Advertisement
[/b]
โหรามิคสิงคีโหรามิคสิงคี หรือที่เรียกใน ตำราพระยาพระนารายณ์ว่า
“โหราอำมิคสิงคี” เป็นเขากวางสุม (ให้เป็นถ่าน) คำ มิค มีความหมายว่า กวาง ส่วนคำ สิงคี แปลว่าสัตว์มีเขาได้จากกวางอิหร่าน
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dama dama Linnaeus
ในสกุล Cervidae
มีชื่อสามัญว่า fallow deer
กวางเปอร์เซียนี้มี ๒ จำพวกย่อย คือ
๑.ชนิดย่อยซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dama dama mesopotamica (Brooke)
มีชื่อสามัญว่า Iran fallow deer
๒.ประเภทย่อยที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dama dama dama Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า South Turkey fallow deer
กวางอิหร่านเป็นกวางขนาดกลาง ขนาดวัดจากจมูกถึงปลายหางยาวราว ๑.๕๐ เมตร หางยาว ๒๐-๒๕ เซนติเมตร น้ำหนักตัว ๓๐-๓๕ กรัม ขนตามลำตัวมีสีเทาหรือสีน้ำตาลปนเหลือง มีจุดขาวอยู่กึ่งกลางหลังหรือข้างลำตัว มีขนแถบสีดำทอดยาวจากกลางหลังไปจนถึงตะโพก ข้างล่างลำตัวสีขาว ขนเรียบ บางและแนบติดกับลำตัว ในช่วงฤดูหนาวขนตามลำตัวจะกลายเป็น
โหรามิคสิงคีสีน้ำตาลเทาแล้วก็จุดขาวตามลำตัวจะเลือนไป ขายาว ลำตัวอ้วนล่ำ หัวค่อนข้างจะสั้น คอครึ้ม เพศผู้มีลูกกระเดือกนูนออกมา รอบๆตูดวงรอบตูดมีสีขาวขอบสีดำ
กวางจำพวกนี้กินหญ้า ใบไม้ รวมทั้งผลไม้เป็นอาหาร ชอบอยู่กันเป็นฝูงในช่วงฤดูร้อน เพศผู้ที่โตเต็มกำลังจะแยกออกจากฝูง ทิ้งตัวเมียและลูก แม้กระนั้นในฤดูสืบพันธุ์จะกลับเข้ามาผสมพันธุ์กับตัวเมีย กวางจำพวกนี้โตเต็มกำลังและก็สืบพันธุ์ได้เมื่ออายุ ราว ๑๘ เดือน ท้องราว ๒๓๐ วัน ตกลูกครั้งละ ๑ ตัว อายุยืนราว ๒๐ ปี เคยเจอกวางเปอร์เซียในป่ารอบๆทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและในตะวันออกกลาง
โหรามิคสิงคี ดังเช่น ในประเทศประเทศอิหร่านรวมทั้งอิรัก ตอนนี้บางทีอาจสิ้นพันธุ์ไปจากธรรมชาติแล้ว แม้กระนั้นยังคงมีเลี้ยงอยู่บ้างตามสวนสัตว์หลายแห่ง
[/b]
แบบเรียนสรรพคุณโบราณว่าโหรามิคสิงคีเป็นยาทำลายพิษ แก้ปวดตามข้อ ปวดเอว ใน แบบเรียนพระยารักษาโรคพระนารายณ์ มีตำรับยาขนานหนึ่งเข้า “โหราอำมิคสิงคี” เป็นเครื่องยาด้วย ดังต่อไปนี้ ยาทรงเขี่ย ให้เอาโหราเดือยไก่ โหราอมฤตย์ โหราอำมิคสิงคี โหราบอน โหราเท้าหมา โหราเขาควาย โหราใบกลม โกฏกัยี่ห้อ ลูกจันทร์ ดอกจันทร์ กระวาน กานพลู พริกหอม พริกหาง พริกล่อน ดีปลี มหาหิงคุ์ โปตัสเซี่ยมไนเตรดขาว หอมแดง ชาตรี ยาทั้งนี้สิ่งละเฟื้อง ฝิ่นสลึง ๑ ทองคำเปลว ๑๐ แผ่น น้ำมะนาวเป็นกระสาย บดทำแท่ง ตากในร่ม ฝนด้วยน้ำมะนาว น้ำท่า เมื่อเขี่ยแล้วนั้น ถึงเป็นฝีฟกทูมเมีย ขึ้นเป็นเม็ดเป็นเปาเป็นเงื่อนก็หาย ถ้าหากไม่สบายเจ็บ ให้สับกระหม่อมสับก้านคอ ทาหาย แก้ลมขึ้นสูงด้วย ถ้าหากงูมองดูม์ ตะขาบ แมลงป่องขบ ฝนด้วยน้ำมะนาวก็ได้ สุราก็ได้ ทั้งกินทั้งยา หาย ฯ
ผลดีทางยายาไทยใช้เขากวางเป็นยาขนานหนึ่ง ตำรายาสรรพคุณยาโบราณ เขากวางเป็นยาเย็น ดับพิษทุกสิ่งทุกอย่าง มีสรรพคุณแก้ร้อน ถอนพิษแสดง หมอแผนไทยมักเอามาคั่วให้ไหม้เกรียม หรือสุมให้ดำไหม้เกรียม รวมทั้งก็เลยเอามาผสมเข้าในตำรับยา
ในพระคัมภีร์โบราณอันเป็นต้นแบบของยาแพทย์แผนไทยนั้น มีตำรับยาที่ เข้า “เขากวาง” หลายขนาน ในที่นี้ขอยกตัวอย่างยาขนานหนึ่งใน พระตำรามหาโชตรัต ดังต่อไปนี้สิทธิการิยะ หากผู้ใดกันแน่ป่วยแลให้ร้อนภายในให้ต้องการน้ำนัก
โหรามิคสิงคีแลตัวคนเจ็บนั้นให้กระด้าง อย่างกับท่อนไม้แลท่อนฟืน ให้ตัวนั้นเป็นเหน็บชาไปทั่วอีกทั้งกายหยิกไม่เจ็บ ท่านว่ากำเนิดกาฬ ข้างในแลให้ปากแห้งคอแห้งผากฟันแห้งนมหมดหวังให้เป็นต่างๆนั้น ท่านว่ารอยดำผุดออกยังไม่สิ้น ยังอยู่ในหัวใจนั้น ถ้าจะแก้ให้เอา รากกระตังบาย ๑ จันทร์อีกทั้ง ๒ สนเทศ ๑ ระย่อม ๑ เพ่งพิศที่นาศ ๑ รากแตงรุนแรง ๑ รากหมูปล่อย ๒ หัวมหารอยแดง ๑ หัวกะกลางวันผีมด ๑ รากไคร้เครือ ๑ ใบระงับ ๑ ใบพิมเสน ๑ ใบเฉียงมีดพร้าหอม ๑ ใบทองพันชั่ง ๑ เขากวาง ๑ งาช้าง ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวหมี ๑ เขี้ยวจระเข้ ๑ เขี้ยวหมูป่า ๑ เขี้ยวแรด ๑ ฟันกรามพญานาค ๑ เขี้ยวปลาพะยูน ๑ เกสรดอกบัวน้ำทั้ง ๗ ผลสมอพิเภก ๑ เทียนดำ ๑ ใบสะเดา ๑ เปลือกไข่เป็ดสด ๑ ผลจันทร์ ๑ ดอกจันทร์ ๑ สมอไทย ๑ รากมะรุมบ้าน ๑ รวมยาดังนี้เอาเท่าเทียมกัน ทำผงแล้วจึงบดปั้นแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำดอกไม้ ทั้งยังกินทั้งพ่น แก้สรรพไข้ทุกอันดังที่กล่าวผ่านมาแล้วมานั้น หายแล