Advertisement
wartscaring เสนอแนะรักษาตุ่ม/หูด/หงอนไก่ ดูแลรักษา ยารักษาหายได้ ดูแลตนเองให้ดี
ลดความเสี่ยงต่อการเกิดหูด [url=http://wartscaring.blogspot.com/]โรคหูดหงอนไก
ยารักษาหูดหงอนไก
Update กันยายน 2560
สวัสดีครับผม ในบทความก่อนๆได้เสนอแนะในเรื่องของตัว
ยารักษาโรคหูดหงอนไก่กันไปแล้ว แต่ว่าก็ยังมีปัญหาสำหรับคนไม่ใช่น้อยเกี่ยวกับการกระทำการทำงานที่ไม่เอื้อต่อการดูแลและรักษาและเสริมสร้างภูมิต้านทานในการขัดขวางโรคนี้ บางคนหายแต่ก็กลับไปติดโรคใหม่ได้ง่าย และบางคนใช้เวลาในการรักษานานเป็นเดือนๆถึงหลายๆเดือนเหตุเพราะสภาพการณ์ร่างกายมิได้พักอย่างมาก สภาพการณ์เครียด ตัวยาก็เลยปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่เต็มสมรรถนะ บางบุคคลที่ไปพบหมอบางครั้งอาจจะได้ยามารับประทานเพิ่มซึ่งก็คืิอตัวยาที่ช่วยเกี่ยวกับภาวการณ์เหล่านี้นั่นเองนะครับ ส่วนตัวยารักษาโรคนี้โดนตรงจะเป็นยาประเภททานะครับไม่ใช่ยารับประทาน ผมก็เลยชี้แนะว่าหากให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีและก็มีคุณภาพจำเป็นจะต้องทานวิตามินเสริมรวมทั้งออกกำลังกายพร้อมกันไปด้วยรวมทั้งการพักผ่อนครับผม
ส่วนนี้จะมาแนะนำสำหรับผู้ที่ใช้ยาใช้ภายนอกอยู่ไม่ว่าจะจำพวกใดก็ตาม สามารถหาซื้อวิตามินรวมบำรุงร่างกายกลุ่มนี้จะมีขายตามร้านขายยาใหญ่ๆนะครับ ราคาบางทีอาจจะสูงหน่อยแต่ว่าผลดีที่ได้เห็นชัดครับผม
1 ฟาร์มาตอม
2 เซนทรัม
3. แบล็คมอร์ มัลติวิตามิน
ตัวยาเหล่านี้ให้เลือกทานเพียงแต่ 1 ตัวแค่นั้นครับ ไม่มีความจำเป็นต้องทานตลอด แต่ว่าช่วงที่เป็นโรคหูดหรือกำลังรักษาคือช่วงที่สภาพการณ์ร่างกายมีปัญหาภูมิต้านทานภายในร่างกายต่ำ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองอย่างมาก สามารถทานพร้อมกันกับยาใช้ภายนอกกระทั่งหูดหงอนไก่จะหลุดออกและหายสนิทขอรับ
หูดหงอนไก่แบ่งเป็นระยะ 4 ระยะดังต่อไปนี้ 1.ระยะฟักเชื้อ(HPV) ตอนนี้จะเป็นตอนๆที่ได้รับเชื้อมาใหม่ๆแต่ยังไม่แสดงอาการเป็นติ่งให้เห็น จะไม่อาจจะทราบได้ว่าจะเป็นหูดหงอนไก่รึเปล่า หูดหงอนไก่สามารถฟักเชื้อได้นานถึง 6 เดือน ก็เลยชี้แนะถ้าเกิดใครสงสัยว่าอยู่ในภาวการณ์เสี่ยงควรไปตรวจที่ รพ.
2.ระยะเริ่มต้นเริ่ม จะเริ่มมีตุ่มเล็กๆผุดขึ้นมารอบๆของลับ โคน ปลาย แล้วก็รอบรูทวาร เม็ดหูดระยะเริ่มต้นจะเล็กมากเหมือนผื่นแต่จะไม่มีหนอง หรือคัน หรือแสบอะไรก็แล้วแต่ ช่วงสัปดาห์แรกถ้าคนใดกันแน่สังเกตุว่าเป็น จะสามารถรักษาโดยใช้ครีมกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อชื่อ aldara cream (จะลงข้อมูลตัวยาด้านล่างนะครับ)
3.ระยะขยายตัว ตอนนี้จะอยู่ที่ 3 อาทิตย์ ขึ้นไปจนกระทั่งขั้นเป็นมาแล้วนับเป็นเวลาหลายเดือน เม็ดหูดจะเริ่มขึ้นเป็นติ่งกระจ่างแจ้งกระทั่งขนาดเท่าหรือใหญ่กว่าอันธพาลขีดไฟ หรือหัวเข็มหมุด การดูแลและรักษาจะต้องใช้ยาที่มีฤทธิ์ผลัดผิวหูดให้เปื่อยแล้วก็ค่อยๆหลุดออก แล้วก็เมื่อหูดเริ่มลอกก็ควรป้ายยาทำลายเชื้อควบคู่ไปด้วยเพื่อคุ้มครองป้องกันการเกิดซ้ำ บางครั้งอาจจะไม่ 100% แม้กระนั้นลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำได้มากนะครับ (ยารักษาก็จะเป็น wart control )
4.ระยะแผ่ขยาย ช่วงนี้คือหูดจะขยายตัวเต็มที่เนื่องจากว่าปล่อยไว้เป็นเวลานานมากแล้วก็ปลายหูดจะแตกเป็นเหมือนดอกกระหล่ำ แลละรับประทานบริเวณรอบทั้งยังอวัยวะสืบพันธุ์ ในผู้ชายอาจจะมีความเสี่ยงในการที่หูดไปขัดปลายท่อปัสสาวะขอรับ การรักษาจะเป็นการจักจี้ไฟฟ้า หรือผ่าตัดเล็กนั่นเองขอรับ
เบื่องต้นเลยถ้าเกิดคนใดกันแน่อยากได้รักษาโดยการจี้กระแสไฟฟ้า จี๋ไนโตรเจนเหลว หรือการผ่าตัดกรณีที่เป็นมากแล้วแพร่กระจายไปทั่วแต่ว่าไม่รู้จักเกี่ยวกับสถานที่การดูแลรักษา การเข้าไปติดต่อที่ รพ.ต่างๆรวมทั้งการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากผลประโยชน์ต่างๆที่ท่านมีอยู่ ลองโทรมาปรึกษาผมได้ครับผม ยินดีให้คำแนะนำ รพ.ใกล้บ้านท่านโดยยิ่งไปกว่านั้น กทม เพื่อการเข้ารับการดูแลรักษาที่สะดวกที่สุดขอรับ
ถุงยางอนามัย ช่วยได้แน่ ถ้าเกิดใช้ถูกทางอย่างไรก็ดี ถุงยางอนามัยยังช่วยคุ้มครองปกป้องโรคติดต่อทางเพศสโมสรส่วนมากได้เป็นอย่างดี เพียงแต่จำต้องใช้ให้ถูกวิธี
ควรที่จะเลือกขนาดของถุงยางอนามัยให้เหมาะกับขนาดของอวัยวะสืบพันธุ์ของคุณสุภาพบุรุษ แม้ยังไม่มั่นใจว่าต้องใช้ขนาดไหน ให้ลองซื้อมาให้หลายๆขนาด แล้วพิจารณาความแน่นสำหรับในการสวม
ไม่สมควรสวมถุงยางเกิน 2 ชิ้นต่อการใช้ 1 ครั้ง เพราะเหตุว่าอาจก่อให้ถุงยางเสียดสีกันจนถึงขาดได้ง่าย
ควรใช้ถุงยาง 1 ครั้งต่อ 1 ชิ้น ให้เสร็จให้ทิ้งเลย ห้ามเก็บมาใช้ต่อ
สามารถใช้สารหล่อลื่นทาฉาบข้างนอกถุงยางอนามัย เพื่อให้การใส่เป็นไปได้โดยง่ายมากเพิ่มขึ้น แต่ควรที่จะทำการเลือกใช้ประเภทเจล ไม่สมควรเลือกใช้รูปแบบน้ำมัน เพราะเหตุว่าอาจททำให้ถุงยางอนามัยทรุดโทรม หรือฉีกให้ขาดได้
ควรจะรูดอากาศออกจากกระเปาะของถุงยางให้หมดก่อนสวม เพราะอากาศภายในถุงยางอนามัยอาจส่งผลให้ถุงยางอนามัยแตก หรือขาดได้ง่ายยิ่งขึ้น
หลังทำกิจกรรมเสร็จเป็นระเบียบ ข้างชายควรถอนอวัยวะเพศออกมาก่อนที่จะอวัยวะสืบพันธุ์จะอ่อนตัว คุ้มครองถุงยางหลุดเข้าไปในช่องคลอดของข้างหญิง
กามโรค หรือโรคติดต่อทางเพศสัมชนิด ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
อาการทางผิวหนังอะไรบ้างที่เข้าข่ายถูกสงสัย ว่าเกิดขึ้นจากโรคติดต่อทางเพศสัมชนิด หาคำตอบเหมาะนี่จ้ะ
1.หูดหงอนไก่
ติ่งเนื้องอกของผิวหนัง ที่เกิดจาก Human PApilloma Virus ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมชนิด
ไม่เฉพาะแต่เกิดได้ที่อวัยวะเพศ ยังกำเนิดเหมาะรอบๆลิ้น ในคอ
2. หนองใน
โรคหนองในเกิดจากการตำหนิดเชื้อแบคทีเรีย โกโนเรีย
อาการในผู้ชายเป็นมีหนองออกมาจากปลายอวัยวะสืบพันธุ์
ส่วนในหญิงจะมีตกขาวขุ่น ปากมดลูกอักเสบ
3. เริมที่ของลับ
อาการจะเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำ แตกออกเป็นแผลแสบ
4. แผลที่อวัยวะเพศจาก โรคซิฟิลิส
แผลที่อวัยวะสืบพันธุ์จะเกิดขึ้นในสามอาทิตย์ข้างหลังติดโรค
5. ผมร่วงจากโรคซิฟิลิส
เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากซิฟิลิสระยะที่สองเป็นภายในสองเดือนแรกหลังติดโรค
ลักษณะผมร่วงเป็นหย่อมเหมือนมอดแทะ
6. ผื่นที่มือจากโรคซิฟิลิส
เจอในโรคซิฟิลิส ระยะที่สองเช่นกัน
โดยจะเป็นผื่นสีทองแดงมีสะเก็ด ที่มือเท้า
7.หูดข้าวสุก
เป็นตุ่มขาวขุ่นมีรอยยุบกึ่งกลางเหมือนสะดือ
8.โรคแผลริมอ่อน
หลังมีความเสี่ยง ไม่เกินสองสัปดาห์
จะเกิดตุ่ม แตกเป็นแผลก้นแผลสกปรก
9.โรคฝีมะม่วง
มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อทางเพศสโมสร
กำเนิดเป็นฝีที่ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ
10 หูดที่ลิ้น
โรคติดต่อทางเพศสโมสรสามารถเกิดอาการที่โพรงปากได้ในกรณีติดต่อจากการทำ oral sex
โรคอะไรบ้างสามารถติดต่อได้ทางเพศ
-โรคเอดส์ ทำให้ภูมิคุ้มกันผิดพลาดติดโรคฉวยโอกาส
-โรคหนองใน ผลข้างเคียงได้แก่ติดเชื้อโรคในอุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ติดเชื้อกระจายทั่วร่างกายเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อห่อหุ้มหัวใจอักเสบได้
-โรคหนองในเทียม เกิดการติดเชื้อที่อุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมากอักเสบ ตามมาได้
-โรคซิฟิลิส เกิดแผลที่อวัยวะสืบพันธุ์ หากไม่ได้รับการรักษาระยะในที่สุดก่อให้เกิดโรคที่หัวดวงใจ ระบบประสาทได้
-กามโรค กำเนิดเป็นแผล ก้อนหนอง แผล ท่อเยี่ยวตีบได้ เพื่อมองรูป
-ฝีมะม่วง เกิดเป็นแผลติดเชื้อโรค ขยายมีหนองหนองอาจแตกออกเป็นท่อ ระบายหนองออกสู่ข้างนอก
-เริม เป็นแผลที่อวัยวะเพศเป็นๆหายๆไม่มีการรักษาที่หายสนิท
-พยาธิช่องคลอด มีตกขาวเปลี่ยนไปจากปกติ ท่อฉี่อักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ
-ติดเชื้อโรคแบคทีเรียในช่องคลอด ตกขาวมีสีและกลิ่นไม่ดีเหมือนปกติ
-โลน เป็นตุ่มคันจากตัวโลนบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์
-หูดหงอนไก่ เกิดเป็นก้อนหูดซึ่งหลังการดูแลและรักษายังสามารถกลับกลายได้บ่อย เพิ่มจังหวะการเกิดมะเร็งทวารหนัก มะเร็งปากมดลูก
-หูดข้าวสวย กำเนิดเม็ดก้อนหูดข้าวสุกบริเวณผิวหนังที่ติดเชื้อ สามารถแพร่ไปในตัวเองได้โดยการเกา
วิธีเบื้องต้น สำหรับ
การรักษาหูดด้วยตัวเอง สามารถทำได้เองที่บ้าน (เป็นวิธีการที่ยังไม่ได้รับการรับรอง)
- การกระตุ้นแอนติบอดี ด้วยการใช้ก้อนน้ำแข็งถูรอบๆที่เป็นหูดจนรู้สึกชา จากนั้นให้ใช้เข็มทำลายเชื้อจิ้มลงไปในหูดลึกๆหลายๆครั้ง ซึ่งแนวทางแบบนี้จะเป็นการนำเชื้อไวรัสไปสู่กระแสเลือดเพื่อให้ร่างกายพากเพียรต่อสู้กับมัน ทำให้หูดหายไปได้สุดท้าย แนวทางลักษณะนี้การนี้อาจได้ผลลัพธ์ที่ดีมากสำหรับบางคน โดยเฉพาะคนที่มีหูดเยอะๆ เพราะเหตุว่าการจิ้มหูดเพียง 1 ตุ่มบนร่างกายจะช่วยทำให้ร่างกายพบหูดตุ่มอื่นๆและตรงเข้าไปทำลายได้ในทันที
- ทาวิตามินซี ให้ใช้วิตามินซี 1 เม็ดเอามาบดแล้วหยดน้ำลงไปเพื่อได้เป็นยาป้ายข้นๆแล้วต่อจากนั้นให้ทายาลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งไว้ในช่วงเวลากลางวัน แล้วก็เมื่อถึงในค่ำคืนให้แกะออกเพื่อผิวได้หายใจ
- แอสไพริน ให้ใช้ยาแอสไพริน 2-3 เม็ดนำมาบดให้รอบคอบ หยดน้ำลงไปเล็กน้อย แล้วนำยาที่ได้มาป้ายลงบนหูด หลังจากนั้นให้นำปลาสเตอร์ชนิดติดแน่นมาปิดทับทิ้งเอาไว้ 1 คืน (ในยาแอสไพรินจะมีกรดซาลิไซลิกที่ช่วยกัดหูดได้)
- เบตาดีน ให้ทาเบตาดีนลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ทิ้งไว้ตรงเวลา 1-2 วัน จากนั้นแล้วก็ค่อยเปลี่ยนแปลงปลาสเตอร์ยา
- ยาสีฟัน ให้ทายาสีฟันลงบนหูดแล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ยาจำพวกติดแน่น ทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 1 คืน โดยให้ทำใหม่ไปเรื่อยๆจวบจนกระทั่งหูดหายไป
- น้ำมันวิตามินอี ให้ฉีกแคปซูลวิตามินอีแล้วถูน้ำมันลงบนหูดเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ในเวลาเช้า และแกะออกในยามค่ำคืนเพื่อให้ผิวได้หายใจ
- น้ำมันละหุ่ง ให้ทาน้ำมันละหุ่งลงบนหูดโดยใช้สำลีก้านวันละ 2 ครั้ง ซึ่งกรดในน้ำมันละหุ่งจะสามารถกัดกร่อนหูดได้ และก็ใช้ได้ผลในด้านดีกับหูดที่มีขนาดเล็กแบนบนใบหน้าหรือหลังมือ
ทีทรีออยล์ ให้ทาคราวทรีออยล์ลงบนหูดในปริมาณนิดหน่อย แล้วปิดทับด้วยปลาสเตอร์ โดยให้ทำขั้นต่ำตรงเวลา 3 สัปดาห์ - น้ำมะนาว ให้บีบน้ำมะนาวลงบนหูด แล้วนำหอมใหญ่สดสับมาวางทับไว้ ให้ทำเช่นนี้โดยประมาณ 30 นาที วันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์
- เปลือกของพืชตระกูลส้ม ให้ปอกเปลือกมะนาวหรือเลมอนบางๆจนได้ขนาดใหญ่กว่าหูดเล็กน้อย แล้วปิดทับลงบนหูดโดยใช้ปลาสเตอร์ชนิดติดแน่นหรือเทปกาวแปะไว้อีกครั้ง แล้วให้เปลี่ยนแปลงเปลือกใหม่ทุกวี่วัน หลังจากนั้นราวๆ 1 สัปดาห์ หูดก็จะหลุดออกมา
ห่วงใยคอยต ให้นำแคร์รอตมาหั่นเป็นชิ้นๆขูดแคร์รอตจนได้เนื้อละเอียด แล้วเติมน้ำมันมะกอกลงไปพอให้เป็นยาป้าย แล้วนำมาทาลงบนหูด 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 30 นาที โดยให้ทำเช่นนี้ต่อเนื่องกันตรงเวลา 2-3 อาทิตย์ - มะเดื่อ ให้นำมะเดื่อมาบดแล้วป้ายลงบนหูดทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 30 นาที โดยให้ทำแบบนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นเวลา 2-3 อาทิตย์
- ใบโหระพา ให้ใช้ใบโหระพาสดเอามาบดแล้วปิดทับลงบนหูด โดยใช้เทปปิดแผลชนิดกันน้ำพันเอาไว้ ให้ทำเช่นนี้วันแล้ววันเล่าตรงเวลา 1 สัปดาห์ แล้วสารทำลายเชื้อไวรัสในใบโหระพาจะช่วยฆ่าหูดให้คุณเอง
- เปลือกกล้วย ให้ใช้ข้างในของเปลือกกล้วยเช็ดรอบๆที่เป็นหูดบ่อยๆ ด้วยเหตุว่าโพแทสเซียมในกล้วยบางทีอาจช่วยให้หูดหายได้เร็วเพิ่มขึ้น หรืออีกวิธีหนึ่งอาจนำเปลือกกล้วยมาตัดให้มีขนาดเล็กกว่าเทป เอาภายในของเปลือกกล้วยปิดทับลงบนหูด แล้วจากนั้นจึงค่อยนำเทปผ้ามาปิด ปล่อยทิ้งไว้ตรงเวลา 1 วัน โดยให้ทำแบบนี้แต่ละวันตราบจนกระทั่งหูดจะหายไป
- เบกกิ้งโซดา ให้ผสมผงฟูหรือเบกกิ้งโซดาและก็น้ำมันละหุ่งเข้าด้วยกันจนกระทั่งเป็นเนื้อครีม แล้วให้นำมาทาลงบนหูดในช่วงเวลากลางคืนโดยใช้ปลาสเตอร์ยาปิดเอาไว้ แล้วจึงแกะปลาสเตอร์ออกในรุ่งเช้าวันต่อไป วิธีแบบนี้สามารถทำซ้ำได้เรื่อยๆตามความเหมาะสม
- แอปเปิ้ลไซเดอร์วีนีการ์ (Apple Cider Vinegar – ACV) ให้ใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล แล้วนำสำลีก้อนขนาดพอให้ปิดหูดได้จุ่มลงในน้ำส้มสายยก หลังจากนั้นให้ปิดด้วยปลาสเตอร์ยาทิ้งเอาไว้ 1 คืน โปรดจำไว้ว่า วิธีแบบนี้อาจจะทำให้รู้สึกแสบได้ จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสำลีทุกๆวัน แล้วก็แปะไว้ทุกคืน หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์เม็ดหูดจะเริ่มหลุดลอกออก
- จุ่มหูดลงไปในน้ำสับปะรด เนื่องจากว่าในน้ำสับปะรดจะมีโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่ช่วยละลายหูดได้
- น้ำหล่อเลี้ยงจากต้นดินแดนดิไลออน (Dandelion) ให้เลือกต้นแดนดิไลออนสดๆมาหนึ่งต้น หักก้านออกเป็น 2 ท่อนแล้วใช้น้ำหล่อเลี้ยงสีขาวขุ่นที่ไหลซึมออกมาจากก้านทาลงบนหูด โดยให้ทำเช่นนี้วันละ 3-4 ครั้ง ต่อจากนั้นให้ใช้หินภูเขาไฟมาขูดเพื่อเอาชั้นผิวที่ตายแล้วออก โดยให้ทำอย่างสม่ำเสมอจนถึงหูดหายไป
- น้ำร้อน เป็นวิธีพื้นฐานโดยการจุ่มบริเวณที่เป็นหูดลงในน้ำที่ร้อนจัดๆซึ่งความร้อนจะมีผลให้หูดนุ่มขึ้นและก็บางทีอาจช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ แต่ว่าควรจะระวังอย่าให้น้ำร้อนเกินจนลวกเท้า (ชี้แนะว่าอุณหภูมิของน้ำควรต่ำยิ่งกว่า 60 องศาเซลเซียส)
- น้ำร้อนแล้วก็หินภูเขาไฟ ให้แช่หูดลงในน้ำร้อนจนกระทั่งหูดเริ่มนุ่ม แล้วใช้หินภูเขาไฟหยาบคายสำหรับผลัดเซลล์ผิวขัดบริเวณหูดตราบจนกระทั่งพบชั้นผิวจริง จุ่มสำลีก้านลงในน้ำยาฟอกขาวแล้วนำมาแตะต้องบนหัวหูดโดยประมาณ 15 นาที (อาจแสบบ้างเล็กน้อย) เสร็จแล้วให้ล้างออกโดยการใช้นำที่สะอาด
- น้ำร้อนรวมทั้งเกลือทะเล ให้แช่รอบๆที่เป็นหูดลงในน้ำเกลืออุ่นๆเป็นเวลา 10-15 นาที เพื่อให้หูดนุ่มขึ้น แล้วให้ขูดเอาชั้นผิวที่ตายแล้วบนหูดออกไปโดยใช้ตะไบเล็บหรือหินภูเขาไฟ ก็เลยนำเกลือทะเลเม็ดใหญ่มาเช็ด ติดปลาสเตอร์ยาหรือเทปทับลงไปเพื่อเม็ดเกลือยังอยู่กับที่ และคอยเปลี่ยนแปลงปลาสเตอร์ยาใหม่หลังจากอาบน้ำ เสร็จแล้วให้ล้างมือให้สะอาดเพื่อคุ้มครองป้องกันการแพร่ไปของเชื้อหูด
- รับประทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ดังเช่น กระเทียม มัน เม็ดทานตะวัน ขนมปังโฮลเกรน ข้าว ฯลฯ
- กินกระเทียมชนิดแคปซูล โดยให้กินวันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันยาวนานหลายสัปดาห์ แล้วหูดจะเริ่มหลุดออกในตอน 1-2 อาทิตย์แรก แม้กระนั้นให้ทานต่อไปอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งหูดจะหายหมด และก็ให้นำน้ำมันกระเทียมมาทาทับบริเวณที่เป็นหูดราว 1-2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 1 เดือน
ผลข้างเคียงของโรคหูดหงอนไก่- นอกจากลักษณะของรอยโรคที่ไม่น่ามองดูแล้ว สำหรับการติดเชื้อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ร้ายแรง ยกตัวอย่างเช่น สายพันธุ์ 16, 18 ยังอาจจะส่งผลให้กำเนิดโรคมะเร็งในระบบสืบพันธุ์แล้วก็โรคมะเร็งทวารหนักได้ด้วย ส่วนผลข้างเคียงอื่นๆก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของรอยโรค ดังเช่นว่า อาจมีเลือดออกหลังร่วมเพศ ซึ่งเป็นผลมาจากการมีหูดด้านในปากมดลูก
- ในหญิงท้อง หูดหงอนไก่อาจโตขึ้นจนถึงกีดกั้นคลอดจนกระทั่งทำให้เด็กคลอดออกมาลำบาก หรือเชื้ออาจเข้าไปในปากหรือคอของเด็กในขณะคลอด ส่งผลให้เกิดหูดในกล่องเสียงซึ่งมีลักษณะอาการนาๆประการ ตั้งแต่เสียงแหบไปจนกระทั่งมีการอุดกันของกล่องเสียง ทำให้เด็กออกเสียงหรือหายใจไม่ได้
- ในกลุ่มชายรักชายจะเจอหูดหงอนไก่รอบทวารหนักหรือในทวารหนักได้มากกว่าคนทั่วๆไป ซึ่งการรักษาในตำแหน่งดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจะทำได้ยากมากมาย เนื่องจากไม่ว่าจะใช้ยาหรือใช้ขั้นตอนการผ่าตัด หูดหงอนไก่ก็ชอบกำเนิดซ้ำได้บ่อย การได้รับการดูแลและรักษาบ่อยก็เลยอาจก่อให้เกิดทวารหนักตีบแล้วก็มีปัญหาในการขับถ่ายตามมาได้ ส่วนก้อนที่อยู่ลึกเข้าไปในทวารหนักบางทีอาจโตมากมายกระทั่งทำให้ผู้เจ็บป่วยมีอาการท้องผูก ในบางครั้งอาจมีเลือดออกหรือบิดขั้วจนถึงจะต้องผ่าตัดรีบด่วนหรือต้องดมยาสลบ นอกจากนี้ยังพบมากการตำหนิดเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 ร่วมด้วยอยู่เสมอๆซึ่งจะชมรมกับการเกิดมะเร็งทวารหนักได้
- เกิดหูดหงอนไก่พื้นที่เดินหายใจ (Recurrent Respiratory Papillomatosis – RRP) คือ ตั้งแต่โพรงจมูกลงไปจนถึงถุงลมในปอด พบได้ทั่วไปได้มากที่สุดที่กล่องเสียง ทำให้ผู้เจ็บป่วยมีอาการเสียงแหบหรือมีการอุดกั้นทางเท้าหายใจจนกระทั่งเสียชีวิตได้ ในเด็กมักเกิดขึ้นจากการติดเชื้อจากแม่ในระหว่างการคลอดตามที่กล่าวมา ส่วนในผู้ใหญ่พบได้มากว่าเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องปาก ภาวะนี้จะเป็นภาวะที่เจอได้ไม่บ่อย (เจอได้โดยประมาณ 1-4 ต่อประชาชน 100,000 คน) แม้กระนั้นถ้ากำเนิดแล้วจะสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสต่อผู้ป่วยมากมายก่ายกอง
- ทั้งเรื่องการรักษาที่เรื้อรังแล้วก็ค่าครองชีพที่เกิดขึ้นอย่างมหาศาล เพราะเหตุว่าในคนแก่มักจะจบด้วยการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของก้อนหูดเพื่อช่วยเรื่องทางเดินหายใจ ซึ่งการผ่าตัดอย่างนี้จะทำได้ยากมากตั้งแต่วิธีการสูดดมยาสลบ ที่คนเจ็บอาจขาดอากาศหายใจได้เป็นบางช่วง นอกเหนือจากนี้ตามธรรมชาติแล้วรอยโรคก็มักจะกระจายไปทั่ว ก็เลยทำให้ไม่อาจจะกำจัดออกหมดได้ข้างในครั้งเดียว และอาจจะต้องได้รับการผ่าตัดมากกว่า 5 ครั้งในชีวิต ส่วนในเด็กมักควรต้องได้รับการผ่าตัดโดยเฉลี่ย 4.4 ครั้งต่อปี รวมแล้วราว 19.7 ครั้งในช่วงชีวิต ก็เลยก่อให้เกิดผลกระทบตามมาเป็นรอยแผล ได้ผลทำให้หลอดลมตีบแล้วก็หายใจได้ทุกข์ยากลำบากในระยะยาว
ตัวยาจะเป็นยาใช้ภายนอกทั้งสิ้นนะครับ ไม่มียากรับประทานนะครับ คนจำนวนไม่น้อยบางทีอาจจะยังไม่เข้าใจว่าระยะที่ตนเองเป็นอยู่นั้นจะใช้ยาได้มั้ย แล้วก็ใช้ตัวไหนเลือกไม่ถูกเพราะว่ามีตัวยามากมายหลายแบบและวิตามินเสริมต่างๆ ตกลงว่าสำหรับผู้ที่พึ่งจะเริ่มมาหาข้อมูลใหม่ผมจะชี้แจงตัวยาที่จำเป็นต้องที่สุดที่จำต้องใช้ก่อนเลยครับผม จะได้เข้าใจง่ายๆ ส่วนวิตามินขอตัดไปก่อนครับจะได้ไม่รู้สึกสับสน เพราะบางคนก็บางครั้งอาจจะทานวิตามินเสริมอยู่ก่อนแล้ว
1. Aldara cream ระยะแรกเริ่ม เวลานี้จะเป็นลักษณะเป็นจุดตุ่มเนืิ้อเล็กๆคล้ายๆผื่นผื่นนะครับ บางครั้งก็อาจจะเท่าปลายหัวปากกาเริ่มมีเพียงแค่ไม่กี่ตุ่มแค่นั้น ตุ่มยังอ่อนๆนุ่มๆ สังเกตุว่าเป็นมาไม่เกิน 4-6 สัปดาห์ (หูดจะไม่มีหนองไม่เจ็บหรือระบมช้ำครับผม ไม่มีอาการใดๆก็ตามทั้งปวงขอรับ เป็นเพียงติ่งพื้นที่ค่อยๆแพร่กระจาย ถ้าไม่รักษา )
ระยะนี้ จะใช้ตัวยา aldara cream จะเป็นลักษณะซองเล็กๆตามภาพขอรับ (1แผงมี 3 ซองตามภาพราคา 660.- ในแผง3ซองนั้นทาได้ประมาณ 2 อาทิตย์) ปกติโดยปกติทาโดยประมาณ 1 เดือนครึ่ง - 2 เดือน ตัวยาซองเล็กนิดเดียวนะครับ ใช้ได้ราวๆ 1-2 ครั้ง แนะนำพื้นฐานก็จะใช้ราวๆ1 แผง (3 ซอง)เป็นอย่างน้อยครับ หูดจะเบาๆฝ่อลงที่ละนิดกระทั่งเรียบสนิทกับผิวครับผม หากใครที่ยังคลุมเคลือว่าเป็นมานานขนาดไหนก็แนะนำตัวยาแบบที่ 2 เลยขอรับ ตามภาพด้านล่าง
2. Wart control ระยะเริ่มแพร่กระจาย ตอนนี้ส่วนมากจะเป็นกันมากและก็เพิ่งมาหาข้อมูลนะครับด้วยเหตุว่าติ่งจะชัดจนสังเกตุได้ชัดเจน ผู้ที่เป็นระยะนี้หลายๆคนเริ่มมีอาการกังวล ก็เลยเริ่มจะรักษากันเดี๋ยวนี้เองครับผม ส่วนตัวยาแบบแรกจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไรเพราะเนื้อหูดเริ่มมีชั้นผิวที่ครึ้มยากต่อการดูดซึม ก็เลยจะชี้แนะให้ใช้ wart control เลยจะแน่นอนกว่าครับ หรือผู้ใดกันแน่ที่เคยใช้ตัว aldara cream ไม่เป็นผล เช่นใช้มาเกิน 3 ซองไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆก็ตามบางทีอาจเนื่องจากเป็นมานานเกินความจำเป็นนะครับ ก็ให้ใช้ตัว wart control เลยครับ (ราคาขวดละ 1600.-) ใช้เพียงขวดเดียวหายสนิทขอรับ
3. ระยะรุกลาม ช่วงนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นมาเกิน 1 ปี หูดลุกลามเป็นดอกกะหล่ำกระจายเต็มพื้นที่ควรจี๋ไฟฟ้ากับหมอที่ โรงพยาบาลจากที่เคยชี้แนะไปในบทความก่อนหน้าที่ผ่านมาครับผม คนไหนกันที่ยังเป็นไม่มากก็รีบรักษาก่อนที่จะถึงตอนนี้นะครับ ปล่อยไว้นานกรรมวิธีรักษาจะยุ่งยากไม่ป้องกันเลยครับ
ต้องการสั่งซื้อยา ปรึกษาแนะนำบอกต่อ เบอร์ 092-9899456 คุณนิธิพล#หูดหงอนไก่ #ขายยารักษาหูด #หมอชี้แนะ #แพทย์ช่วยได้ #ส่วนตัว
Tags : ยารักษาโรคหูดหงอนไก่, wart no more