Advertisement
พออากาศมันอบอ้าว เลยก็เลยต้องหาวิธีเพื่อหายร้อนกันสักหน่อย ใครถนัดกิน ก็ค้นหาของกินกินคลายร้อนกันไป แต่ถ้าหากใครต้องการให้บรรยากาศในที่พักไม่ร้อนดั่งนรก ก็จำเป็นต้องพึ่ง “แอร์” หรือเรียกว่า “เครื่องปรับอากาศ” นั่นเอง ถ้าหากใช้แอร์ บางท่านก็คงจะต้องไม่สบายใจส่วนประเด็นของค่าใช้จ่ายค่าไฟที่มันจะตามมาต่อจากนั้น แต่ว่าทุกคนจะมีเกณฑ์การเลือกซื้ออย่างใด เพื่อจะได้ทั้งของดี แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อันดับแรกเราจะต้องคิดถึงชนิดของเครื่องปรับอากาศต้องให้เหมาะสมต่อพื้นที่ในการใช้งาน เพราะตอนนี้นั้นมีหลายหลากรูปแบบให้เลือกสรร เพราะว่าแต่ละอย่างก็มีสเปคแตกต่างกันออกไป ซึ่งสมมติเลือกซื้อผิดนั้น ทำให้อาจทำให้ก่อให้เกิดผลเสียแก่แอร์ รวมถึงยังส่งผลให้เปลืองพลังงานไปอีก หลักๆ แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแบ่งเป็นหลากหลายประเภท อย่างเช่น แอร์ติดกำแพง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, แอร์ฝังเพดาน รวมถึง เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่แต่ละประเภท ประกอบด้วยรูปลักษณ์เป็นอย่างไรบ้าง ไปพิจารณากันก่อนดีกว่า
อันแรกก็คือเครื่องปรับอากาศติดผนัง ซึ่ง
แอร์อย่างนี้ เป็นที่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว หรือว่าคงจะเคยเห็นกันอยู่ประจำ นั่นแหละ ซึ่งใช้งานที่หลากหลาย และด้วยลักษณะการออกแบบที่ทันสมัย และก็มีสัดส่วนกะทัดรัด แล้วยังยังทำให้ประหยัดพลังงาน แล้วยังสามารถทำนุบำรุงไม่ยาก โดย
เครื่องปรับอากาศรูปแบบนี้ เหมาะสำหรับห้องขนาดย่อมๆ รวมถึงบ้าน หรือว่าคอนโดทั่วๆ ไป สามารถตรงใจกับความปรารถนาในการใช้งานได้แบบหลายแบบ
ถัดมาเป็นแอร์วางพื้น ซึ่งเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ถือเป็นประเภทที่มีการกระจายความเย็นได้มาก สามารถทำความเย็นได้แบบรวดเร็ว แล้วยังทนทานต่อการทำงาน รวมไปถึงทนต่อมลพิษอีกด้วย เพราะว่ารูปร่างของแอร์จะเป็นชนิดตั้งบนพื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่ โรงงาน หรือมีประชากรเยอะ โดยที่แอร์ชนิดนี้จะทำงานใช้อึกทึก จึงส่งผลให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ามากกว่าแอร์ประเภทอื่นๆ
อย่างถัดไปคือประเภทเครื่องปรับอากาศฝังฝ้าเพดาน ซึ่งประเภทนี้จะเป็นแอร์ 4 ทาง เครื่องแอร์ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำทิ้ง สามารถติดด้านในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถคงทรงความสวยหรูของห้องได้ตามเดิม ตัดทอนข้อจำกัดในการติดตั้ง ซึ่งเหมาะสำหรับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความสวยหรู ช่วยให้ในบ้านสวยเหมือนเดิม แต่ว่าเครื่องปรับอากาศประเภทนี้จะมีมูลค่าโดยมากสูงมากกว่าแอร์ลักษณะอื่นๆ
และชนิดท้ายที่สุดก็คือแอร์เคลื่อนที่ โดยเครื่องปรับอากาศแบบนี้จะไม่ซับซ้อนเหมือนกับกับแบบก่อน เพราะแค่เพียงเสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะว่าเครื่องปรับอากาศกลุ่มนี้ใช้งานได้อย่างเดียวกันกับเครื่องปรับอากาศที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่ว่าไม่เหมือนอันอื่นก็ตรงที่สามารถย้ายที่ได้ รวมถึงก็ไม่ต้องติดกับบ้านด้วย เหมาะสมกับผู้ที่อาศัยหอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลรักษาก็ง่ายดาย เหมือนกับแอร์แบบปกติเลย
ย้อนกลับมาที่เกณฑ์การเลือกซื้อกันต่อ ถัดมาก็ควรจะซื้อขนาดเครื่องปรับอากาศให้เข้ากันกับขนาดห้อง เพื่อที่เมื่อทราบขนาดห้องเรียบร้อยแล้วนั้น ก็จะไม่ยากกับการเลือกซื้อขนาดของแอร์และการคาดคะเนค่า BTU นั่นเอง เพื่อเหมาะสมกับการใช้งานและช่วย
ลดการใช้พลังงาน โดยที่หลายคนคงยังไม่รู้ว่า BTU หมายถึงอะไร ซึ่งมันก็คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ดังนั้นการตัดสินใจ BTU ย่อมมีความจำเป็น เพราะว่าจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังรวมถึงอายุการทำงานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง หากซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินพอดี ก็จะทำให้ทำงานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ประสิทธิภาพข้างในลดลง พร้อมกับยังมีผลให้ให้มีความชื้นในห้องสูง ส่งผลให้ผู้อาศัยไม่สบาย หรือเจ็บป่วยได้ แล้วยังส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย หรือไม่ก็หากเลือกซื้อแอร์ที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะส่งผลต่อคอมแอร์ถูกใช้งานทุกเมื่อรวมทั้งหนักจนเกินควร เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้ ซึ่งจะมีผลให้เป็นเหตุให้แอร์ทรุดโทรมได้ง่ายๆ แล้วยังเปลืองไฟฟ้าอีกเช่นกัน
ต่อมาจะเป็นหลักง่ายๆ เกินที่ใครเห็น ก็คงจะช่วยให้ตัดสินใจซื้อแน่นอน คือ การเลือกสรรเครื่องปรับอากาศที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากนั่นคือ ประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มค่าที่สุด เลยจะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดรายจ่ายได้นั้นเอง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
แอร์ ราคาTags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา
