Advertisement
ข้อควรรู้และควรระวังในการใช้ว่านชักมดลูก ตามภูมิปัญญาของไทยเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรที่มีมาตั้งแต่ในอดีตนั้น หมอยาพื้นบ้านหรือหมอยาสมุนไพรพื้นเมืองในแต่ละถิ่นแต่ละชุมชนนั้น ล้วนแล้วแต่จะมีข้อจำกัดหรือข้อกำหนดในการใช้สมุนไพรลักษณะต่างๆเสมอ เนื่องมาจากว่าในการใช้ตัวยาสมุนไพรชนิดต่างๆนั้น ล้วนจะมีผลกระทบกับสุขภาพของผู้ใช้แตกต่างกันออกไป กล่าวคือ เมื่อมีการใช้ยาสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคแล้วใช้ว่าจะมีอาการที่พึงประสงค์ในทุกๆรายไป นั่นก็เพราะว่ามีข้อจำกัดเกี่ยวกับปัจจัยหลายๆด้าน เช่นว่า สุขภาพของผู้ใช้สมุนไพรในตอนนั้นเป็นปกติหรือไม่ หรือเมื่อใช้สมุนไพรไปแล้วได้ใช้ตามขนาดหรือเวลาที่ได้แนะนำหรือไม่ รวมถึงได้อุปโภคของแสดงที่มีฤทธิ์ไปกดตัวยาสมุนไพรที่ใช้หรือเปล่า เหล่านี้คือข้อจำกัดในการใช้สมุนไพรซึ่งมีมาตั้งแต่อดีตและในปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ ในบทความนี้จึงจะขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับข้อควรรู้และข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรว่านชักมดลูก ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วว่านชักมดลูกนี้ก็นับว่าเป็นสมุนไพรไทยที่คนไทยใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว เป็นภูมิปัญญาของไทยที่สืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่นจนมาถึงปัจจุบัน เพียงแต่ในปัจจุบันนี้ได้มีการแปรรูป
ว่านชักมดลูกไปทำสมุนไพรในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น และยังสะดวกในการบริโภครวมถึงทำให้เป็นสากลเหมือนกับยาแผนปัจจุบันอีกด้วย ส่วนข้อควรรู้และข้อควรระวังในว่านชักมดลูกมีดังนี้ ในตำรายาพื้นบ้านได้ระบุว่า 1.ในการต้มยาว่านชักมดลูกนั้นต้องต้มให้ฟองยุบลงจึงจะสามารถนำมาใช้ได้โดยหากฟองยังไม่ยุบไม่ควรนำมาใช้อาจทำให้เกิดอาการเบื่อเมา 2.การใช้ว่านชักมดลูกเข้าอู่นั้นสตรีหลังคลอดควรรอให้มีน้ำนมก่อนจึงจะสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผล 3.ในการที่จะนำว่านชักมดลูกมาใช้นั้น ควรเก็บว่านชักมดลูกในฤดูแล้ง(ประมาณ พฤศจิกายน – มีนาคม) โดยหากเก็บหลังจากฝนตกแล้วคุณสมบัติของว่านชักมดลูกจะน้อยลง เพราะตัวยาในหัวและแขนงของว่านชักมดลูกจะสะสมได้สูงสุดในช่วงหน้าแล้งหากเลยไปถึงหน้าฝนตาของแขนงจะงอกออกมาเป็นต้นใหม่ทำให้ตัวยาในหัวและแขนงว่านชักมดลูกน้อยลง 4.เมื่อสตรีที่มีร่ายกายไม่ค่อยแข็งแรงใช้ว่านชักมดลูกนั้น อาจมีอาการปวดศีรษะ ตัวร้อน มีไข้ จึงควรหยุดบริโภคสักพักหากหายไข้แล้วสามารถอุปโภคต่อได้โดยลดตัวยาลงด้วย 5.ในสตรีวัยหมดประจำเดือนหลังจากใช้ว่านชักมดลูกแล้วอาจมีประจำเดือนเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ต้องตกใจเพราะมันจะค่อยๆหายไปเอง โดยอาจใช้ว่านชักมดลูกได้ตามปกติ 6.หากใช้ว่านชักมดลูกแล้วควรงดของที่คาวและมัน เพราะอาจทำให้ตัวยามีฤทธิ์อ่อนลงได้ ส่วนในการค้นหาในปัจจุบันระบุไว้ว่า 1.ไม่ควรใช้ว่านชักมดลูกในผู้ป่วยที่มีปัญหาท่อน้ำดีอุดตัน เพราะว่านชักมดลูกนี้มีฤทธิ์ไปกระตุ้นทางเดินน้ำดี อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้ 2.มีงานค้นหาในกระต่ายว่าว่านชักมดลูกมีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด เช่นเดียวกับกระเทียม แปะก๊วย โกจิเบอร์รี่ จึงไม่ควรใช้ว่านชักมดลูกร่วมกับยาต้านเกร็ดเลือดจำพวก แอสไพริน วาร์ปาริน และยาสลายลิ่มเลือดทุกชนิด ทั้งหมดนี้คือข้อควรรู้และข้อควรระวังในการใช้ว่านชักมดลูกซึ่งผู้เขียนคิดว่าก่อนจะนำมาใช้ควรต้องรู้เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นการใช้ที่ถูกต้องและปลอดภัย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
ประโยชน์ของว่านชักมดลูก