อัญชัน มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างไร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อัญชัน มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างไร  (อ่าน 130 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Petchchacha
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 25869


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: มกราคม 21, 2019, 02:39:13 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement



อัญชัน
ชื่อสมุนไพร  อัญชัน
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น อัญชันบ้าน , อัญชันเขียง (ภาคกลาง) , เอื้องจัน , เอื้องชัน , อังจัน (ภาคเหนือ) ,แดงจัน (เชียงใหม่)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Clitorea ternatea Linn.
ชื่อสามัญ  Butterfly Pea , Blue Pea , Shell creeper.
วงศ์  Fabaceae (Leguminosae-Papilionoideae)

ถิ่นกำเนิด
อัญชันในเขตร้อนแถบทวีปเอเชียแล้วก็อเมริกาใต้ (แม้กระนั้นบางตำราบอกว่าอยู่ที่ประเทศอินเดีย) แล้วมีการแพร่กระจายพันธุ์ไปในเขตร้อนต่างๆทั่วโลกรวมถึงในออสเตรเลีย อเมริกา และก็ภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ เช่น ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา เมียนมาร์ฯลฯ สำหรับในประเทศไทย อัญชันคงจะมีการแพร่ประเภทมานานแล้ว เนื่องจากเจอในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ ของหมอปรัดเล พุทธศักราช2416 พูดถึงอัญชันว่า"อัญชัน : เปนชื่อเครือเถาวัลอย่างหนึ่ง มันมีดอกเขียวบ้าง ขาวบ้าง ไม่มีกลิ่น" แล้วก็สามารถพบมากในป่าโล่งแจ้ง หรือในที่กึ่งร่ม อีกทั้งป่าเบญจพรรณในพื้นล่างกระทั่งไปถึงป่าดิบเขาสูง
โดยอัญชันที่เจอในประเทศไทย มีทั้งยังพันธุ์บ้านที่ผ่านการเลือกเฟ้นให้ดอกใหญ่ ดก สีเข้ม เป็นต้น กับชนิดที่ขึ้นเองจากที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งเป็นจำพวกดอกชั้นเดียว ดอกเล็ก รวมทั้งสีไม่เข้ม ซึ่งคนประเทศไทยโดยมาก นิยมนำมาปลูกอัญชันดอกสีน้ำเงินเข้ม กลีบดอกซ้อน ดอกขนาดใหญ่และ ดก เพราะว่านอกเหนือจากสวยงามแล้ว ยังใช้ประโยชน์ผลดีได้หลายประเภท อีกด้วย
ลักษณะทั่วไป อัญชันจัดอยู่ในตระกูล Fabaceae ซึ่งเป็นสกุลของถั่วในกรุ๊ปถั่วฝักเมล็ดกลม (pea) ดังเช่น ถั่วลันเตา (green pea) ถั่วแระต้น (congo pea) ถั่วพู(manila pea)
โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกเลื้อยพัน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วหรือซุ้ม เถากลมเล็กเรียว สีเขียวอ่อน เถาอ่อน กิ่งอ่อน หูใบ ก้านใบ แกนใบประกอบ แผ่นใบด้านล่าง ก้านดอก ใบประดับประดา รวมทั้งกลีบเลี้ยง มีขนนุ่ม แตกกิ่งก้านตามข้อใบ เถายาว 1-5 เมตร ใบประกอบแบบขนปลายคี่ เรียงสลับ ใบย่อย 2-3 คู่ ใบบาง สีเขียว แต่ละใบมี ใบย่อย 5-9 ใบ ใบย่อยรูปวงรีแกมขอบขนานหรือรูปวงรีแกมไข่กลับ กว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 2-5 ซม. แกนกลางใบประกอบยาว 3-7 เซนติเมตร รวมก้านที่ยาว 1-3 เซนติเมตร ผิวใบมีขนปกคลุมทั้งคู่ด้าน หรือบางโอกาสผิวด้านบนหมดจด ขอบของใบเรียบ โคนใบสอบ ปลายใบมน ปลายเป็นติ่งแหลมสั้นๆแผ่นใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างจะบาง เส้นกิ่งก้านสาขาใบ ข้างละ 4-5 เส้น หูใบรูปใบหอก ขนาดเล็ก ปลายแหลมยาว ยาว 2-5 มิลลิเมตร ดอกลำพัง ออกที่ซอกใบ มี 1-2 ดอก กลีบดอกไม้ รูปดอกถั่ว มี 5 กลีบ แบ่งเป็น 2 ปาก ปากด้านล่างขนาดใหญ่ ขอบมน กลีบย่นย่อบาง ตรงกลางดอกมีแถบสีเหลืองขาว กลีบเลี้ยงสีเขียวมี 5 กลีบ โคนติดกัน ยาว 1.5-2 ซม. แผ่นกลีบบาง ปลายแยกเป็น 5 แฉก แฉกลึกราวๆกึ่งหนึ่งหรือน้อยกว่า ปลายแฉกแหลมยาว ดอกมีสีสีน้ำเงิน ม่วง หรือขาว กึ่งกลางกลีบสีเหลืองหม่นขอบสีขาว รูปดอกถั่ว แต่ละกลีบมีขนาดแตกต่างกัน มีกลีบใหญ่ที่สุด 1 กลีบ ซึ่งจะมีจุดแต้มสีเหลืองกึ่งกลางกลีบจำพวกนี้เรียกว่าประเภทดอกลา บางโอกาสกลีบดอกไม้ 5 กลีบมีกลีบใหญ่มากกว่า 1 กลีบ ทำให้ดูราวกับว่ามีกลีบดอกหลายชั้น เรียกว่าประเภทดอกซ้อน กลีบกึ่งกลางรูปรีกว้างเกือบจะกลม ยาวโดยประมาณ 3.5 ซม.ก้านกลีบสั้นๆในดอกสีน้ำเงินหรือชมพูมีปื้นสีขาวช่วงกึ่งกลางกลีบด้านโคน กลีบปีกรวมทั้งกลีบคู่ล่าง ขนาดเล็กกว่ากลีบกลางประมาณ ครึ่งหนึ่ง มีก้านกลีบเรียวยาวเท่าแผ่นกลีบกลีบข้างรูปไข่กลับแกมรูปขอบขนาน กลีบคู่ล่างรูปรี เกสรเพศผู้ติดสองกลุ่ม 9 อัน ชิดกันโดยประมาณ 2 ใน 3 ส่วน สะอาด ยาวเท่ากลีบปีกแล้วก็กลีบคู่ล่างรังไข่รูปทรงกระบอก ยาวราว 5 มิลลิเมตร มีขนยาวก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว มีขนยาวหนาแน่นช่วงปลายด้านใน ก้านช่อยาวโดยประมาณ 5 มิลลิเมตร ใบแต่งแต้มขนาดเล็กออกเป็นคู่ ยาว 2-3 มิลลิเมตร ใบประดับย่อยมีขนาดใหญ่กว่าใบเสริมแต่ง มี 1 คู่ รูปไข่กว้างเกือบกลม ขนาดโดยประมาณ5 มิลลิเมตร มีเส้นใบแจ้งชัด ก้านดอกสั้นๆยาว 2-3 มิลลิเมตร ผลเป็นฝัก รูปดาบ แบนยาว ขนาดกว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 5-12 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ปลายเป็นจะงอยสั้นๆฝักอ่อนมีสีเขียว พอแก่มีสีน้ำตาลอ่อน แตกเป็น 2 ฝา เม็ดรูปไตสีดำ ยาวได้ราวๆ 5 มม. ปริมาณ 6-10 เมล็ด
ปกตินั้น ดอกอัญชันมี 3 สี เป็น สี ขาว สีน้ำเงิน และก็สีม่วง ชนิดดอก สีม่วงนั้นบางแบบเรียนว่าเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการผสมพันธุ์ระหว่างพันธุ์ดอกสีขาวกับจำพวกดอกสีน้ำเงิน ซึ่งคนเขียนยังคลุมเคลือว่าถูกต้อง เนื่องจากว่าเคยได้เห็นอัญชันดอกขาวบางต้น มีกลีบสีขาวลายน้ำเงิน แปลว่าเป็นพันทางระหว่างดอกขาวกับดอกน้ำเงิน แต่ข่มกันไม่ลงจึงแสดงออกมาอีกทั้ง 2 สี ไม่แปลงเป็นสีม่วงอย่างที่บอกในบางหนังสือเรียน
การขยายพันธุ์ อัญชันเป็นไม้เถาที่ปลูกง่าย มีความแข็งแรง แข็งแรง จึงมีการปลูกทั่วไป โดยนิยมปลูกเป็นพืชข้างหลังบ้าน ริมรั้ว หรือ ซุ้มไม้ ส่วนการขยายพันธุ์สามารถทำได้ด้วยการใช้เมล็ด ซึ่งมีวิธีการปลูกเป็น ถ้าเกิดปลูกเพื่อการค้าให้ปรับดินโดยการไถพรวนแล้วให้ปุ๋ยคอมในอัตรา 1 ต้น ต่อไร่ แล้วหว่านเม็ดอัญชันลงไปในอัตรา 0.5-1 กิโลกรัมต่อไร่ รวมทั้งให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ แม้กระนั้นโดยส่วนมากชอบนิยมนำมาปลูกในช่วงฤดูฝนเพราะเหตุว่าไม่ต้องให้น้ำ ส่วนการปลูกเป็นไม้ประดับให้ยกร่องขนาดกว้าง 1.20 เมตร ส่วนขนาดความยาวดังที่อยากได้ แล้วต่อจากนั้นย่อยดินรวมทั้งผสมปุ๋ยธรรมชาติลงไปแล้วขุดหลุมหยอดเมล็ด หรือนำต้นกล้าที่เพาะได้ลงปลูก โดยใช้ระยะปลูก (กว้างxยาว) 1x1 เมตร แล้วปักหลักรวมทั้งทำค้างให้เถาเลื้อยเกาะ รดน้ำให้ชุ่มแต่ละวันในตอนสัปดาห์แรก โดยทั่วไปแล้วอัญชันชอบขึ้นกลางแจ้งที่ได้ รับแดดสุดกำลังชอบดินร่วนปนทรายที่ค่อนข้างร่วนซุยแม้กระนั้นมีการระบายน้ำได้ดี ปกติอัญชันจะเลื้อย ได้ยาวราว ๗ เมตร เมื่อถึง ฤดูแล้งจะแห้งตายไป แต่หากมีน้ำ พอเพียงและดูแลอย่างเหมาะสม ก็สามารถปลูกและก็ได้ดอกอัญชันตลอดปี
เม็ด มีสาร adenosine, arachidic acid, campesterol, 4-hydroxycinnamic acid, p-hydroxy cinnamic acid, Clitoria ternatea polypeptide, ethyl-D-D-galactopyranoside, hex acosan-1-ol, palmitic acid, stearic acid, oleic acid, linoleic acid, linolenic acid, delphinidin 3,3´,5´-triglucoside, ß-sitosterol, J-sitosterol, avonol-3-glycoside, 3,5,7,4´-tetrahydroxy avone, 3-rhamnoglucoside และก็ anthoxanthin glucoside
ดอก มีสารในกลุ่ม ternatins ยกตัวอย่างเช่น ternatin A1, A2, A3, B1, B2, B3, B4, D1 แล้วก็ D2 สารที่ให้สีน้ำเงินในดอกเป็น สาร delphinidin-3,5-diglucoside, delphinidin 3-O-ß-D-glucoside, 3´-methoxy-delphinidine-3-O-ß-D-glucoside
ใบ มีสาร aparajitin, astragalin, clitorin, ß-sitosterol, kaempferol-3-monoglucoside, kaempferol-3-rutinoside, kaempferol-3-O-rhamnosyl-galactoside, kaempferol3-O-rhamnosyl-O-chalmnosyl-O-rhamnosyl-glucoside, kaempferol3-neohesperiodoside, รวมทั้ง kaempferol-3-O-rhamnosyl-glucoside
 
ประโยชน์ / คุณประโยชน์
 
อัญชันมีการนำมาใช้ทำประโยชน์หลายชนิด ได้แก่ สีจากดอกอัญชัน นิยมใช้ดอกสีน้ำเงินซึ่งมีสาร Anthocyanin ใช้ ทำสีของหวาน อาทิเช่น ขนมดอกอัญชัน ขนมช่อม่วง ทำน้ำกินสมุนไพร ได้ น้ำสีม่วงงามเนื่องจากสีของดอกอัญชันละลายน้ำได้รวมทั้งสีเปลี่ยนแปลง ไปตามความเป็นกรดด่างเหมือน กระดาษลิตมัสที่ใช้พิจารณาความเป็นกรดด่างของสารละลาย ส่วนดอกอัญชันสามารถใช้รับประทานเป็นผักได้ทั้ง จิ้มน้ำพริกใหม่ๆหรือชุบแป้งทอด
ในปัจจุบันอัญชัน ซึ่งถูกเอามาปรับปรุงเป็นผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ ยกตัวอย่างเช่น แชมพูสระผม รวมทั้งยานวดผมจากดอกอัญชัน (สีน้ำเงิน) กำลัง ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและก็มีคุณค่าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคุณสมบัติของดอกอัญชันในการรักษาเส้นผมให้ดกดำ ปกป้องผมหล่นแล้วก็ช่วยปลูก ผมให้ดกหนาขึ้น รวมทั้งใช้นำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องแต่งตัวหรือใช้ทำเป็นสีผสมอาหารเป็นต้น
นอกเหนือจากนั้นหลายประเทศในแถบเอเซียอาคเนย์ นิยมใช้ดอกหุงกับข้าวเพื่อข้าวมีสีม่วงหรือสีน้ำเงินอ่อน ทำให้น่ากินเพิ่มขึ้น รวมทั้งในประเทศประเทศฟิลิปปินส์ใช้ฝักอ่อนรับประทานเป็นผัก ประเทศมาเลเซียมักปลูกเป็นพืชปกคลุมแปลงสวนยาง บางประเทศในแถบแอฟริกาปลูกเป็นพืชหุ้มแปลงบำรุงดิน หรือปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วบ้าน แล้วก็ใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ ส่วนคุณประโยชน์ทางยานั้น ตามตำรายาไทย ใช้ เม็ด รสมัน เป็นยาระบาย แม้กระนั้นมักทำให้คลื่นไส้คลื่นไส้ ราก รสขมเย็น
(นิยมใช้ รากดอกขาว) ขับเยี่ยว แก้เยี่ยวพิการ เป็นยาระบาย ฝนหยอดตาแก้ตาเจ็บ ตามัว ทำให้ตาสว่าง บำรุงดวงตา ใช้รากถูฟัน ทำให้ฟันทน แก้ปวดฟัน ราก รสเบื่อเมา ปรุงเป็นยากินและก็พอก ทำลายพิษหมาบ้า ดอก โบราณใช้อัญชันสำหรับในการปลูกผมและคิ้วเด็กอ่อน หยุดการร่วงของหนังหัวอ่อนแอย้อมผมขาวให้เป็นสีดำ ใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาแก้ฟกช้ำบวม แก้พิษแมลงกัดต่อย ใบแล้วก็รากฝนเอาน้ำหยอดตา แก้ตาแฉะ ตาพร่า ส่วนหนังสือเรียนยาประจำถิ่น ใช้ ราก ฝนกับรากสะอึกและน้ำซาวข้าว รับประทานหรือทา แก้งูสวัด
ในการใช้ประโยชน์ในเมืองนอก ตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของประเทศอินเดีย มีการนำส่วนรากและก็เมล็ดของอัญชันใช้เป็นยาบำรุงร่างกายและก็บำรุงสมอง รวมทั้งใช้เป็นยาระบายรวมทั้งขับฉี่และในแถบอเมริกา มีรายงานการใช้น้ำต้มจากส่วนรากเพียงอย่างเดียวหรือน้ำต้มจากรากแล้วก็ดอกด้วยกันเป็นยาบำรุงโลหิต ส่วนเมล็ดใช้เป็นยาระบายขับปัสสาวะ แล้วก็ขับพยาธิ ส่วนสำหรับในการหมอแผนปัจจุบันระบุว่าดอกอัญชันมีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารสีม่วงอยู่มากมาย มีคุณสมบัติเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีเพิ่มมากขึ้น อาทิเช่น หลอดเลือดส่วนปลาย ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมมากขึ้นเรื่อยๆ หรือทำให้กลไกที่ทำงานเกี่ยวกับมองเห็นแข็งแรงขึ้น เนื่องจากว่ามีเส้นโลหิตมากยิ่งขึ้นรวมทั้งที่สำคัญยังช่วยลดความเสื่อมของการเกิดภาวะเส้นเลือดตัน ช่วยต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ช่วยสำหรับในการชะลอวัยรวมทั้งริ้วรอยที่วัย ช่วยสำหรับการบำรุงสมอง ช่วยล้างสารพิษรวมทั้งของเสียออกจากร่างกาย ช่วยต้านเบาหวานฯลฯ
รูปแบบ / ขนาดการใช้ ใช้บำรุงดวงตา แก้ตาเจ็บขับฉี่ แก้เหน็บชา ดอกอัญชันอบแห้ง 20 กรัม เพิ่มน้ำที่สะอาด 500 ซีซี ต้มจนถึงเดือนแล้วต้มต่ออีก 2 นาที ยกลง ปลดปล่อยให้เย็น กรองใส่ขวดใช้กิน แก้ปวดฟัน , ช่วยให้ฟันทน ใช้รากสดถูตามฟันซีที่ต้องการ , แก้ตาเจ็บ , บำรุงดวงตา ใช้รากฝนกับน้ำแล้วหยอดตาหรือใช้รากต้มกับน้ำใช้ดื่ม เป็นยาระบาย ขับเยี่ยวแก้ฉี่พิการ ดอกสดใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่บวมช้ำรวมทั้งใช้แก้พิษแมลงกัดต่อย
 
การเรียนทางเภสัชวิทยา
 
ฤทธิ์เครียดน้อยลงและก็วิตก เรียนฤทธิ์เครียดน้อยลงและกังวลของพืชที่มีคุณประโยชน์บำรุงสมองตามตำราอายุรเวชศาสตร์ของอินเดีย พบว่าสารสกัดเมทานอล รากอัญชัน ขนาด มก./กก. น้ำหนักตัว มีผลวิตกกังวลลดลงของหนูเม้าส์ เมื่อทดลองด้วยวิธี elevated plus-maze (EPM) ซึ่งเป็นกระบวนการทดลองที่ทำให้หนูเกิดความกลัว แล้วก็การป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 50, 100 และ 200 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ก่อนนำไปทดสอบรั้งนำให้กำเนิดความเคร่งเครียดด้วยแนวทาง forced swimming test (FST) พบว่าสารสกัดเมลานอลรากอัญชันทุกขนาด มีฤทธิ์ต้านความตึงเครียด โดยการทำให้ค่า immobility time period ต่ำลง เมื่อเทียบกับหนูที่ถูกป้อนด้วยน้ำดื่มเพียงอย่างเดียว และในการศึกษาฤทธิ์เครียดลดลงของอัญชัน ในหนูแรทด้วยวิธี tail suspention test (TST) และก็ FST โดยทำการป้อนสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน ขนาด 150 รวมทั้ง 300 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว พบว่าสารสกัดเอทานอลนากอัญชันทั้งคู่ขนาดมีฤทธิ์เครียดน้อยลงของหนูแรทจากการทดสอบทั้งสองแบบ โดยมีค่า immobility time period ต่ำลงเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม
การป้อนสารสกัดเมทานอลจากส่วนเหนือดินของอัญชันขนาด 30,100,200 และ 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ 60 นาทีก่อนนำไปทดสอบด้วยแนวทางต่างๆดังเช่น EPM, TST และ light/dark exploration พบว่าสารสกัดเมทานอลอัญชันขนาด 100 – 400 มก./กก.น้ำหนักตัว มีฤทธิ์เครียดลดลงรวมทั้งไม่สบายใจเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม ยิ่งกว่านั้นการฉีดสารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน ขนาด 100 และ 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว เข้าทางช่องท้องหนูแรทมีฤทธิ์ความหนักใจน้อยลง เมื่อทำทดลองด้วยแบบอย่างต่างๆเป็นต้นว่า EPM, TST และ Rota Rod test โดยขนาด 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ได้ผลดีกว่าขนาด 100 มก./กก.น้ำหนักตัว

ฤทธิ์กระตุ้นการเรียนรวมทั้งความจำเรียนรู้ฤทธิ์กระตุ้นการศึกษารวมทั้งฟื้นฟูความจำของสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน จากสภาวะความจำเสื่อมที่มีเหตุที่เกิดจากการป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยทำการทดสอบในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้เป็นเบาหวานด้วยการฉีด streptozotocin แล้วต่อจากนั้นป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันให้กับหนูขาววันละ 200-400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว นาน 75 วัน วัดความสามารถสำหรับการจำตำแหน่งของวัตถุหรือสิ่งที่อยู่รอบข้างด้วยแนวทางต่างๆได้แก้ Y-maze test , mirrow water maze test รวมทั้ง radial arm maze test ในวันที่ 71 และก็ 75 ของการทดสอบ ผลจากการศึกษาพบว่า หนูที่ถูกป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งคู่ขนาด มีความรู้และความเข้าใจสำหรับการทำความเข้าใจและความจำดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกลุ่มควบคุม นอกนั้นจากการวัดค่าวิชาชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งคู่ขนาด มีความรู้และความเข้าใจสำหรับการศึกษาและความจำดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกรุ๊ปควบคุม นอกนั้นจกาการตรวจวัดค่าชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน ส่งผลยั้งรูปแบบการทำงานของเอนไซม์ acetycholinesterase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่สลายacetylcholine ที่ทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท เกี่ยวพันกับแนวทางในการศึกษาเรียนรู้รวมทั้งความจำ นอกจากนี้ยังเพิ่มระดับของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวโยงกับขั้นตอนการต่อต้านอนุมูลอิสระ อาทิเช่น superoxide dismutase (SOD) ,catalase (CAT) และก็ glutauhione (GSH) อีกด้วยแสดงให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลใบอัญชันมีฤทธิ์บำรุงสมองกระตุ้นการเรียนรู้และก็ช่วยฟื้นฟูความทรงจำ จากภาวการณ์ที่มีอาการป่วยเป็นโรคเบาหวานในตัวทดลองได้ รวมทั้งจากการศึกษาฤทธิ์ผ่อนคลายความเครียดแล้วก็กังวลของพืชที่มีคุณประโยชน์บำรุงสมองตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของประเทศอินเดียพบว่า สารสกัดเมทานอล 80% จากรากอัญชัน ขนาด100 และ 200 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว เมื่อป้อนให้แก่หนูเม้าส์ มีผลกระตุ้นการศึกษาและก็ความจำของหนู เมื่อทดลองด้วยแนวทาง step-down passive avoidance model ซึ่งเป็นกรรมวิธีการทดสอบความประพฤติหลีกเลี่ยงการเสริมแรงทางลบ (negative reinforcement)
การเล่าเรียนฤทธิ์กระตุ้นการศึกษาแล้วก็ความจำของอัญชันในหนูแรทแรกเกิด (อายุ 7 วัน) โดยการทำการป้อนสารสกัดน้ำราอัญชัน[/url] ขนาดวันละ 50และก็ 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม นาน 30 วัน แล้วนำไปทดสอบแนวทางในการศึกษาเรียนรู้รวมทั้งจำด้วยแนวทาง passive avoidance test รวมทั้ง T-maze test พบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดน้ำอัญชันให้ผลการทดลองดีมากยิ่งกว่าหนูกรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่ส่งผลต่ออัตราการเคลื่อนไหวหรือนำมาซึ่งอาการเซื่องซึม ยิ่งไปกว่านี้ยังพบว่าสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ส่งผลเพิ่ม acetylcholine ในสมองรอบๆ hippocampus ของหนูแรทอีกทั้งในวัยแรกเกิดและหนูที่อยู่ในวัยสมบูรณ์ชนิดอีกด้วย
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบและก็แก้ปวด ศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์แก้ปวดของอัญชันในหนูเม้าท์ที่ถูกรั้งนำให้เกิดลักษณะของการเจ็บปวดด้วยการฉีดกรดอะซีว่ากล่าวก (acetic acid) เข้าทางท้อง หลังจากได้รับสารทดสอบ แบ่งหนูเม้าส์ออกเป็น 4 กลุ่ม กรุ๊ปที่ 1 เป็นกรุ๊ปควบคุม กลุ่มที่ 2 ป้อนยาพารา diclofenac sodium ขนาด 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว กลุ่มที่ 3 รวมทั้ง 4 ป้อนสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 และก็ 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัวเป็นลำดับ ต่อจากนั้นพินิจพฤติกรรมการบิดงอตัวของหนู ซึ่งเป็นอาการแสดงออกถึงความเจ็บ ผลจากการทดสอบพบว่า หนูเม้าส์ที่ได้รับสารสกัดเมทานอลใบอัญชันทั้งสองกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ แล้วก็พบว่าสารสกัเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันให้ผลดีมากยิ่งกว่ากลุ่มที่ให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การน้อยลงของอาการบิดงอตัว (%inhibition of writhing) เปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม กลุ่มที่ได้รับสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 และก็ 400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัวมีค่าพอๆกับ 82.67 รวมทั้ง 87.87 % ตามลำดับ ในเวลาที่กลุ่มที่ได้รับยาพารา diclofenac sodium มีค่าเท่ากับ 77.72% แสดงให้เห็นว่าสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันมีฤทธิ์แก้ปวด และก็ในการศึกษาฤทธิ์แก้อักเสบของอัญชันในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการบวมแล้วก็อักเสบด้วยการฉีดสาร carrageenan เข้าที่เข้าทางรอบๆฝ่าเท้า โดยการทำการป้อนสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชัน ขนาด 200 และก็ 400 มก./กก. น้ำหนักตัว เปรียบเทียบกับการให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium ดูและวัดอาการปวดของอุ้งเท้าหนูด้วยเครื่อง plethismometer ผลจากการทดสอบพบว่า หนูที่ได้รับสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ ดอกอัญชันทั้งสองขนาดมีลักษณะบวมของอุ้งเท้าน้อยกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การลดลงของอาการบวมของฝ่าเท้า (%inhibition of paw) เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม กลุ่มที่ได้รับสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 200 รวมทั้ง 400 มก./กก. น้ำหนักตัว มีค่าเท่ากับ 14 และ 21% ตามลำดับ และก็กรุ๊ปที่ได้รับยาพารา diclofenac sodium พอๆกับ 38% แสดงให้เห็นว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบแม้กระนั้นยังมีคุณภาพน้อยกว่ายา diclofenac sodium นอกจากนี้เมื่อศึกษาค้นคว้าฤทธิ์แก้ปวดของสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันทั้งคู่ขนาดในหนูเม้าส์ เปรียบเทียบกับยาพารา pentazocine ซึ่งฉีดเข้าทางท้องหนู โดยทดลองด้วยแนวทาง Eddy's hot plate method พบว่าสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีฤทธิ์ต้านลักษณะของการเจ็บปวด แต่ว่ายังมีคุณภาพน้อยกว่ายา pentazocine
ฤทธิ์ช่วยสำหรับเพื่อการนอน เรียนรู้ฤทธิ์ด้านเภสัชวิทยาระบบประสาท (neurophamacological study) ของอัญชันในหนูเม้าส์ โดยการฉีดสารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าท้องขนาด 50,100 แล้วก็150 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ก่อนนำไปทดสอบด้วยแนวทาง head dip test และก็ Y-maze test พบว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชันขนาด 100 แล้วก็ 150 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว ส่งผลลดอาการผงกศีรษะ (head dip) รวมทั้งช่วงเวลาการวิ่งในกล่องรูปตัว Y ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน มีฤทธิ์ลดความประพฤติปฏิบัติการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติแล้วก็ความพอใจต่อสภาพแวดล้อมของหนูเม้าส์ นอกเหนือจากนี้ยังพบว่า สารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าทางท้องของหนู 30 นาที ก่อนฉีดยานอนดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยการทำให้ระยะเวลาการนอนของหนูนานขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับการฉีดยาphenobarbitone เพียงอย่างเดียว

ฤทธิ์ต่อต้านการยึดกรุ๊ปของเกล็ดเลือด การวิเคราะห์แยกสารanthocyanin กรุ๊ป ternatins ที่สกัดได้จากดอกอัญชัน และก็ศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารดังที่กล่าวถึงแล้วในหลอดทดลอง (in vitro) พบว่า สาร ternatin D1 จากดอกอัญชันมีคุณลักษณะยั้งการยึดกลุ่มของเกล็ดเลือดกระต่ายที่รั้งนำโดย collagen และ adenosine diphosphate (ADP)
ฤทธิ์ลดไข้ เล่าเรียนฤทธิ์ลดไข้ของอัญชันในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นด้วยการฉีดเชื้อยีสต์เข้าตอนใต้ผิวหนัง ขนาด 10 มล./กก. น้ำหนักตัว จากนั้น 19 ซม.แบ่งหนูออกเป็น 5 กรุ๊ป (กรุ๊ปละ 6 ตัว) กรุ๊ปที่ 1 ให้เป็นกลุ่มควบคุม กรุ๊ปที่ 2 ป้อนยาพาราเซตามอลขนาด 150 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว กรุ๊ปที่3-5 ป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 200 , 300 แล้วก็ 400 มก./กก. น้ำหนักตัว ตามลำดับ กระทำวัดอุณหภูมิร่างการทางทวารหนักของหนูที่ชั่วโมง 0,19,20,21,22 แล้วก็ 23 ของการทดลองพบว่า สารสกัดเมทานอลรากอัญชันทุกขนาดส่งผลลดอุณหภูมิร่างกายของหนูลงอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม และก็ให้ผลไม่ได้มีความแตกต่างจากกรุ๊ปที่ได้รับยาพาราเซตามอล
 
ฤทธิ์ต้านทานเบาหวาน การศึกษา
 
ฤทธิ์ต้านเบาหวานของอัญชันในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงโดยการฉีดสาร alloxan พบว่าการป้อนสารสกัดน้ำจากใบรวมทั้งดอกอัญชัน ขนาดวันละ 100-400 มก./กก. นาน 14-84 วัน ส่งผลลดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดคอเลสเตอรคอยล ไตรกลีเซอไรด์ รวมทั้งระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี glucose-6-phosphatase ไปเป็นน้ำตาลรวมทั้งเพิ่มระดับอินซูลิน HDL-cholesterol และเอนไซม์ glucokinase ซึ่งปฏิบัติภารกิจเกี่ยวเนื่องกับการควบคุมระดับเดกซ์โทรสไปเก็บสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของ glucogen ในตับแล้วก็กล้ามเนื้อ นอกเหนือจากนี้ยังลดความเสื่อมโทรมของกรุ๊ปเซลล์ Islet of Langerhans จำพวก B-cells ในตับอ่อนซึ่งทำหน้าที่ผลิตอินซูลิน จากการฉีดสาร alloxan ได้
ส่วนในการทดลองฤทธิ์ของอัญชันในสินค้าเครื่องแต่งตัวสำหรับบำรุงผิวพบว่าสารสกัดน้ำและก็สารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเมื่อทดสอบด้วยแนวทาง 2,2-diphenyl-1-picrylhdrazy (DPPH) ขึ้นรถสกัดน้ำจะมีฤทธิ์มากกว่าสารสกัดเอทานอล ซึ่งมีค่าความเข้มข้นที่ยับยั้งอนุมูลอิสระได้ 50% (IC50) พอๆกับ 1 รวมทั้ง4 มก./มล. ตามลำดับ และเมื่อนำสารสกัดน้ำดอกอัญชันไปเป็นองค์ประกอบในเจลสำหรับทารอบดวงตาพบว่าฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระของอัญชันยังคงอยู่ แต่มีคุณภาพน้อยกว่าครีมมาตรฐาน ทำให้อาจสรุปได้ว่าการใช้ดอกอัญชันเป็นส่วนประกอบในเครื่องแต่งตัวสำหรับบำรุงผิวบางทีก็อาจจะได้ประโยชน์จากฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา
การศึกษาเล่าเรียนความเป็นพิษแบบกระทันหัน ของสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์จากดอกอัญชันในหนูแรทเพศเมียพบว่า การป้อนสารสกัดขนาด 2000 มก./กก.น้ำหนักตัว ไม่ส่งผลให้เกิดความเป็นพิษต่อหนูแต่อย่างใด และในการศึกษาความเป็นพิษของสารสกัดน้ำจากดอกอัญชันในหนูแรทเพศ



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ