Advertisement
การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เมื่อวันวันอาทิตย์ที่ 30ต.ค. ที่ผ่านมา
“นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน เปิดบ้านพ่ายให้กับ “สิงห์บลูส์” เชลซี 2-0 โดยทีมเยือนได้ประตูจาก เอแด็น อาซาร์ น.6 และดิเอโก คอสตา น.56 ส่งผลให้เชลซี เก็บชัยชนะรวดทั้ง 4 นัดหลังสุด ยิงได้ถึง 11 และไม่เสียแม้แต่ลูกเดียว ยึดอันดับ 4 เหนียวแน่น ตามสามผู้นำอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล แต้มเดียว
หลังเกม
“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ภายใต้การกุมบังเหียนของ เปป กวาดิโอลา นายใหญ่สมองเพชรที่ส่งตรงมาจากแดน“กระทิงดุ” เริ่มสะดุดให้เห็นหลังไม่ชนะใครมา6นัดติดต่อกัน รวมทุกถ้วยทุกรายการนายใหญ่วัย45ปีเจอสถิติเลวร้ายที่สุดในอาชีพกุนซือ ทุบสถิติไร้ชนะ5นัดติดต่อกัน (เสมอ3เกม และแพ้3เกม)ในสมัยคุมทีมบาร์เซโลนา ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-ถึงเดือนมีนาคม ในปี2009
ชัยชนะของขุนพล “ไก่เดือยทอง” ทอตแนท ฮอทสเปอร์ ที่มีเหนือเหล่าแข้ง “เรือใบ”เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นอกจากทำให้ เปป กวาร์ดิโอลา เสียสถิติไม่เคยแพ้ใครนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมในอังกฤษแล้ว นี่ยังเป็นอีกครั้งที่เขาต้องเสียท่าต่อการวางหมากของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ที่เคยยัดเยียดความปราชัยหนแรกในฐานะโค้ชใหญ่บาร์เซโลนา เมื่อครั้งคุมทีม เอสปันญอล ในปี2009
ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็น กุนซือแห่งยุคอย่าง เปป ไม่ชนะติดต่อกันเช่นนี้ ซึ่งแน่นอนว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาเพิ่งเข้ามาทำ แมนฯซิตี ได้เพียง 4 เดือน นักเตะยังต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับระบบการเล่นอีกสักพัก ผลงานในสนามถึงจะเข้าที่เขาทางอย่างที่ควร
บวกกับประเด็นที่ว่า ข
พรีเมียร์ลีก ไม่ใช่แค่ใครมาคุมก็ได้ เชื่อว่าหลังจากนี้เราจะได้รับชม ‘กึ๋น’ ที่แท้จริงของ เป๊ป กันแล้วล่ะว่าจะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้ดีขนาดไหน