Advertisement
[/b]
หมามุ่ย ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสียชื่อ หมามุ่ย
ชื่ออื่นๆ บะเหยือง หม่าเหยือง (ภาคเหนือ) ตำแย (ภาคกลาง) โพล่ยู (กะเหรี่ยงกาญจนบุรี) กลออือแซ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Mucuna pruriens (Linn.) DC.
ชื่อสามัญ/ชื่ออังกฤษ Cowitch
วงศ์ LEGUMINOIDEAE
ถิ่นกำเนิดหมามุ่ยหมามุ่ยเป็นพืชที่มีบ้านเกิดในเขตโซนร้อน (tropical) ต่างๆของโลกในทวีปแอฟริกาแล้วก็ทวีปเอเชีย โดยในทวีปเอเชียสามารถเจอหมามุ่ยได้ในประเทศ ไทย ประเทศอินเดีย จีน เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา อื่นๆอีกมากมาย และก็ชอบมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ ซึ่งหมามุ่ยในโลกนี้ มีมากมายนับร้อยสายพันธุ์ แม้กระนั้นก็ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์เดียวกัน
ลักษณะทั่วไปของหมามุ่ยหมามุ่ยจัดเป็น ไม้ล้มลุกฤดูเดียว มีเถาเลื้อย ยาว 2-10 เมตร มีขนหนาแน่น ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ ใบย่อยมี 3 ใบ ที่ปลาย รูปไข่หรือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ใบกลางมักมีขนาดใหญ่ที่สุด กว้าง 3-10 เซนติเมตร ยาว 5-15 ซม. แผ่นใบทั้งสองด้านมีขนสีเทาปกคลุม ฐานใบเบี้ยว ปลายใบมนหรือมีติ่งแหลม ขอบของใบเรียบ เส้นกลางใบมี 3 เส้น ดอกออกเป็นช่อกระจะที่ซอกใบ ห้อยลงมา ยาว 15-30 ซม. ดอกสีม่วงคล้ำ มีกลิ่นเหม็นเหม็นเบื่อ รูปดอกถั่ว ดอกย่อยมีมากมาย ขนาดกว้าง 1-2 ซม. ยาว 2-4 ซม. กลีบกลางรูปไข่ ปลายกลีบเว้า กลีบคู่ข้างรูปขอบขนานปนรูปไข่ กลีบเลี้ยง โคนเชื่อมติดกันเป็นรูป ปลายแยกเป็น 5 กลีบ สีน้ำตาลอ่อน มีขนเหมือนเส้นไหมปกคลุม เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านเกสรเชื่อมกันเป็น 2 กลุ่ม อับเรณูมีสองแบบ เกสรเพศเมียมีรังไข่รูปแถบ มีขนยาวสีเทา รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ ผล เป็นฝักโค้งรูปขอบขนาน กว้าง 0.8-1 ซม. ยาว 5-9 ซม. ครึ้มประมาณ 5 มม. มีลักษณะม้วนงอที่ปลายฝัก ตามผิวมีขนสีน้ำตาลอมเหลืองหนาแน่น เป็นขนแข็งรวมทั้งสั้น พอฝักแห้งขนจะหลุดตกลอยละลิ่วตามลมได้ง่าย เมื่อโดนผิวหนัง จะก่อให้คัน ปวดแสบปวดร้อน เมล็ดมี 4-7 เมล็ด สีดำเป็นมัน เจอตามชายเขา ดงไผ่ รวมทั้งที่โล่งในป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ มีดอกและก็ติดผลราวพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม
ไม่เหมือนกันของหมามุ่ยไทย แล้วก็หมามุ่ยอินเดีย หมามุ่ยไทยและก็หมามุ่ยอินเดียนั้นมองผิวเผินแล้วบางครั้งอาจจะคล้ายกัน แต่ว่าก็มีความต่างกันที่ฝักและเมล็ด โดยสามารถพินิจได้ว่าหมามุ่ยประเทศอินเดียจะมีขนฝักสั้น เมื่อสัมผัสแล้วจะไม่มีอาการคัน แล้วก็เมื่อแกะฝักออกมาแล้วเมล็ดที่อยู่ภายในจะมีสองสีสลับกัน ดำบ้างขาวบ้าง ในเวลาที่หมามุ่ยไทยนั้นจะมีขนฝักยาวและหากสัมผัสก็จะก่อให้กำเนิดอาการคันและก็ บางทีอาจเกิดอาการแพ้ได้ ดังนี้ขนาดฝักก็ยังเล็กกว่าหมามุ่ยอินเดีย ส่วนสีของเมล็ดจะเป็นสีดำสนิทขนาดคละกันไป
[/b]
การขยายพันธุ์ของหมาหมุ่หมามุ่ยสามารถปลูก และขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด แต่โดยธรรมดาหมามุ่ยสามารถเจอได้ในป่าตามธรรมชาติ ทั้งยังป่ารกร้างแถบปริมณฑลหรือป่าเบญจพรรณ แล้วก็มักแพร่ระบาดเป็นหย่อมทั่วบริเวณที่เจอ หมามุ่ยเป็นพืชเถาที่เติบโตได้ดิบได้ดีในทุกดิน มีความคงทนต่อภาวะแล้ง แต่ว่าเกลียดพื้นที่ดินเปียก และมีน้ำขัง การปลูกจะใช้แนวทางการเพาะเมล็ดในถุงเพาะชำก่อน 1-2 เดือน แล้วนำลงแปลงปลูกภายในระยะระหว่างต้น 2 x 2 เมตร หลังปลูกเสร็จจำต้องทำค้างด้วยไผ่รอบหลุมปลูก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 เมตร สูงราว 1.5 เมตร ส่วนของหมามุ่ยที่นำมาใช้คุณประโยชน์ คือ เมล็ดแก่ ซึ่งจำต้องเก็บเมล็ดในระยะฝักแก่ ซึ่งตอนนี้เถาจะมีใบเหลือง ฝักมีสีน้ำตาลอมแดง ที่สามารถเก็บได้ฝักดิบแก่รวมทั้งฝักแก่แห้ง สำหรับในประเทศไทยสายพันธุ์ที่พบจะเป็นกลุ่มไม้ป่า Mucuna pruriens (L.) DC. (Cultivar group Pruriens)ซึ่งจะมีขนพิษปกคลุมที่ฝัก ทำให้มีการเกิดอาการคันเมื่อสัมผัส ส่วนกลุ่มที่เป็นไม้ปลูก Mucuna pruriens (L.) DC. (Cultivar group Utillis) จะไม่มีขนพิษที่ฝักและไม่มีการปลูกในประเทศไทย
องค์ประกอบทางเคมีเมล็ด พบสาร L-dopa หรือ L-3,4- dihydroxyphenylalanine สารกลุ่มอัลคาลอยด์ เช่น prurienine, prurienidine, nicotine, leeihun, gallic acid, tryptamine
ขน พบสาร serotonin และเอนไซม์ที่ทำให้ระคายเคืองผิวหนัง เช่น proteinase, mucanain
สรรพคุณ/การใช้ประโยชน์ของหมามุ่ยตำรายาไทย เมล็ด ปรุงเป็นยาแก้ไข้ ขับปัสสาวะ บำรุงประสาท ฝาดสมาน รักษาโรคชาย กระตุ้นกำหนัด กระตุ้นรวมทั้งเพิ่มสมรรถนะทางเพศชาย ราก ขับเยี่ยวอย่างแรง ใบ เป็นยาพอกแผล ขน จากฝักทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างแรง ทำให้คันและเป็นผื่นแดง ปวดแล้วก็บวม
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้ไม่อ่อนเพลียง่าย ช่วยทำให้ร่างกายมีชีวิตชีวารู้สึกดี เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าช่วยทำให้นอนสบาย ร่าเริงแจ่มใสแจ่มใสช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ดีเยี่ยมยิ่งขึ้นช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำเชื้อ แล้วก็ช่วยปรับให้คุณภาพของน้ำอสุจิให้ดีเยี่ยมเพิ่มขึ้นช่วยความเครียดน้อยลงช่วยเพิ่มการเผาไหม้และก็มวลของกล้าม คนภูเขาเผ่าอีก้อ ใช้ ใบ ตำคั้นน้ำ ทา หรือพอก รักษาอาการไฟลุกน้ำร้อนลวก
หมามุ่ยมีปรากฏอยู่ในตำราเรียนเภสัชตำรับอายุรเวทของประเทศอินเดียว่ามีมีการนำเม็ดและรากมาใช้ทำยาโดยบอกว่าเม็ดมีสรรพคุณสำหรับเพื่อการรักษาโรคเสื่อมความสามารถทางเพศในขนาดกิน 3-6 กรัม และยังมีการนำมาใช้กับโรคพาร์กินสันอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านี้ในเมล็ดของหมามุ่ยจะมีสาร L-dopaหรือ L-3,4- dihydroxyphenylalanine อยู่ปริมาณสูง ซึ่งถูกนำมาสร้างเพื่อการค้าขายสำหรับเพื่อการรักษาโรคพาร์กินสัน ซึ่งสาร L-dopa นี้เป็นสารขึ้นต้นของสารสื่อประสาท dopamine ซึ่งมีผลต่อสมองส่วนต่างๆในหลายเส้นทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมการเคลื่อนไหว และก็ยังมีผลทำให้ความดันเลือดต่ำลงอีกด้วย
หมามุ่ยมีประวัติการนำมาใช้เป็นอาหารในบางประเทศ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศอินเดีย มีการนำเมล็ดมาต้มน้ำหลายๆครั้งที่แล้วนำมารับประทานเพื่อกำจัดสารต้านโภชนาการ(anti-nutritional factors) ประเทศกัวเตมาลาแล้วก็ประเทศเม็กซิโก มีประวัติการนำมาอบและบดใช้กินแทนกาแฟ ใบใช้เป็นของกินเลี้ยงสัตว์ เป็นต้นอย่างไรก็ดี มีหลายประเทศที่จัดหมามุ่ยเป็นพืชที่ต้องระวังสำหรับการใช้ ดังจะมองเห็นได้จากการที่หมามุ่ยมีปรากฏอยู่ในรายชื่อพืชที่มีรายงานว่าประกอบด้วยสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติซึ่งอาจไม่ปลอดภัยต่อร่างกายของคนเราเมื่อใช้ในอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Compendium of botanicals reported to contain naturally occurring substances of possible concern for human health when used in food and food supplements) ที่คณะทำงานร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ของ EFSA (European Food Safety Authority Scientific Cooperation Working Group) ได้จัดรวบรวมขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินความปลอดภัยของของกินแล้วก็สินค้าเสริมของกินที่มีพืชกลุ่มนี้เป็นองค์ประกอบ
รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้หมามุ่ยแก้พิษแมงป่องกัดโดยตำเม็ดหมามุ่ยให้เป็นผุยผงแล้วผสมน้ำนิดหน่อยใช้พอกบริเวณที่ถูกกัด แก้ไอโดยใช้รากหมามุ่ยผสมกับรากมะเขือฝาดแช่น้ำกิน หรือนำรากหมามุ่ยมาต้มกับน้ำแล้วกินน้ำก็จะแก้อาการไอได้ ช่วยแก้อาการปวดปวดเมื่อยตามร่างกาย บอบช้ำใน ด้วยการใช้รากหมามุ่ย 1 กิโล เมล็ดผักกาด 5 ขีด และก็เมล็ดผักชี 3 ขีด นำมาตำรวมกันจนกระทั่งเป็นผุยผงแล้วผสมน้ำผึ้งป่าหมักทิ้งไว้ 3 เดือน แล้วนำมาใช้รับประทานก่อนนอน (ขนาดเท่าผลมะพวง) โดยที่กล่าวมานี้เป็นแบบอย่างและก็วิธีการใช้ในตำราโบราณเท่านั้น สำหรับการควบคุมผลิตภัณฑ์จากเม็ดหมามุ่ยโดยชอบด้วยกฎหมายในประเทศไทย ณ เดี๋ยวนี้ อย. ยังไม่มีการอนุญาตเมล็ดหมามุ่ยเป็นเสริมอาหารแต่มีการอนุญาตขึ้นบัญชีเป็นยาแผนโบราณในสูตรผสมมีเมล็ดหมามุ่ยและก็สมุนไพรอื่นๆสำหรับคุณประโยชน์บำรุงร่างกายแค่นั้น
การศึกษาทางเภสัชวิทยาหมามุ่ยที่มีการเอามาทำการศึกษาในขณะนี้และก็มีผลการศึกษาวิจัยที่ออกมานั้น เป็นหมามุ่ยสารพัดธุ์ประเทศอินเดียรวมทั้งสายพันธุ์จีน ส่วนสายพันธุ์ของไทยนั้น ยังไม่มีการนำมาศึกษาศึกษาค้นคว้าแต่อย่างใด โดยการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยเกี่ยวกับฤทธิ์ของหมามุ่ยต่อสมรรถนะทางเพศในสัตว์ทดสอบพบว่า การป้อนหนูแรทเพศผู้ด้วยสารสกัดเอทานอลเมล็ดหมามุ่ยที่ความเข้มข้น 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของน้ำหนักตัว วันละครั้ง ตรงเวลา 21 - 45 วัน สามารถเพิ่มสมรรถนะทางเพศของหนูได้ กล่าวคือมีผลทำให้การกระทำทางเพศของหนูแปรไป โดยมีการกระทำการจับคู่รวมทั้งการขึ้นคร่อมตัวเมียถี่ขึ้น และก็มีช่วงเวลาในการเริ่มสอดใส่ของลับครั้งแรกกระทั่งหลั่งน้ำกาม (ejaculation latency, EL) นานขึ้น นอกจากนั้นการศึกษาทางสถานพยาบาลในประเทศอินเดียกับอาสาสมัครผู้ชายที่มีสภาวะปริมาณสเปิร์มน้อย รวมทั้งสเปิร์มมีการขยับเขยื้อนไม่ปกติ โดยให้อาสาสมัครดื่มนมที่ผสมกับผงบดเมล็ดหมามุ่ยขนาด 5 กรัม วันละครั้ง เป็นเวลา 3 เดือนพบว่า ค่าความเข้มข้นของสเปิร์ม และก็การเคลื่อนไหวของสเปิร์มเยอะขึ้นเรื่อยๆอย่างเป็นจริงเป็นจัง และก็มีค่าแทบเทียบเท่ากับอาสาสมัครที่มีร่างกายแข็งแรง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมล็ดหมามุ่ยมีประสิทธิภาพสำหรับในการช่วยทำให้ปรุงประสิทธิภาพน้ำกามให้ดียิ่งขึ้นได้ แต่ว่าก็เป็นที่น่าสนใจว่าเมื่อนำผงบดของเมล็ดหมามุ่ยมาทดสอบในหนูแรทเพศภรรยา กลับส่งผลทำให้ความประพฤติทางเพศมีลัษณะทิศทางลดน้อยลง กล่าวคือ มีการกระทำการจับคู่กับหนูตัวผู้ต่ำลง รวมทั้งปฏิเสธการรับการผสมพันธุ์จากหนูตัวผู้ (5) แสดงให้เห็นว่าการกินเมล็ดหมามุ่ยบางทีอาจได้ผลผิดแผกแตกต่างในระหว่างเพศชายแล้วก็หญิง นอกจากนั้นสารสกัดที่ได้จากราก ลำต้น และเม็ด มีฤทธิ์ลดระดับความดันเลือดให้ลดน้อยลง มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด รวมทั้งช่วยรักษาโรคโรคเบาหวานรวมถึงมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบของต่อมลูกหมากได้
การศึกษาทางพิษวิทยาของหมามุ่ยการเล่าเรียนความเป็นพิษทันควันและก็ครึ่งหนึ่งกระทันหันของของเม็ดหมามุ่ย พบว่า เมื่อให้ผงเมล็ดหมามุ่ยทางปากแก่หนูถีบจักรเพศผู้ พบว่าขนาดของผงเมล็ด
หมามุ่ยทางปากสัตว์ทดสอบตายครึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากกว่า 1600 มิลลิกรัม/กก.(น้ำหนักตัว) และเมื่อให้ผงเมล็ดหมามุ่ยทางปากกับกระต่ายจำนวน 10 ตัว ในขนาด 70 มก./กิโลกรัม(น้ำหนักตัว)/วัน ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 90 วัน ไม่พบความไม่ดีเหมือนปกติที่มองเห็นด้วยตาเปล่าแล้วก็ค่าทางเลือดวิทยาอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกระต่ายกลุ่มควบคุม แม้ว่าการเล่าเรียนความเป็นพิษกะทันหันและก็กึ่งเฉียบพลันของเมล็ดหมามุ่ยจะไม่เจอความผิดปกติในสัตว์ทดลอง แม้กระนั้นมีการเล่าเรียนความเป็นพิษต่อไตของเม็ดหมามุ่ยสายพันธุ์ M. pruriens var. utilis 2 จำพวกเป็นชนิดที่ยังมิได้ปรุงสุกเปรียบเทียบกับประเภทที่ทำให้สุกโดยการต้มนาน 30 นาที ในหนูแรท โดยผสมในของกินปริมาณร้อยละ 10, 20 และ 50 เป็นเวลา 4 สัปดาห์ เทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับของกินปกติพบว่าค่ายูเรีย (urea) แล้วก็ครีแอทินิน (creatinine) ในเลือดสูงมากขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมรวมทั้งมากขึ้นตามปริมาณของเมล็ดหมามุ่ย นอกเหนือจากนี้ยังพบว่ากรุ๊ปที่ได้รับผงหมามุ่ยปรุงสุกมีค่ายูเรีย (urea) รวมทั้งครีแอทินิน (creatinine) ในเลือดต่ำกว่ากลุ่มที่ได้รับผงดิบ จึงอาจสรุปได้ว่าการบริโภคเมล็ดหมามุ่ยอาจจะก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อไตโดยขึ้นกับขนาดทุ่งนาดรับประทาน แล้วก็ความเป็นพิษบางทีอาจลดลงเมื่อทำให้เม็ดหมามุ่ยสุก
ข้อแนะนำ/ข้อควรระวังหมามุ่ยขนจากฝัก กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการระคายที่ผิวหนังอย่างแรง ทำให้คันเป็นผื่นแดง ปวดแล้วก็บวม คำเตือน เด็ก สตรีมีครรภ์ คนป่วยที่เป็นโรคความดันเลือดสูง และก็คนป่วยทางจิตใจเวชไม่ควรรับประทาน คนแพ้พืชเชื้อสายถั่วไม่ควรรับประทาน ด้วยเหตุว่าหมามุ่ยเป็นพืชตระกูลถั่วผู้เจ็บป่วยโรคหัวใจและระบบเส้นเลือดหัวใจไม่สมควรทาน เนื่องมาจากหมามุ่ยมีสารแอลโดขว้าง ซึ่งเป็นสารที่ผู้ป่วยโรคหัวใจรวมทั้งเส้นเลือดควรเลี่ยงเนื่องจากว่าจะก่อให้ความดันโลหิตต่ำลง ทำให้มีการเกิดอาการวิงเวียนศีรษะและเป็นลมเป็นแล้ง ยิ่งกว่านั้นยังเป็นต้นเหตุทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะอีกด้วย สารแอลโดปาจะไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเมลานินมากยิ่งขึ้น และทำให้ลักษณะของโรคโรคมะเร็งผิวหนังแย่ลงด้วยเหตุนี้คนเจ็บโรคมะเร็งผิวหนังก็เลยไม่สมควรใช้เด็ดขาด แม้กระนั้นแม้คุณเคยเป็นโรคมะเร็งหรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับผิวหนังก่อนใช้หมามุ่ยควรจะขอคำแนะนำแพทย์หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญก่อน
เพราะว่าหมามุ่ยมีหลายสายพันธุ์ รวมทั้งวิธีการปรุงก็เป็นไปตามองค์วิชาความรู้ของชนพื้นเมืองนั้นๆด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยไม่ควรเก็บหมามุ่ยมาบริโภคเองจนกระทั่งจะมีการรับรองความปลอดภัยของสายพันธ์ที่บริโภคและก็ส่งผลการเรียนรู้ความเป็นพิษของหมามุ่ยที่แน่ชัดแล้วก็น่าเชื่อถือ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
ประโยชน์หมามุ่ยTags : หมามุ่ย,สรรพคุณหมามุ่ย