ฟักทองที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีรู้หรือไม่ว่ามีประโยชน์เเละสรรพคุณอย่างน่าอัดจรร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฟักทองที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีรู้หรือไม่ว่ามีประโยชน์เเละสรรพคุณอย่างน่าอัดจรร  (อ่าน 16 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Luckyz0nl3
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12685


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 04, 2019, 07:49:03 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
ฟักทอง
ชื่อสมุนไพร ฟักทอง
ชื่ออื่นๆ/ ชื่อเขตแดน มะฟักแก้ว,ฟักแก้ว นะน้ำแก้ว (ภาคเหนือ) , หมากอึ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) , น้ำเต้า (ภาคใต้) ,หมักอื้อ (เลย) ,หมากฟักทอง(แม่ฮ่องสอน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cucurbita moschata Decne.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Cucurbita maxima Duch.
ชื่อสามัญ Pumpkin, Butternut squash, Winter squash, Field pumkin, , Cushaw
ตระกูล CUCURBITACEAE
บ้านเกิดฟักทอง
ฟักทองเป็นพืชในเขตร้อนมีบ้านเกิดในแถบเขตร้อนของอเมริกากึ่งกลาง รวมไปถึงทางตอนเหนือของเมกสิโก แล้วก็ด้านตะวันตกเฉใต้ของอเมริกาเหนือ (ซึ่งว่ากันว่ามีการค้นพบหลักฐานว่ามีการปลูกกันมานานกว่า 8000 ปีมาแล้ว) โดยวันหลังได้มีการแพร่พันธุ์ไปยังอเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ ยุโรป แล้วก็เอเชียเป็นลำดับ
ลักษณะทั่วไปฟักทอง
แบ่งออกเป็น 2 เครือญาติ ตระกูลแรกก็คือ ตระกูลอเมริกัน (Pumpkin) ที่ประสบพบเห็นกันบ่อยครั้งในทีวีหรือภาพยนต์ต่างประเทศ ซึ่งจะมีลักษณะผลใหญ่ เนื้อยุ่ย ผิวของผลจะเป็นสีเหลืองอีกทั้งตอนสำเร็จอ่อนหรือตอนแก่เต็มที่และเครือญาติสควอช (Squash) ซึ่งดังเช่นไทยรวมทั้งประเทศญี่ปุ่น โดยไทยนั้น ผิวของผลขณะยังอ่อนจะเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะกลายเป็นสีเหลืองสลับเขียว ผิวมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำนิดหน่อย เปลือกจะแข็ง เนื้อภายในเป็นสีเหลือง และเม็ดสีขาวแบนๆติดอยู่โดยจะมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็น จัดเป็นไม้ล้มลุกอายุปีเดียว มีเถายาวเลื้อยปกคลุมดิน ลำต้นมีลักษณะกลมหรือเป็นเหลี่ยมมน ผิวเป็นร่องตามความยาว มีขนอ่อนๆมีหนวดสำหรับยึด เกาะยึดบริเวณข้อ ใบเป็นใบคนเดียว มีขนาดใหญ่ กว้าง 10-35 เซนติเมตร ออกเรียงสลับกัน โคนใบเว้าคล้ายรูปหัวใจ ขอบใบหยักเป็นเหลี่ยม 5 เหลี่ยม มีขนทั้ง 2 ด้านของตัวใบดอกเป็นดอกโดดเดี่ยวสีเหลืองมีขนาดใหญ่ ลักษณะก็จะคล้ายระฆังหรือกระดิ่งออกบริเวณง่ามใบผลมีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นพูเล็กๆโดยรอบเปลือกนอกตะปุ่มตะป่ำและก็แข็ง มีสีเขียวและจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อนและก็ สีเหลืองเข้ม และสีเหลืองตามลำดับ เนื้อภายในมีสีเหลืองอมเขียว สีเหลือง แล้วก็สีส้ม เมล็ดมีเยอะมากๆซึ่งอยู่กึ่งกลางผลระหว่างเนื้อฟูๆมีรูปร่างเหมือนไข่ แบน มีขอบนูนอยู่โดยรอบ
การขยายพันธุ์ฟักทอง
การปลูกฟักทองคล้ายๆกับแตงโม ควรจะขุดไถดินลึกราว 25-30 ซม. เนื่องจากว่าเป็นพืชที่มีระบบรากลึก ควรจะตากดินทิ้งเอาไว้ 5-7 วัน เพื่อฆ่าเชื้อโรคและก็วัชพืชและให้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยคอก เพื่อเปลี่ยนแปลงภาวะดินให้ร่วนซุย และก็เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ดิน แล้วจึงย่อยกระพรวนดินให้ร่วนซุย ส่วนวิธีการปลูกใช้วิธีหยอดหลุมปลูก หลุมละ 3-5 เมล็ด ลึกโดยประมาณ 3-5 เซนติเมตร แล้วกลบหลุม ถ้าเกิดมีฟางข้าวแห้ง ให้เอามาหุ้มแปลงปลูก เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหน้าดิน แล้วก็เมล็ดพันธุ์จะแตกหน่อฯลฯกล้า ซึ่งขั้นตอนการหยอดหลุมปลูกเอาไว้ในแปลง จะได้ต้นกล้าที่แข็งแรง และก็โตเร็วกว่า การย้ายกล้าจากถุงมาปลูก
สำหรับระยะการปลูก ประเภทที่มีลำต้นเลื้อยแล้วก็ให้ผลใหญ่ ใช้เนื้อที่ปลูกมากมาย โดยใช้ระยะปลูก 3x3 เมตรรวมทั้งพันธุ์ที่มีทรงต้นพุ่ม ได้ผลขนาดเล็ก ใช้ระยะปลูก 75x150 เซนติเมตร
ส่วนสิ่งแวดล้อมที่สมควร กับการปลูฟักทอง[/url]มีลักษณะดังนี้[/size][/b]
ดิน ปลูกได้ในดินเกือบทุกชนิดที่มีการปลูกผัก แม้กระนั้นจะชอบดินร่วนคละเคล้าทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ดี และมีการระบายน้ำดี มีค่าความเป็นกรด-ด่างของดินระหว่าง 5.5-6.8 (ถูกใจดินเป็นกรดน้อย) ชอบอากาศแห้ง ดินไม่ชื้นแฉะและน้ำไม่ขัง
ฤดูปลูก โดยมากจะเริ่มปลูกลงในช่วงเดือนกุมภาชนิด-มีนาคม หรือหลังฤดูทำนา แม้กระนั้นสามารถเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีในปลายฤดูฝนและก็ต้นหน้าหนาวเป็นตอนเดือนกันยายน-ต.ค. แล้วก็ปลูกเจริญที่สุดคือช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาชนิด
องค์ประกอบทางเคมี
ฟักทองประกอบไปด้วยสาร Cucurbitine (3-Amino-3 carboxylprrolidnine) ในเม็ด มีฤทธิ์ขับพยาธิ และก็ยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโอเมก้า-3 และก็ โอเมก้า-6 สูง ดังเช่นว่า linoleic acid, oleic acid, palmitic acid แล้วก็ stearic acid มีฤทธิ์คุ้มครองปกป้องการแข็งตัวของเส้นเลือดแล้วก็ป้องกันตับ ยิ่งไปกว่านี้ยังมีสาร cucurbitacin, cucurmosin spinasterl อีกด้วย ทั้งยังยังมีสารอาหารต่างๆที่มีคุณค่าทางโภชนาการอันประกอบไปด้วย
ประโยชน์/คุณประโยชน์
ในประเทศไทยผลสามารถนำมาใช้เป็นอาหารได้ โดยสามารถเอามาประกอบอาหารได้ทั้งยังคาว และก็หวาน รวมทั้งยังสามารถนำใบอ่อนของมาใช้ปรุงอาหารหรือลวกจิ้มกับน้ำพริกได้เช่นเดียวกัน แล้วก็ในปัจจุบันยังได้มีการนำมาดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆอีกเช่น น้ำพร้อมดื่ม แป้ง ข้าวเกรียบ ข้าวเกรียบ เป็นต้น ส่วนในต่างถิ่นก็มีการใช้สำหรับในการประกอบอาหาร เช่น อเมริกาทำกับข้าวจากผลสุกหลายประเภท โดยอบ ปิ้ง และบดใส่ซุป ประเทศบราซิลแล้วก็แอฟริกานิยมปรุงเป็นซุป ประเทศญี่ปุ่นนำมาชุบแป้งทอดเป็นเทมปุระ ในประเทศแถบยุโรปตะวันออก ยุโรปแล้วก็ตอนกลาง มีการใช้น้ำมันเม็ดสำหรับเพื่อการป้องกันต่อมลูกหมากโต ลดวามดันเลือด ลดอาการคอเลสเตอรอลสูง โรคปวดข้อหัวเข่า ช่วยสมรรถภาพกระเพาะปัสสาวะ ลดจำนวนน้ำตาลในเลือดของผู้เจ็บป่วยเบาหวาน และใช้ในคนไข้มะเร็งกระเพาะ เต้านม ปอด แล้วก็ลำไส้ใหญ่
สำหรับสรรพคุณทางของทางยายนั้น หนังสือเรียนยาไทยบอกว่า ป้องกันเบาหวาน ความดันโลหิต ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ขับฉี่ บำรุงนัยน์ตา ตับและก็ไต ช่วยบำรุงประสาท บำรุงเลือด บำรุงตับรวมทั้งไต บรรเทาลักษณะของการปวดเมื่อยข้อหัวเข่ารวมทั้งบั้นท้าย ช่วยสำหรับในการถ่าย แก้ปวดและอักเสบจากแผลไฟไหม้ เม็ดใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืด คุ้มครองการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และก็ช่วยดับพิษปอดบวม รากช่วยแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ทุเลาอาการไอ ถอนพาฝิ่น ยางช่วยแก้พิษผื่นคัน เริม และงูสวัด เยื่อกลางของฟักทอง ช้แก้อาการบวมช้ำและก็ปวดอักเสบได้
แบบ/ขนาดวิธีการใช้
แก้ปวดและก็อักเสบ แผลไฟไหม้ ใช้เนื้อตำอย่างรอบคอบ พอกรอบๆที่โดนไฟไหม้ หากปวดมากมายให้ใส่เกร็ดพิมเสนลงไปด้วย หรือใช้ไส้ตำให้รอบคอบ พอกรอบๆแผล หรือตากแห้งบดเป็นผงโรยบริเวณแผล
ขับพยาธิใช้เม็ดราว 60 กรัม ทุบให้แตก เอามาผสมกับน้ำตาลและก็นม หรือน้ำที่เพิ่มเติมลงไปจนได้จำนวน 500 มล. แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง ห่างกันทุก 2 ชั่วโมง ข้างหลังให้ยาแล้ว 2 ชั่วโมง ให้รับประทานน้ำมันละหุ่งระบายตามเพื่อขับพยาธิที่ตายออก
ขับพยาธิตัวตืด ใช้เมล็ด200 เม็ด (ไม่สมควรเกิน 150 กรัม) ตากแห้งหรือคั่วสุกรับประทาน หรือใช้เมล็ด30-60 กรัม ตำให้รอบคอบต้มกับน้ำเชื่อม (ให้เว้นการกินน้ำมัน 1 วัน) หรือใช้เม็ดสด 60 กรัม ตำอย่างรอบคอบผสมน้ำอุ่นแล้วคนให้เข้ากันจนเหมือนนม จะเพิ่มเติมน้ำตาล หรือน้ำผึ้งลงไปเพียงพอหวานก็ได้ (สำหรับเด็กน้อยลงกึ่งหนึ่ง) ขับพยาธิเข็มหมุด ใช้เม็ดบดเป็นผุยผง รับประทานวันละ 2 ครั้งๆละ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อเนื่องกัน 5-6 วัน
แก้อาการบวมช้ำและก็ลักษณะของการปวดอักเสบโดยใช้เยื่อกลางของมาพอกรอบๆที่เป็น
ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย และทำลายพิษของฝิ่น โดยใช้รากนำมาต้มกับน้ำใช้ดื่ม
การเรียนทางเภสัช ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ขับพยาธิ ให้ผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ Schistosoma กินเม็ดฟักทอง 80 กรัม พบว่าสามารถฆ่าพยาธิได้ทันที เมื่อนำสารสกัดจากเม็ดมาแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ละลายได้อีกทั้งในแอลกอฮอลและอะซีโตน กับส่วนที่ละลายได้เฉพาะในแอลกอฮอล พบว่าทั้งคู่ส่วนมีฤทธิ์ขับพยาธิตืดโค (Taenia saginata) ในคน ขับพยาธิตืดแคระ (Hymenolepsis nana) ในสัตว์ทดสอบ รวมทั้งฆ่าพยาธิใบไม้ (Dicrocoelium dendriticum) ในหลอดทดลองได้ เมื่อป้อนสารสกัดจากเมล็ดด้วยเมทานอล 80% ขนาด 5 กรัม/กก. (เทียบกับเม็ดสด) ให้กับหนูเม้าส์ พบว่ามีฤทธิ์ขับพยาธิ H. nana นอกจากนั้นสารสกัดด้วยน้ำ อีเธอร์ แล้วก็แอลกอฮอลจากเมล็ดก็มีฤทธิ์ขับพยาธิเช่นกัน
ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีวัน น้ำมันที่สกัดจากเม็ดประเภท Cucurbita pepo มีฤทธิ์ต้านทานแบคทีเรีย Klebsiella pneumoniae, Acinetobacter baumannii, รา Candida albicans และ Parainfluenza virus type-3 สารสกัดผลด้วยเอทานอลออกฤทธิ์ต่อต้านแบคทีเรียชนิดแกรมบวก Bacillus subtilis ได้ดี เวลาที่โพลีแซคติดอยู่ไรด์ซึ่งสกัดจากเปลือกส่วนที่ไม่ละลายในเอทานอล จะมีฤทธิ์ยั้งการเติบโตของ Escherichia coli และ Clostridium perfingens แต่กระตุ้นการเติบโตของ Lactobacillus brevis, Bifidobacterium bifidum รวมทั้ง Bifidobacterium longum
ฤทธิ์ต่อต้านเซลล์ของมะเร็ง จาการวิจัยพบว่าเบต้าแคโรทีนที่เจอในเนื้อสีเหลืองของ ลดอัตราการเสี่ยงในการกำเนิดมะเร็งในกระเพาะอาหาร ไส้ ปอด แล้วก็เต้านม แต่มีข้อควรตรึกตรองในผู้ที่สูบบุหรี่การรับประทานอาหารเสริมที่มีเบต้าแคโรทีนในจำนวนสูง บางทีอาจได้ผลเพิ่มการเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคมะเร็งปอด
คิวเคอร์บิตาสิน (cucurbitacins) เป็นกรุ๊ปสาระสำคัญที่พบในเมล็ด จากการทดสอบกับเซลล์ของโรคมะเร็งพบว่าคิวเคอร์บิตาซินมีคุณภาพในการต้านโรคมะเร็ง แล้วก็เสริมฤทธิ์กับยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษามะเร็ง ตัวอย่างเช่น ดอกโซรูบิซิน (doxorubicin) เจ็มสิทาบีน (gemcitabine)
คิวเคอร์โมสิน (cucurmosin) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สกัดได้จากส่วนเปลือกชั้นซาร์โคคาร์พ (sarcocarp) ของออกฤทธิ์เป็นพิษต่อเซลล์มะเร้. โดยไม่เป็นผลต่อเซลล์ธรรมดา
สไปแนสเทอคอยล (spinasterol) เป็นสารต้านทานการก่อมะเร็ง ที่สกัดได้จากส่วนของ ดอกพบว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งผิวหนังในหนูทดลอง
ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด น้ำตาลโพลีแซคคาไรด์ที่จับกับโปรตีน (protein-bound polysaccharide) ซึ่งสกัดได้ จากการทดสอบในหนู (rat) ที่เป็นโรคเบาหวาน พบว่าโพลีเซคคาไรด์ดังที่กล่าวมาข้างต้น สามารถเพิ่มระดับอินซูลินในเลือด ทำให้น้ำตาลในเลือดน้อยลงและก็เพิ่มการทนกลูโคส (glucose tolerance)
ส่วนของน้ำมันที่สกัดได้จากเมล็ดฟักทองที่ยังไม่งอกรวมทั้งโปรตีนที่สกัดจากเมล็ดที่งอกแล้วพบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดในหนู (rat) ที่เป็นเบาหวานได้เช่นกัน
ฤทธิ์สำหรับในการลดไขมันไม่อิ่มตัว(unsaturated fatty acid) จากการทดลองในหนู (rat) พบว่ากรดไขมันดังกล่าว่มีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอล (hypocholesterolemia) และตรีกลีเซอร์ไรด์ในเลือด (hypotriglyaeridemia) ก็เลยเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อการรักษาโรคไขมันอุดตันในเส้นโลหิต (atherosclerosis)
ฤทธิ์สำหรับเพื่อการรักษาต่อมลูกหมากโต สารสกัดจากเม็ดมีฤทธิ์ในการรักษาต่อมลูกหมากโต จากการทดสอบในคนไข้ 2245 คน พบว่า 41.4% มีอาการของทางเท้าฉี่ดีขึ้น (อาการต่อมลูกหมากโตอาจไปกดทางเท้าปัสสาวะ ทำให้คนไข้ปัสสาวะได้ตรากตรำ) 46.1% มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และไม่เจออาการที่ไม่พึงประสงค์ในผู้เจ็บป่วยเกือบทั้งหมด ฤทธิ์สำหรับในการรักษาอาการต่อมลูกหมากโต อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะสารสกัดดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นมีฤทธิ์ต่อต้านฮอร์โมนแอนโตรเจน (antiandrogenic effect) ซึ่งมีผลต่อการเติบโตของต่อมลูกหมาก
ฤทธิ์คุ้มครองตับ สารสกัดเมล็ดในน้ำมีฤทธิ์คุ้มครองตับที่ถูกทำลายด้วยคาร์บอนเตตร้าคลอไรด์, D-galactosamine (D-GalN) หรือ lipopolysaccharide (LPS) ในสัตว์ทดสอบได้ เมื่อให้เอทานอลพร้อมด้วยตำรับสมุนไพรที่มีฟักทองเป็นส่วนประกอบแก่สัตว์ทดสอบ พบว่าช่วยลดพิษของแอลกอฮอลที่มีต่อตับได้ การให้สัตว์ทดลองรับประทานอาหารที่มีเมล็ดพันธุ์ Cucurbita pepo L. spp pepo ผสมกับเม็ดเฟล็กซ์พบว่า ทำให้กรดไขมันอิ่มตัวในเลือดรวมทั้งในตับต่ำลง ในขณะกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากขึ้น อนุมูลอิสระลดน้อยลง กลไกการต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น รวมทั้งช่วยคุ้มครองป้องกันเส้นเลือดรวมทั้งตับ โปรตีนที่แยกจากเม็ดพันธุ์ Cucurbita pepo สามารถใช้ชดเชยโปรตีนซึ่งได้มาจากเนื้อสัตว์ และก็ช่วยคุ้มครองตับจากพิษของคาร์บอนเตตร้าคลอไรด์ แล้วก็ยาพาราเซตามอลในสัตว์ทดสอบได้
การเรียนรู้ทางพิษวิทยา การทดสอบความเป็นพิษ
ในสัตว์ที่ให้กินเมล็ดปั่นกับน้ำ (10 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร) ขนาด 1 มิลลิลิตร/กก. ติดต่อกันนาน 30 วัน ไม่พบว่ามีพิษต่อหนูแรทรวมทั้งลูกหมู แม้กระนั้นพบความเป็นพิษเมื่อฉีดสารสกัดจากส่วนเหนือดินด้วย 50% แอลกอฮอลเข้าช่องท้องของหนูเม้าส์ นอกเหนือจากนี้ยังพบว่า สารสกัดจากใบ สารสกัดจากผลด้วยเอทานอล แล้วสกัดต่อด้วยเฮกเซน และสารสกัดจากดอกด้วยเอทานอลแล้วสกัดต่อด้วยเอทิลอะซีเตท มีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ในเวลาที่สารสกัดจากใบด้วยแอลกอฮอล์เป็นพิษน้อยเมื่อฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ สารสกัดจากดอกด้วยคลอโรฟอร์มขนาด 100 มิลลิกรัม/โล สามารถลดฤทธิ์การก่อกลายประเภทจากเตตร้าซัยคลินในหนูเม้าส์ได้ (19) ในตอนที่สารสกัดจากผลด้วยเฮกเซนรวมทั้งเอทานอล 80% มีฤทธิ์ต้านทานการก่อกลายประเภทของ Salmonalla typhimurium สายพันธุ์ TA 98 และ TA 100 ที่ถูกรั้งนำให้เกิดการกลายพันธุ์ด้วย nitrite-treated-1-aminopyrene ในหลอดทดสอบได้
[/b]
ข้อเสนอ/ข้อควรตรึกตรอง
แม้จะมีสาระต่อสุขภาพอยู่มาก แต่ว่าหมอแผนจีนกล่าวว่า[url=https://www.disthai.com/17049765/%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87]ฟักทอ[/b][/i]จัดเป็นพวกหยาง (มีคุณสมบัติร้อน) มีฤทธิ์อุ่น ไม่เหมาะสมกับคนที่กระเพาะร้อน ได้แก่ ผู้ที่มักมีลักษณะอาการกระหายน้ำ ฉี่เหลือง ท้องผูก มีแผลในโพรงปาก หรือเหงือกบวมเป็นประจำ ซึ่งคนที่มีลักษณะกลุ่มนี้ไม่ควรรับประทานในจำนวนที่มากเหลือเกินหรือบ่อยเกินไป และในทางการแพทย์แผนปัจจุบันก็ได้เจาะจงไว้เช่นเดียวกันว่า คนที่กินผลจำนวนมากเป็นของกินหลักวันแล้ววันเล่าอย่างต่อเนื่อง อาจมีอาการข้างๆได้เป็นมีลักษณะตัวเหลือง เหตุเพราะผลมีสารเบต้าแคโรทีนในจำนวนมาก โดยเบต้าแคโรทีนเป็นสารเริ่มที่ร่างกายนำไปสร้างเป็นวิตามินเอ โดยเหตุนี้ การกินอาหารที่มีเบต้าแคโรทีนมากเกิน (aurantiasis cutis) อาจจะส่งผลให้เสี่ยงต่อการได้รับวิตะมินเอมากเกินขนาดตามไปด้วย ซึ่งบางรายอาจเจอตับดำเนินการไม่ดีเหมือนปกติได้
เอกสารอ้างอิง
วิฑิต วัฒนาวิบูล.ฟักทอง,ยาขับพยาธิ.คอลัมน์ อาหารสมุนไพร.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่69.มกราคม 2528.หน้า43-44
.สมุนไพรที่ใช้ในงานสาธารณสุขมูลฐาน.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
จิรภรณ์ อังวิทยาธร.สมุนไพรในแฮรี่ พอร์ตเตอร์ คุณประโยชน์ของ.จุลสารข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.ปีที่27 ฉบับที่4.กรกฏาคม2553.หน้า2-6
รศ.ดร.สุธาทิพ ภมรประวัติ.ลดน้ำตาลในเลือด.คอลัมน์บทความพิเศษ.นิตยสารหมอชาวบ้านเล่มที่348.เมษายน2551
กองวิจัยทางการแพทย์.  สมุนไพรพื้นบ้าน ตอนที่ 1.   กรุงเทพฯ: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์.กระทรวงสาธารณสุข 2526, หน้า 59.
Kazuki N, Hiroo H, Shuichi K, Takeshi N, Yasuhiro A, Noriko N. Vitamin A toxicity secondary to excessive intake of yellow-green vegetables, liver and laver. J Hepatol 1999;31:142-8.
 Bailenger J, Seguin F. Anthelmintic activity of a preparation from squash seeds. Bull Soc Pharm Bordeaux 1966;105(4):189-200.
Colditz GA, Branch LG, Lipnick RJ, Willett WC, Rosner B, Posner BM, Hennekens CH. Incerastd green and yellow vegetable intake and lowered cancer deaths in an elderly population, Am J Cin Nutr 1985;41: 32-36.
Srivastava MC, Tewari JP, Singh SW, Gupta MI, Mistra KC. Phytopharmacology of Cucurbita maxima seeds. Labdev 1967;5(1):64-5.
  Blagrove RJ, Lilley GG, Kortt AA. Partial tryptic digestion of cucurbitin from pumpkin seed.  Aust J Plant Physiol 1981;8(6):507-13.
Nkosi CZ, Opoku AR, Terblanche SE. Antioxidative effects of pumpkin seed (Cucurbita pepo) protein isolate in CCl4-induced liver injury in low-protein fed rats. Phytother Res 2006;20:935-40.
Pauld H, Guthric JE. Tests with miscellaneous substances for the removal of tapeworms from chickens. J Am Vet Med Assoc 1940;97(762):248-53.
Hase K, Kadota S, Basnet P, Numba T. Hapatoprotective effects of traditional medicines. Isolation of the active constituent from seeds of Celosia argentea. Phytother Res 1996;10:387-92.
  De Queiroz-Nato A, Mataqueiro MI, Santana AE, Alessi AC. Toxicological evaluation of acute and subacute oral administration of Cucurbita maxima seed extracts to rat and swine. J Ethnopharmacol 1994;43:45-51.
   Elisha EE, Twaij HAA, Ali NM, Tarish JH, Al-omary MM. The anthelmintic activity of some Iraqi plants of the Cucurbitaceae. Int J Crude Drug Res 1987;25(3):153-7.
 Mohamed Reham A, Ramadan Reham S, Ahmed Lamiaa A. Effect of substituting pumpkin seed protein isolate for casein on serum liver enzymes, lipid profile and antioxidant enzymes in CCl4-intoxicated rats. Adv Biol Res 2009;3(1-2):9-15.
Kap JP, Min JL, Hyunmin K, Kang SK, Sang-Han L, Ikhyun C, Hyung HL. Saeng-Maek-San, a medicinal herb complex, protects liver cell damage induced by alcohol. Biol. Pharm Bull 2002; 25(11):1451-5.
Aswal BS, Bhakuni DS, Goel AK, Kar K, Mehrotra BN, Mukherjec KC. Screening of Indian plants for biological activity: Part X. Indian J Exp Biol 4984;22(6):312-32.
Makni M, Fetoui H, Gargouri NK, et al. Hypolipidemic and hepatoprotective effects of flax and pumpkin seed mixture rich in ω-3 and ω-6 fatty acids in hypercholesterolemic rats. Food Chem Toxicol 2008;46:3714-20.
 Bilge S, Ilkay O, Berrin O, Murat K, Sinem A, Gamze O. Antimicrobial and antiviral activities of 2 seed oil samples of Cucurbita pepo L. and their fatty acid analysis. Nat Prod Commun 2007; 2(4): 395-398.
  Nkosi CZ, Opoku AR, Terblanche SE. In vitro antioxidative activity of pumpkin seed (Cucurbita pepo) protein isolate and its in vivo effect on alanine transaminase and aspartate transaminase in acetaminophen-induced liver injury in low protein fed rats. Phytother Res 2006;(20):780-3.
 Villasenor IM, Lemon P, Palileo A, Bremner JB. Antigenotoxic spinasterol from Cucurbita maxima flowers. Mutat Res 1996;360(2):89-93.
   Hyun J, Chang-Hyun L, Geun-Seoup S, Young-Soo K. Characterization of the pectic polysaccharides from pumpkin peel.  LWT 2006;39(5): 554-61.
  Villaseñor IM, Arlene LO, Lunadel B, Daclan C, Armi JGM. Microbiological and pharmacological studies on extracts of Cucurbita maxima. Phytother Res 1995;9:376-8.
    Dung LH, Kangsadalampai K, Butryee C. In vitro antimutagenic studies of some sticky rice cooked with ivy gourd leaves, Momordica cochinchinensis and pumpkin fruits, mungbean and black bean seeds. Ann Res Abst, Bangkok: Mahidol University, 2001

Tags : ประโยชน์ฝักทอง, สรรพคุณฝักทอง



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ