ความสำคัญของ เรือกู้ภัย ครั้นเมื่อเกิดเหตุอุทกภัย ที่มีขึ้นกับตัวข้าพเจ้าครับผม

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความสำคัญของ เรือกู้ภัย ครั้นเมื่อเกิดเหตุอุทกภัย ที่มีขึ้นกับตัวข้าพเจ้าครับผม  (อ่าน 23 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Jeatnarong9898
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 24436


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2016, 07:34:34 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

ถ้าบอกกันถึงเรื่องของเหตุภัยพิบัติธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง อุทกภัย วาตะภัย ในประเทศไทยนั้น ล้วนแล้วเกิดจากฝีมือของคนอย่างเราทั้งสิ้น แต่เหตุที่จะมีขึ้นได้บ่อยครั้งที่สุด พร้อมกับสร้างความลำบากได้บ่อยครั้งมากก็คงหลบหนีไม่พ้นเรื่องของน้ำท่วม หรือ อุทกภัยที่เกิดขึ้นตามชานเมือง หรือแม้แต่ในกรุงเทพฯ ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และเมื่อมีเหตุเกี่ยวกับอุทกภัยสิ่งที่จะช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และช่วยเหลือใครก็ตามได้ นั้นก็หนีไม่พ้นเรือกู้ภัย ที่ปฏิบัติภารกิจตั้งแต่ช่วยเหลือผู้พบอันตรายรวมไปถึงช่วยในเรื่องราวของการส่งข้าวสารของแห้ง ให้กับทางผู้ประสบภัยอีกด้วย หากสำหรับตัวผมเอง จะมาเล่าเรื่องประสบการณ์เกี่ยวกับเหตุอุทกภัย ที่เคยพบเจอมากับตัวเอง และได้รับการช่วยเหลือต่าง ๆ รวมถึง การแสดงถึงความเอื้อเฟื้อของคนไทยด้วยกันเองด้วยครับ เพราะว่าผมต้องบอกก่อนเลยว่า ถ้าวันนั้น ผมไม่ได้เพื่อน ๆ และทีมกู้ภัยมาช่วยป่านนี้ครอบครัวผมคงแย่ไปแล้วครับ
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่ กรุงเทพฯ น้ำท่วม เพื่อนๆ คงจะกันได้นะครับ เมื่อราวๆปี 2554 ได้ คือ ณ ตอนแรกที่น้ำจะล้นเนี่ย เราก็ได้ยินข่าวสารมาบ้างแล้ว ว่ามีน้ำท่วมจากทางตอนเหนือ ไหลลงมาสู่ กทม โดยก่อนจะมาถึงที่อยู่อาศัยผมนั้น ทางตอนเหนือก็ได้มีอุทกภัยมาก่อนแล้ว ผมดูจากโทรทัศน์ ก็เห็นพี่น้องช่วยเหลือกันมาก ทั้งเอาเรือกู้ภัย ไปคอยช่วยขนส่งให้กับผู้คนที่ประสบเหตุการณ์โดยในข่าว ก็มีบอกอยู่แล้ว ว่าน้ำจะไหลลงมา ยัน กรุงเทพฯ ซึ่งส่วนตัวผม ไม่ได้ให้ความสนใจอะไร เพราะคิดว่า มันค่อนข้างไกลตัว และอีกอย่าง กทม.แทบไม่เคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมร้ายแรงอะไร เต็มที่ก็น้ำท่วมขังจากฝนตกปรกติเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยและไม่คิดว่าจะมีวันท่วมมาถึงที่อยู่เราด้วย สักพักก็มีข่าวคราวว่าน้ำมาถึงอยุธยา ทีนี้ผู้คนก็เริ่มวุ่นวาย โดยผมบอกก่อนว่า บ้านผมอยู่แถว ๆ ดอนเมืองนะครับผมณ ตอนนั้น ผมก็ศึกษาเล่าเรียนอยู่ ม.รังสิต ก็เห็นมีประกาศมี ให้ระดมคนไปสนับสนุนกันทำฝายกั้นน้ำ บรรจุกระสอบทรายกัน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลผ่าน โดยตัวข้าพเจ้าเอง ก็ได้ไปช่วยและเริ่มเห็นน้ำว่า มีน้ำซึมออกมาตามท่อ ซึ่งในตอนแรก ก็ไม่ได้ขึ้นเร็วอะไรเลย แต่มันขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีลด ตัวผมเองก็เริ่มใจคอไม่ดีละ มาคุยกับที่บ้าน พวกคนในญาติพี่น้อง ก็ปรึกษากันว่า จะซื้อหาเรือกันดีไหม แบบที่มันเป็นละม้ายๆ เรือกู้ภัย เผื่อมันท่วมมาถึงบ้านเราจริง จะได้มีไว้ขนถ่ายคนในบ้าน และต้องบอกก่อนว่า บ้านผม มีตา ยาย ซึ่งมีอายุและแกเป็นคนที่หวงบ้านมาก แต่ในเวลานั้น น้ำยังมาไม่ถึงครับ เราได้แต่ปรึกษาหารือกัน ว่าถ้าสมมติมันมาถึงบ้านเราจริง เราจะเอายังไงกัน แต่ทางพ่อของผมเอง ก็ไม่ฟังและบอกว่า ถึงมันมา เดี๋ยวมันก็ลด ผมก็เลยไม่อยากโต้เถียงกับเขาครับ ก็รอดูต่อไป สักพักมีข่าวคราวว่า ฝายกั้นตรงจุดแถวม.รังสิต พัง น้ำทะลักเข้ามา ท่วมแถวอาณาบริเวณนั้นแล้ว ซึ่งบ้านของผม ก็อยู่ไม่ได้ห่างไกลจาก ม.รังสิตมากนัก ก็เลยเริ่มใจเต้นขึ้นมา ณ ตอนนั้น ยังคุยเล่น ๆ กับเพื่อนอยู่เลยครับ ว่าเห้ย บ้านน้ำเอ่อยัง เพื่อนบอกว่า เริ่มมีซึม ๆ ขึ้นมาจากท่อบ้างแล้ว ไอบ้านข้าพเจ้าก็เริ่มมีมาบ้าง แต่ไม่ได้เยอะอะไรมาก ตอนต้น ก็เลยบอกพ่อว่ามันเริ่มมาแล้วนะพ่อจะไปหาเรือกู้ภัยมาไว้ก่อนไหม เผื่อเอาไว้พาตาคุณยายออกไป ถ้ามันท่วมหนัก พ่อก็บอกว่า เดี๋ยวมันก็ลด พ่อท่านบอกว่า อาศัยที่ดอนเมืองมา 20 กว่าปี ไม่เคยเจอท่วมสูงเกินหัวเข่าเลย เต็มทีก็เกินเข่า และอีกอย่าง ดอนเมืองเป็นพื้นที่สูง น้ำมาไม่ถึงหรอก ถ้าไม่เช่นนั้น สนามบิน คงเจ๊งด้วยแล้ว โดยส่วนตัวผมก็ยังคงออกไปซื้อของตามปกติแต่ก็เริ่มเห็นบางบ้านมีการเตรียมเรือกู้ภัยเอาไว้บ้างแล้ว ที่นี้ก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้วครับเพราะในใจผมเองเนี่ย คิดว่า มันน่าจะมีโอกาสท่วม และพอสักพัก น้ำมันเริ่มท่วมจริง ๆ โดยมาจากท่อต่าง ๆ แทรกซึมขึ้นมาเรื่อย ๆ จนคนเริ่มอพยพหนีไปหมดแล้ว หมู่บ้านที่ผมอยู่นี้ เงียบเหงากันเลยทีเดียว ผมกับทางครอบครัว ก็ยังมีหวังว่ามันจะลด ก็หาเครื่องปั๊มน้ำ มาดูดน้ำจากบ้าน และก็ทำกระสอบทรายเอามากีดกันน้ำไว้ เพื่อปกป้องรักษาไม่ให้น้ำเข้าบ้าน แต่สุดท้าย มันก็เข้าบ้านจนได้ และเราก็ดูดน้ำจากข้างในออกข้างนอก เรื่อย ๆ ตลอดวันทั้งคืน โดยการสลับเวรกัน ช่วยกันดูเพื่อไม่ให้น้ำเข้าบ้านเรามากครับ แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่ไหวครับ น้ำขึ้นจนถึงต้นขาบนแล้ว และบ้านเรือนผมเป็นบ้านชั้นเดียว ก็เลยมาปรึกษากันใหม่ ว่าเราจะเอาไงกันดี เพราะว่ามันเริ่มท่วมขึ้น ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย และอีกอย่าง การถ่ายอะไรก็เริ่มลำบากมากขึ้น คุณพ่อเลยตัดสินใจ ทิ้งบ้านไว้ และให้พวกเราออกไป และหนีไปอยู่ ชานเมืองกันครับ แต่ปมปัญหาก็คือ น้ำมันท่วมสูงพอสมควร สำหรับคนแก่ ที่แข้งขาไม่ค่อยมีแรง เป็นอะไรที่ลำบากมากครับ และการเคลื่อนย้ายก็ลำบาก เพราะบ้านเราเป็นคนตัวใหญ่ จะให้แบกหามพวกท่านก็ไม่น่าจะไหวกันครับ ก็เลยตัดสินใจ ไปหาพวกให้บริการเรือกู้ภัย เพื่อมารับเราไปส่งในที่ ๆ น้ำยังล้นไม่ถึงครับ แต่อุปสรรคก็คือ หาไม่ได้เลยครับ เพราะโดยมากก็จะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และค่อนข้างจะมีราคาสูง อีกอย่างคือคนใช้บริการจำนวนมาก พวกที่ทำมาหากินทางนี้ ก็เลยชาร์จมูลค่ากันเต็มที่เลย ประเด็นก็คือ เราไม่ได้มีการเตรียมพร้อมสิ่งไรสักอย่าง เงินสดก็ไม่ได้กดไว้เลย คือไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเช่าเรือราคาแพงขนาดนี้ ตู้ ATM ก็ใช้งานไม่ได้ครับ ทีนี้เราก็ค่อนข้างจะจะเครียดกันมากและ เนื่องจากหาเรือให้เราอาศัยไม่ได้เลย และน้ำก็เริ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆๆ เลย แต่สุดท้าย เจอพวกจิตอาสาครับ คอยขี่เรือกู้ภัย รับส่งผู้ที่ประสบภัย ลอยผ่านเข้ามาในหมู่บ้านพอดี เพื่อน้ำข้างของมามอบให้สำหรับคนที่มีบ้าน 2 ชั้น และไม่ประสงค์จะออกไปไหน ผมก็เลยออกไปคุย และขอร้องพี่เขา ว่าช่วยไปส่งพวกผมหน่อย ประเดี๋ยวถ้าถึงที่ ที่น้ำท่วมไม่ถึงแล้ว จะรีบกดเงินมาให้ เขาก็บอกได้ ๆ ให้พวกเราขึ้นเรือไปครับ ผมนี้คือแบบดีใจมาก เพราะเราหมดหนทางแล้วจริง ๆ ณ ตอนนี้ ดีที่ได้เจอะเจอพวกพี่จิตอาสาพวกนี้ผ่านเข้ามาพอดี และพอเขานำพวกผมไปส่งเสร็จ พ่อผมกำลังจะไปรีบไปหาตู้ สำหรับกดเงิน มาเป็นการขอบคุณพี่เขา เขาบอกกลับมาว่า " ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รับ มีอะไรที่ช่วยเหลือกันได้ ก็ช่วยเหลือครับ ชาวไทยด้วยกันครับ " (แล้วก็ยิ้ม) ประโยคนี้ ทำให้ผมซึ้งใจมาก ๆ ในน้ำใจพี่ ๆ อาสาสมัครครับ แบบถ้าไม่ได้เรือกู้ภัยของพวกพี่เขา เราคงลำบากมาก ๆ แน่ ๆ และทำให้รู้ว่า คนไทยรักกัน และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จริง ๆ แถมยังช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยไม่หวังผลประโยชน์อะไรเลย
อย่างน้อยในเหตุที่เลวร้าย ก็แฝงไปด้วยความสัมพันธ์ดี ๆ ที่ทำให้เราได้รู้ว่า พวกเราคอยช่วยเหลือกันและกันในยามยากลำบากครับ ผมซึ้งใจกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่า มันจะไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไร สำหรับคนอื่น ที่ไม่ได้ประสบกับภัยน้ำท่วมนั้น คงมองว่า ผมโอเว่อร์หรือเปล่าแต่สำหรับผม มันคือความมีน้ำใจที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ครับ และทำให้ครอบครัวของผมผ่านพ้นวิกฤตนั้นมาได้ ยังไงก็ขอบคุณพวกพี่ ๆ จิตอาสากลุ่มนั้นมาก ๆ ครับ ถึงเขาอาจไม่ได้รับรู้ก็ตาม และเรื่องราวนี้ทำให้ผมคิดอยู่เสมอว่า หากมีใครที่ลำบากกว่าเรา และเราพอที่จะช่วยเหลือเขาได้ เราก็ควรจะช่วยเหลือเขานะครับผมเพราะอย่างน้อย ก็เป็นน้ำใจสำหรับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และจะทำให้โลกน่าอยู่ยิ่งขึ้นครับ
 

Tags : ขายเรือ,เรือยอร์ช,ตกปลาทะเล



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ