Advertisement
ข้อมูลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของส้มแขก การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ในสมุนไพรประเภทต่างๆนั้นนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวสมุนไพรยุคใหม่ เพราะในอดีตการใช้สมุนไพรจะเป็นการใช้ในแบบแคบ คือ เป็นการใช้เฉพาะกลุ่มไม่ได้มีการแพร่หลายออกไทยในภูมิภาคต่างๆ แต่ในปัจจุบันซึ่งเป็นยุคที่สมุนไพรมีความสำคัญในทางการแพทย์ไม่แพ้ยาแผนปัจจุบันจากโรคตะวันตก เหตุที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเริ่มมีการทดสอบในตัวสมุนไพรในแต่ละชนิด (เริ่มตั้งแต่กวาวเครือขาว , กวาวเครือแดง เป็นต้นมา) ซึ่งก็จะทำให้ได้เห็นถึงคุณสมบัติ สารออกฤทธิ์ ฤทธิ์ของยาต่อมนุษย์ รวมถึงค่าความเป็นพิษ และก็จะมีข้อควรระวังหรือคำเตือนข้อห้ามต่างๆตามมา ซึ่งจะทำให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ และในทางส่วนของผู้ที่ใช้ผู้ที่รับประทานก็มีความเชื่อมั่นในตัวสมุนไพรและเริ่มหันมาใช้สมุนไพรแทนการใช้ยาที่มีผลข้างเคียงกับร่างการมนุษย์ ดังนั้นงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของสมุนไพรชนิดต่างๆ จึงเปรียบได้กับการเปิดประตูยุคทองของสมุนไพรในปัจจุบันนี้อย่างแท้จริง เมื่อพูดถึงงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้ว จึงอยากที่จะพูดถึงข้อมูลงานค้นพบทางวิทยาศาสตร์ของส้มแขก สมุนไพรลดน้ำหนักที่เป็นที่รู้จักในปัจจุบันนี้เพื่อให้ท่านที่สนใจในสมุนไพรชนิดนี้ ได้รับทราบ โดยงานค้นพบของส้มแขกนั้นได้มีการค้นพบมามากมายหลายสถาบันในไทยก็มากต่างประเทศก็มี ส่วนในไทยนั้นส้มแขกก็เป็นงานวิจัยที่มีทั้งสถาบันการค้นคว้าทั้งของภาครัฐและเอกชนให้ความสนใจเป็นอันมาก รวมไปถึงบริษัทเอกชนที่ผลิตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากส้มแจกก็ให้ความสนใจและให้ทีมวิจัยของบริษัทไปทำการวิจัยสมุนไพรคุณสมบัตินี้เช่นกัน ซึ่งผู้เขียนจะนำข้อมูลการค้นคว้าส้มแขกมาเสนอแก่ทุกท่านคร่าวๆ ดังนี้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ส้มแขกนั้นมีสาระสำคัญที่เป็นจุดขาย คือ สาร HCA (ซึ่งผู้เขียนจะได้อธิบายในบทความก่อนหน้านี้แล้ว) นอกเหนือจากสาร HCA นี้ ส้มแขกยังมีสารอื่นๆอีก เช่น สารจำพวกกรดอินทรีย์ เช่น กรดซิตริก (Citric acid) กรดแพนตาดีคาโนอิค (Pentadecanoic) กรดออคตาดีคาโนอิค (octadecanoic) กรดโดดีคาโนอิค (dodecaroic) ส่วนผลการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของส้มแขกพบว่ามีฤทธิ์ทางยาหลายประการ เช่น ด้านที่มีผลกับน้ำหนักตัวและไขมัน นักทดสอบในต่างประเทศพบว่าสาร HCA ในส้มแขกช่วยลดการกินอาหาร ลดน้ำหนักรวมถึงเปลี่ยนไขมันมาเป็นพลังงานได้ และยังลดความอยากอาหารในหนูลองได้ และเป็นผลให้น้ำหนักตัวของหนูทดลองลดลงด้วย ด้านการต้านเชื้อจุลินทรีย์ มีอนุพันธ์ของสาร HCA บางชนิดสามารถยังยั้งเชื้อราที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ด้านการต้านอนุมูลอิสระ มีการนำสารสกัดน้ำและเอทานอล ของรากและใบส้มแขก มาทำสอบด้วยวิธี DPPH radical scavengtng assey ที่ระดับความเข้มข้น 2000 µ/g/m/ พบว่ามีฤทธิ์ lantioxidant (ต้านอนุมูลอิสระ) แรงกว่าวิตามินอี และด้านการวิจัยทดลองทางพิษวิทยานั้นปรากฏว่าขณะนี้ยังไม่มีการค้นคว้ารายงานด้านความเป็นพิษของส้มแขก แต่จะมีรายงานสรุปท้ายงานทดสอบของโรงพยาบาลรามาธิบดี อยู่ 1 งานวิจัย คือการวิจัยในคนในเรื่องฤทธิ์การลดน้ำหนัก โดยเมื่อเสร็จการวิจัย พบว่าผู้ทดลองนั้นมีค่าชีวเคมีในเลือดปกติไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าส้มแขกไม่ทำให้เกิดพิษ ถึงแม้จะไม่มีผลการวิจัยด้านความเป็นพิษหรือจากรายงานข้างต้นจะแสดงว่าส้มแขกไม่เป็นพิษแต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้ส้มแขกคือว่าส้มแขกไม่ทำให้เกิดพิษ ถึงแม้เราไม่มีผลการวิจัยด้านความเป็นพิษหรือจากการายงานข้างต้นจะแสดงว่าส้มแขกไม่เป็นพิษแต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้ส้มแขก คือสาร HCA มีผลรบกวนการสร้างเอนไซม์และฮอร์โมนบางประเภท จึงไม่ควรใช้สารสกัดส้มแขกที่มี HCA ในคุณภาพที่สูงเกินไปรวมถึงในผู้หญิงมีครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตรก็ควรงดใช้เช่นกัน
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
ส้มเเขก