แบบอย่าง มีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ สารสกัดทั้งยัง 8 ตัวอย่างสารมารถต้านทานเชื้อ Bacillus subtilis รวมทั้ง Staphy-lococcus aureus ได้ โดยเฉพาะสารสกัดเมทานอลจากดอกชุมเห็ดเทศชนิดเดียวแค่นั้นที่ต่อต้านเชื้อ Pseudomonas auroginosa ได้ แต่ไม่มีสารใดที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อ E.coli การเล่าเรียนการออกฤทธิ์ของ Senna alata (L.) Roxb. หรือชุมเห็ดเทศสำหรับเพื่อการยั้งการก้าวหน้าของเชื้อก่อโรคพบว่าสารสกัดจากชุมเห็ดเทศสามารถยั้งการเจริญของเชื้อก่อโรคได้หลากหลายประเภท ดังเช่นว่า เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส ปรสิต แล้วก็ยังมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านการก่อยั้งเนื้องอก เป็นยาระบาย ขับฉี่ ลดการอักเสบ แก้ปวดอีกด้วย
แบบอย่าง/ขนาดวิธีการใช้

ท้องผูก ใช้ใบปริมาณ 12-15 ใบย่อย ตากแห้ง คั่ว (ถ้าไม่คั่วซะก่อน จะกำเนิดอาการใกล้กัน คืออาจมีอาการอาเจียนคลื่นไส้ เมื่อคั่วความร้อนจะช่วยให้สารที่ออกฤทธิ์ทำให้อาเจียนคลื่นไส้สลายไป) แล้วค่อยนำไปต้มกับน้ำพอเหมาะ ดื่มครั้งเดียวก่อนที่จะกินอาหารรุ่งเช้ามืด หรือก่อนนอน หรือใช้ผงใบ 3-6 กรัม ชงน้ำเดือด 120 มล. ตรงเวลา 10 นาที ดื่มก่อนนอน อาจทำเป็นยาลูกกลอนก็ได้ หรือใช้ช่อดอกสด 1-3 ช่อดอก ลวก จิ้มน้ำพริก หรือใช้ดอก 1 ช่อ กินสดๆเป็นยาระบาย รวมทั้งใช้ใบและก็ก้านขนาดใหญ่ ราวๆ 3-5 ช่อ เอามาต้มกับน้ำโดยประมาณ 2 ขัน(1500 ซี.ซี.) ต้มให้เดือดเหลือน้ำราว 1/2 ขัน ใส่เกลือพอเพียงมีรสเค็มบางส่วน ดื่มวันละ 1 แก้ว (250 ซี.ซี.)ครั้งถัดไป รับประทานดอกทีละโดยประมาณ 1 ช่อ
การใช้ชุมเห็ดเทศรักษากลาก โรคเกลื้อน นำใบสดมาตำอย่างถี่ถ้วนใช้ทาบริเวณที่เป็นขี้กลากหรือผื่นคัน หรืออาจนำใบชุมเห็ดเทศ 3-4 ใบ มาตำอย่างละเอียดเพิ่มเติมน้ำมะนาวนิดนึง ทาบริเวณที่เป็นวันละ 2-3 ครั้ง หรือใช้ใบสดขยี้เช็ดนานๆรวมทั้งบ่อยๆตรงรอบๆที่เป็น
รวมถึงใช้ใบสด 4-5 ใบ ตำรวมกับกระเทียม 4-5 กลีบ แล้วเติมปูนแดงนิดหน่อย ทาบริเวณที่เป็นซึ่งได้ใช้ไผ่บางๆฆ่าเชื้อแล้วขูดผิวบริเวณที่นั้นให้มีสีแดง(กรณีขี้กลาก) ทาวันละ3-4 ครั้ง จนกระทั่งจะหาย รวมทั้งเมื่อหายแล้วให้ทาไปอีก 1 สัปดาห์ หรือจะใช้ใบสดตำแช่เหล้า เอาส่วนเหล้าทาบริเวณที่เป็นวันละ 2-3 ครั้ง จนกระทั่งจะหาย พบว่าได้ผลลัพธ์ที่ดี แม้กระนั้นไม่ค่อยสำเร็จในขี้กลากที่ผมแล้วก็เล็บ
รักษาฝีแผลพุพอง ใช้ใบชุมเห็ดเทศ 1 กำมือ ต้มกับน้ำเพียงพอท่วม เคี่ยวให้เหลือ 1 ใน 3 เอามาล้างฝีที่แตกแล้ว หรือแผลพุพอง วันละ 2 ครั้งรุ่งเช้า เย็น ถ้าเกิดรอบๆที่เป็นกว้างมากมายใช้สมุนไพร 10-12 กำมือ ต้มกับน้ำใช้อาบเช้าเย็น จนกว่าจะหาย
ใช้ใบสดตำพอก เพื่อเร่งให้หัวฝีออกเร็วขึ้น หรือจะใช้ใบผสมกับน้ำปูนใสหรือเกลือหรือน้ำมันตำพอก รักษาขี้กลาก แมลงสัตว์กัดต่อย โรคผิวหนัง นอกเหนือจากนี้ยังใช้ใบตำพอกหรือคั้นเอาน้ำผสมน้ำปูนใสทาหรือผสมวาสลิน ใช้ทำเป็นยาขี้ผึ้งทาได้อีกด้วย
ส่วนยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติที่แนะนำให้ใช้คือ กินครั้งละ 1 – 2 ซอง (ใบชุมเห็ดเทศแห้งซองละ 3 กรัม) (3 – 6 กรัม) ชงในน้ำเดือด 120 มล. นาน 10 นาที วันละ 1 ครั้งกระโน้นนอน บรรเทาท้องผูก
การเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ สารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำขนาดเทียบเท่าผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 5 กรัม/กิโลกรัม ทำให้ลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูตะเภาหดตัวได้ปริมาณร้อยละ 25 ของฤทธิ์จากฮีสตามีน 1 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำขนาดเทียบเท่าผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 10 และก็ 20 กรัม/กก. ส่งผลเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ของหนูเม้าส์ได้มากกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำในขนาด 15 ไมโครกรัม/มล. ทำให้ลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูตะเภาหดตัวได้ในหลอดทดสอบ ในช่วงเวลาที่สารกลัยโคไซด์จากใบชุมเห็ดเทศมีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบในไส้
ฤทธิ์สำหรับเพื่อการรักษาท้องผูก เมื่อให้สารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศแห้งด้วยน้ำร้อนกับหนูแรททางปากในขนาด 500 รวมทั้ง 800 มิลลิกรัม/กิโล พบว่ามีฤทธิ์ช่วยระบาย และเมื่อให้สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำกับหนูเม้าส์ทางปากในขนาดเสมอกันผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 5, 10 และก็ 20 กรัม/กก. จะมีผลให้หนูเม้าส์ถ่ายเหลว โดยการให้ในขนาดต่ำ (5 กรัม/กิโล) จะออกฤทธิ์ช้ากว่าในขนาดสูง (10 รวมทั้ง 20 กรัม/กิโลกรัม) สาร anthraquinone glycoside จากใบเช่น isocrysophanol, physcion-l-glycoside, chrysophanol, emodine, rhein, และ aloe-emodin มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย
ฤทธิ์ต้านทานเชื้อจุลชีพ สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำ สารสกัดด้วยเอทานอล สารสกัดด้วยเมทานอล และก็สาร aloe-emodin, rhein emodol, 4,5-dihydroxy-1-hydroxymethylanthrone, 4,5-dihydroxymethylanthraquinone และก็ chrysophanol จากใบชุมเห็ดเทศ มีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ผิวหนังอาทิเช่น Epidermophyton floccosum , Microsporium gypseum, Trichophyton rubrum , T. mentagrophytes รวมทั้ง M. canis เมื่อเทียบกับยา tolnaftate สารสกัดด้วยน้ำและก็เอทานอลจากเปลือกต้นชุมเห็ดเทศสามารถยั้งเชื้อยีสต์ Candida albicans ได้ โดยที่ความเข้มข้น 30 ไมโครกรัม/ไมโครลิตร จะให้ผลดีเมื่อเปรียบเทียบกับยา ticonazole 30 ไมโครกรัม/ไมโครลิตร แต่ว่าสารสกัดจากใบด้วยน้ำรวมทั้งเอทานอลไม่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อยีสต์ น้ำมันหอมระเหยจากใบชุมเห็ดเทศ สารสกัดจากเปลือกต้นด้วยเมทานอล มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Bacillus subtilis ในจานเพาะเชื้อได้ปานกลาง สารสกัดด้วยน้ำจากใบชุมเห็ดเทศสามารถยั้งเชื้อ Escherichia coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ที่ความเข้มข้นมากยิ่งกว่า 21.8 มิลลิกรัม/มล.
ผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัยทางคลินิก (clinical pharmacology) การเล่าเรียนฤทธิ์สำหรับในการรักษาอาการท้องผูก การเล่าเรียนทางสถานพยาบาลแบบสุ่มมีกลุ่มควบคุมระหว่างชงชาชุมเห็ดเทศ มิสท์แอลบา แล้วก็ยาหลอก ในโรงหมอชุมชน 5 แห่ง รวมทั้งโรงหมอทั่วๆไป 1 ที่ ผู้เจ็บป่วยที่ไม่อึติดต่อกันเกิน 72 ชั่วโมง ปริมาณ 80 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กรุ๊ปแรก รับยาหลอกเป็นน้ำ เติมสีคาราเมล 120 มล. ปริมาณ 28 ราย กลุ่มที่สองรับยามิสท์แอทบา 30 มิลลิลิตร น้ำ 90 มิลลิลิตร จำนวน 28 รายรวมทั้งกลุ่มที่สามรับน้ำละลายชุมเห็ดเทศ ได้จากการชงผงชุมเห็ดเทศจำนวน 3-6 กรัม ในถุงที่ทำจากกระดาษ แช่ลงไปในน้ำเดือด 120 มล. นาน 10 นาที จำนวน 24 ราย คนเจ็บทั้งยัง 3 กลุ่มมีลักษณะไม่แตกต่างกัน ได้รับยารับประทานก่อนนอนให้คะแนนจากการถ่ายอุจจาระหรือเปล่าอุจจาระข้างใน 24 ชั่วโมง พบว่า ได้ผลอุจจาระภายใน 24 ชั่วโมง ร้อยละ 18,86 และก็ 83 ตามลำดับ ซึ่งพบว่าผลของกรุ๊ปชุมเห็ดเทศและก็มิสท์แอลบาดีกว่ายาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติแม้กระนั้นเจออาการท้องร่วงในกรุ๊ปที่ได้รับมิสท์แอลบามากยิ่งกว่า คนป่วยกลุ่มที่ได้รับชุมเห็ดเทศมีความพอใจมากกว่ายาหลอก สรุป ยาชงชุมเห็ดเทศมีประสิทธิภาพที่ดีสำหรับในการรักษาท้องผูก
ส่วนอีกการทดลองหนึ่งพบว่าเมื่อผสมผงใบชุมเห็ดเทศในอาหารในขนาดปริมาณร้อยละ 2 รวมทั้ง 10 ของของกิน แล้วให้หนูแรทรับประทานนาน 4 สัปดาห์ จะพบแผลในลำไส้ ตับ และไต รวมทั้งมีระดับฮีโมโกลบินรวมทั้ง packed cell volume (PCV) สูงมากขึ้น แม้กระนั้นปริมาณเม็ดเลือดแดงต่ำลงใน 2 สัปดาห์แรก เมื่อใส่สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยเอทานอลขนาด 100 มิลลิกรัมในน้ำกินให้หนูแรทรับประทานนาน 14 วัน พบว่ากำเนิดแผลในตับ เซลล์ตับตายเรี่ยราดและก็มีการคั่งของเลือดในเส้นเลือดดำ การฉีดสารemodin แล้วก็ kaemferol ขนาด
10 มิลลิกรัม เข้าช่องท้องหนูแรทต่อเนื่องกัน 14 วัน หรือฉีดสาร aloe-emodin ขนาด 100 มิลลิกรัม สาร rhein ขนาด 70 มิลลิกรัม เข้าท้องนาน 4 วัน พบว่าเกิดแผลในตับของหนูทุกกลุ่ม กลุ่มที่ได้รับ aloe-emodin จะพบเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย หนูทุกกรุ๊ปมีระดับฮีโมโกลบิน และก็ PCV ลดลงภายใน 14 วัน เมื่อป้อนสารสกัดจากใบด้วยน้ำขนาด 10, 50, 100 แล้วก็ 250 มก./กิโลกรัม ให้หนูแรทนาน 14 วัน จะเจอระดับฮีโมโกลบินและ เม็ดเลือดแดงมากขึ้น ในขณะเดียวกันหนูมีอาการไม่อยากกินอาหาร ผอมเกร็งและก็น้ำหนักลด
การศึกษาในผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคขี้กลากแล้วก็เกลื้อนสารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์แล้วก็ครีมชุมเห็ดเทศเข้มข้นร้อยละ 20 สามารถรักษาผู้เจ็บป่วยโรคกลาก 30 ราย และก็โรคเกลื้อน 10 ราย ก้าวหน้าเสมอกันกับยาขี้ผึ้ง whitfield แม้กระนั้นไม่มีผลรักษาราที่เล็บและหนังหัว ยาจัดแจงชุมเห็ดเทศในรูปแบบทิงเจอร์แล้วก็ครีม(ซึ่งมีสารสำคัญ rhein 600 ไมโครกรัม/กรัม) ให้ผลสำหรับการรักษาผู้เจ็บป่วยโรคกลากโรคเกลื้อนที่ผิวหนังได้เหมือนกับยาครีมโคลสามมาโซลร้อยละ 1 สารสกัดใบชุมเห็ดเทศสดด้วยน้ำ (ใบสด 100 กรัมต่อน้ำ 50 มิลลิลิตร) ความเข้มข้นร้อยละ 100 ทาบริเวณแขน และขา หรือความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 90 ทาบริเวณคอ และก็มือ แล้วก็ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 80 ทาบริเวณหน้า วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน 2 ชั่วโมง ส่งผลรักษาโรคกลากโรคเกลื้อนชนิด Pityraisis versicolor ที่มีต้นเหตุมาจากเชื้อรา Malassezia furfur ในผู้ป่วยจำนวน200 คนได้
การเรียนทางพิษวิทยา การทดลองความเป็นพิษ การทดลองความเป็นพิษทันควัน พบว่าสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์จำนวนร้อยละ 50 ในขนาด 15 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 โล ไม่มีพิษเมื่อให้หนูเม้าส์ทางปากและฉีดเข้าใต้ผิวหนัง แม้กระนั้นมีความเป็นพิษบางส่วนเมื่อฉีดเข้าทางช่องท้องหนูเม้าส์ และเมื่อฉีดสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์จำนวนร้อยละ85 เข้าทางช่องท้องหนูเม้าส์ในขนาด 2 กรัม/โลก็ไม่พบความเป็นพิษ สารสกัดจากใบด้วยน้ำและสารสกัดจากส่วนเหนือดินของชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์จำนวนร้อยละ 50 มีความเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าทางท้องหนูเม้าส์
โดยขนาดของสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ปริมาณร้อยละ 50 ที่ทำให้หนูถีบจักรตายจำนวนร้อยละ 50 (LD50) เป็น ขนาดที่ให้ทางปากรวมทั้งทางผิวหนังมากยิ่งกว่า 15 กรัมต่อกิโลกรัมแล้วก็ทางท้อง 8.03 กรัมต่อกิโล
การทดลองพิษครึ่งหนึ่งเรื้อรังของผงใบชุมเห็ดเทศในหนูขาววิสตาร์ 4 กรุ๊ป กลุ่มละ 24 ตัว (เพศผู้ 12 ตัว เพศภรรยา 12 ตัว) เป็นกลุ่มควบคุมและกรุ๊ปที่ได้รับยาใช้ภายนอกงปากขนาด 0.03 , 0.15 แล้วก็0.75 กรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน (ซึ่งเปรียบเทียบได้กับได้รับ 1 5 และก็ 25 เท่า ของขนาดที่รักษาในคน) ผลเป็น ไม่เจอพิษทุกกรุ๊ป มีการเติบโตปกติการตรวจทางเลือดวิทยารวมทั้งวิชาชีวเคมีปกติ ไม่เจอพยาธิภาวะแล้วก็จุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายในที่ไม่ดีเหมือนปกติ
พิษต่อระบบแพร่พันธุ์ เมื่อฉีดสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์จำนวนร้อยละ 50 เข้าท้องหนูแรทในขนาด 125 มิลลิกรัม/กิโล ไม่เป็นผลทำให้แท้งและไม่พบพิษต่อตัวอ่อนแต่ผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือนไม่แน่ชัด ส่วนสารสกัดจากใบด้วยน้ำขนาด300ไมโครกรัม/มล. มีฤทธิ์ทำให้มดลูกหนูแรทหดตัวในหลอดทดสอบและมีฤทธิ์เสริม oxytocin
พิษต่อเซลล์ การทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์โดยใช้ brine shrimp พบว่าสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำในขนาด 7.74 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ทำให้ brine shrimp ตายไปครึ่งเดียว แล้วก็สารสกัดนี้มีความเป็นพิษต่อเซลล์ Vero โดยความเข้มข้น 1,414 ไมโครกรัม/มล. ทำให้เซลล์ Vero ตายไปกึ่งหนึ่ง
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยเอทานอล มีผลก่อกลายพันธุ์ในSalmonella typhimurium strain TA98 รวมทั้งพบว่าสารสกัดชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ S. typhimurium strain TA98 และก็TA100 โดยในการออกฤทธิ์ปรารถนาเอนไซม์จากตับหนูกระตุ้นการออกฤทธิ์
ข้อแนะนำ/ข้อควรปฏิบัติตาม

1. ระแวดระวังการใช้ในเด็กอายุต่ำยิ่งกว่า 12 ปี คนไข้ inflammatory bowel disease รวมทั้งภาวการณ์ทางเดินอาหารตัน ผู้สูงอายุ หญิงให้นมลูก เพราะเหตุว่าสารmetabolite บางตัวตัวอย่างเช่น rhein ถูกคัดหลั่งทางน้ำนม
2. ควรใช้ยาระบายเป็นครั้งเป็นคราว ไม่สมควรใช้ต่อเนื่องกัน เนื่องจากสารแอนทราควิโนนในใบชุมเห็ดเทศ มีฤทธิ์ทำให้ลำไส้บีบตัวและก็เคลื่อนเร็ว ใช้ติดต่อนานจะก่อให้ลำไส้เคยชินต่อการใช้ยา ถัดไปหากไม่ใช้จะมีผลให้ไส้ไม่บีบตัวไม่เคลื่อนไหวกำเนิดท้องผูกhttps://www.disthai.com/[/b]
3. การรับประทานยาในขนาดสูงอาจจะทำให้เกิดไตอักเสบ มีเลือดหรือโปรตีนในเยี่ยวมากกว่าปกติ
4. การใช้ตลอดนานๆอาจมีผลลดปริมาณเม็ดเลือดแดง และฮีโมโกลบิตรวมทั้งอาจจะทำให้เกิดแผลที่ตับ
5. การใช้ตลอดในขนาดสูงนานๆบางทีอาจกำเนิดระบบการดูดซึมไม่ปกติ มีการดูดกลับของเหลวลดลง เกิดภาวะระดับโพเทสเซียมและแคลเซียมในเลือดต่ำ
6. ห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์
7. การใช้ชุมเห็ดเทศในตอนแรกๆอาจทำให้กำเนิดอาการไม่ปรารถนา ยกตัวอย่างเช่น อาการปวดมวนท้องเนื่องด้วยการบีบตัวของลำไส้ใหญ่และก็อาจมีอาการคลื่นไส้ อาหารไม่ย่อยและปวดท้องได้
หนังสืออ้างอิง
1. ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ.ชุมเห็ดไทย/ชุมเห็ดเทศ.คอลัมน์ สมุนไพรน่าสนใจ.นิตยสารหมอประชาชน.เล่มที่ 26 .กรกฎาคม .2524
2. ฉัตรโย สวัสดิไชย,สุรศักดิ์ อิ่มใหม่เอี่ยม.ชุมเห็ดเทศ.ยาน่าทราบ.นิตยสารศูนย์การศึกษาเล่าเรียนแพทยศาสตร์คลินิก โรงหมอพระปกเกล้า.ปีที่ 34 ฉบับที่4.ตุลาคม-ธันวาคม.2560 หน้า.352-355
3. ดร.วิทย์ เที่ยงตรงบูรณธรรม.“ชุมเห็ดเทศ”. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 271-274.
4. เปี่ยม บุณยะโชติ. แบบเรียนโบราณเกี่ยวกับโรคเด็กรวมทั้งคุณผู้หญิง. จ.กรุงเทพฯ: สถานที่พิมพ์เฟื่องอักษร, 2514. หน้า 39.
5. กองศึกษาค้นคว้าทางการแพทย์. สมุนไพรประจำถิ่น ในขณะที่ 1. กรุงเทพมหานคร: กรมวิทยาศาตร์การแพทย์. กระทรวงสาธารณสุข, 2526. หน้า 34.
6. ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, เครื่องหมายชัย มังคละคุปต์. “ชุมเห็ดเทศChumhet Tet)”. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1 หน้า 108.
7. พระเทพสะอาดยอด. แบบเรียนยากลางบ้าน. กรุงเทพมหานคร: สถานที่พิมพ์มงกุฏราชวิทยาลัย, 2524. หน้า 140.
8. ชุมเห็ดเทศ.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ม.อบ..
9. วิทยา บุญวรพัฒน์. “ชุมเห็ดเทศ”. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีนที่ใช้หลายครั้งในประเทศไทย. หน้า 208.
10. เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก. “ชุมเห็ดเทศ”. หนังสือสมุนไพรบำบัดเบาหวาน 150 ชนิด. หน้า 74-75.
11. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ชุมเห็ดเทศ Ringworm Bush”. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. หน้า 75.
12. ชุมเห็ดเทศ.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
13. คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา. บัญชียาจากสมุนไพร พุทธศักราช 2549 ตามประกาศคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) พุทธศักราช2549 เรื่องบัญชียาหลักแห่งชาติพ.ศ. 2547 (ฉบับที่ 4). กรุงเทพฯ: สถานที่พิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งเมืองไทยจำกัด, 2549
14. วันดี กฤษณพันธ์ แม้นสรวง วุฒิอุดมยอดเยี่ยม ดอกมะลิ ไตรบารมี สุภาวี อาชวาคม. การเล่าเรียนฤทธิ์ต้านทานเชื้อราของสารแอนทราควิโนนจากใบชุมเห็ดเทศ. การสัมมนาวิชาการวิทยาศาสตร์และก็เทคโนโลยีที่ประเทศไทย ครั้งที่ 24, 19-21 ตุลาคม ณ. ศูนย์สัมมนาแห่งชาติสิริกิตติ์ กรุงเทพมหานคร, 2541.
15. Harrison J, Garro CV. Study on anthraquinone derivatives from Cassia alata L. (Leguminosae). Rev Peru Bioquim 1977;(1):31-2.
16. จินตนาการ สุทธชนานนท์ และภาควิชา. ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อราของใบชุมเห็ดเทศ. รวมข้อคัดย่องานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยการแพทย์แผนไทยแล้วก็แนวทางการวิจัยในอนาคต สถาบันการแพทย์แผนไทย, 2543.
17. Akah PA. Abortifacient activity of some Nigerian medicinal plants. Phytother Res 1994;8(2):106-8.
18. Plengvidhya P, Suvagondha C. A study of diagnostic contents of leaves of some members in genus Cassia. J Pharm Assoc Siam, Third series 1957;10(1):10-2.
19. เกษร นันทจิต. ฤทธิ์ต่อต้านจุลชีพของใบชุมเห็ดเทศ (Cassia alata Linn.). รายงานการวิจัย ที่ทำการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2538.
20. เสาวลักษณ์ ดงษ์งาม. ฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ของสารสกัดจากพืชสกุล Cassia sp. รายงานการวิจัย ที่ทำการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2543.
21. Thamlikitkul V, Dechatiwonges T, Chantrakul C, et al. Randomized controlled trial of Cassia Alata Linn. for constipation. J Med Assoc Thai 1990;73(4):217-21.
22. Mokkhasmit M, Swatdimongkol K, Satrawaha P. Study on toxicity of Thai medicinal plants. Bull Dept Med Sci 1971;12(2/4):36-65.
23. Rao JVLN, Sastry PSR, Poa RVK, Vimaladevi M. Occurrence of kaempferol and aloe-emodin in the leaves of Cassia alata. Curr Sci 1975;44(20):736-7.
24. นาถฤดี สิทธิสมวงศ์ ทรงพล ชีวะพัฒน์ เอมมนัส หวังหมัด สุบุตรสาว ไชยราช พัชรินทร์ รักษามั่น จรินทร์ จันทรฉายะ. พิษของใบชุมเห็ดเทศ. วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์2534;33(4):145-54.
25. Somchit MN, Reezal I, Nur IE, Mutalib AR. In vitro antimicrobial activity of



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ