Advertisement
ความแข็งขอ
เมื่อพูดถึงเรื่องของคุณลักษณะและราคาของอัญมณีที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็น สร้อย แหวน กำไล ซึ่งใช้เพื่อความสวยงามหรือบางคนอาจจะชอบซื้อเก็บไว้เป็นสมบัติเพื่อไว้ขายต่อในอนาคตนั้น สิ่งที่ควรจะมีความรู้ติดตัวไว้ก็คือเรื่องของความแข็งนั่นเอง ซึ่งความแข็งนี้ถือเป็นองค์ประกอบหลักที่จะทำให้เครื่องประดับชิ้นนั้น ๆ มีราคาสูงหรือมีราคาต่ำก็เนื่องจากส่วนประกอบและคุณสมบัติข้อนี้เป็นสำคัญ
ก่อนที่จะทราบว่าอัญมณีประเภทไหนมีความแข็งมากกว่ากัน ก่อนอื่นต้องทราบและมีความเข้าใจถึงความหมายของคำว่าความแข็งกันเสียก่อน ความแข็ง นั้นก็คือความทนต่อการขีดข่วนให้เป็นรอย ซึ่งในปัจจุบันได้มีมาตรฐานการวัดความแข็งของแร่ชนิดต่าง ๆ ได้โดยการใช้มาตรฐานการวัดของโมหส์ หรือที่เรียกว่า Moh’s Scale โดยมีมาตรฐานการวัดเริ่มจากหน่วย 10 ซึ่งเป็นหน่วยที่มีความแข็งแรงมากที่สุดไปจนถึง 1 ซึ่งเป็นหน่วยของความแข็งที่น้อยที่สุด และเมื่อเปรียบเทียบค่าความแข็งของอัญมณีประเภทต่าง ๆ ซึ่งเรียงลำดับจากประเภทที่มีความแข็งแรงที่สุดจาก 1 - 10 นั้น สามารถเรียงลำดับได้ดังนี้คือ เพชร ซึ่งที่มีความแข็งแรงที่สุด คือมีความแข็งในระดับ 10 รองลงมาที่ความแข็งระดับ 9 ก็คือคอรันดัมซึ่งก็มีพลอยซึ่งจัดเป็นกลุ่มของรัตนชาติได้แก่ทับทิมและแซฟไฟร์นั่นเอง ส่วนความแข็งในอันดับ 8 คือ โพแทส ซึ่งเป็นแร่ไม่ได้นำมาทำเป็นเครื่องประดับแต่เป็นแร่ที่นิยมนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการเกษตรอย่างการผลิตปุ๋ยเป็นหลัก ความแข็งระดับ 7 คือ ควอทซ์ หรือที่ภาษาไทยรู้จักกันในนามของแร่เขี้ยวหนุมาน ซึ่งเป็นแร่ที่ถูกขุดพบมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มีคุณสมบัติทั้งแบบโปร่งแสงไปจนถึงทึบแสง และมีสีสันมากมายหลากหลายสี ความแข็งระดับ 6 คือ ออร์โธเคลส ซึ่งนิยมนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบ ความแข็งระดับ 5 คือ อะพาไนท์ ซึ่งเป็นแร่ที่มีลักษณะเป็นผลึกรูป 6 เหลี่ยมและพบได้ทั่วไปในแหล่งแร่ดีบุก ความแข็งระดับ 4 คือ ฟลูออไรท์ หรือที่เรียกว่าหินสี ความแข็งระดับ 3 คือ คาลไซต์ที่นิยมนำมาเป็นเครื่องประดับและหินมงคล ความแข็งระดับ 2 คือยิปซัม ซึ่งนอกจากจะนำมาใช้ในงานก่อสร้างแล้วยังนำมาใช้ออกแบบเป็นเครื่องประดับได้อีกด้วย และความแข็งน้อยที่สุดในระดับ 1 คือทัลค์ หรือที่เรียกกันว่าหินสบู่นั่นเอง
นอกจากความแข็งแล้วยังมีคุณสมบัติเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นตัววัดคุณภาพและราคาของเครื่องประดับเหล่านี้ ได้แก่ ความเหนียว ซึ่งหมายถึงความคงทนต่อการแตกหรือแยกออกเมื่อถูกความกดดัน รวมถึงความทนทาน ซึ่งหมายถึงความคงทนต่อสารเคมีที่มีผลทำให้โครงสร้างของแร่หรือเครื่องประดับเหล่านั้นชำรุดหรือแตกสลาย เช่น สารเคมีประเภทกรด แอลกอฮอล์ หรือสารเคมีที่เป็นส่วนผสมของน้ำหอม เป็นต้น
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
รับซื้อเพชรขอบคุณบทความจาก :
[url]http://www.xn--b3cb6bcw0af2a9at5b0e5fk2j.com/[/url]
Tags : รับซื้อแหวนเพชร