ผื่นแพ้ในเด็ก วิธีป้องกันแล้วก็รักษาที่บิดามารดาควรจะทราบ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผื่นแพ้ในเด็ก วิธีป้องกันแล้วก็รักษาที่บิดามารดาควรจะทราบ  (อ่าน 12 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
komgrit1989
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19840


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: มีนาคม 18, 2020, 03:51:23 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

ความรู้ฐานรากเรื่องการป้องกันและก็รักษาผื่นแพ้ในเด็ก
ผื่นแพ้ เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในเด็กแรกเกิดจนกระทั่งอายุ 5 ปี แม้จะยังไม่มีวิธีรักษาให้หายสนิท แต่อาการจะดีขึ้นเองเมื่อโตขึ้น
หมอจะวินิจฉัยจากรูปแบบของผื่น และก็ตำแหน่งที่ผื่นขึ้น โดยอาการสำคัญๆเป็น ผื่นคัน อาจมีสีแดง เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกผิวหยาบดก หรือระคาย
การดูแลรักษาผื่นแพ้โดยปกติจะใช้ยาทา ดังเช่น ยาทาต้านฮิสตามีน แล้วก็ยาใช้ภายนอกสเตียรอยด์ความรุนแรงเบาถึงปานกลาง โดยควรต้องหารือหมอก่อน ห้ามซื้อมาใช้เองเด็ดขาด และก็หากอาการกำเริบให้ไปพบหมอเพื่อเปลี่ยนแนวทางรักษาต่อไป
การปกป้องคุ้มครองผื่นแพ้ทำได้โดยหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ และรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง ดังเช่น อาบน้ำบ่อยๆทาสารให้ความชื้น ตัวอย่างเช่น ขี้ผึ้ง วาสลีน หรือโลชั่นที่ไม่มีสารสเตียรอยด์
กรรมวิธีการรักษาผื่นแพ้แล้วก็ภูมิแพ้ที่เหมาะสมที่สุดเป็น การทราบสิ่งที่ทำให้เกิดโรคด้วยการสังเกต หรือตรวจภูมิแพ้ และก็เลี่ยงสิ่งนั้น (มองแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ถึงที่กะไว้นี่)
ผื่นแพ้ในเด็ก วิธีป้องกันและรักษาที่พ่อแม่ควรรู้
ผื่นแพ้ (Eczema หรือ Atopic dermatitis) เป็นเยี่ยมในโรคภูมิแพ้ในเด็กที่มักพบในเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 5 ปี โดยต้นเหตุของโรคเกิดจากผิวหนังแห้ง และก็สูญเสียความชื้นง่าย เนื่องจากว่าสร้างเซราไมด์ (Ceramide) ที่ผิวหนังได้ไม่พอ
 
ผื่นแพ้ เป็นโรคที่น่าหนักใจสำหรับพ่อแม่ไม่น้อย เพราะเป็นโรคหวานใจษาได้ยาก แต่ลักษณะของโรคผื่นแพ้จะดียิ่งขึ้นเองเมื่อเด็กโตขึ้น เนื่องจากว่าผิวหนังแข็งแรงขึ้นนั่นเอง
 
อาการผื่นแพ้ในเด็ก
อาการหลักของผื่นแพ้คือ ผื่นคัน อาจมีสีแดง เมื่อสัมผัสแล้วจะคิดว่า ผิวหยาบดก ระคายเคือง หรืออาจมีผิวลอกเป็นสะเก็ดก็ได้
ผื่นจำพวกนี้มักเริ่มออกอาการตั้งแต่ในวัยทารก และเหนือชั้นกว่าเนื่องไปจนกระทั่งอายุ 5 ปี
แม้ว่า การรักษาจะช่วยควบคุมไม่ให้อาการไม่ดีขึ้น และหายไปได้ แต่ว่าก็เพียงแค่ชั่วคราวเพียงแค่นั้น คนไข้มักจะกลับมามีลักษณะอาการเป็นบางโอกาส
การวินิจฉัยผื่นแพ้
การวิเคราะห์ผื่นแพ้ทำได้โดยดูจากรูปแบบของผื่นคัน และตำแหน่งเฉพาะของโรค ดังเช่นว่า หน้าผาก แก้ม แขนรวมทั้งขาในเด็กแบเบาะ หรือด้านในรอบๆรอยพับของข้อศอก เข่า แล้วก็ข้อเท้าในเด็กโต
 
บางคราวผื่นแพ้ก็ถูกรู้ผิดว่า เป็นผื่นคันชนิดอื่น ตัวอย่างเช่น ผื่นแพ้สัมผัส ผื่นร้อน เซบเดิร์ม (Seborrheic dermatitis) หรือผื่นโรคสะเก็ดเงิน
 
อย่างไรก็ตามระยะเวลาที่เกิดผื่น ตำแหน่งที่มีผื่นขึ้น รวมทั้งรูปแบบการกระจายตัวของผื่นจะช่วยทำให้กุมารแพทย์วินิจฉัยได้ว่า ผื่นนี้เป็นผื่นแพ้ หรือเป็นผื่นประเภทอื่นๆกันแน่
 
ขั้นตอนการรักษาผื่นแพ้ในเด็กทั่วไป
เมื่ออาการผื่นแพ้กำเริบเสิบสาน การดูแลรักษาที่ใช้โดยทั่วไปจะใช้ยาใช้ภายนอก ตัวอย่างเช่น
 
ยาต้านฮิสทามีนประเภททา เช่น คลอร์เพน็อกซามีน (Chlorphenoxamine)
ยาสเตียรอยด์ชนิดทา มีตั้งแต่ว่าครีมไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา ซึ่งมีฤทธิ์อ่อนมากจนถึงอาจใช้ทาหน้าได้ในคนป่วยบางราย ไปจนถึงยาระดับแรงปานกลาง ดังเช่น โมเมทาโซน (Mometasone) และ 0.02% ไตรแอมสิโนโลน (Triamcinolone)
แม้เป็นยาสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์แรงมากจำเป็นที่จะต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น แต่โดยปกติจะเลี่ยงการใช้ยาสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์รุนแรงมากมายในเด็ก
ข้อควรระวังสำหรับการใช้ยาทา
 
ยาทาพวกนี้อาจมีผลข้างเคียงได้ ถ้าหากใช้รอบๆเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน อาทิเช่น ทำให้ผิวบาง หรือมีรอยแตก
ยาพวกนี้ควรที่จะใช้อย่างระแวดระวัง โดยเฉพาะการใช้กับบริเวณใบหน้าของเด็ก หรือรอบๆที่อับ อาทิเช่น ในผ้าอ้อม
จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยา ด้วยเหตุว่ายาเหล่านี้มักห้ามใช้ในเด็กที่อายุต่ำยิ่งกว่าสองขวบ เนื่องจากยาสามารถกระตุ้นให้เกิดผลข้างเคียงได้ และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
วิธีการรักษาผื่นแพ้ในเด็กอื่นๆ
ยาต้านฮิสทามีน (Antihistamine) ชนิดรับประทาน เป็นยาที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งสำหรับการรักษาผื่นแพ้ โดยค่อนข้างเป็นประโยชน์สำหรับเด็กที่มีอาการคันกระทั่งนอนไม่หลับ เพราะเหตุว่าจะช่วยทำให้หลับได้สบายขึ้น
แม้เด็กเกาเมื่อมีอาการคัน สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการได้
ในกรณีของผื่นแพ้ที่รักษาได้ยากมากมาย บางทีอาจจำเป็นต้องใช้แนวทางอื่นๆสำหรับการรักษา ซึ่งมีทั้งยังวิธีการทำแผล การให้ยาสเตียรอยด์จำพวกกิน การใช้รังสียูวี รวมทั้งการใช้ยากดภูมิคุ้มกันอื่นๆซึ่งวิธีเหล่านี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
แนวทางปกป้องผื่นแพ้กำเริบเสิบสาน

  • เลี่ยงสิ่งเร้าผื่นแพ้ที่รู้อยู่แล้ว

ถ้าหากพ่อแม่รู้ว่า ลูกแพ้สิ่งใดก็ให้หลบหลีกสิ่งนั้น เป็นต้นว่า สบู่ ฟองสบู่ ไรฝุ่นผง อาหารที่แพ้ อากาศร้อน เหงื่อ เสื้อผ้าขนสัตว์ หรือใยสังเคราะห์
 

  • รักษาผิวของเด็กให้ชุ่มชื้นอยู่เป็นประจำ

เพราะว่าการเจาะจง แล้วก็หลบหลีกสิ่งเร้า เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวจึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการคุ้มครองปกป้องการกำเริบของผื่นแพ้ เนื่องจากผิวแห้งจะมีผลให้เคืองและอักเสบได้ง่าย มีวิธีการดังนี้
 
อาบน้ำให้เด็กวันละคราวด้วยน้ำที่อุ่นเล็กน้อย โดยใช้สบู่ที่สุภาพต่อผิว และให้ความชื้น
ใช้สารให้ความชุ่มชื้นทาผิวเด็ก เมื่อเริ่มมีลักษณะอาการผิวแห้ง และทาซ้ำอีก 2-3 ครั้งต่อวัน
สารให้ความชื้นที่ใช้ได้มีหลายชนิด โดยชี้แนะเป็นขี้ผึ้ง (Ointment) จะดีเยี่ยมที่สุด แม้กระนั้นหากไม่สบายจะใช้วาสลีน ครีมทาผิว ครีมยา หรือโลชั่นยาประเภทไม่มีสเตียรอยด์ก็ใช้ได้เหมือนกัน
เมื่อเลือกประเภทของสารให้ความชุ่มชื้นแล้ว ควรจะทดลองทาเพียงนิดหน่อยก่อนเพื่อดูว่า เด็กมีอาการแพ้หรือไม่
สิ่งที่บิดามารดาควรจะรู้เกี่ยวกับผื่นแพ้ในเด็ก
แม้ว่าจะยังไม่มีการรักษาให้หายขาด แต่ว่าผื่นแพ้จะหายไปได้เองเมื่อเด็กโตขึ้น หรือขั้นต่ำก็มีอาการดีขึ้น
ผื่นแพ้มิได้เป็นโรคที่ถ่ายทอดกันในครอบครัว แต่ว่าสามารถเกี่ยวพันกับโรคภูมิแพ้บางจำพวกได้ ตัวอย่างเช่น โรคเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) และหอบหืด
ควรจะทาสารให้ความชื้นทับยาที่ทาไว้อีกชั้นในตอนที่อาการผื่นแพ้กำเริบเสิบสาน
ผู้ที่มีความชำนาญส่วนมากเสนอแนะให้เด็กอาบน้ำเป็นเวลา 10 นาที อย่างน้อยวันละครั้ง เพื่อช่วยอาจจะความชื้นของผิวหนัง ทำให้ผิวมีร่างกายแข็งแรง แล้วก็ทาสารให้ความชุ่มชื้นด้านใน 2-3 นาทีข้างหลังอาบน้ำ
เตรียมการสำหรับช่วงเวลาที่ผื่นแพ้อาจกำเริบเสิบสาน หรือห่วยลง ดังเช่น ในตอนหน้าหนาวที่อากาศในบ้านแห้ง ตอนหน้าร้อนที่เด็กบางทีอาจไปว่าย หรือไปถูกอากาศที่ร้อนเกินไปด้านนอกบ้าน
รอบคอบการรับเชื้อที่ผิวหนัง เพราะมักทำให้การรักษาผื่นแพ้ทำเป็นยากขึ้น แล้วก็บางทีอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพิ่มอีกจากยาสำหรับผื่นแพ้ตามปกติ
ถ้าอาการผื่นแพ้ไม่ดีขึ้นจากการดูแลรักษาเบื้องต้น ให้ไปพบกุมารแพทย์ผู้ที่มีความชำนาญด้านโรคผิวหนัง เพื่อขอร้อง แล้วก็คำเสนอแนะสำหรับในการรักษาถัดไป
ผื่นแพ้ในเด็กเป็นโรคที่พบบ่อย บิดามารดาไม่มีความจำเป็นที่ต้องวิตกกังวลกระทั่งเหลือเกิน เพราะเมื่อเด็กโตขึ้นอาการกลุ่มนี้จะเบาๆดีขึ้นเอง
 
แต่จะต้องดูแลผิวของเด็กอย่างเหมาะสม เป็นต้นว่า ทาสารให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำ เลี่ยงสาเหตุที่ทำให้อาการผื่นแพ้กำเริบเสิบสาน เมื่อเกิดอาการแพ้ให้รีบรักษาไม่ปลดปล่อยให้อาการรุนแรงขึ้น หรือมีลักษณะเรื้อรัง ก็จะสามารถช่วยทำให้สามารถควบคุมโรคผื่นแพ้ได้
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : [url]http://jarscalc.com[/url]

Tags : jarscalc,jarscalc.com,http://jarscalc.com



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ