สัตววัตถุ เเรด

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ เเรด  (อ่าน 9 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
parple1199
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 67

ยินดีที่ได้รู้จกทุกคน


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2017, 10:31:34 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


เเร[/size][/b]
แรดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกลุ่มหนึ่ง จัดอยู่ในสกุล Rhinocerotidae เป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์  ทั่วโลกมีสัตว์พวกนี้เหลืออยู่เพียง  ๕  ชนิด  เป็นแรดที่เจอในทวีปเอเชีย  ๓  จำพวก คือ กระซู่ แรดชวา แล้วก็แรดประเทศอินเดีย พบในทวีปแอฟริกา ๒ จำพวกเป็นแรดขาวแล้วก็แรดดำ
ชีววิทยาของแรด
๑.กระซู่
มีชื่อวิทยาสาสตร์ว่า Dicerorhinus sumatrensis (fischer)
มีชื่อสามัญว่า asian two-horned  rhinoceros  หรือ  Sumatran  rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่ หมายถึง มีเล็บ  ๓  เล็บ  ทั้งยังเท้าหน้าและก็เท้าหลัง  มี  ๒  นอ  เมื่อโตเมที่มีความสูงที่ไหล่  ๑-๑.ค๐  เมตร  น้ำหนักราว  ๑  ตัน  มีหนังหนาและมีขนปกคลุมทั่วตัวโดยยิ่งไปกว่านั้นในตัวที่แก่น้อย  ขนนี้จะน้อยลงเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น  โดยธรรมดาลำตัวสีเทาคล้ายสีขี้เถ้าหรือสีน้ำตาลเข้ม  ข้างหลังของลำตัวมีรอยพับของหนังเพียงแต่พับเดียวอยู่ที่รอบๆข้างหลังของขาคู่หน้า  กระซู่อีกทั้ง  ๒  เพศมมีนอ  ๒  นอ  นอหน้ายาวราว  ๒๕  ซม.  ส่วนนอหลังมักยาวไม่เกิน  ๑๐  ซม.  หรืออาจเป็นเพียงแต่ตุ่มนูนขึ้นมาในตัวเมียกระซู่เป็นสัตว์ที่ปีนป่ายเขาเก่ง  มีประสาทรับกลิ่นดีเยี่ยม  ทำมาหากินช่วงเวลากลางคืน  รับประทานใบไม้  กิ่งไม้  รวมทั้งผลไม้ป่าเป็นของกิน  เหมือนเคยใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว  ยกเว้นในฤดูสืบพันธุ์  หรือช่วงที่ตัวเมียเลี้ยงลูกอ่อน  คลอดลูกทีละ  ๑  ตัว  ระยะท้อง  ๗-๘  เดือน  มีอายุยืน  ๓๒  ปี
กระซู่มีเขตการกระจายพันธุ์ตั้งแต่รัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย   รวมทั้งในบังกลาเทศ  เมียนมาร์  ไทย  เวียดนาม  มาเลเซีย  และอินโดนีเซีย  มักอาศัยตามชายเขาสูงที่มีหนามรกทึบ  แต่ว่าลงมาอยู่ในป่าที่ราบต่ำส่วนปลายฤดูฝน  ซึ่งมักมีปลักและก็น้ำอยู่ทั่วไป  ในขณะนี้กระซู่จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนประเภทหนึ่งใน  ๑๕  ประเภทของไทย
๒. แรดชวา  (เขมรเรียกระมาด)
มีชื่อวิทยาศาสตร์  Rhioceros  sondaicus  Desmarest
มีชื่อสามัญว่า  lesser  one-horned  rhinoceros  sinv  Javan  rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่ หมายถึง มีเล็บ  ๓  เล็บ  อีกทั้งเท้าหน้ารวมทั้งเท้าหลัง  มีนอเดียว  เมื่อโตเต็มที่มีความสูงที่ไหล่  ๑.๖๐-๑.๘๐  เมตร  น้ำหนักตัว  ๑.๕-๒  ตัน  มีหนังดกรวมทั้งมีขนขึ้นห่างๆ ลำตัวสีเทาออกดำ  ข้างหลังของลำตัวมีรอยพับของหนัง  ๓  รอย  ตรงแถวๆหัวไหล่  ข้างหลังของขาคู่หน้า  แล้วก็ด้านหน้าของขาคู่ข้างหลัง  แรดเพศผู้มีนอเดียว  มีความยาวไม่เกิน  ๒๕  ซม.  ส่วนตัวภรรยานั้นมองเห็นเป็นเพียงแต่ตุ่มนูนขึ้นมา แรดชวาเคยเป็นสัตว์ที่หากินอยู่รวมกันเป็นฝูง  แม้กระนั้นเดี๋ยวนี้เจอหาเลี้ยงชีพโดดๆ หรืออยู่เป็นคู่ในฤดูสืบพันธุ์  กินใบไม้  ก้านไม้  และผลไม้ป่าที่หล่นอยู่บนพื้นดินเป็นอาหาร  ออกลูกครั้งลพ  ๑  ตัว  ระยะตั้งครรภ์นาน  ๑๖  เดือน มีเขตผู้กระทำระจายจำพวกตั้งแต่ในประเทศบังกลาเทศ  เมียนมาร์  ไทย  เวียดนาม  เขมร  มาเลเซีย  และก็อินโดนีเซีย  มักพบในป่าดงดิบชื่นที่มีน้ำสมบูรณ์บริบูรณ์  หรือป่าทึบริมฝั่งสมุทร  โดยมากทำมาหากินอยู่ตามป่าที่ราบ  ไม่เจออยู่ตามเทือกเขาสูง  ตอนนี้แรดชวาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน  ๑๕  ประเภทของไทย
๓. แรดอินเดีย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Rhinoceros  unicornis  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า  Indian  rhinoceros
เป็นแรดใหญ่จำพวกนอเดียว  สูงราว  ๒  เมตร  หนัก  ๒-๓  ตัน  ตามตัวมีหนังหนาคล้ายโล่ที่ไหล่  ที่ก้น  หนังเป็นปุ่มนูนกลมเห็นได้ชัด  ไม่มีขนมากนักนอกจากที่ขอบหูแล้วก็ปลายหาง  มีหนังพับผ่านข้างหลัง  ๒  แห่ง หมายถึง ที่ข้างหลังของไหล่และก็ที่ด้านหน้าของสะโพก  แต่ไม่มีพับหนังผ่านคอ  หางสั้นอยู่ในหลืบพักของตะโพก  ตั้งครรภ์นานราว  ๑๙  เดือน  อายุยืนราว  ๕๐  ปี  แรดประเทศอินเดียอาศัยอยู่ในป่าลุ่มริมแม่น้ำ  เคยพบได้ทั่วไปในช่องเขาแม่น้ำสินธุ  ที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคา  หุบเขาแม่น้ำพรหมบุตร  รวมทั้งรอบๆเชิงเขาหิมาลัยตั้งแต่ประเทศปากีสถานถึงรัฐอัสสัมอินเดีย
๔. แรดขาว
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Ceratotherium  simum  Burchell
มีชื่อสามัญว่า  white  rhinoceros  หรือ  square-lipped  rhinoceros
มีขนาดใหญ่กว่าแรดอื่นๆ สูงราว  ๑.๖๐-๒  เมตร  ขนาดวัดจากหัวถึงโคนหาง  ๓.๖๐-๕  เมตร  หนัก  ๒.๓ – ๓  ตัน  มีนอ  ๒  นอ  นอหน้ายาวราว  ๖๐  เซนติเมตร  แต่บางตัวนอยาวถึง  ๑.๕๐  เมตร  หัวยาว  ปากกว้าง  หูยาวกว่าแรดดำ  รวมทั้งปลายหูแหลม  หน้าผากลาด  แล้วก็มนกว่าแรดดำ  หัวไหล่นูนเป็นก้อน  ผิวหนังเป็นตุ่มนูนน้อยกว่าแรดดำ  ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองหรือสีเขา  ผิวหนังทั่วตัวไม่มีขน  นอกจากขนที่ปลายหูรวมทั้งขนหาง  ริมฝีปากบนมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส  แรดประเภทนี้ชอบกินหน้ามากยิ่งกว่าใบไม้  มีหัวยาวเพื่อให้ก้มลงรับประทานหญ้าได้ง่าย  บนไหล่มีโหนกสูง  มีจมูกดี  แต่ตาและหูไม่ดี  ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ ราว  ๔—๕  ตัว  แต่ว่าบางทีอาจพบได้ถึงฝูงละ  ๑๘  ตัว  ไม่ดุมากแรดขาวเคยอาศัยอยู่บริเวณภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา  บริเวณซอกเขาลุ่มแม่น้ำไนล์  แต่ในขณะนี้ได้สูญพันธุ์ไปจากรอบๆนี้  เจอในแอฟริกากึ่งกลางบริเวณทะเลสาบชาดกับแม่น้ำไนล์ขาว  และในแอฟริกาใต้  ทางตอนใต้ของแม่น้ำออเรนจ์ไปทางด้านตะวัยตก  จนถึงภาคทิศตะวันออกของประเทศนามิเบีย  แรดขาวโตถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ  ๗-๑๐  ปี  ตั้งครรภ์นาน  ๑๘  เดือน  เป็นปกติคลอดลูกเพียงตัวเดียว  เมื่ออายุ  ๑ เดือนก็เดินตามแม่ได้แล้ว  อายุ   ๑  อาทิตย์เริ่มรับประทานหญ้า  แก่ยืน   ๓๐-๔๐  ปี
๖.แรดดำ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Diceros  bicornis  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า  hook-lipped rhinoceros  หรือ   African  black  rhinoceros
เป็นแรดที่มีรูปร่างใหญ่   เทอะทะหนังหนา  สีน้ำตาลอ่อนคละเคล้าเทาหรือเทาแก่   ตามลำตัวไม่มีขน  ยกเว้นบริเวณใบหูแล้วก็ปลายหาง  ไม่มีต่อมเหงื่อ  ตาเล็ก  ริมฝีปากบนเป็นติ่งหรือจะงอยแหลมนิดหน่อย  ยืดหดได้  ใช้รั้งกิ่งไม้เข้าปากได้  มี  ๒  นอ  นออันหน้าใหญ่และก็ยาวกว่าอันหลัง  หางสั้น  แข็ง  ใบหูกลม  ไม่มีอีกทั้งฟันตัดและฟันเขี้ยว  เท้ามี  ๓  เล็บ  ขนาดลำตัวยาวราว  ๓.๓๐  เมตร  ความสูงถึงไหล่ราว  ๑.๗๐  เมตร  น้ำหนักราว  ๒  ตัน  ตัวเมียมีเต้านม  ๒  เต้า  เป็นปกติแรดดำถูกใจอยู่ตัวผู้เดียว  จะอยู่เป็นคู่เฉพาะในขณะผสมพันธุ์  ออกหากินช่วงเวลาค่ำคืน  ชอบหากินตามทุ่งหญ้าและบริเวณชายป่า  เกลียดชังเข้าไปหากินในป่าลึก  นิสัยดุ  หูและจมูกไว  แรดดำโตเป็นหนุ่มสาวพร้อมผสมพันธุ์ได้เมื่อแก่ราว  ๗  ปี  ท้องนาน  ๑๕-๑๖  เดือน  ออกลูกทีละ  ๑  ตัว  ลูกแรดรับประทานนมแม่อยู่นานราว  ๒  ปี  และก็อยู่กับแม่นาน  ๓-๔  ปี แรดที่เจอในบ้านพวกเรามีเพียง  ๒  ประเภทแรก เป็น  กระซู่และก็แรดชวา

[url=http://www.disthai.com/]คุณประโยชน์ทางย[/size][/b]
แพทย์แผนไทยเคยใช้นอแรดเข้ามาเป็นเครื่องยาในยาโบราณหลายขนาน  แต่ว่าในปัจจุบันใช้ลดลง  เพราะหายากแล้วก็มีราคาแพง นอแรดเป็นสิ่งแข็งเสมือนเขาสัตว์  ตัน  แตกหน่อขึ้นมาเหนือจมูกของสัตว์พวกแรด  นอแรดที่ดีควรมีผิวนอกดำไหม้  สีค่อยจางไปที่โคน  จนเป็นสีเทาอมน้ำตาล  เนื้อในมีสีเทาปนขาว  มีจุดสีเทาดำ  ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า  นอแรดมีกลิ่นหอมเย็น  ไม่คาว  มีรสเปรี้ยวเค็มเย็น  มีคุณประโยชน์แก้ไข้สูง  แก้พิษร้อน  แก้อ้วกเป็นเลือด  แก้ถ่ายเป็นเลือด  เป็นยาระงับประสาท  โดยใช้บดเป็นผงผสมกับน้ำกิน  เป็นยาขมเจริญอาหาร  แก้อาการเกร็งเพื่อเป็นการสงวนสัตว์เหล่านี้ไว้  ก็เลยไม่ควรใช้หรือช่วยเหลือให้ใช้  เครื่องยาที่ใช้แทนกันได้คือเขากระบือ  (ควาย)  แต่จะต้องใช้ในปริมาณมากกว่าหลายเท่า



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ