Advertisement
เสียงของดนตรีถือกำเนิดเป็นครั้งแรกในโลกนี้เมื่อใดไม่มีผู้ใดรู้แจ่มแจ้ง แม้กระนั้นเท่าที่มีการบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับดนตรีนั้น มีความเชื่อกันว่าดนตรีเป็นสิ่งที่เกิดมาพร้อมกับเชื้อสายของคนเรา เลยทีเดียว โดยจากหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดเจออุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีโบราณจำพวกเครื่องตีคือระนาด หินในหลายประเทศด้วยกัน นอกเหนือจากนี้ยังมีการขุดคุ้ยเจอขลุ่ยที่ทำจากกระดูกสัตว์อีกด้วย
โรงเรียนดนตรี เพลงมีแหล่งกำเนิดมาจากการผลิตเสียงด้วยการ 1) ดีด เป็นการใช้นิ้วหรือวัตถุใดๆก็ตามเขี่ยสายที่ทำจากหนังสัตว์กางให้ตึง 2) สี เป็นการใช้วัตถุสองประเภทมาเสียดสีหรือถูกัน 3) ตี เป็นการใช้วัตถุสองประเภทมากระทบกัน และก็ 4) เป่า ได้แก่การใช้แรงดันจากลม เมื่อสร้างเสียงออกมาไม่ว่าจะด้วยการดีด สี ตีหรือเป่าแล้วมีการผสมผสานเสียงเหล่านั้นก็เกิดเป็นทำนองดนตรีที่ เพราะต่างๆมาก นำมาใช้เพื่อสร้างความสุขในอารมณ์ให้แก่ผู้ที่ได้ฟังเสียงดนตรีนั้น
คงไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่า ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งที่ผูกพันกับชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่กำเนิดจนกระทั่งละจากโลกนี้ไป ชีวิตประจำวันของพวกเรานั้นหากแม้มิได้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับด้านดนตรีแต่ว่าก็ควรมี กิจกรรมอะไรสักอย่างที่หนีไม่พ้นจากดนตรีแน่ๆ เวลานั่งรถก็บางทีอาจเปิดเพลงฟังจากวิทยุ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่ผู้ใช้เลือกเสียงดนตรีเรียกเข้าตามจิตใจถูกใจ ละครที่เราดูก็มีเพลงประกอบทั้งยังต้นเรื่อง ระหว่างเรื่องจนถึงจบเรื่องโปรโมทบนรถไฟฟ้า เสียงดนตรีที่แม่ค้าเปิดในตลาดเพื่อเรียกลูกค้า ถึงแม้ว่าจะเสียงฮัมเพลงของคนใกล้ตัวเรียกว่าชีวิตนี้ไม่มีผู้ใดหนีดนตรีได้พ้น และเพราะดนตรีส่งผลต่ออารมณ์รวมทั้งความรู้สึกของมนุษย์นี้เองก็เลยมีการนำดนตรีมาใช้ประโยชน์ในงานด้านต่างๆมากเพื่อทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นให้แก่งานต่างๆนั้น โดยในตอนนี้ได้มีการนำดนตรีเข้ามาใช้ประโยชน์เยอะมากในหลายวงการ ดังนี้
1. ทางจิตเวช นักจิตวิทยาหรือนักจิตบำบัดได้นำเสียงดนตรีเข้ามารักษาผู้ที่มีปัญหาทางจิตใจ ต่างๆได้แก่ เป็นโรคเครียดหรือโรคเศร้าใจ สามารถบำบัดได้ด้วยเพลงที่มีจังหวะและทำนองเบิกบานสดใส ยิ่งกว่านั้น ดนตรีที่มีจังหวะและก็ทำนองช้าๆที่ฟังสบายๆยังช่วยลดความประพฤติปฏิบัติของคนที่มีความก้าวร้าวใจร้อน อารมณ์รุนแรง ให้มีจิตใจสงบใจเย็นลงได้ด้วยตอนนี้ได้มี “แผนการคืนคนดีสู่สังคม” โดยการนำดนตรีเข้าไปใช้เป็นกิจกรรมของอยู่ในเรือนจำ โดยการฝึกหัดให้คนภายในเรือนจำขับร้องประสานเสียงฝึกหัดให้เล่นดนตรี เนื่องจากดนตรีช่วยขัดเกลาจิตใจให้ผู้ต้องขังจิตใจสบาย คลายความเครียด มองโลกด้วยความสวย อีกทั้งคือการใช้เวลาว่างให้มีประโยชน์และก็ช่วยทำให้ผู้ต้องขังมีความรู้และความเข้าใจและ ความรู้ความเข้าใจทางด้านดนตรีที่เมื่อพ้นโทษออกไปแล้วยังสามารถนำความสามารถทาง ด้านดนตรีไปใช้สำหรับในการประกอบอาชีพได้อีกด้วย
2. ด้านการศึกษาเล่าเรียน นักการศึกษาต่างมีความเห็นตรงกันว่าดนตรีสามารถพัฒนาความสามารถของผู้คนได้ จริง โดยมีผลการศึกษาเรียนรู้วิจัยเยอะแยะที่รับรองว่า ดนตรีสามารถปรับปรุงสมองของเด็กก้าวหน้าผ่านทางเสียงเพลง อย่างเช่น การให้ฟังเพลงที่มีเสียงที่มีความถี่สูงอย่างจะเข้ ขิม ไวโอลิน เปียโน จะไปกระตุ้นสมองในส่วนของความจำและก็ความสร้างสรรค์ของเด็กเจริญ นอกเหนือจากนี้ การให้เด็กได้เล่นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี ยังช่วยปรับปรุงความเชื่อมั่นในตนเอง ทั้งช่วยปรับปรุงปัญญาของเด็กโดยตรงจากการเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรี แล้วก็การอ่านโน้ตซึ่งช่วยพัฒนาในเรื่องของความจำและก็ในเรื่องของ เลขคณิตได้โดยตรง
เรียนดนตรีที่ไหนดี จากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยของมหาวิทยาลัย UCLA โดย Catterall (1997) ได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับความเกี่ยวเนื่องระหว่างดนตรีกับการเล่าเรียนวิชาต่างๆโดยทดสอบจากกรุ๊ปเด็กนักเรียนระดับชั้นม.ปีที่ 2 ถึงปีที่ 6 ซึ่งได้มีการแบ่งเด็กนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม เป็นกรุ๊ปที่ได้เรียนดนตรี กับกลุ่มที่มิได้เรียนดนตรีผลวิจัยปรากฏว่าเด็กกลุ่มที่เรียนดนตรีมีคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ วิชาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วิชาการอ่านสูงมากขึ้นแล้วก็ในวิชาสังคมศาสตร์หรูหราคะแนนเฉลี่ยที่สูงขึ้น 40% หรือจากการค้นคว้าของFrankenberger (1997) ที่ได้วิจัยศึกษาเล่าเรียนถึงผลของการใช้ดนตรีร่วมกับการฝึกอบรมแบบบรรเทากับเด็ก ที่มีการศึกษาช้าและก็มีความนิสัยไม่ดี พบว่า การใช้ดนตรีร่วมกับการฝึกอบรมบรรเทาช่วยทำให้เด็กมีการเรียนรู้ที่ดีขึ้น รวมทั้งมีความนิสัยเสียทางอารมณ์ต่ำลง
3. ด้านการแพทย์ ในขณะนี้แวดวงแพทย์ได้นำดนตรีมาใช้ในการเยียวยารักษาโรค (Music Therapy) อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยทางด้านการแพทย์มีความเห็นตรงกันว่าเสียงของดนตรีส่งผลต่อระบบและจังหวะของทาง เดินหายใจ การเต้นของหัวใจแล้วก็ความดันของโลหิต การให้คนป่วยฟังเพลงที่มีความถี่ของเสียงต่ำ ยกตัวอย่างเช่น เสียงแซกโซโฟน เสียงขลุ่ยหรือปี่ จะช่วยให้ผู้ป่วยกำเนิดความเงียบสงบและลดอาการความทรมาณแสนสาหัสของโรคต่างๆได้
จากงานวิจัยของBeck (1991) ได้เรียนถึงผลของดนตรีที่คนป่วยถูกใจต่อระดับความปวดในคนเจ็บโรคมะเร็ง โดยให้กลุ่มตัวอย่างเลือกฟังเพลงที่ถูกใจชนิดผ่อนคลาย 7 จำพวก ได้แก่ เพลงคลาสสิกหรือเพลงแจ๊ส โดยให้ฟังวันละ 2 ครั้งๆละ45นาที ตรงเวลา 3 วัน พบว่าความรู้สึกเจ็บของคนไข้มะเร็งลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ปัจจุบันนี้เราก็เลยชอบเห็นตามโรงพยาบาลต่างๆนำดนตรีมาใช้กับผู้ป่วยตั้งแต่คอยเจอแพทย์จนกระทั่งวิธีการรักษาอย่างยิ่งจริงๆ
4. ด้านศาสนา หลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกว่าในปีคริสต์ศักราช1100 มีการใช้ออร์แกน (organ) เป็นหลักสำหรับในการร้องเพลงดนตรีประกอบพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ โดยมีความเห็นกันว่าดนตรีและก็เพลงทางศาสนาสามารถช่วยโลมจิตใจรวมทั้งให้กำลังใจ ได้ ทั้งยังเป็นสื่อกลางในการนมัสการพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นบทสวดมนตร์ต่างๆในศาสนาพุทธก็มีระดับเสียงสูงๆต่ำๆที่เมื่อตั้งใจฟังแล้วจะพบว่าหรูหราเสียงคล้ายเสียงเพลง ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดสมาธิและก็ความสงบเงียบในจิตใจได้เป็นอย่างดี
ดนตรีเป็นสื่อน่าพิศวงที่มีผลต่อ ร่างกาย สมอง ความนึกคิด จิตใจแล้วก็อารมณ์ของผู้คน ทำให้มีความรู้สึกเป็นสุขก็ได้ ทำให้เศร้าท้อแท้ก็ได้ช่วยให้เกิดการปรับปรุงศักยภาพด้านต่างๆก็ได้ สามารถเพิ่มเติมเรี่ยวแรงกำลังใจสำหรับการดำรงชีวิตก็ได้ อยู่ที่ว่าพวกเราจะเลือกนำดนตรีไปใช้ในทางไหนต่างหาก ในฐานะที่คนเขียนเป็นนักเล่นดนตรีคนหนึ่ง ต้องการให้ดนตรีช่วยทำให้ทุกคนเป็นสุขแล้วก็มีหวังในชีวิต เมื่อท้อแท้ให้ดนตรีช่วยปลอบประโลมใจ เมื่อรู้สึกขุ่นมัวใช้ดนตรีเป็นเครื่องผ่อนคลายอารมณ์ เมื่อเป็นสุขใช้ดนตรีสร้างรอยยิ้มให้กว้างขึ้น ต่างหากที่เป็นการใช้ดนตรีให้มีประโยชน์ได้อย่างแท้จริง
โรงเรียนการแสดง[/b]
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง :
[url]http://www.mephoomschool.com/[/url]
Tags : โรงเรียนดนตรี,เรียนดนตรีที่ไหนดี,โรงเรียนการแสดง