โรงงานรับผลิตลูกกลิ้ง เฟืองตัวหนอนเฟืองทองเหลือง และยอย สปริง มู่เล่ย์ ใบพัด พร้

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรงงานรับผลิตลูกกลิ้ง เฟืองตัวหนอนเฟืองทองเหลือง และยอย สปริง มู่เล่ย์ ใบพัด พร้  (อ่าน 7 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sudteen555
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8165


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 01, 2019, 06:55:04 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

เรารับผลิต เฟืองตรง ขายเฟือง เฟืองทองเหลือง ยอย หลากหลายชนิด สปริง เหล็ก คอปปิ้ง ยอย [url=http://www.kgsthailand.com/]มู่เล่ยพวงมาลัย  ราคาถูก
หน้าที่และองค์ประกอบสายพานลำเลียง (Fuction and Componnents of Belt Conveyor)
สายพานลำเลียงก็เหมือนเครื่องจักรอื่นๆโดยธรรมดา เป็นมีชิ้นส่วนหลักรวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือประกอบอื่นๆอีกมากมายในแต่ละองค์ประกอบ แต่ละเครื่องมือยังมีนานัปการแบบ การออกแบบสายพานลำเลียงยัังไม่มีมาตราฐานสากลเข้ามาควบคุมประกอบกับ การออกแบบจะวางแบบให้เหมาะสมเฉพาะงาน เพราะฉะนั้นวิศวกรผู้ออกแบบจะใช้ศาสตร์รวมทั้งศิลป์ของตัวเอง โดยเหตุนั้นไม่ว่าต้นแบบ การเลือกใช้ส่วนประกอบ ปริมาณเครื่องใช้ไม้สอยที่จัดตั้งตำแหน่งที่ติดตั้งเครื่องใช้ไม้สอย มีหลากหลายรูปแบบเหมือนกัน ชิ้นส่วนสำคัญๆที่สำคัญต่อการออกแบบสายพานลำเลียงพอจัดประเภทได้ดังต่อไปนี้
Conveyor belt (สายพานลำเลียง) เป็นส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่รองรับวัสดุขนย้ายและก็ส่งกำลัง
Head terminal (ส่วนปลายด้านหัว) เป็นส่วนที่ปลายสุดด้านหลังที่ปฏิบัติภารกิจจ่ายวัสดุออกจากสายพาน
Foot terminal or Tail terminal (ส่วนปลายด้านท้าย) เป็นส่วนที่รับอุปกรณ์เข้าสายพาน
Thoughed belt idler or Carring idler (ชุดลูกกลิ้งสายพานรูปแอ่ง หรือ ลูกกลิ้งรองรับสายพานด้านบรรทุกอุปกรณ์) เป็นชุดลูกกลิ้งซึ่งปฏิบัติหน้าที่รองรับสายพานด้านพาสิ่งของไปในหนึ่งชุดประกอบด้วยลูกกลิ้งหนึ่งลูกหรือมากกว่า
Return Idlers (ชุดลูกกลิ้งพากลับ) เป็นชุดลูกกลิ้งที่ปฏิบัติหน้าที่รองรับสายพานด้านไม่บรรทุกสิ่งของ (สายพานเปล่า) ในหนึ่งชุดประกอบด้วยลูกกลิ้งหนึ่งลูกหรือมากยิ่งกว่า
Drive (ชุดขับ) เป็นชุดเครื่องมือซึ่งทำหน้าที่ขับสายพานให้เขยื้อน ประกอบด้วยชุดต้นกำลัง,อุปกรณ์ส่งต่อกำลัง และล้อขับสายพาน ซึ่งชุดต้นกำลังดังเช่น มอเตอร์ไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์กลไก,เครื่องไม้เครื่องมือส่งต่อกำลัง เป็นต้นว่า เครื่องใช้ไม้สอยปฏิบัติหน้าที่รับ และก็ส่งกำลังระหว่างชุดต้นกำลังไปยังล้อขับสายพาน เพื่อขับสายพานในความเร็วที่อยากได้
Take-up Device (เครื่องไม้เครื่องมือปรับความตึง) เป็นเครื่องมือสำหรับปรับให้สายพานมีความตึงรวมทั้งยังทำหน้าที่เก็บ สายพานส่วนเกิน
Snub Pulley (ล้อกดสายพาน) เป็นล้อสายพานที่ปฏิบัติภารกิจกดสายพาน เพื่อเพิ่มโค้งสัมผัสให้กับสายพานบนล้อขับสายพาน (Drive Pulley)
Bend Pulley (ล้อดัด) เป็นล้อสายพานที่ปฏิบัติภารกิจเปลี่ยนทิศทางของสายพาน
Head Pulley (ล้อหัว) เป็นล้อสายพานที่ติดตั้งอยู่ที่ปลายด้านหัวของสายพานของชุดลำเลียง ครั้งคราวปฏิบัติหน้าที่กระเป๋านล้อ ขับสายพาน
Tail Pulley (ล้อด้านหลัง) เป็นล้อสายพานที่ติดตั้งอยู่ที่ตำแหน่งปลายสุดด้านท้ายของสายพาน บางทีทำหน้าที่เป็นล้อปรับ ความตึงสายพาน
Take-up Pulley (ล้อปรับความตึง) ซึ่งก็คือ พูลเล่ย์ที่เดินทางแปลงตำแหน่งได้ใช้ประโยชน์เป็นส่วนหนึ่งของวัสดุปรับ ความตึงสายพาน
Anti Run Back or Back Stop (วัสดุอุปกรณ์ต้านทานการเคลื่อนกลับ) เป็นอุปกรณ์อัตโนมัติสำหรับคุ้มครองปกป้องสายพานเคลื่อนกลับแนวทาง ระหว่างที่สายพานขนวัสดุเขยื้อนสูงชันแล้วชุดต้นกำลังหยุดการทำงาน
Retarder (รีทราดเดอร์) เป็นเครื่องไม้เครื่องมือ สำหรับคุ้มครองป้องกันความเร็วสายพานสูงเกิน ใช้ในกรณีติดตั้งชุดสายพานเอียงลดลง
Brake (เบรค) เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ปฏิบัติหน้าที่เบรคให้สายพานหยุดการทำงาน หรือหยุดเพื่อดำเนินงานบำรุงรักษา
Cleaner or Belt wiper (อุปกรณ์ทำความสะอาดหรือใบปาด) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับนำสิ่งของที่ติดบนสายพานหรือบนล้อสายพานออก
Discharge Chute (รางจ่ายสิ่งของ) เป็นเครื่องใช้ไม้สอยที่ดีไซน์ เพื่อบังคับแนวทางไม่ให้วัสดุกระเด็นกระจัดกระจายออก และคุ้มครองปกป้องอันตรายอันจะกำเนิด จากการหมุนของล้อสายพานและก็สายพาน
Drive Support (เครื่องไม้เครื่องมือรองรับชุดขับ) ทำหน้าที่รองรับรวมทั้งจับยึดชุดขับทั้งหมด
Walk way and hand rail (ฟุตบาทรวมทั้งราวจับ) เป็นช่องทางเดินพร้อมราวจับ ยึดติดทางด้านข้างของโครงสายพาน ใช้สำหรับในการทะนุบำรุง แล้วก็ตรวจการดำเนินงานของสายพาน
Hood (ฝาครอบ) เป้นอุปกรณ์ที่ยึดโครงสายพานครอบเหนือสายพาน เพื่อป้องกันแสงแดด,ฝน,ลม รวมทั้งการฟุ้งกระจายของอุปกรณ์ที่ขน รูปแบบของฝาครอบนิยมสร้างเป็นรอน (Conrrugated)
Wind Guard (โครงกันลม) เป็นโครงสำหรับยึดฝาครอบกันลม
Corbel connection (ข้อต่อ) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับยึดต่อความยาวของโครงสายพาน ประเภทมีส่วนยื่นรองรับ
Decking (ชั้นปิดกั้นสิ่งของ) เป็นชั้นปิด หรือฝาครอบปิดที่ติดตั้งระหว่างแผ่นสายพานด้านบนแล้วก็ด้านล่าง เพื่อคุ้มครองป้องกันวัสดุที่อยู่ข้างบน ของสายพานตกหล่นลงสู่แผ่นสายพานข้างล่าง
Gravity take-up (ชุดถ่วงปรับความตึง) เป็นชุดปรับความตึงของสายพานโดยอาศัยน้ำหนักดึงในแนวตั้ง
Bent (ขาตั้งแบบมีจุดหมุน) เป็นขาตั้งที่ปฏิบัติภารกิจรองรับน้ำหนักขององค์ประกอบและก็ชุดสายพาน ขาตั้งนี้อยู่แนวตั้งช่วงเวลาที่โครงสายพาน อาจเอียงลาด
Lateral Frame (โครงข้อต่อสายพาน) เป็นข้อต่อให้โครงสายพานให้ยาวยิ่งขึ้น โดยดครงข้อต่อนี้จะปฏิบัติภารกิจเป็นจุดรองรับปลายของ องค์ประกอบสายพานที่จะมาต่อชนกัน
Knuckle joint (ข้อต่องอ) เป็นข้อต่อที่รองรับส่วนประกอบแล้วก็สายพานที่เปลี่ยนทิศทาง บริเวณนี้จะมีลูกกลิ้งสายพานติดอยู่ด้วย เพื่อรองรับ การดัดโค้งของสายพาน
Frame (โครงสร้างสายพาน) เป็นองค์ประกอบที่ทำด้วยเหล็ก เพื่อรองรับน้ำหนักและก็เป็นที่ยึดติดเครื่องไม้เครื่องมือทั้งหมดทั้งปวงของระบบสายพานนั้นๆอาจเป็นโครงเหล็กถัก(Truss),โครงเหล็กพับหรือโครงเหล็กรูปพรรณ
Loading hopper or chute (ภาชนะรูปกรวยหรือราง) ติดอยู่ใกล้ส่วนท้ายของสายพานลำเลียงปฏิบัติหน้าที่รองรับ รวมทั้งนำสิ่งของเข้าสู่ สายพานลำเลียง
Screw take-up (สกรูเกลียวปรับความตึง) เป็นเครื่องมือปรับความตึงของสายพานโดยใช้การดึงของสกรู
มอเตอร์ ( Motor )
มอเตอร์คือเครื่องกลไฟฟ้า (Electormechnical Energy) ที่ปฏิบัติภารกิจแปลงกำลังไฟฟ้า (Electric Energy) ให้เป็นพลังงานมายากล (Mechanical Energy) ในรูปของการหมุนเขยื้อนมีคุณประโยชน์สำหรับการเอาไปใช้งานได้อย่างกว้างขวาง ถูกนำไปร่วมใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องมือกระแสไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าราว 80-90% ลักษณะมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Energy) แสดงดังรูป
รูปแบบการทำงานของมอเตอร์
มอเตอร์กระแสไฟฟ้าที่ถูกผลิตขึ้นมาใช้งานแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท เป็น มอเตอร์กระแสไฟฟ้า กระแสตรง (DC Motor) เป็นมอเตอร์ที่ใช้กับแหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรง (DC Source) เป็นมอเตอร์แบบพื้นฐานที่ถูกสร้างมาใช้งาน แล้วก็มอเตอร์ไฟกระแสสลับ (AC Motor) เป็นมอเตอร์ที่ใช้กับแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Source) มอเตอร์ประเภทนี้ถูกปรับปรุงมาจากมอเตอร์ระแสตรง เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางเพิ่มมากขึ้น
มอเตอร์ไฟกระแสตรงประกอบด้วย แม่เหล็กถาวร 2 ขั้ว วางอยู่ระหว่างขดลวดตัวนำ ขดลวดตัวนำจะได้รับแรงกดดันไฟฟ้ากระแสตรงป้อนให้ในการดำเนินการ ทำให้มีการเกิดอำนาจแม่เหล็ก 2 ชุด มีขั้วแม่เหล็กแบบเดียวกันวางใกล้กันเกิดแรงกระตุ้นทำให้ขดลวดตัวนำหมุนเขยื้อนได้การดำเนินงานเบื้องต้นของมอเตอร์ไฟกระแสตรง
มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (D.C. Motor)
เมื่อมีกระแสไหลผ่านเข้าไปในมอเตอร์กระแสจะแบ่งออกไป 2 ทาง คือ ส่วนอันดับที่หนึ่งจะผ่านเข้าไปที่ขดลวดสนามแม่เหล็ก(Field coil) กระตุ้นให้เกิดสนามไฟฟ้าขึ้นรวมทั้งอีกส่วนหนึ่งจะผ่านแปลงถ่านคาร์บอนรวมทั้งผ่านคอมไม่วเตเตอร์ เข้าไปในขดลวดอาร์เมเจอร์กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดสนามไฟฟ้าขึ้นเช่นกัน ซึ่งทั้งสองสนามจะเกิดขึ้นขณะเดียวกัน ตามคุณลักษณะของเส้นแรงแม่เหล็กและก็จะไม่มีการติดกัน จะมีแม้กระนั้นกี่หักล้างและมีการเสริมกัน ซึ่งนำไปสู่แรงบิตในอาร์เมเจอร์ ทำให้อาร์เมเจอร์หมุนซึ่งในการหมุนนั้นจะเป็นไปตามกฎมือซ้ายของเฟลมมิ่ง (Fleming’s left hand rule)
สายพานแบนส่งกำลัง เป็นสายพานที่ใช้ในอุตสาหกรรมโรงสีข้าว จำพวกสายพานและก็ความแข็งแรงจะมากขึ้นตามจำนวนชั้นของผ้าใบที่ใช้สำหรับการผลิต
คุณสมบัติของสายพาน:
• ความคงทนต่อการแยกชั้นของผ้าใบ การใช้แรงงานของสายพานส่งกำลังชนิดนี้ จะใช้ส่งกำลังระหว่างพูเลย์ที่มีรอบการหมุนสูง ทำให้สายพานเกิดการแยกชั้นได้ง่าย ด้วยเหตุดังกล่าวการยึดติดของผ้าใบแต่ละชั้น ก็เลยจะต้องมีความแข็งแรงมากพอ เป็นแรงยึดระหว่างกาวกับผ้าใบ และก็ยางกาวกับยางในจำเป็นต้องแข็งแรง เพราะหากเกิดการแยกชั้นของผ้าใบขึ้น ระหว่างการใช้แรงงาน จะก่อให้สายพานมีอายุการใช้แรงงานสั้น
• คงทนถาวรต่อแรงดึง สายพานที่ใช้จึงควรถูกดึงด้วยแรงที่มีค่าค่าหนึ่ง เพื่อให้เกิดแรงเสียดทานสำหรับการขับเคลื่อน ความแข็งแรงของสายพาน สามารถเพิ่มหรือลดได้ โดยการเพิ่มหรือลดปริมาณของชั้นผ้าใบ
• ความทนทานต่อการผุกร่อน ผ้าใบข้างล่างของสายพาน จะสัมผัสกับพูเลย์(Pulley) ทำให้อายุการใช้งานของสายพาน ขึ้นกับคงทนถาวรของผ้าใบ ซึ่งผ้าใบที่ใช้เป็นผ้า COTTON ขนาดต่างๆกัน
KENTEC Pin Coupling
- Pin coupling คัปปลิ้งแบบสลัก
- จัดตั้งกระทำตั้งศูนย์ได้ง่าย
- ทำรูเพลาสูงสุดได้ถึง160mm
- สามารถพิจารณาทิศทางการหมุนของมอเตอร์โดยการถอดสลักออก
KENTEC Chain Coupling
- คัปปลิ้งรับแรงบิดได้สูง เมื่อเทียบกับคัปปลิ้งที่มีขนาดใกล้เคียงกัน
- ทำรูเพลาสูงสุดได้ถึง200mm
- คัปปลิ้งราคาประหยัดเหมาะกับงานส่งกำลังทั่วไป
Sprocket
คุณสมบัติ:
- เหมาะสำหรับงานส่งกำลังในรอบช้า
- สามารถรับแรงบิดได้สูง(Torque) ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมากและก็อุณหภูมิสูงได้ดี
- Martin มีผลิตทั้ง Sprocket สำหรับงานส่งกำลังและ Sprocket สำหรับงานโซ่ลำเลียง
Martin-Flex Coupling
- ชิ้นยางรอบรับการดึงของเครื่องจักรได้เป็นอย่างดี (shock load)
- รองรับการเยื้องศูนย์ได้สูงขึ้นมากยิ่งกว่าคัปปลิ้งทั่วไป
- ชิ้นยางถอดออกตามแนวรัศมี จัดตั้งง่ายไม่ต้องเปลี่ยนที่มอเตอร์หรือเครื่องจักร
- ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และสามารถวิเคราะห์ภาวะชิ้นยางได้ด้วยการดูจากภายนอก
- ใช้ร่วมกับ taper bush ถอดประกอบกับเครื่องจักรได้ง่าย
- มีรุ่น FRAS ชิ้นยางกันไฟฟ้าสถิต และทนความร้อนได้สูง
TIMING PULLEY
คุณสมบัติ:
- สามารถทำอัตราทดได้สูงขึ้นมากยิ่งกว่า มู่เลย์แบบร่องวีรวมทั้งรองรับกำลังของมอเตอร์ได้มากกว่าสามารถผลิตรองรับสายพานได้ทุกรุ่นทุกแบรนด์ เป็นต้นว่า HTD,GT2,XH,H,L,XL,RPP,STPD,T,AT
- สามารถใช้ร่วมกับ Taper Bush ในการประกอบเพลา
คำว่าการผลิต ในภาษาอังกฤษมีการใช้คำอยู่ 2 คำเป็น Manufacturing และ Production ซึ่งสื่อความหมายไม่เหมือนกันดังต่อไปนี้
1. Manufacturing คือ แนวทางการเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบหรืออุปกรณ์ให้แปลงเป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถสัมผัสได้
2. Production หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนวัตถุดิบหรือสิ่งของให้แปลงเป็นสินค้าสำเร็จ เช่นเดียวกันกับคำว่า Manufacturing แต่ว่าแตกต่างกันตรงที่ Production จะรวมเอางานบริการต่างๆเข้าไปด้วย ได้แก่ การผลิตอาหารกระป๋อง บริษัทประกันภัย บริการที่ได้รับจากโรงหมอและก็การเข้ารับการเรียนจากมหาวิทยาลัย เป็นต้น
สแตนเลส หรือเป็นรู้จักกัน ว่า เหล็กกล้าไร้สนิม เป็น โลหะเหล็กในกรุ๊ปที่มีความต้านทานการกัดกร่อนสูง ผสมระหว่างเหล็กแล้วก็คาร์บอน ซึ่งส่วนประกอบจะมีปริมาณคาร์บอนต่ำ มีโครเมียม เป็นส่วนผสมหลัก ประมาณ 10.5 % หรือมากกว่า นำไปสู่การผลิตฟิล์มโครเมียมออกไซด์
 
สินค้าที่ทางร้านค้า KGSthai จัดจำหน่าย อาทิเช่น
1. เฟืองโซ่ เฟืองตรง เฟืองดอกจอก เฟืองตัวหนอน เฟืองสะพาน เฟืองามมิ่ง เฟืองทองสัมฤทธิ์ เฟืองโซ่ลำเลียง เฟืองดอกจองเฉ แล้วก็เฟืองสั่งทำพิเศษ
2. มู่เล่ย์สำเร็จรูป มู่เล่ย์ชั้น มู่เล่ย์สายพานแบน มู่เล่ย์เตเปอร์ และก็มู่เล่ย์สั่งทำพิเศษ
3. โซ่ลำพัง โซ่คู่ โซ่สแตนเลส โซ่ปีก โซ่ลำเลียง รวมทั้งโซ่สั่งทำพิเศษ
4. ข้อต่อเต็มข้อ ข้อต่อครึ่งข้อ ข้อต่อปีก รวมทั้งข้อต่อสั่งทำพิเศษ
5. คอปปิ้ง ยอยเฟือง ยอยโซ่ ยอยสลัก NK, MD, MT, ROTEX, NORTEX และคอปปิ้งลักษณะพิเศษต่างๆ
6. ลิ่มสำเร็จรูป ลิ่มเหล็ก ลิ่มสแตนเลส
7. สปริงดึง สปริงดัน สปริงดีด สปริงเตเปอร์ แผ่นสปริง สปริงขึ้นรูป สปริงลาน สปริงแท่นเจาะ สปริงแม่พิมพ์(สปริงสี) และก็งานดัดสปริงทุกชนิด
8. เหล็กถลุง และก็งานหล่อตามแบบทุกหมวดหมู่
9. ใบพัดมอเตอร์อลูมิเนียม พวงดอกไม้เหล็กหล่อ พวงดอกไม้อลูมิเนียม พวงดอกไม้ชุบโครเมี่ยมเพลาเกลียว
พัฒนาการของการสร้างในระยะแรกจะอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1760. – 1830. ซึ่งเริ่มต้นที่อังกฤษและเป็นช่วงในเวลาที่มีการประดิษฐ์เครื่องจักรประเภทต่างๆมาใช้เพื่อสำหรับในการผลิตดังนี้
1. การประดิษฐ์เครื่องจักรไอน้ำของวัตต์ (Watt’s Steam Engine) ในปี ค.ศ. 1776. แล้วก็มีการสร้างจริงในปี ค.ศ. 1785
2. การพัฒนาวัสดุกล (Machine Tools) โดย John Wilkinson ที่ได้ประดิษฐ์เครื่องควัก(Boring Machine) เมื่อราวๆปี ค.ศ. 1775.
3. การประดิษฐ์เครื่องกรอได้ (Spining Jenny) เครื่องทอผ้า (Power loom) และก็เครื่องจักร อื่นๆที่ใช้ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มผลิตผล
4. ระบบของโรงงาน (Factory System) ซึ่งเป็นแถวทางใหม่ของการจัดองค์กรเพื่อการผลิตจำนวนมากโดยใช้วิธีการเบื้องต้นของการแบ่งฝูงคนงาน
     "เหล็ก" เป็นคำที่คนไทยทั่วๆไปนิยมใช้เรียกเหมารวมกันเป็น เหล็ก (iron) และก็ เหล็กกล้า (steel) ซึ่งในความจริงนั้น อุปกรณ์อีกทั้ง 2 อย่างนี้ไม่เหมือนกันหลายประการ อย่างไรก็ตาม เหล็กเป็นสิ่งของพื้นฐานที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาสังคมแล้วก็การดำรงชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่อดีตกาลจนกระทั่งปัจจุบันและต่อไปในอนาคตอีกนานแสนนาน
      เหล็ก (iron) เครื่องหมายทางวิทยาศาสตร์ Fe คือแร่ธาตุโลหะประเภทหนึ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ ส่วนใหญ่มีสีแดงอมน้ำตาล โดยธรรมดาสามารถดูดติดแม่เหล็กได้ พบบ่อยในชั้นหินใต้ดินรอบๆที่ราบสูงและก็เทือกเขา อยู่ในรูปก้อนสินแร่เหล็ก (iron ore) ผสมปนเปกับโลหะชนิดอื่นๆและก็หิน เมื่อนำมาใช้ผลดีจำเป็นจะต้องผ่านแนวทางการทำให้บริสุทธิ์ด้วยกระบวนการ "ผลาญ" (ใช้ความร้อนสูงเผาให้แร่เหล็กกลายเป็นของเหลวตอนที่กำจัดแร่อื่นที่ไม่ต้องการออกไป) ยิ่งกว่านั้นธาตุเหล็กยังเป็นสารอาหารที่ร่างกายคนเราอยากได้ เพราะว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดงของเราอีกด้วย พูดอีกนัยหนึ่ง คนที่ขาดธาตุเหล็กจะเป็นโรคโลหิตจางได้ง่าย
     เหล็กกล้า (steel) เป็นโลหะผสมประเภทหนึ่ง โดยธรรมดาเหล็กกล้าหมายความถึง "เหล็กกล้าคาร์บอน (carbon steel)" ซึ่งประกอบด้วยธาตุสำคัญๆคือ เหล็ก (Fe) คาร์บอน (C) แมงกานีส (Mn) ซิลิคอน (Si) รวมทั้งธาตุอื่นๆอีกน้อย เหล็กกล้าเป็นอุปกรณ์โลหะที่ไม่ได้มีอยู่ตามธรรมชาติ แต่ว่าถูกทำขึ้นโดยความสามารถมนุษย์ (รวมทั้งเครื่องจักร) โดยตั้งอยู่บนเบื้องต้นของการปรับปรุงแก้ไขเหล็ก (Fe/iron) ให้มีคุณสมบัติโดยรวมดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น แปรเปลี่ยนรูปได้ดังที่อยาก แข็งแรง ยืดหยุ่น แข็งแรงต่อแรงกระแทกหรือสภาวะทางธรรมชาติ สามารถรับน้ำหนักได้มาก ไม่ฉีกจนขาดหรือแตกหักง่าย ฯลฯ สมควรสำหรับในการใช้งานในด้านต่างๆในชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้อย่างนานาประการ ด้วยเงินลงทุนที่ต่ำ เพื่อขายได้ในระดับราคาที่คนธรรมดาทั่วไปซื้อมาใช้ได้ ซึ่งถือว่ามีสิ่งที่ได้เปรียบดีมากยิ่งกว่าสิ่งของอื่นๆมาก
การผลิตท่อ (Pipe and Tube Manufacturing)
ในการผลิตท่อนั้นจะใช้กรรมวิธีต่างๆอาทิเช่น การเชื่อมชน (butt welding) การเชื่อมเกย (lap welding) การเชื่อมชนด้วยกระแสไฟฟ้า (electric butt welding)
- การเชื่อมชน (butt welding process) สามารถทำได้ 2 วิธี กล่าวอีกนัยหนึ่ง แนวทางแรก นำเหล็กอ่อนทำท่อ (skelp) มาอบให้ร้อนจนตราบเท่ามีอุณหภูมิสูงยิ่งกว่าอุณหภูมิการตกผลึกใหม่ (recrystallization temperature) แล้วนำไปดึงผ่านแบบถาง ซึ่งมีลักษณะคล้ายระฆัง เรียกว่า กรวยเชื่อม (welding bell) ในเวลาที่เหล็กอ่อนทำท่อ (skelp) ถูกบังคับให้วิ่งผ่านกรวยเชื่อมจะเปลี่ยนรูปแปลงเป็นท่อ แล้วก็ขอบทั้งสองข้างถูกบังคับให้วิ่งมาชนกันแล้วก็เชื่อมติดกันโดยอาศัยความร้อนและแรงกด ภายหลังท่อที่ได้จะถูกส่งต่อไปยังชุดลูกรีด เพื่อรีดให้ได้ขนาดถัดไป
สำหรับแนวทางที่สองจะนำเหล็กเหนียวทำท่อ (skelp) ที่ผ่านการอบให้ร้อนจนได้ที่แล้ว ส่งผ่านเข้าไปในชุดลูกรีด (rolls) เพื่อรีดบังคับให้แผ่นเหล็กเปลี่ยนเป็นท่อ และขอบทั้งสองข้างเชื่อมติดกันโดยอาศัยความร้อนและแรงอัดจากลูกรีด กระบวนการเชื่อมชนนี้จะใช้ผลิตท่อที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 75 มม. ลงมา
- การเชื่อมชนด้วยกระแสไฟฟ้า (electric butt welding) นำแผ่นเหล็กมาตัดให้ได้การกว้างดังที่ต้องการ หลังจากนั้นนำเข้าเครื่องรีดทำรีดให้เป็นท่อ ในตอนที่แผ่นเหล็กนั้นมีอุณหภูมิอยู่ที่อุณหภูมิบรรยากาศธรรมดา โดยใช้ชุดลูกรีด (rolls) แล้วต่อจากนั้นเชื่อมรอยต่อของขอบให้ชิดกัน โดยใช้เครื่องเชื่อมกระแสไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ กรรมวิธีการนี้นิยมใช้เพื่อสำหรับในการผลิตท่อขนาดใหญ่ที่มีความดกอยู่ในช่วง 3.2 -12.7 มม. สามารถผลิตท่อขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางได้ถึง 915 มม.
- การเชื่อมเกย (lap welding process) เหล็กอ่อนทำท่อที่ผ่านการอบให้ร้อนจนกว่ามีอุณหภูมิสูงยิ่งกว่าอุณหภูมิการตกผลึกใหม่ (recrystallization temperature) ถูกนำมาดึงผ่านแบบดายเพื่อทำให้เปลี่ยนเป็นท่อก่อน ต่อจากนั้นป้อนไปสู่ชุดลูกรีด (rolls) เพื่อรีดแต่งให้ขอบทั้งสองข้างมาอยู่ในลักษณะทับกันหรือเกยกัน (overlapping) อาศัยความร้อน เหล็กแกนแบบ (mandrel) และก็แรงบดอัดจากลูกรีดทำให้ขอบทั้งสองข้างเชื่อมติดกัน ขั้นตอนการนี้ใช้สำหรับในการผลิตท่อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ในระหว่าง 50 - 400 มม.
- การสร้างท่อที่ไม่มีตะเข็บ (Piercing) เป็นกรรมวิธีการผลิตท่อที่มีคุณภาพสูง ทนต่อแรงอัดได้สูงมาก แต่ว่าผลิตยุ่งยากกว่าแบบมีตะเข็บ รวมทั้งมีความดกกว่า การสร้างท่อโดยใช้เพลาแกนดันระหว่างกึ่งกลางงานและก็ให้วิ่งในแนวทางเดียวแท่งแกนจะเป็นตัวนำศูนย์ก่อน ใช้แรงอัดแล้วก็ความร้อนของเหล็กเป็นตัวควบคุมขนาดของรูท่อ
- การอัดรีดท่อ (Tube Extrusion) การอัดรีดท่อ เป็นวิธีการผลิตท่อแบบไม่มีตะเข็บอีกแนวทางหนึ่ง ใช้แนวทางราวกับการอัดรีดโดยตรง แนวทางการทำวิธีนี้ตัวอัดจับผลงานหมุนด้วยความเร็วมากมายประมาณ 10 ฟุตต่อนาที ใช้ผลิตท่อเหล็กพวกเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ อาจจะทำขั้นตอนการขึ้นรูปเย็นก็ได้อุณหภูมิของงานก่อนนำมาอัดขึ้นรูปราวๆ 2,400 องศาฟาเรนไฮต์
ระบบคลัทช์และคับปลิ้ง
1.ประเภทของคัตช์
คลัตช์ที่ใช้งานกันอยู่จะแบ่งตามราวรูปร่างของผิวแผ่นคัตสช์ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นคลัตช์แผ่นเดียวคลัตช์หลายแผ่นคลัตช์หลายลาเมลลาคลัตช์หลายเรียว
1.1คลัตช์ลาเมลา(LMELLAR CLUTCH)เป็นคัตสช์จำพวกหลายแผ่นเรียงทับกันสลับกัน โดยคลัตช์แผ่นนอกจะสวมอยู่ในร่องตัวบ้านและคัตสช์แผ่นในจะสวมอยู่บนร่องเพลาตาม แผ่นคัสตช์สามารถขยับได้ แผ่นคัสตช์หลายแผ่นที่ทับกันจะถูกปลอบประโลมเลื่อนตันกดบังคับให้แขนกดมีลักษณะการทำงานด้วยแขนกด ปฏิบัติงานด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า ดำเนินการด้วยแรงกดดันน้ำมัน
 
1.2 คลัตช์แบบเรียว เป็นคลัตช์ที่มีพื้นที่เสียดทานรูปร่างเรียวอยู่ภายในตัวบ้านคลัจช์จำพวกนี้สามารถส่งภายในโมเมนต์บิดได้มาก สามารถเลื่อนปลอกเลื่อนตามแนวแกนจะทำได้เกิดแรงอัดผ่านแขนลือกระเดื่องแผ่นคลัตช์ให้สัมผัสกับตัวบ้านจะได้แรงอัดสัมผัสสูงมาก คลัตช์ประเภทนี้มีลักษณะรูปร่าง
2. จำพวกของคับปลิ้ง
คับปลิ้งที่ใช้เป็นงานทั่วไปของเครื่องยนต์มีหลากหลายประเภทขึ้นอยู่กับวัตถูมุ่งหวังสำหรับในการใช้งาน สามารถแยกประเภทของคับปลิ้งออกเป็น 2 จำพวก คือ คับปลิ้งแบบตัดกำลังมิได้ กับคับปลิ้งแบบตัดต่อกำลังได้ ดังต่อไปนี้
- คับปลิ้งแบบฝาเกาะติด(SPLIT COUPLING)เป็นคับปลิ้งแบบตัดต่อกำลังไม่ได้ ทำจากเหล็กหล่อ 2 ชิ้น ยึดติดกันขาดสกรูให้บีบอัดเพลาทั้งคู่ไว้ การส่งถ่ายกำลังจะผ่านรอบๆบีบอัดจากแรงของสกรู หากอยากได้ส่งถ่ายการหมุนที่คงที่ก็จะใส่ลิ่มอัด คับปลิ้งจำพวกนี้มีลักษณะ
 คับปลิ้งแบบหนักแบบแปลน(FLANGE COUPLING)เป็นคับปลิ้งชนิดตัดต่อกำลังไม่ได้ จะประกอบไปด้วยหน้าแปลน 2 ชิ้น สวมอัดอยู่ที่ส่วนปลายของเพลา แล้วก็มีสกรูสร้อยขันยึดติดด้วยกัน สามารถใสลิ่มเพื่อการประกอบให้มั่นคงก็ได้ คับปลิ้งชนิดนี้มีลักษณะ
คับปลิ้งแบบเพลา (SHAFT COUPLING)กับปลอกเรียว เป็นคับปลิ้งแบบตัดต่อกำลังมิได้ ปฏิบัติหน้าที่ยึดเพลาที่มีขนาดความโตพอๆกับและอยู่ในแนวศูนย์เดียว ผิวที่ยึดมีลักษณะเรียวทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ลิ่มอัดช่วยที่ปลายของเพลา คับปลิ้งชนิดนี้มีรูปร่างลักษณะ
 คับปลิ้งแบบเคลื่อนได้ เป็นคับปลิ้งที่ใช้กับเพลาที่ไม่ร่วมศูนย์สามารถขยับเลื่อนแนวแกนขณะหมุนทำงานได้ คับปลิ้งจำพวกนี้มีความยืดหยุ่นได้สมควรในการดูดแบกรับภาระกระแทกและก็การสั่นสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นมาจากการหมุนเจริญ คับปลิ้งประเภทนี้มีลักษณะ
 คับปลิ้งแบบฟันโค้ง เป็นคับปลิ้งใช้เพลาที่เยื้องศูนย์มุมตามแนวรัศมีหรือขยับตามแนวแกน สามารถส่งถ่ายโมเมนได้มากรวมทั้งมีความเร็วรอบสูง คับปลิ้งประเภทนี้มีล้อสวมอยู่ที่ปลายของเพลาทั้ง 2 ข้าง โดยเฟืองโค้งอยู่ด้านนอกของล้อรวมทั้งจะขบกับฟันเฟืองตรงที่อยู่ภายในของล้อและล้อจะขบเฟืองตรงที่อยู่ข้างในของตัวเรือนคับปลิ้งจำพวกนี้มีลักษณะ
 คับปลิ้งแบบข้อต่อ(JOINT COUPLING)เป็นคับปลิ้งที่สามารถเยื้องศูนย์ของเพลาได้มากกว่าประเภทฟันโค้ง คับปลิ้งข้อต่อที่ใช้งานก้าวหน้าคือแบบบอลล์ จะสามารถส่งถ่ายการหมุนระหว่างเพลาด้วยลูกบอลล์เหล็กกล้า ทำให้การส่งถ่ายการหมุนของเพลาได้บ่อยไม่สั่นสะเทือนคับปลิ้งข้อต่อมลักษณะ
 คับปลิ้งแบบยูนิเวอร์แซล(UNIVERSAL JOINT)คับปลิ้งจำพวกนี้ประกอบไปด้วยส่วนประกอบกากบาท 2 ชิ้นและก็ส่วนที่ขยับเลื่อนไปมาตามแนวเพลา ซึ่งเป็นเพลาแบบฟันสไปลน์ใช้ในงานอุปกรณ์กล อาทิเช่น เครื่องกัดขนาดเล็ก คับปลิ้งประเภทนี้มีลักษณะรูปร่าง
- คับปลิ้งแบบเมมเบรน(MEMBRANE COUPLING)เป็นคับปลิ้งซึ่งสามารถส่งถ่ายโมเมนต์ที่ความเร็วรอบสูงได้ดิบได้ดี การหมุนที่เป็นมุมจะทำด้วยแผ่นเมมเบรนที่ทำด้วยคับปลิ้งซึ่งสามารถดัดได้ แต่ว่าหักมุมต่อหนึ่งแผ่นเมมเบรมห้ามเกิน 1 องศา เนื่องจากคับปลิ้งเพราะคับปลิ้งจำพวกนี้ไม่อาจจะดัดไปมาได้ แต่ว่าการหักมุมต่อมีการหลอกลวงลื่นเหมาะสมสำหรับใช้ในงานที่อุณหภูมิสูง คับปลิ้งจำพวกนี้มีลักษณะ
 คับปลิ้งแบบยืดหยุ่น(FLEXIBLE COUPLING)เป็นคับปลิ้งที่ใช้กับเพลาที่ไม่ร่วมศูนย์รับภาระการชนการเขย่ากระเทือนได้รอบทิศทาง ส่วนประกอบที่รองรับการยืดหยุ่นทำจากยาง หรือทำจากสปริง คับปลิ้งประเภทนี้มีลักษณะ
 คับปลิ้งแบบตัดต่อกำลัง เป็นคับปลิ้งที่นำมาใช้เมื่ออยากได้ตัดต่อกำลังให้กับเพลา 2 ตัว คับปลิ้งแบบตัดต่อกำลังจะแยกเป็นคับส่งถ่ายกำลังด้วยลักษณะรูปร่าง และด้วยลักษณะแรง
หน้าที่การใช้งานของคลัตช์
หน้าที่หลักของคลัตช์ประการแรก ใช้ในการตัดและต่อการส่งกำลังระหว่างเพลา 2 ตัว คลีตช์สามารถที่จะต่อกำลังระหว่างเพลา 2 เพลา ด้วยความฝืดได้อย่างรวดเร็วและนิ่มนวลเป็นส่วนประกอบเครื่องยนต์ที่ออกแบบมาใช้เพื่อสำหรับการทุ่นแรง อาทิเช่น คลัตช์ของรถมอเตอร์ไซค์คลัตช์ของรถยนต์คลัตช์ของปั๊มน้ำมันจั่นตอกเสาเข็มการก่อสร้างคลัตช์ที่ใช้กับเครื่องยนต์ที่จำเป็นต้องใช้ต้นการส่งจากเครื่องจักรกลมอเตอร์ที่ทำงานไม่ตลอดบางโอกาสจะต้องหยุดรอคอยจังหวะรวมทั้งบางทีต้องการส่



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ