Advertisement
ครีมเหมยหยง ตกขาว ฟิต ไว้ใจ รักษาสิว ผลิตภัณฑ์ตามกระแสแฟชั่น บลูเบอร์รี่ เจ้าตำรับไทยแท้ สนใจสอบถามพิ่มเติ่ม คร
เพราะผลไม้เป็นของกินที่มีสารอาหารสูง มีทั้งยังวิตามิน เกลือแร่ ซึ่งดูแลเรื่องระบบการสรุปยแล้วก็ระบบขับถ่ายของร่างกายเราเป็นอย่างดี แต่ว่าในเวลาเดียวกัน ผลไม้บางชนิดกลับมีน้ำตาลสูง เรียกว่าหากทานแล้วต้องอ้วนแน่ๆนั่นเอง > < ด้วยเหตุนี้ตามพี่เตยมาดูกันดีกว่าว่ามีผลไม้ชนิดไหนบ้างที่กินแล้วไม่อ้วน
สตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่เหมาะสมกับการลดความอ้วนเป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะว่านอกเหนือจากจะมีแคลอรี่ต่ำแล้วยังมีไฟเบอร์สูงอีกด้วย ในสตรอเบอร์รี่ 50 แคลอรี่ มีเส้นใยถึง 3 กรัมเลยค่ะ สตรอเบอร์รี่เป็นแหล่งรวมของวิตามินซี โฟเลต โพแทสเซียม และแมงกานีส สารอาหารเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มอัตราการเผาแคลอรี่ภายในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากเพิ่มขึ้น โดยรับประทานสตรอเบอร์รี่เพียงแค่สามสี่ลูกก็จะช่วยทำให้ปรับเรารู้สึกอิ่มได้นานขึ้นจ้ะ (รวมทั้งผลไม้จำพวกเบอร์รี่อื่นๆอีก ผู้หญิงสามารถเข้ามาดูก่อนยละเอียดเกี่ยวกับผลไม้จำพวกเบอร์รี่ถึงที่กะไว้นี่ค่ะ >> Beauty ก้นครัว มากินเบอร์ปรี่เพิ่มความงดงามกันเหอะ Click! )
ส้มคือผลไม้ที่หารับประทานได้ง่ายอย่างยิ่งๆแถมแพงไม่แพงเท่าไรนัก การกินส้มเป็นลูกๆดีมากยิ่งกว่าการดื่มน้ำส้มค่ะ ด้วยเหตุว่าจะทำให้เราได้รับเส้นใยมากกว่านั่นเอง ในส้ม 1 ผลมีแคลอรี่โดยประมาณ 85 แคลอรี่มีใยอาหารโดยประมาณ 5 กรัม ยิ่งไปกว่านี้ส้มยังมีวิตามินซี วิตามินบี โฟเลต ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ร่างกายเผาผลาญได้ดิบได้ดีเพิ่มขึ้นค่ะ (ผู้ใดกันอยากอ่านเรื่องของ "ส้ม" ให้ละเอียดกว่านี้ คลิ๊กที่ลิ้งค์นี้เลยจ้ะ Beauty Story :: สารพัดประโยชน์ความงามจากส้ม >> Click!! )
ในแอปเปิ้ลลูกย่อมๆมีเส้นใยมากถึง 4 กรัมเลยจ้ะ ลูกแอปเปิ้ลยังช่วยให้พวกเรารู้สึกอิ่มได้นานขึ้นโดยที่เราไม่ต้องได้รับปริมาณแคลอรี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลูกแอปเปิ้ลประกอบไปด้วยวิตามินซีซึ่งช่วยในเรื่องของการสร้างระบบภูมิต้านทานของร่างกาย แถมเจ้าลูกแอปเปิ้ลนี้ยังช่วยป้องันโรคมะเร็งได้อีกด้วยค่ะ
มะม่วงลูกขนาดกึ่งกลาง 1 ผลมีปริมาณแคลอรี่ราวๆ 130 แคลอรี่ แต่มีจำนวนเส้นใยมากยิ่งกว่า 4 กรัม แล้วก็ยังมีวิตามินเอ วิตามินซี และแคลเซียม แถมยังมีส่วนช่วยบำรุงสายตา ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอคอยลในเส้นโลหิตอีกด้วยจ้ะ แม้กระนั้นทั้งนี้มะม่วงคือผลไม้ที่มีน้ำตาลมากกว่าผลไม้ประเภทอื่นๆดังนั้นผู้หญิงจำเป็นต้องรับประทานให้พอดิบพอดี อย่ากินมากเกินความจำเป็น ไม่อย่างนั้นจะอ้วนโดยที่ไม่รู้ตัวนะคะ > <
ฝรั่งคือผลไม้ที่หารับประทานได้ง่ายอย่างยิ่งๆแถมยังขึ้นชื่อลือชาในเรื่องเกี่ยวกับการช่วยลดความอ้วนอีกด้วย ผู้หญิงผู้ใดที่กำลังไดเอ็ทอยู่ชอบเลือกฝรั่งมารับประทานเป็นอันดับแรกๆฝรั่งมีรสฝาด แต่มีคุณลักษณะช่วยทุเลาอาการท้องเดิน แถมยังมีวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินเค ไลวัวปีน และก็โพแทสเซียม ซึ่งมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจและความดันในเส้นเลือดด้วยจ้ะ
สาวๆผู้ใดชอบกินส้มตำบ้างคะ พี่เตยเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบกินส้มตำมากมายกกก ^^ ด้วยเหตุนั้นคนใดชอบรับประทานมะละกอล่ะก็ ได้เฮกันแน่ๆจ้ะ เพราะเราสามารถรับประทานได้อีกทั้งแบบสุกแล้วก็แบบดิบ โดยในมะละกอ 55 แคลอรี่ มีปริมาณไฟเบอร์ 3 กรัม รวมทั้งมะละกอยังมีวิตามินเอ วิตามินซี โฟเลต รวมทั้งโพแทสเซียม ยิ่งไปกว่านี้ในมะลอกอยังมีโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีซึ่งช่วยในเรื่องของระบบการขับถ่ายให้ดีขึ้น ด้วยเหตุนั้นมะละกอก็เลยคือผลไม้ที่เหมาะกับการลดน้ำหนักเป็นอย่างยิ่งเลยจ้ะ
แคนตาลูป 1 ลูกเล็กมีปริมาณแคลอรี่เพียง 60 แคลอรี่เพียงแค่นั้นค่ะ แม้กระนั้นแคนตาลูปจะช่วยให้เรารู้สึกอิ่มท้องได้นานขึ้น แคนตาลูปเป็นผลไม้ที่มีวิตามินแล้วก็เกลือแร่สูง ทั้งยังวิตามินซี วิตามินเอ โพแทสเซียม ไนอาสิน โฟเลต วิตามินบี6 และก็เบตาแครอทีน แถมยังดูแลสุขภาพปอดของพวกเราด้วยจ้ะ
แตงโมก็เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่กินแล้วจะไม่ทำให้พวกเราอ้วนจ้ะ ในแตงโมประกอบไปด้วยโพแทสเซียม วิตามินซี แอนไทออกซิแดนซ์ เบตาแครอทีน และก็ไลโคปีน ซึ่งช่วยปกป้องโรคมะเร็งและก็โรคหัวใจ รวมถึงช่วยคุ้มครองปกป้องโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และก็มะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยจ้ะ แถมเจ้าแตงโมเนี่ยมีแคลอรี่แค่เพียง 46 แคลอรี่เพียงเท่านั้นค่ะ
สัปปะรดก็คือผลไม้ที่มีสาระไม่แพ้ผลไม้จำพวกอื่นเลยค่า > < สัปปะรดประกอบไปด้วยแมงกานีส วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง รวมทั้งช่วยคุ้มครองการเกิดหวัดและเป็นไข้ เพราะว่าสัปปะรดคือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมากๆนั่นเองค่ะ แถมสัปปะรดยังช่วยให้พวกเรารู้สึกอิ่มโดยไม่ทำให้เราอ้วนขึ้นด้วยจ้ะ
Kiwi
ในกีวี่ 1 ผลมีจำนวนแคลอรี่โดยประมาณ 46 แคลอรี่ กีวี่ประกอบไปด้วยโพแทสเซียม วิตามินซี วิตามินอี แล้วก็เส้นใย ซึ่งไฟเบอร์ในกีวี่จะช่วยประเด็นการซึมซับสารอาหาร ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันโรคมะเร็งกระเพาะรวมทั้งลำไส้ใหญ่ได้ด้วย
บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์ปรี่ ชื่อสามัญ Blueberry
บลูเบอร์ปรี่ ชื่อวิทยาศาสตร์ Vaccinium spp. จัดอยู่ในสกุล ERICACEAE
รูปแบบของบลูเบอร์ปรี่
ต้นบลูเบอร์ปรี่ ต้นมีหลายชนาดด้วยกันตั้งแต่ต้นสูง 10 เซนติเมตร ถึง 10 เมตร มีทั้งผลัดใบแล้วก็ไม้ผลัดใบ มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ (บลูเบอร์ปรี่เป็นไม้พุ่มสูงที่ปลูกลงในเชิงพาณิชย์นั้นถูกนำเข้าสู่ยุโรปในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1930)
ต้นบลูเบอร์ปรี่
ใบบลูเบอร์ปรี่ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ถึงรูปหอก มีขนาดกว้างประมาณ 0.5-3.5 เซนติเมตร แล้วก็ยาวประมาณ 1-8 เซนติเมตร
ใบบลูเบอร์รี่
ดอกบลูเบอร์ปรี่ ดอกเป็นรูประฆังสีขาว สีชมพู หรือสีแดง
ดอกบลูเบอร์รี่
ผลบลูเบอร์รี่ ผลจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมษณ 5-16 มม. ที่ปลายผลมีวงแหวนเล็กๆคล้ายมุงกุฎ ผลเมื่อยังอ่อนจะเป็นสีเขียวซีดๆพอเพียงแก่ขึ้นมาหน่อยก็จะมีสีม่วงแดง และเมื่อสุกจะมีสีคราม ผลเมื่อสุกเต็มที่จะมีรสหวานหรือหวานอมเปรี้ยว
ผลบลูเบอร์ปรี่
คุณประโยชน์ของบลูเบอร์รี่
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่รวมถึงบลูเบอร์รี่นั้นขึ้นชื่อว่าอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยในเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้หวัด1
รวมทั้งยังมีข้อมูลที่ได้มาจากส่วนอื่นๆที่กล่าวว่าบลูเบอร์รี่ยังมีประโยชน์สำหรับเพื่อการช่วยลดการระคายเคืองในระบบทางเดินเยี่ยว คุ้มครองเบาหวาน โรคไข้รากสาดน้อย ระบบหายใจไม่ดีเหมือนปกติ ช่วยทุเลาอาการผิดโคนในลำไส้ใหญ่ ท้องผูก โรคกระเพาะอาหาร โรคเริม แผลในปาก นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ช่วยทำให้ปรับระบบเวียนเลือดปฏิบัติงานดียิ่งขึ้น ซึ่งอาจมีส่วนช่วยเสริมสร้างสมรรถนะทางเพศของเพศชายสูงวัย และยังช่วยคุ้มครองป้องกันเส้นโลหิตขอด ลดอาการบวม เสริมสร้างความแข็งแรงให้ผนังหลอดเลือด ช่วยสร้างเสริมเยื่อแล้วก็เอ็น (ข้อมูลส่วนนี้ยังขาดแหล่งอ้างอิงครับผม)
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากบลูเบอร์ปรี่
เบอร์รี่คือผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายประเภทที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งร่างกายอยากเพื่อช่วยทำให้ปรับเซลล์ในร่างกายสามารถซ่อมบำรุงตัวเองจากโรคต่างๆได้ดีขึ้น และก็การดูแลและรักษารอยแผล การคุ้มครองโรคมะเร็ง ลดการเป็นโรคเลือดไหลตามไรฟัน ตลอดจนถึงโรคเก๊าท์หรือลักษณะของการปวดตามข้อ1
บลูเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทภาพแนวทางการทำงานของเซลล์ให้ดีขึ้น ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดอันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ โรคทางประสาทรวมทั้งสมอง ช่วยป้องกันการเสื่อมของร่างกายและชะลอความแก่ชรา ฟื้นฟูการผลิตคอลลาเจนที่ผิว ทำให้ผิวมองดูอ่อนวัย ริ้วรอยดูเลือนลง ทำให้ผิวมองอ่อนกว่าวัย แล้วก็อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ด้วย (ข้อมูลของ USDA หรือ สถาบันวิจัยโภชนาการทางด้านสรีระศาสตร์ ได้บอกว่าบลูเบอร์ปรี่จัดคือผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะที่สุด ซึ่งผลจากการทดลองค่าที่เรียกว่า “ORAC” (Oxygen Radical Absorbance Capacity) ได้แสดงให้เห็นว่าบลูเบอร์ปรี่สดจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าผลไม้สดแล้วก็ผักจำพวกอื่น)1
ช่วยในเรื่องของระบบประสาทแล้วก็สมอง ช่วยปรับเซลล์สมองสามารถปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมตัวเองเจริญขึ้น ทำให้ความสามารถสำหรับการจำของพวกเราดีขึ้น ปกป้องโรคอัลไซเมอร์ รักษาเซลล์สมองที่ถูกทำลาย โดยมีกล่าวว่า ผศ.โรเบิร์ต คริวัวเรียน แห่งศูนย์สุขภาพ มหาวิทยาลัยซินซินเนติในสหรัฐ ได้ทำการทดลองให้คนวัยแก่ที่เริ่มมีลักษณะหลงลืมได้กินน้ำบลูเบอร์รี่คั้นสดวันละ 2 แก้ว ตรงเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ผลการทดสอบพบว่า คนวัยชราเหล่านั้นมีความจำที่ดีขึ้น ก็เลยมั่นใจว่าผลบลูเบอร์ปรี่ดิบๆจึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนเจ็บโรคสูญเสียความจำด้วย1,2
บลูเบอร์รี่เป็นอาหารเสริมที่ดีสำหรับคนเจ็บโรคหัวใจ เพราะเหตุว่าช่วยปรับให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง2
บลูเบอร์ปรี่เป็นผลไม้ที่มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ประกอบอยู่ โดยเป็นสารชนิดฟลาโวนอยด์ที่มีสีแดงอมม่วง สารนี้มีประโยชน์ช่วยทำให้เส้นโลหิตแข็งแรง ช่วยปรับการไหลเวียนของเลือดในระดับที่เล็กมากเพิ่มขึ้น และช่วยในการทำงานของวิธีการเมตาบอลิซึ่มของเซลล์เรตินา
สารแอนโทไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) เป็นสารที่มีคุณสมบัติเปรียบเทียบได้กับสารไบโอฟลาโวนอยด์ สามารถช่วยทำให้ปรับเส้นเลือดฝอยแข็งแรง ปฏิบัติหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แล้วก็สารชนิดนี้ยังมีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อหลักการทำงานของไต แล้วก็ช่วยรักษาคนที่มีเส้นเลือดฝอยเปราะในอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสีย และก็สารแอนโธไซยาโนไซด์ชนิดหนึ่งเป็นสาร ไมร์ทิลลิน (Myrtliiln) เป็นสารสีน้ำเงินที่มีคุณลักษณะต้านทานเชื้อกางคที่เรียได้ด้วย
สารแอนโทไซยานินที่พบได้ทั่วไปในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่รวมถึงบลูเบอร์ปรี่ มีส่วนช่วยในการคุ้มครองป้องกันอาการเหนื่อยล้าจากการใช้สายตาหนัก ช่วยปรับให้สายตาดำเนินการได้ดิบได้ดีขึ้นในที่มืด รวมทั้งยังช่วยคุ้มครองต้อกระจก ต้อหิน ต้อลม ช่วยลดระดับความดันในลูกตา รวมทั้งลดความเจ็บจากการบวมในดวงตา โดยข้อมูลจาก Archives of Ophthalmology ชี้ว่าการรับประทานบลูเบอร์ปรี่วันละ 3 ถ้วย จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคตาที่เกิดในวัยผู้ใหญ่ได้ด้วย1,2
ช่วยปรับให้ร่างกายรู้สึกชื่นบานขมีขมัน1
ช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารรวมทั้งทำให้การขับถ่ายของร่างกายดำเนินการได้เป็นระบบเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยช่วยคุ้มครองป้องกันโรคท้องผูกและก็ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้1,2
บลูเบอร์ปรี่มีสาร Pterostilbene ที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่รวมทั้งตับ แล้วก็ยังมีกรด Ellagic ที่ทำงานควบคู่กับแอนโทไซยานิน รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ป้องกันมะเร็ง โดยผลจากการวิจัยของ Journal of Agricultural and Food Chemistry ชี้ว่าบลูเบอร์รี่มีสารที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และก็ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งด้วย2
ในเรื่องของระบบปัสสาวะ แบคทีเรียอีโคไลที่ฝาผนังท่อทางเท้าฉี่เป็นต้นเหตุของการได้รับเชื้อที่ส่งผลนำไปสู่อาการอักเสบและรู้สึกแสบในขณะปัสสาวะ บลูเบอร์มีสารที่ทำให้แบคทีเรียชนิดนี้หยุดการเติบโต และก็ช่วยล้างแบคทีเรียออกมาจากทางเท้าเยี่ยว2
สำหรับคนที่กำลังหาวิธีควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วนแบบง่ายๆแต่ว่าสำเร็จ ชี้แนะให้รองรับประทานบลูเบอร์ปรี่ เพราะว่าผลไม้ชนิดนี้เป็นแหล่งของพลังงานชั้นยอดเยี่ยมที่มีแคลอรี่ต่ำ ไม่ทำให้น้ำหนักขึ้น เพราะเหตุว่ามีใยอาหารที่ช่วยปรับให้พวกเรารู้สึกอิ่มเร็วรวมทั้งอิ่มเป็นเวลายาวนานกว่าเดิม1
บลูเบอร์ปรี่มีสารเพคตินซึ่งสามารถช่วยในการลดระดับของคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด1
จากการเรียนรู้ของศูนย์หัวใจรวมทั้งหลอดเลือด มหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้ชี้ให้เห็นว่าบลูเบอร์ปรี่อาจช่วยลดไขมันพุง แล้วก็ความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ โดยพบว่าหนูทดลองที่รับประทานผงบลูเบอร์รี่ผสมในอาหารของหนู เป็นระยะเวลา 90 วัน มีไขมันพุงน้อยลง รวมทั้งระดับไตรกลีเซอไรด์น้อยลง2
บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่เป็นตัวต้านสารพิษ แล้วก็ช่วยล้างพิษในร่างกาย1
วิตามินซีในผลบลูเบอร์ปรี่จะช่วยสำหรับการบำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และก็แก้มแดงมีเลือดฝาด1
ค่าทางโภชชนาการของบลูเบอร์รี่ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 57 กิโลแคลอรี่
คาร์โบไฮเดรต 14.49 กรัม
น้ำตาล 9.96 กรัม
ใยอาหาร 2.4 กรัม
ไขมัน 0.33 กรัมน้ำน้ำบลูเบอร์ปรี่
โปรตีน 0.74 กรัม
น้ำ 84.21 กรัม
วิตามินเอ 54 หน่วยสากล
วิตามินบี1 0.037 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.041 มก.
วิตามินบี3 0.418 มก.
วิตามินบี6 0.052 มิลลิกรัม
วิตามินบี9 6 ไมโครกรัม
วิตามินซี 9.7 มิลลิกรัม
วิตามินอี 0.57 มิลลิกรัม
วิตามินเค 19.3 ไมโครกรัม
แคลเซียม 6 มก.
ธาตุเหล็ก 0.28 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 6 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 12 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 77 มก.
โซเดียม 1 มก.
สังกะสี 0.16 มก.
ของดีจำหน่าย ครีมเหมยหยง บาชิ รับสมัครตัวแทนจำหน่ายขายส่งทั่วประเทศ
ผลิตภัณฑ์ตามกระแสแฟชั่น เจ้าตำรับไทยแท้ พึงพอใจถามไถ่พิ่มเติ่ม
สนใจเพิ่มเติม ได้ที่นี่
LINE : GamNooM1991
Click:
http://line.me/ti/p/WgMl_YFnNeTags : เหมยหยง ของแท้
