Advertisement
ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุก ๆ ด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียน การคมนาคม โดยเฉพาะในเรื่องการทำงาน ไม่ว่าบริษัทไหนก็ล้วนแล้วนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ กับพนักงานเองก็เหมือนกัน อะไรที่จะบ่งบอกว่าคุณคือพนักงานของบริษัทนี้ แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นบัตรประจำตัว เพราะฉะนั้น ที่เราได้เห็นบัตรสวย ๆ ของหลาย ๆ หน่อยงาน ก็มาจากเจ้า “เครื่องพิมพ์บัตร” นี่ล่ะค่ะ หากใครกำลังลังเลว่าควรซื้อเครื่องพิมพ์บัตรแบบไหนดี ตามมาค่ะ เรามีทริคข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องพิมพ์บัตรมาฝากกัน
เครื่องพิมพ์บัตรคืออะไรเครื่องพิมพ์บัตร คือ เครื่องที่ใช้เทคโนโลยีสำหรับการพิมพ์บน PVC โดยเฉพาะ โดยใช้ความร้อนละลายหมึกเพื่อพิมพ์ลงบนบัตร เช่น บัตรพนักงาน บัตรประชาชน บัตร ATM บัตรโดยสารรถไฟฟ้า หรือบัตรสมาชิกต่างๆ
ประเภทของเครื่องพิมพ์บัตรโดยทั่วไปเครื่องพิมพ์บัตรที่ใช้สำหรับงานทั่วไป จะมีความละเอียดของหัวพิมพ์อยู่ที่ 300 dpi ซึ่งจะแบ่งประเภทของเครื่องพิมพ์บัตรตามลักษณะการทำงานของการพิมพ์ ได้ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
การพิมพ์แบบ Direct-to-Card (Thermal Transfer) เป็นการพิมพ์จากเครื่องพิมพ์บัตร โดยใช้ความร้อนจากหัวพิมพ์ สัมผัสกับหมึกแล้วพิมพ์ไปบนบัตรโดยตรง ซึ่งประเภทนี้ถือว่าเป็นยุคเริ่มแรกของการพิมพ์บัตรพลาสติก ซึ่งในขั้นตอนการพิมพ์นี้จะเป็นไปในรูปแบบ dye-sublimation ซึ่งเป็นวิธีการระเหิดสีโดยตรงลงไปบนเนื้อบัตร โดยการพิมพ์ประเภทนี้จะใช้เฉพาะตัวหมึกเท่านั้น และความละเอียดของหัวพิมพ์จะมีตั้งแต่ 300-600 dpi
เหมาะสำหรับ : บัตรที่ไม่มีการพิมพ์ภาพกราฟิกเต็มบัตร เนื่องการพิมพ์ประเภทนี้ หัวพิมพ์จะไม่สามารถวิ่งไปจนสุดขอบบัตรได้ เช่น บัตรประจำตัว มีชื่อและโลโก้
การพิมพ์แบบ Reverse Transfer (Retransfer)เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์บัตร ที่ถูกพัฒนาให้เหมาะสำหรับบัตรที่ต้องมีการพิมพ์ภาพกราฟิกเต็มใบ ซึ่งหัวพิมพ์จะไม่สัมผัสกับบัตรโดยตรง แต่ระบบจะพิมพ์ลงบนหมึกพิมพ์ก่อน แล้วจึงกดลงบนตัวบัตรโดยอาศัยความร้อนเป็นตัวกดรีด ทำให้ภาพที่ได้มีสีที่คมชัดและพิมพ์ได้เต็มขอบบัตร
เหมาะสำหรับ : บัตรที่ต้องการพิมพ์ภาพกราฟิกเต็มใบ และงานที่ต้องการความละเอียด ความคมชัดที่สูง ซึ่งความละเอียดของหัวพิมพ์อยู่ที่ 600 dpi
ปัจจัยในการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์บัตรหากคุณคิดที่จะซื้อเครื่องพิมพ์บัตรสักเครื่อง โดยทั่วไปแล้วคุณตัดสินใจจากอะไรกันบ้างคะ? และแท้ที่จริงแล้ว เราควรคำนึงถึงปัจจัยใดบ้างในการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์บัตร เราสรุปมาให้แล้วดังนี้
1. ความสามารถและความเร็วในการพิมพ์ความสามารถและความเร็วในการพิมพ์ขอ
2. ซอร์ฟแวร์และการเชื่อมต่อโดยมากสำหรับเครื่องพิมพ์บัตร เราจะนิยมใช้การเชื่อมต่อด้วย Wi – Fi มากกว่าการเชื่อมต่อด้วยสายเคเบิ้ล เพราะความสะดวกสบายมีมากกว่า ส่วนซอร์ฟแวร์ เราสามารถใช้ซอร์ฟแวร์รวมหรือซอร์ฟแวร์ที่ขัดทำขึ้นเฉพาะรุ่นก็ได้เช่นกัน
3. การเข้ารหัสสิ่งที่คุณควรรู้นอกเหนือจากปัจจัยภายนอกที่กล่าวมาในข้อที่แล้ว คือ ปัจจัยภายในอย่างเรื่องความปลอดภัย การเข้ารหัสสามารถช่วยคุณได้ โดยการเข้ารหัสของเครื่องพิมพ์บัตรก็มีมากมายหลายประเภท ส่วนที่นิยมใช้มากที่สุดคือ แบบแถบแม่เหล็ก แต่ก็ยังพบข้อจำกัดในการใช้งานอยู่เหมือนกันค่ะ อีกทั้งความทนทานก็ยังน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับประเภทอื่น ๆ นั่นคือสิ่งที่ผู้ซื้อจะต้องชั่งน้ำหนักให้ดีก่อน เพราะแต่ละประเภทล้วนมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน
4. การเคลือบในเครื่องพิมพ์บัตรบางรุ่นสามารถเคลือบบัตร ด้วยลามิเนตแบบอัตโนมัติได้เลย โดยที่ไม่ต้องหาเครื่องเคลือบแยกต่างหากให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นั่นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องพิมพ์บัตรสักเครื่อง
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว หากใครกำลังมองหาเครื่องพิมพ์บัตรดี ๆ และสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบถ้วน สามารถนำเอาทริคในการเลือกซื้อที่เรานำมาฝากไปปรับใช้กันดูได้นะคะ