Advertisement
ขมิ้นอ้อย
สรรพคุณขมิ้นอ้อย
* ตำรับตำรายาไทยใช้เหง้าเป็นยาแก้ไข้
* ใช้เป็นยารักษาโรคคุมฤทธิ์ยาอื่นๆ ที่ระบายจัด
* แก้โรคอาการท้องร่วง ท้องเดิน (ที่ไม่ใช่บิด หรืออหิวาตกโรค) โดยใช้หัวขมิ้นอ้อยสด ๆ ประมาณ 2 แว่น มาบดผสมกับน้ำปูนใส กินแก้ท้องร่วงได้
* บำบัดแผล โดยนำขมิ้นอ้อยไปหุงในน้ำมันมะพร้าว แล้วนำมาใส่แผล จะช่วยให้แผลหายเร็ว เนื่องจากหัวขมิ้นอ้อยเป็นยาฝาดสมานด้วย
* เยียวยาฝี ถ้าเป็นฝีหัวเดือนให้นำใบไผ่มาเผ่าไฟให้ไหม้แล้วนำหัวขมิ้นอ้อยมาตำด้วยกัน แล้วใช้น้ำเป็นกระสายยาและใช้ได้ทั้งกินและทาหรือพอก
1. เหง้าขมิ้นอ้อยมีรสเผ็ดขม เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อตับ กับม้าม มีสรรพคุณช่วยกระจายโลหิต รักษาอาการเลือดคั่ง หรือเลือดไหลเวียนไม่สะดวก เส้นเลือดในท้องอุดตัน
2. เหง้าขมิ้นอ้อยช่วยแก้โลหิตเป็นพิษ แก้พิษโลหิต ใช้เป็นเป็นยาชำระโลหิต
3. ช่วยลดความดันโลหิต
4. ในเหง้าหรือในหัวสดของขมิ้นอ้อย มีสารหอมชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์เป็นยาบำรุงกำลัง
5. ช่วยแก้อากัปกิริยาหืดหอบหายใจไม่เป็นปกติ
6. เหง้าสดขมิ้นอ้อยนำมาตำผสมกับการบูรเล็กน้อย
7. เหง้าขมิ้นอ้อยช่วยแก้อาการตาแดง ตามัว ตาแฉะ พร้อมกับตาพิการ
8. ใช้รักษาอาการหวัด ด้วยการใช้หัวขมิ้นอ้อย อบเชยเทศ และพริกหาง นำมาต้มแล้วเติมน้ำผึ้ง ใช้รับประทานเป็นยาแก้หวัด
9. ช่วยแก้อาการอาเจียน ช่วยแก้เสมหะ
10. เหง้าใช้เป็นยาแก้ลม
11. ขมิ้นอ้อยมีฤทธิ์กระตุ้นกระเพาะและลำไส้ให้เกิดการบีบตัว จึงช่วยในการขับลม ช่วยแก้อาการจุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยในการย่อยอาหาร แก้อาการปวดท้อง พร้อมทั้งแก้อาการปวดลำไส้ได้
12. เหง้าใช้เป็นยาแก้ท้องร่วง ท้องเดิน เหง้าสดประมาณ 2 แว่น เมื่อนำมาบดผสมกับน้ำปูนใส สามารถนำมาใช้ดื่มเป็นยารักษาอาการท้องร่วงได้
13. เหง้านำมาหั่นเป็นแว่นๆ จะใช้ใหม่หรือตากแห้งก็ได้ โดยนำมามาต้มกับน้ำเป็นยาดื่มแก้โรคกระเพาะ
14. เหง้าขมิ้นอ้อยช่วยสมานลำไส้
15. ใบของขมิ้นอ้อยใช้เป็นยาแก้ท้องมาน โดยขับออกทางปัสสาวะ ด้วยการนำน้ำคั้นจากใบของต้นขมิ้นอ้อยใช้เป็นยา
16. ช่วยเยียวยาริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้เหง้าขมิ้นอ้อย พริกไทยล่อน และเปลือกยางแดง นำมาผสมกันทำเป็นยาผง แล้วนำไปละลายในน้ำยางใส ปั้นเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่าปลายนิ้วชี้ ใช้กินเช้า และเย็น
17. ช่วยแก้หนองใน
18. ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือนของสตรี แก้อาการประจำเดือนไม่ปกติ ช่วยแก้อาการตกขาว หรือไม่ก็ระดูขาวของสตรี
19. เหง้าใช้เป็นยาขับน้ำคาวปลาหลังการคลอดบุตรของสตรี
20. ช่วยรักษาซีสต์ในรังไข่ของสตรี
21. ขมิ้นอ้อยช่วยรักษาซีสต์ในรังไข่ของสตรี
22. เหง้าใช้เป็นยาสมานแผล
23. เหง้าใช้เป็นยาภายนอก ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ ฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย แก้กลากเกลื้อน แก้ผิวหนังอักเสบ
24. ใช้เป็นยาบำบัดรักษาฝี ฝีหนองบวม ด้วยการใช้เหง้าขมิ้นอ้อยสด, ต้นและเมล็ดของเหงือกปลาหมอ อย่างละเท่ากันมากน้อยตามต้องการ นำมาตำรวมกันจนละเอียดแล้วใช้พอกเช้าเย็น หรือหากเป็นฝีหัวเดือน ให้นำใบไผ่เผาไฟให้ไหม้ ส่วนหัวขมิ้นอ้อยนั้น ให้เอามาตำด้วยกัน แล้วใช้น้ำเป็นกระสายยา สามารถใช้ได้ทั้งกิน ทาหรือพอก
25. ช่วยแก้ฝีในมดลูกของสตรี ด้วยการใช้เหง้าขมิ้นอ้อยประมาณ 3 ท่อน, บอระเพ็ด 3 ท่อน, ลูกขี้กาแดง 1 ลูก (นำมาผ่าเป็น 4 ซีก แล้วใช้เพียง 3 ซีก) แล้วนำมาต้มรวมกับสุรา ใช้กินเป็นยาแก้ฝีในมดลูกได้
26. เหง้า และใบ ใช้รักษาอาการปวด ปวดบวม แก้บวม ฟกช้ำ แก้ช้ำใน แก้อักเสบแก้อาการเคล็ดขัดยอก ข้อเคล็ดอักเสบ และบรรเทาอาการปวดได้ดี ด้วยการใช้เหง้าขมิ้นสดๆ หรือใบขมิ้นอ้อย นำมาตำให้ละเอียด แล้วเอามาพอกบริเวณที่มีอาการบวม จะช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ ฟกชกช้ำบวมได้
27. น้ำมันหอมระเหยในขมิ้นอ้อยมีฤทธิ์ยับยั้งและช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ได้ดี เช่น เชื้ออหิวาตกโรค เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฝีหนองที่แผล เชื้อที่ทำให้เจ็บคอ เชื้อที่ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น
28. เหง้าใช้ผสมในยาระบายเพื่อทำให้ฤทธิ์ของยาระบายมีฤทธิ์น้อยลง
29. เหง้าใช้เป็นยารักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งในรังไข่ มะเร็งตับ มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปอด เนื้องอกธรรมดาของกล้ามเนื้อมดลูก
งานการศึกษาค้นคว้าขมิ้นอ้อย
1. งานศึกษาวิจัยที่พอระบุได้ว่าเมื่อใช้สารสกัดจากเหง้าขมิ้นอ้อยด้วย 80% ethanol กับหนูทดลอง พบว่า สามารถช่วยยืดระยะเวลาการนอนหลับของหนูถีบจักรได้
2. พบว่าสารสกัด Curcumin, Curdione, Curzerene, Furanodiene, Furanodienone, Zederone, Zedoarone ที่พบในขมิ้นอ้อย มีฤทธิ์ต่อต้านเนื้องอกหรือมะเร็งปากมดลูก และยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งหรือเนื้อกงอกไม่ให้มีการเติบโตหรือขยายตัวได้อีกด้วย
3. น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากขมิ้นอ้อย สามารต่อต้านเชื้อ Staphylococcus หรือเชื้อในลำไส้ใหญ่ Columbacillus หรือไม่ก็เชื้ออหิวาต์ได้
4. ขมิ้นอ้อยมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อราได้ถึง 11 ชนิด และช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้อีก 4 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อราที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังต่างๆ เช่น กลาก ชันนะตุ เชื้อราที่ผิวหนัง ที่เล็ก ที่ซอกนิ้วเท้า
5. มีรายงานทางคลินิกที่ได้นำสารที่สกัดจากขมิ้นอ้อยมาฉีดเข้าบริเวณปากมดลูกหรือบริเวณเส้นเลือดดำของผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ที่กำลังเข้ารับการรักษา เป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่าเนื้องอกมีขนาดเล็กลงหรือมีอาการเกือบจะเป็นปกติ และเมื่อได้ทำการรักษาต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่า ในจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจำนวน 80 คน หายขาดจากโรค 30 คน มีอาการที่ดีขึ้นมากจำนวน 30 คน และอีก 20 คน พบว่ามีอาการดีขึ้น
ข้อควรรักษาการใช้ขมิ้นอ้อย
1. การรับประทานขมิ้นอ้อยมากเกินไปอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
2. สำหรับผู้ที่เลือดน้อย หรือพลังหย่อน และสตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานขมิ้นอ้อย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
ขมิ้นอ้อย รากสามสิบTags : ขมิ้นอ้อย รากสามสิบ