Advertisement
จะมีคนเขียนแบบบนโลกใบนี้สักกี่คน ที่รังสฤษฏ์ผลงานได้อย่างมีเอกลักษณ์โดดเด่น กระทั่งผลงานเหล่านั้นแปลงเป็นดุจดังเครื่องหมายของเมือง ที่ใครๆเมื่อเดินทางมาถึงล้วนสอบถามหาหรือถ้าไม่เคยทราบ ไม่คุ้นเคยถ้าหากแค่ส่ายตาดูดูไปบริเวณตรวจเมืองไปสักหน่อย ผลงานแตกต่างกันที่มีเสน่ห์นั้น ยังคงโดดเด่นล่อใจให้จำต้องหันไปดู หันไปสนใจอยู่ดี
“เกาดี้” คนเขียนแบบผู้เอาอย่างธรรมชาติ
คนเขียนแบบผู้นั้นคือ อันโตนิโอ เกาดี้ (Antoino Gaudi) คนเขียนแบบชาวสเปน ผู้สร้างสรรค์ผลงานล้นหลามฝากไว้ให้กับเมืองบาร์เซโลน่า
ลักษณะงานของเกาดี้นั้นเต็มไปด้วยเส้นอ่อนช้อยที่เลียนแบบ ลดทอน รูปแบบจากธรรมชาติรอบตัว เป็นศิลปะแบบนวศิลป (Art Nouveau) นั่นทำให้อาคารที่เขาวางแบบเต็มไปด้วยเส้นโค้งมน แทบจะไม่มีเหลี่ยมมุมอะไรก็ตามอาคารพวกนั้นจึงมองลื่นไหล สดชื่น ซึ่งฉันจะไม่แปลกใจเลย ถ้าหากขณะยืนมองดูอาคารเหล่านั้น แล้ว จู่ๆสิ่งปลูกสร้างมโหฬารเหล่านั้นจะยักย้ายถ่ายเท เคลื่อนไหว เคลื่อนขึ้นมาได้…(จริงๆนะ)
ภาพโปสการ์ดที่ขายให้มองเห็นทั่วไป ช่วยรับรองคำที่ว่าบาร์เซโลน่า คือเมืองของเกาดี้
อันโตนิโอ เกาดี้ (ช่วงอายุ ค.ศ.1852-1926)
“Sagrada Familia” ผลงานขึ้นชื่อลือนามของเกาดี้
ผลงานที่ขึ้นชื่อที่สุดของเกาดี้ จะต้องยกให้โบสถ์ Sagrada Familia ที่ทำขึ้นตั้งแต่ปี คศาสตราจารย์ 1883 ถ้ามองดูโบสถ์ที่นี้จากภายนอกไม่ต้องแปลกใจว่ารอบๆส่วนยอดของตัวโบสถ์ถึงมีเสาเครนปรากฏให้มองเห็นประสมด้วย โน่นเป็นเพราะเหตุว่าโบสถ์แห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จ!!
ถูกแล้ว โบสถ์ที่นี้ยังสร้างไม่เสร็จ แม้นว่าสถาปนิกผู้ออกแบบจะเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1926 ก็ตาม ซึ่งตามแผนการก่อสร้างแล้ว โบสถ์ที่นี้จะสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2026 แล้วก็เพื่อจะสร้างให้เสร็จตามแบบที่สถาปนิกวางแบบไว้ ในแต่ละปีจำเป็นต้องใช้เงินถึง 22 ล้านเหรียญยูโรสำหรับในการก่อสร้างอย่างยิ่งจริงๆ
โบสถ์ที่นี้มีคนเปรียบเทียบว่าเหมือนวังทรายที่สร้างขึ้นมาจากทรายเปียกๆฉันเห็นพ้องด้วยทีเดียว เนื่องจากว่าโบสถ์ที่ตั้งสูงเด่นอยู่เบื้องหน้าแม้นสูงเสียด สร้างขึ้นมาจากหินที่เป็นสิ่งของดกหนัก แต่ว่าเส้นโค้งมน และลายละเอียดมากมายที่ปรากฏบนพื้นผิวอย่างอิสระให้รู้สึกราวกับหินนั้นเป็นสิ่งของนุ่ม ที่ต้องการจะปั้นแต่งให้มีรูปร่างเช่นไร ทำเป็นอย่างใจคิด
ก้าวย่างเข้าไปข้างใน ทดลองยืนมองเสาที่ค้ำตัวโบสถ์ละตลอดไปถึวเพดานด้านบน จะมองเห็นลักษณะการนำธรรมชาติรอบตัวมารังสรรค์ผลงานอย่างแจ่มกระจ่าง ด้วยตัวเสาและลวดลายบนผนังนั้นเลาะแบบรูปแบบของต้นไม้ และกิ่งไม้อย่างแจ่มแจ้ง….. นี่แหละ ลายเซนต์ที่แน่ชัดของเกาดี้ ก็คนไหนจะวางแบบเสาข้างในตึกเป็นกิ่งแฉกอย่างงี้บ้าง
สีแสงที่ผ่านกระจกผ่านเข้ามาในตัวโบสถ์เป็นอีกหนึ่งความแปลกตา ถูกล่ะโบสถ์และวิหารสมัยก่อนต่างเล่นกับแสงสว่างที่ส่องผ่านกระจกสีเข้ามากันทั้งนั้น แต่แสงนั้นแค่อุ่นๆสบายตา แม้กระนั้นสำหรับผลงานของเกาดี้แล้ว แสงสว่างนั้นปรากฏสีสันเด่นชัด แถมเล่นเฉดสีอีกด้วยเช่นเดียวกันกับมีการจัดแสงสว่างอย่างยิ่งจริงๆ
เมื่อเข้าไปชมดูด้านในตัวโบสถ์ซึมซับ ลักษณะการออกแบบของเกาดี้ที่ต่างจากคนอื่นๆแล้ว หากยังคงมีเวลาทดลองลงไปยังชั้นที่อยู่ใต้ดินด้านล่างที่ทำเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆบรรยายที่ไปที่มาของการผลิตโบสถ์ที่นี้ ภาพในสมัยก่อน แบบจำลองที่ได้ออกแบบไว้ และก็ยังได้เห็นห้องทำงานเดี๋ยวนี้ของกลุ่มสถาปนิก แล้วก็เหล่าคนงานที่ยังคงทำงานกันต่อไป (ก็แผนจะสร้างเสร็จในปี 2026 ยังไง)
“Sagarda Familia School” สถานศึกษาของ “เกาดี้”
ใกล้ๆกับตัวโบสถ์ มีโรงเรียนขนาดเล็กชื่อว่า Sagarda Familia School วางแบบและทำขึ้นโดยเกาดี้ เป็นสถานที่เรียนสำหรับเด็กๆลูกๆคนงานก่อสร้าง และเมื่อเป็นการวางแบบของเกาดี้ ย่อมไม่ธรรมดาอีกเช่นเคย ฝาผนังของตัวตึกนั้นเป็นลอนคลื่น รับกับตัวหลังคาที่มีลักษณะโค้งเว้า ทำให้อาคารที่สร้างขึ้นมาจากก้อนอิฐที่น่าจะให้อารมณ์ความรู้สึกที่หนาหนักบึกบึน กลับพลิ้วไหวเหมือนกับระลอกคลื่น
สถานศึกษา Sagrada Familia สำหรับเด็กๆลูกคนทำงานก่อสร้าง
“Casa Batllo” อาคารของ “เกาดี้”
Casa Batllo เป็นอีกหนึ่งผลงานการออกแบบของเกาดี้ อาคารดังกล่าวข้างต้นตั้งอยู่เริมทางถนนศูนย์กลางเมือง ที่จู่ๆก็โผล่ให้มองเห็นปนเปกับตึกอื่นขณะหยุดยืนรอข้ามถนนตรงสัญญาณไฟจราจร และก็เช่นเคย ผลงานของเกาดี้ เด่นสะดุดตาไม่ซ้ำใคร บริเวณหลังคายังคงวางแบบไม่มีซึ่งเส้นตรงอีกดังที่เคย เป็นเส้นอิสระที่เลียนแบบส่วนหลังของมังกร โดยมีกระเบื้องที่ปูไล่เฉดสีเป็นเกร็ดบนลำตัวรวมทั้งถ้ามองดูละบ่อยลงมายังตัวตึกข้างล่าง จะสังเกตเห็นลวดลายผ่องใสบนฝาผนังที่เกิดขึ้นมาจากการนำเศษกระเบื้องมาประดับประดา
Casa Batllo ถ้าหากแปลตรงตัวเป็นบ้านของเครือญาติบัตโล่ สร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1904-1907 ตอนนี้เปิดให้นักเดินทางเข้าไปดูภายในได้
“Casa Mila” บ้านของ “เกาดี้”
บ้านของไม่ล่า วางแบบโดยเกาดี้ และก็สร้างอพาร์ทเมนท์หลังนี้ระหว่างปี ค.ศ. 1906 – 1912 รูปแบบของตึกมองจากด้านนอกเหมือนลอนคลื่นในทะเล ในเวลาที่หน้าต่างเจาะเป็นช่องตามลอนคลื่นแลเหมือนรวงผึ้ง แถมปล่องควันบนหลังคายังออกแบบเป็นหัวรูปปั้นประหลาด… มองดูอย่างไรตึกหลังนี้ก็ไม่ธรรมดา พูดได้ว่า ถ้าหากได้ผลงานของเกาดี้แล้ว ไม่มีชิ้นไหนที่ธรรมดา สมกับที่ชาวประเทศสเปนขนานนามเรียกเขาว่า สถาปนิกของพระผู้เป็นเจ้า
“Park Guell” สวนสาธารณะของ “เกาดี้”
และก็นี่เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของเกาดี้ที่จะนำไปเยี่ยมชม…สวนสาธารณะ เราเอล (Park Guell)
ผลงานชิ้นนี้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากความบังเอิญประสมกับความตั้งใจ ด้วยเหตุว่ามีผู้ว่าจ้างให้เกาดี้ดีไซน์สร้างหมู่บ้านและก็สวนหย่อม เพื่อขายให้กับเหล่าคนมั่งมีในตัวเมือง โดยคิดแผนไว้ที่จะสร้างบ้านถึงปริมาณ 60 ข้างหลัง แต่สุดท้ายแผนการนี้ล้มเหลว และยกเลิกไปในที่สุด ถ้าหากเปลี่ยนเป็นโชคดีของชาวบาร์เซโลน่าที่ผลงานที่ไม่เสร็จนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนแปลงกลายเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่
เมื่อก้าวเข้าไปในเขตสวน อาคารต่างๆยังคงดีไซน์ในลักษณะของเกาดี้ เต็มไปด้วยเส้นสายงอนงาม มีการนำเศษกระเบื้องมาตกแต่งให้มองเห็นทั่วๆไป โดยยิ่งไปกว่านั้นรอบๆที่นั่งบนดาดฟ้าที่นักเดินทางพากันฉวยโอกาสนั่งพักกันรอบๆนั้น ค่อยๆไปไหน ได้สนิทสนมกับผลงานของเกาดี้ พร้อมมองดูวิวสวยๆด้านในสวนได้ในขณะเดียวกัน
เมื่อมาที่นี่ใครๆก็อยากถ่ายภาพกับมังกรกระเบื้องตัวนี้
ผลงานทั้งหมดของเกาดี้ที่เอ่ยอ้างมาข้างต้น
ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทั้งหมด…
จะมีคนเขียนแบบบนโลกใบนี้สักกี่คน ที่ทำเป็นอย่างงี้…
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
fifa-ufa.comTags : fifa-ufa,fifaufa
