Advertisement
ครีม v2 มอยส์เจอร์ไรเซอร์ มีความสำคัญในการรักษาความชื้นให้ผิว แม้ผิวมนุษย์เราจะผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้เองหากแม้ตอนนี้มีสินค้าสำหรับการบำรุงผิวมากมายก่ายกองกมายที่มีองค์ประกอบไม่เป็นมิตรกับผิว มีฤทธิ์ระคายทำให้ผิวอ่อนแอและก็ผลิตมอยส์เจอร์ไรเซอร์ได้ลดลง การบำรุงผิวโดยพิจารณาถึงองค์ประกอบของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็เลยมีความจำเป็นเช่นเดียวกัน บางคนหน้ามันแล้วกลัวว่าถ้าหากว่าใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์จะมีผลให้ผิวยิ่งมันครีม v2เป็นความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกนัก เนื่องจากมอยส์เจอร์ไรเซอร์มีหลายประเภทสามารถเลือกใช้ให้ตรงกับภาวะผิวได้
ต้องการมีผิวสวย โปรดอ่านนี้ก่อน
หนังกำพร้าสุด (stratum corneum หรือชั้นคราบไคล) เป็นชั้นที่พวกเราดูเห็นด้วยสายตา ในสายตาคนที่อยู่รอบข้างหรือตอนพวกเราส่งกระจก ผิวพวกเราจะมองแห้ง ขาดเลือดฝาด ไม่สดชื่นหรืองาม สังกัดความสมบูรณ์ของชั้นนี้เป็นหลัก อยากได้ให้ผิวมองดูงามในสายตาคนดู ก็จำต้องมารีบทำให้ผิวชั้นไคลบริบูรณ์กันจ้ะ
ศัพท์ที่จะเจอในบทความนี้
Epidermis : ผิวหนังชั้นนอกสุด ภาษาไทยเรียกว่าชั้นผิวหนังชั้นนอกมี 5 ชั้นย่อย
stratum corneum : ชั้นไคล เป็นชั้นย่อยชั้นนอกสุดชองชั้นหนังกำพร้า
Corneocyte : เซลล์ในชั้นไคล มีการเรียงหน้าเป็นชั้นๆโดยประมาณ 25-30 ชั้น บางตำราเรียนเรียก Corneocyte ว่าhorny cell
Brick and Motar Model : แบบจำลองการเรียงตัวเป็นชั้นๆของเซลล์ Corneocyte
Keratinocyte : เป็นคำรวมๆที่ใช้เรียกเซลล์ผิวทั้งผองของชั้นepidermis เพราะเซลล์ผิวในชั้นผิวหนังชั้นนอกจะมี keratinเป็นส่วนประกอบภายใน ทำให้ทุกเซลล์ในชั้น Epidermis ขึ้นชื่อว่าเป็น keratinocyte ทั้งหมด
NMFs : ย่อมาจาก Natural moisturizing factors เป็นสารประกอบหนึ่งที่อยู่ด้านในเซลล์ Corneocyteทำหน้าที่เก็บน้ำรวมทั้งรักษาความชื้นให้ผิวหนัง ภาษาไทยเรียก NMFsว่า "น้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ"
Intercellular lipids : ชั้นไขมันกันระหว่างเซลล์Corneocyteทำหน้าที่ปกป้องไม่ให้ NMFs ข้างในเซลล์ Corneocyte รั่วออกมาด้านนอก บางแบบเรียนเรียกIntercellularlipids ว่า intercellular matrix หรือ Lipidbarrier
Sebaceous gland : ต่อมไขมันที่ทำหน้าที่ผลิตน้ำมัน(sebum) มาฉาบผิว
TEWL : ย่อมาจาก Transepidermal Water Loss เป็นการสูญเสียน้ำผิวผ่านชั้น Epidermis ยิ่ง TEWL มีค่าสูงหมายความว่ายิ่งมีการสูญเสียน้ำมากไม่น้อยเลยทีเดียว
องค์ประกอบผิวหนังชั้นคราบไคล (stratumcorneum)
ชั้น stratum corneum มีการเรียงตัวของเซลล์corneocyte อย่างเรียบร้อยเป็นชั้นๆประมาณ25-30 ชั้น โดยมีintercellular lipidsเป็นตัวประสานล้อม แบบเรียนฝรั่งได้เรียกการเรียงหน้าอย่างนี้ว่าBrick and Motar Model ภาพการเรียงตัวของก้อนอิฐที่ก่อด้วยปูน Brick and Motar Model
Brickหมายความว่าก้อนอิฐ Motarมีความหมายว่าปูนภาพจำลองการจัดเรียงตัวของเซลล์ corneocyte เป็นชั้นๆโดยมีintercellularlipids เป็นตัวผสานซึ่งมีลักษณะเหมือนการเรียงตัวของอิฐที่ก่อด้วยปูนก็เลยถูกเรียกว่า Brick and Motar Model อิฐแต่ละก้อน เทียบเคียงได้กับเซลล์ corneocyte
ข้างในเซลล์ corneocyte มี NMFs ครีม v2ทำหน้าที่รักษาระดับน้ำด้านในเซลล์
NMFs ที่หลักๆเป็นAmino acids, PCA รวมถึงน้ำตาลGlucose
NMFs เป็นสารที่เซลล์ชั้นผิวหนังชั้นนอกสามารถสร้างขึ้นได้เองในตอนที่มีการเติบโตเป็นเซลล์เต็มวัย (keratinocytedifferentiation)
แม้มีต้นสายปลายเหตุใดไปก่อกวนการเจริญเติบโตของเซลล์keratinocyteก็จะมีผลให้ NMFs ถูกทำลดน้อยลง แล้วก็ส่งผลถึงความชื้นของชั้น stratumcorneum
ปูนผสาน เปรียบได้กับIntercellular lipids
เป็นตัวยึดเหนี่ยวเซลล์ ให้เรียงกันอย่างแน่นหนาแล้วก็เป็นระเบียบเรียบร้อย
Intercellular lipids ประกอบไปด้วยสารจำพวกไขมันยกตัวอย่างเช่น ceramides 47 %, cholesterol 24%, freefatty acids 11 % แล้วหลังจากนั้นก็ cholesterol esters 18 %
ผิวสวยเริ่มความสมบูรณ์ของชั้น stratum corneum
อยากให้ผิวดูงาม น่าจะหันมาดูแลผิวชั้น stratumcorneum ให้บริบูรณ์โดยการรักษาระดับ NMFs รวมถึงintercellular lipids ให้บริบูรณ์เยอะที่สุด
การที่ระดับความชุ่มชื้นในผิวพอเพียงจะช่วยทำให้
เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่นดี ถูกทำร้ายได้ยาก
เสริมแนวทางการทำงานขอวเอนไซม์ที่ช่วยในขั้นตอนการผลัดเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ หากผิวขาดความชื้นที่เหมาะเหม็งเอนไซม์กลุ่มนี้จะปฏิบัติการไม่ดีการผลัดเซลล์ผิวก็เลยรวน ผิวหน้าหมองคล้ำ ฝ้ากระ สะสม รูขุมขนตัน เป็นสิว
อุดหนุนให้องค์ประกอบมีความแข็งแรงรวมทั้งปฏิบัติภารกิจกรองสารที่จะผ่านเข้าออกผิวล้ำหน้าและบริบูรณ์ ถ้าหากผิวขาดความชุ่มชื้นที่สมควรเซลล์ corneocyte จะลีบแบน การเรียงตัวไม่เรียบร้อยเกิดช่องโหว่ น้ำใต้ผิวระเหยออกง่าย สิ่งแปลกปลอมจากด้านนอกผ่านเข้าไปได้ง่าย ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีการติดโรค อื่นๆอีกมากมาย
รักษาระดับ pH ของผิว : ผิวที่มี pH ผิวเหมาะสม จะช่วยปรับให้NMFs ถูกทำดีขึ้น
สิวขึ้นลดน้อยลง : ผิวที่ขาดความชื้น ทำให้เซลล์ผิวเรียงตัวไร้ระเบียบครีม v2 มีการหลุดลอกไม่ปกติรวมทั้งไปตันตามรูขุมขนเมื่อรวมกับน้ำมันที่ระบายออกมิได้ ก็เลยมีการตันเป็นสิวตันสิวอักเสบ เมือผิวเฉอะแฉะ การผลัดเซลล์กลับมาธรรมดา การอุดตันกำเนิดลดน้อยลง สิวลดลง
รูขุมขนกระชับ : ผิวที่เปียกแฉะสมควร เซลล์ corneocyteจะมีความอ้วนอิ่มแล้วก็ขยายตัวแทรกกัน ทำให้รูขุมขนซึ่งอยู่ระหว่างจุดเชื่อมของเซลล์ corneocyte ถูกบีบอัดให้แคบลงผิวก็เลยดูละเอียดขึ้น ด้วยเหตุนี้ในคนที่ผิวแห้งมากมายก่ายกองๆเว้นเสียแต่ผิวจะมองหยาบคายแล้ว รูขุมขนก็จะกว้างขึ้นด้วย อ่านเพิ่มอีกเกี่ยวกับที่บทความเรื่อง ตาข่ายผิวภาพเทียบเคียงผิวหนังธรรมดาและก็ผิวหนังที่แห้งผิวปกติ :เซลล์เรียงหน้าชิดกัน เรียบร้อย
inter cellular matrix บริบูรณ์
เหนือผิวข้างบนมีน้ำมัน (hydro lipid film) ฉาบอยู่เพียงพอ
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้น้อยผิวแห้ง การเรียงตัวของเซลล์ผิวไม่รัดกุม ไม่มีระเบียบ
intercllular matrix มีน้อย/ไม่มีคุณภาพ
น้ำมันฉาบผิว (hydro lipid film) น้อย
น้ำใต้ผิวระเหยออกได้มาก (TEWL สูง)บักเตรี สิ่งเจือปนไปสู่ผิวได้ง่าย ผิวก็เลยเคืองและก็อักเสบง่ายผิวแห้ง ผิวขาดความชุ่มชื้นเหมือนหรือต่างกันยังไง?
ผิวแห้งและผิวขาดความชุ่มชื้นคล้ายคลึงกันแต่ว่าไม่เหมือนกันคำว่าผิวแห้งเป็นคำใช้แบ่งสภาวะผิวที่ประจำตัวมา ดังเช่นว่า คนนี้ผิวมัน คนนี้ผิวผสม คนนี้ผิวแห้ง ซึ่งใช้จำนวนน้ำมันที่ผลิตขึ้นจากต่อมไขมันเป็นตัวจำแนกแยกแยะ
ผิวแห้ง(dry skin)เป็นผิวที่ขาดน้ำมัน (sebum)ฉาบผิวด้านบนเนื่องจากว่ามีต่อมน้ำมัน ( sebaceous gland) ใต้ผิวน้อย ก็เลยผลิตน้ำมันได้น้อย เมื่อปริมาณน้ำมันฉาบผิวน้อยก็เลยสูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย เพราะฉะนั้นคนที่ผิวแห้งยังคงมีความสมบูรณ์ของ intercllular matrix และก็มีน้ำใต้ผิวที่เพียงพอ ก็แค่ขาดน้ำมันที่ผิว
ผิวมัน (oily skin) คือ ผิวที่มีต่อมไขมันล้นหลามทั่วทั้งหน้าแล้วก็ผลิตน้ำมันมาฉาบผิวได้มาก ผิวภายนอกก็เลยมองดูมัน การสูญเสียน้ำใต้ผิวก็เลยเกิดขึ้นน้อย
ผิวผสม (mix skin)เป็นผิวที่มีต่อมไขมันบริเวณt-zoneมากมายก่ายกอง, u-zone น้อยทำให้หน้ามันเฉพาะรอบๆt-zoneส่วน u-zone ธรรมดาหรือแห้ง
ส่วน ผิวขาดความชุ่มชื้น (dehydrated skin) เป็นผิวที่มีน้ำใต้ผิวต่ำ วัดน้ำใต้ผิวได้ < 10% ต้นเหตุอาจเป็นเพราะปัจจัยภายนอกหรือปัจจัยภายใน
1.ปัจจัยภายนอก
การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์มากจนเกินไป : ทำให้หนังกำพร้ามีการหมุนเวียนเร็วกว่าปกติ ผิวหนังที่มีการหมุนเวียนเร็วจะไม่สามารถสร้าง NMFsรวมทั้ง intercellular lipids ได้ทัน ก็เลยเสียความรู้ความเข้าใจในการดูแลรักษาน้ำให้ยังคงอยู่ในผิวหนัง
การใช้สินค้าชำระล้างที่มีคุณสมบัติกำจัดน้ำมันฉาบผิวมากเกินความจำเป็นครีม v2 : น้ำมันฉาบผิวน้อย สูญเสียน้ำใต้ผิวได้ง่าย
รังสี UV : ได้รับรังสี UV เยอะมากๆต่อเนื่องกัน ไม่ทาครีมสำหรับป้องกันแดด รังสี UV จะรบกวนการสร้าง NMFs
ความชื้นในอากาศ : ความชุ่มชื้นในอากาศต่ำลงมากยิ่งกว่า10% จะดึงน้ำในผิวออกสู่ข้างนอก ด้วยเหตุดังกล่าวในห้องปรับอากาศในฤดูหนาว ซึ่งมีความชุ่มชื้นต่ำ สามารถพรากน้ำใต้ผิวได้ตลอดระยะเวลา
2. ปัจจัยภายใน
อายุ : อายุครั้งเพิ่มมากขึ้น การสร้าง NMFs และ sebum น้อยลง
เชื้อชาติ : ชาวเอเชีย มีจำนวน NMFs ต่ำยิ่งกว่าเชื้อชาติอื่น
โรคผิวหนัง: โรคผื่นแพ้พันธุกรรม (atopicdermatitis) โรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) โรคเด็กดักแด้(Ichthyosis) โรคพวกนี้จะมีการแบ่งตัวของkeratinocyte (keratinization) เร็วกว่าปกติหลายเท่า รวมถึงขับเคลื่อนมาที่เปลือกนอกอย่างรวดเร็วดังเช่นว่า 4 วัน (ปกติใช้เวลา 28วัน) ทำให้ผิวหนังดกเป็นปื้นในขณะขั้นตอนสร้าง NMFs , intercellular lipids ยังเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์ เซลล์ผิวหนังก็เลยขาดแรงยึดเหนี่ยวกันตามปกติ เซลล์ผิวก็เลยหลุดลอกออกเป็นแผ่นๆได้ง่าย ราวกับเป็นสะเก็ดหรือเกล็ดขึ้นกับความรุนแรง
รูปแบบของผิวหนังที่ขาดความชื้น(dehydrated skin)
- ผิวไม่เรียบ มีขุยไหมมีขุยก็ได้ แต่ถ้ามีขุยเป็นอาการหนักทาแป้งไม่ติด (หน้ามันเยอะแยะ ทาแป้งไม่ติด หน้าแห้งไปก็ทาแป้งไม่ติดเช่นเดียวกัน)ครีม v2
- แลเห็น fine line ชัด (ริ้วเล็ก) โดยเฉพาะใต้ตา มุมปาก
- ผิวแดงง่าย สีผิวไม่บ่อยนัก
- คันแล้วหลังจากนั้นก็เกิดผิวหนังอักสบ
- ระคายง่าย แพ้ง่ายครีม v2
การดูแลและรักษาความชื้นให้ผิวหนัง ก็เลยจึงควรทำทั้งเพิ่มความชื้นเข้าไปก่อน ด้วยการกินน้ำให้เพียงพอ และเลือกใช้มอยพบร์ไรเซอร์จำพวก humectant
กัดกันความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออก ด้วยการใช้มอยพบร์ไรเซอร์ประเภทocclusive
เพิ่มความรู้ความเข้าใจในการเก็บกักน้ำใต้ผิวด้วยสินค้าที่มีองค์ประกอบใกล้เคียงกับ NMFs แล้วก็ Intercellular lipids
เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์เป็น ช่วยอะไรบ้าง?Repairingtheskin barrier : สร้างเสริมเกราะป้องกันผิว ผิวแข็งแรงขึ้นเคืองต่ำลง ไม่แพ้ง่าย
Increasing water content : เพิมจำนวนน้ำใต้ผิว
Reducing TEWL : ลดการสูญเสียน้ำผ่านออกทางผิวหนังชั้นอีพิเดอร์มิส
Restoring the lipid barriers’ ability to attract, holdandredistribute water : ซ่อมแซม intercellular lipidsให้สามารถเก็บกักน้ำรวมทั้งรักษาสมดุลน้ำใต้ผิว
สารช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (มอยส์เจอร์ไรเซอร์) แบ่งออกได้เป็น 2พวกเป็น
1. สารช่วยเพิ่มน้ำในชั้นผิวหนัง (Humectant) สารกลุ่มนี้มีคุณสมบัติในการจับกับน้ำ (water binding)ดังเช่น colloidaloatmeal, Amino acid,Hyaluronic Acid, Sodium PCA, glycerin, น้ำผึ้ง, กรดแลคติค (lactic acid), soduimlactate, propylene glycol,sorbitol, pyrolidonecarboxylic acid (PCA) , gelatin,collagen , lastin,urea
ทั้ง Sodium-PCA และhyaluronic acid (HA) จัดเป็นสารชนิดglycosaminoglycans ในธรรมชาติสารนี้เจอแทรกสอดในชั้นหนังแท้ ขึ้นรถ HA จะซับน้ำได้ 1000 เท่า ก็เลยทำให้ผิวหนังเด็กเต่งตึง แต่ว่าเมื่อวัยสูงขึ้นสาร HA ในชั้นหนังแท้จะลดลงทั้งคุณภาพรวมทั้งปริมาณ ผิวหนังก็เลยเหี่ยวย่น ในครีมหรือโลชันผิวแห้งก็เลยนิยมผสมสาร HA ครีมv2เพื่อช่วยซับน้ำในผิวหนังชั้นไคลเนื่องจากว่าสารในกลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มน้ำให้กับผิวได้โดยตรง ทำให้ผิวเรียบนุ่มเปียกแฉะโดยไม่เพิ่มความมันมอยส์เจอร์ไรเซอร์กลุ่ม Humectant ก็เลยเหมาะสมกับผิวมัน ผิวแห้ง แล้วหลังจากนั้นก็ผิวแพ้ง่าย
2. สารเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำจากผิว (occlusivemoisturizers)สินค้าผิวแห้งจะผสมน้ำมันหลายแบบ เมื่อทาน้ำมันฉาบผิวการระเหยของน้ำจากชั้นผิวหนังจะต่ำลงน้ำมันที่ใช้มีหลายกรุ๊ป เป็น
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
ครีม V2 ดีไหมเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง :
[url]https://sites.google.com/site/v2centerthailand/[/url]
Tags : ครีมวีทู,ครีม V2 ดีไหม
