ปัญหาการจราจรคับคั่ง

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปัญหาการจราจรคับคั่ง  (อ่าน 263 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Borpitmaha
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: ธันวาคม 03, 2013, 02:07:59 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

ปัญหาการจราจรคับคั่ง



  ปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและเมืองใหญ่เช่นเชียงใหม่ นครราชสีมา ไม่ใช่แค่ปัญหาทางด้านเทคนิคที่จะแก้ได้ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ระบบควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่เป็นปัญหาทางเศรษฐกิจการเมืองที่สะท้อนให้เห็นภาพถึงโครงสร้างและปัญหาทั้งหมดของสังคมไทยทั้งหมด การที่รัฐบาลและผู้บริหาร กทม. ชุดไหนก็ตามยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้ สะท้อนให้เห็นถึงขีดความสามารถของคนไทยที่ยังไม่สามารถเข้าใจและไม่สามารถหาหนทางแก้ไขปัญหาการจราจรที่ต้นตนได้อย่างแท้จริง


    สาเหตุสำคัญที่สุดของปัญหาการจราจรติดขัด คือ มีการใช้รถส่วนตัวกันมากกว่าการขนส่งสาธารณะ ซึ่งไม่มีเมืองใหญ่ๆที่ไหนในโลกเขาทำกัน แม้แต่เมืองที่ประชาชนเขาจะรวยกว่า ซื้อรถยนต์ได้มากกว่าคนไทย แต่เขาก็ใช้การขนส่งสาธารณะเป็นหลัก ใช้รถส่วนตัวเฉพาะบางกรณีเท่านั้น การใช้รถส่วนตัวมาก ทำให้เปลืองพื้นที่ถนนมาก เมื่อเทียบกับการขนส่งสาธารณะ เช่น รถใต้ดิน รถไฟ รถเมล์ ที่ใช้พื้นที่ต่อคนน้อยกว่ารถส่วนตัวมากมายหลายเท่า

    สาเหตุที่คนกรุงเทพฯ และคนเมืองใหญ่ใช้รถส่วนตัวกันมากเป็นทั้งเรื่องค่านิยม และเนื่องมาจากไม่มีบริการขนส่งสาธารณะที่ดีพอ ทางจะแก้ไขปัญหาจราจรที่สำคัญที่สุดคือ จะต้องแก้ที่การขนส่งสาธารณะ แต่รัฐบาลในอดีตไม่ได้คิดเรื่องนี้จริงจัง เพราะพวกเขาเคยชินกับนั่งรถส่วนตัวจนไม่สนใจพัฒนาการขนส่งสาธารณะ ปัญหาอีกประการก็คือ มีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยและมีความคิดแบบปัดแข้งปัดขา ไม่อยากให้คนอื่นได้หน้าตาหรือได้ประโยชน์ โครงการขนส่งสาธารณะที่มีผู้เสนอขึ้นมาจึงมักถูกพับไว้เสมอเมื่อคนเคยเสนอหมดอำนาจ

    ในระยะสั้น 3-4 ปีข้างหน้า ก่อนที่โครงการขนส่งสาธารณะใหญ่จะแล้วเสร็จ รัฐบาลและ กทม. ควรเน้นการปรับปรุงการขนส่งสาธารณะที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน คือ รถเมล์ รถปรับอากาศ รถไฟ เรือ อย่างเร่งด่วน ทำให้มีหลายเส้นทาง หลายรูปแบบมีจำนวนมากขึ้นคุณภาพดีขึ้น และให้สิทธิพิเศษการขนส่งสาธารณะมากกว่ารถส่วนตัว รัฐบาลควรจะเก็บภาษีใช้รถใช้ถนนสำหรับรถยนต์ในกรุงเทพฯ และปริมาณฑลให้สูงขึ้นหลายเท่าตัว เพื่อจะได้สกัดกั้นการใช้รถส่วนตัวและจะได้นำเงินจำนวนนี้ไปพัฒนาและแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯและปริมณฑล ไม่ใช่เอาเงินภาษีทั่วไปจากประชาชนทั้งประเทศมาสร้างและปรับปรุงถนน สะพาน ฯลฯ ในกรุงเทพฯเพื่อสนับสนุนคนใช้รถส่วนตัวมากขึ้น และรถติดมากขึ้นอย่างที่เป็นอยู่

    การจะทำให้การใช้รถส่วนตัวในเขตกรุงเทพฯชั้นใน ซึ่งจราจรติดจัดมากลดลงมีทางทำได้หลายทาง เช่น ตั้งด่านเก็บค่าผ่านเข้าเมืองชั้นใน โดยให้มีการจ่ายแบบรายปี รายเดือนหรือคูปองได้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาตรงด่านเก็บเงินกันมาก นอกจากนั้นก็ควรขึ้นราคาที่จอดรถให้สูงขึ้น บังคับห้ามจอดรถริมถนนตามถนนชั้นใน รวมทั้งถนนที่มีการจราจรหนาแน่นอื่นๆ จะเป็นการบีบทางอ้อมให้คนใช้รถน้อยลงได้บ้าง แต่ทั้งนี้ก็ต้องปรับปรุงการขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ รถปรับอากาศ รถไมโครบัส รถตู้ให้ดีขึ้นมีมากสาย มีจำนวนรถมากขึ้น มาบ่อยขึ้น และการบริการดีขึ้น รวมทั้งควรจัดให้มีรถเมล์เล็ก รถตู้ ฯลฯ แล่นถึงหมู่บ้าน ตามตรอกซอยที่มีคนอยู่หนาแน่นให้ทั่วถึง เพราะปัญหาหนึ่งที่คนต้องใช้รถส่วนตัวกันมากก็เพราะบ้านอยู่ตามชานเมือง ซึ่งรถเมล์เข้าไม่ถึง

    ปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ สะท้อนปัญหาสังคมไทยอีกอย่าง คือ เป็นสังคมของคนรวยส่วนน้อย ที่นั่งในรถส่วนตัวคันละ 1 – 2 คน และคนจนส่วนใหญ่ที่ต้องห้อยโหนแออัดยัดเยียดในรถเมล์ ซึ่งใช้เวลารอนานกว่าจะแย่งขึ้นได้ คนรวยมีเงินซื้อรถส่วนตัว  มีอำนาจต่อรองสูง ใช้ถนนได้ฟรีหรือเกือบฟรี ส่วนการที่สังคมมีคนจนขึ้นรถเมล์มาก ก็ทำให้การปรับราคารถเมล์ทำได้ลำบาก รถเมล์ก็เลยไม่สามารถพัฒนาได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการบริหารแบบรัฐวิสาหกิจที่ขาดประสิทธิภาพด้วย

    ทางแก้คือ รัฐบาลควรเก็บภาษีค่าธรรมเนียมการใช้รถใช้ถนนของรถส่วนตัวมากขึ้นและใช้สิทธิพิเศษลดหย่อนด้านภาษี ค่าธรรมเนียมรถสาธารณะมากขึ้น เปิดโอกาสให้การขนส่งสาธารณะปรับราคา เพื่อนำไปสู่การปรับคุณภาพได้ โดยรัฐบาลอาจต้องให้เงินอุดหนุนคนจนและนักเรียนที่ต้องอาศัยรถเมล์ไปทำงานและโรงเรียน ให้จ่ายค่าโดยสารในราคาต่ำหน่อยในระยะ 2-3 ปีแรก เช่น ซื้อเป็นตั๋วเดือน คูปอง ฯลฯ ในระยะยาวก็ต้องแก้ปัญหาการกระจายรายได้ให้เป็นธรรมมากขึ้น คนจนจะได้มีรายได้มากขึ้น จะได้เสียค่ารถเมล์และรถสาธารณะอื่นๆสูงขึ้นได้

    สิ่งที่รัฐบาลและผู้บริหาร กทม.น่าจะทำอีกอย่าง คือ ทำทางรถจักรยาน ปลูกต้นไม้สองข้างทางให้คนใช้รถจักรยานได้แบบในเนเธอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ  จะทำให้ประหยัดค่าน้ำมัน ลดอากาศเป็นพิษ คนมีสุขภาพดีขึ้น ส่วนรถมอเตอร์ไซต์น่าจะหาทางจำกัดจำนวน ควบคุมความเร็ว เน้นให้แล่นเฉพาะในซอยขนาดเล็กที่ไม่มีรถรับส่งสาธารณะ เพราะปัจจุบันมอเตอร์ไซต์เพิ่มจำนวนมาก เฉพาะในกรุงเทพฯ ก็หลายล้านคัน มอเตอร์ไซต์ทำให้อากาศเป็นพิษและเกิดอุบัติเหตุมาก การขนส่งทางน้ำก็น่าจะเร่งส่งเสริมพัฒนาให้ได้มากกว่านี้ โดยต้องดำเนินการให้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

    การประกาศให้โรงเรียน และธนาคาร เปิดและเลิกในเวลาต่างกันนิดหน่อยอย่างที่ทำอยู่ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการจราจร ถ้าจะแก้ให้ได้จริงต้องให้เวลาโรงเรียนและสถานที่ทำงานขนาดใหญ่ทุกประเภทเหลื่อมเวลากันมากๆ เช่น แห่งหนึ่งเข้า 7 โมง อีกแห่งเข้า 10 โมงหรือแบ่งเป็นภาคเช้า ภาคบ่ายไปเลย หรือจะให้ดีกว่านั้นก็คือ อย่าหยุดเสาร์อาทิตย์พร้อมกันให้สถานที่ทำงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจเอกชนและสถาบันการศึกษาต่างคนต่างมีวันหยุดที่ต่างกันไป สำหรับวันหยุดประจำภาคของสถาบันการศึกษา ควรจะหยุดหน้าฝนมากกว่าหยุดหน้าร้อนตามแบบฝรั่ง ในต่างจังหวัดเด็กนักเรียนที่ได้หยุดหน้าฝน ก็จะได้ช่วยพ่อแม่ทำการเกษตร ในเมืองเองการเดินทางหน้าฝนรถก็มักจะติดมากกว่าในช่วงที่ฝนไม่ตก รวมทั้งไปโรงเรียนหน้าฝน เด็กก็มีโอกาสเป็นหวัดได้ง่าย

    การพัฒนาให้โรงเรียนและสถาบันการศึกษา มีคุณภาพใกล้เคียงกันทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศก็เป็นสิ่งจำเป็น จะทำให้คนอยากเรียนโรงเรียนใกล้บ้านโดยไม่ต้องเดินทางไกล รวมทั้งนักเรียนนักศึกษาในต่างจังหวัดก็จะได้เลือกเรียนในต่างจังหวัดได้ การที่สถาบันการศึกษาดีๆ กระจุกตัวในกรุงเทพมาก ทำให้คนรวยคนชั้นกลางส่งลูกหลานมาแออัดยัดเยียดอยู่กันในกรุงเทพฯมาก คนเหล่านี้ก็มักมีเงินซื้อรถให้ลูกที่เป็นนิสิตนักศึกษาขับด้วย ทำให้การใช้รถเก๋งส่วนตัวในกรุงเทพฯ มีมากขึ้นอีก

    ปัญหาการจราจรคับคั่งในกรุงเทพฯ สะท้อนให้เห็นว่าความเจริญทางเศรษฐกิจรวมศูนย์ที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมากไป คนชั้นกลางชั้นสูงใช้รถส่วนตัวกันมาก การจะแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯและปริมณฑล ต้องเชื่อมโยงกับการแก้ไขนโยบายพัฒนาประเทศให้มุ่งกระจายการพัฒนาสู่ต่างจังหวัดและพัฒนาเพื่อคนจนมากขึ้น ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเทคนิคการจราจรเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะแก้ไม่ได้ผลแล้วยังต้องใช้งบประมาณสิ้นเปลืองมากขึ้น ทำให้มีงบประมาณเหลือไปช่วยต่างจังหวัดลดลงอีก กลายเป็นปัญหางูกินหางไม่รู้จบสิ้น

 

ที่มา …จาก
วิทยากร เชียงกูล – ปฏิรูปการเมือง.– กรุงเทพฯ : มิ่งมิตร, 2540.


ที่มา : http://bangkokrides.com/article/article20.html


 



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ