คุณประโยชน์…คุณประโยชน์ซึ่งมาจาก “พริกไทยดำ” สมุนไพรรีบเผลาผลาญ • ร่างกายแข็งแร

ฝักอ่อน[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์ สามารถใช้ขับเสมหะ ระบายพิษไข้ ช่วยระบายท้องเด็ก เป็นยาระบายที่ไม่ปวดมวน ใช้ในเด็กหรือสตรีท้อง ท้องผูกเรื้อรัง แก้ไข้ไข้มาลาเรีย บิด แก้ต้นตานขโมย ใช้พอกแก้ปวดข้อ ระบายพิษโลหิต แก้ร้อนในกระหายน้ำ ทุเลาอาการแน่นหน้าอก บวมช้ำ จ่ายน้ำดี แก้ลมเข้าข้อและขัดข้อ ถ่ายโรคกระษัย ถ่ายเส้นเอ็น
ใบราชพฤกษ์ รสเมา ใช้ระบายท้อง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆแก้ฝีรวมทั้งเม็ดผื่นคันตามร่างกาย ฆ่าพยาธิผิวหนัง ตำพอกแก้ปวดข้อ แก้ลมตามข้อ แก้อัมพาต ใบอ่อน แก้ไข้รูมาติก
ดอกราชพฤกษ์ รสเปรี้ยว ขม ต้มน้ำดื่ม แก้ไข้ ระบายท้อง แก้พรรดึก แก้แผลเรื้อรัง พุพอง แก้ฝีเปื่อยยุ่ยพังทลาย แก้บวม เป็นยาหล่อลื่นไส้ รักษาโรคกระเพาะอาหาร ขับพยาธิไส้เดือน แก้แท้งลูกมีสารที่ออกฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ มีสารออกฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ ต้านทานเชื้อแบคทีเรียเอ็งรมบวกและแกรมลบ เป็นต้นว่า เชื้อที่ก่อการอักเสบของหูชั้นนอก สารสกัดจากดอกราชพฤกษ์มีฤทธิ์การต้านทานเชื้อรา
เปลือกต้นราชพฤกษ์ รสฝาดเมา แก้ท้องเสียฝนผสมกับต้นหญ้าฝรั่น น้ำตาล น้ำดอกไม้เทศ รับประทานแล้วนำไปสู่ลมเบ่งสำหรับเพื่อการคลอดลูกสมานแผล แก้ไข้ แก้ฝีคุดทะราด แก้โรคในอก แก้ฟกบวมในท้อง แก้ปวดมวน แก้เม็ดผื่นคันภายในร่างกาย แก้ตกเลือด แก้บวม แก้พยาธิ แก้ฝีเปื่อยยุ่ยพัง
แก่นราชพฤกษ์ รสเมา ขับพยาธิไส้เดือน แก้ขี้กลากโรคเกลื้อนระบายพิษไข้ กินกับหมาก กระพี้ รสเมา แก้รำมะนาด แก้ปวดฟัน
รากราชพฤกษ์ รสเมา แก้กลากโรคเกลื้อน ทำลายเชื้อโรคกุฏฐัง ระบายพิษไข้ แก้เซื่องซึม แก้หายใจขัด แก้ไข้ รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ ถุงน้ำดี เป็นยาระบายท้อง รักษากลาก แก้ลงท้อง แก้ฝีเปื่อยยุ่ยพัง แก้บวม แก้พยาธิ แก้แท้งลูก
เปลือกรากราชพฤกษ์ รสฝาด ต้มดื่ม ระบายพิษไข้ แก้ไข้ไข้จับสั่น
เปลือกราชพฤกษ์ เมล็ดรวมทั้งเปลือกฝัก ทำลายพิษเบื่อเมา ทำให้อาเจียน เม็ด ใช้ถ่ายพยาธิ แก้ตานซางตัวร้อน มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว
เปลือกราชพฤกษ์ และใบราชพฤกษ์ บดผสม ทาฝี รวมทั้งเม็ดตามร่างกาย

สรรพคุณชะพลู
ชะพล� ด้านการใช้เป็นของกิน ใบชะพลูมีรสหวาน เย็น แล้วก็กลิ่นหอมสดชื่นที่เป็นเอกลักษณ์ จึงนิยมเอามาทำกับข้าวได้นานัปการเมนู หน้าที่ของชะพลูในจานของกินครอบครัวประจำถิ่นมีมากมายเริ่มตั้งแต่เป็นผักสดที่นิยมกินกับของกินรสแซบทั้งหลายแหล่ อาทิเช่น ลาบ ก้อย น้ำตก เนื้อย่าง ปลาย่าง ตลอดจนน้ำพริกต่างๆชะพลูเป็นเครื่องปรุงที่ห้ามให้ขาดเลยเด็ดขาดในอาหารจานท้องถิ่นต่างๆแกงแคของภาคเหนือซึ่งถึงกับเรียกใบชะพลูว่า”ใบผักแค” เลยทีเดียว หรือไม่ก็เป็นเพราะใช้ใบชะพลูเป็นเครื่องปรุงเฉพาะบุคคล จึงเรียกแกงนั้นว่าแกงแครับเป็นไปได้สิ่งเดียวกัน ส่วนภาคอีสารนิยมใส่ในแกงอ่อมต่างๆแกงขนุนอ่อน แกงหัวปลี ภาคใต้ใช้แกงกะทิใบชะพลูกับหอยแครง ส่วนภาคกลางนิยมใส่แกงคั่วหอยขม นิยมนำมากินร่วมกับข้าวมันตำส้ม ชนิดที่เรียกว่าถ้าเกิดขาดใบชะพลู รสชาติของข้าวมันตำส้มก็อร่อยไปเลย รสใบชะพลูขณะที่กัดและก็เคี้ยวรับประทานจะมีกลิ่นหอมหวนในขว้างรสจัด เคี้ยวนานๆจะได้รสเผ็ดอ่อนๆใบชะพลูขนาดกำลังอร่อยต้องเป็นใบที่ไม่อ่อนและไม่แก่จนถึงเหลือเกิน ใบก็เลยจะนุ่ม หอม แล้วก็เผ็ดพอดี อย่างไรก็แล้วแต่ ใบชะพลูกินได้ทุกขนาดอายุของมัน หากแม้แก่มากมายก็กินได้เพราะว่าเส้นใยไม่ถึงกับเหนียวกระทั่งกัดไม่ขาด เพียงแค่ใบจะหยาบสักนิด และก็กลิ่นจะฉุดเล็กน้อย ในใบชะพลูมีสารเบตา-แคโรทีนสูงมากมาย ใบเอามารับประทานกับเมี่ยงคำ เอามาแกงใส่น้ำกะทิ ข้าวยำ ห่อหมก หรือเป็นผักจิ้มน้ำพริก ทางภาคใต้ใส่เอาไว้ภายในแกงกะทิหอยขมแกงคั่วปูในจังหวัดเมืองจันท์ใส่ในแกงป่าปลา
ผลดี/สรรพคุณของลูทีน
[url=http://www.disthai.com/16653547/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%99]ลูที� และก็ซีแซนทินเป็นแคโรทีนอยด์ที่สะสมอยู่รอบๆเรตินาของดวงตา ซึ่งเม็ดสีนี้จะปฏิบัติภารกิจคุ้มครองป้องกันเรตินารวมทั้งหน้าจอประสาทตาจากกรรมวิธี OxidativeStress ซึ่งนั่นถือว่าจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ และลูทีน (lutein) และซีแซนทีน (zeaxanthin) ปฏิบัติหน้าที่เป็นสารต่อต้านขบวนการออกซิเดชันเพื่อคุ้มครองปกป้องเซลล์รับแสง (photoreceptor cells) จากอันตรายจากอนุมูลอิสระที่เซลล์สร้างขึ้นเนื่องมาจากมีจำนวนออกสิเจนสูง (oxygen tension) แล้วก็จากการเช็ดกแสง นอกจากนั้นยังเชื่อว่าสารประกอบทั้งคู่นี้มีหน้าที่สำหรับการกรองแสงสีฟ้าที่เป็นคลื่นแสงสว่างที่มีพลังงานสูง คร่าวๆว่าจะสามารถกรองแสงสีฟ้าลงได้ถึง 40 % ก่อนที่จะแสงจะตกถึงแมคูลา ด้วยเหตุผลดังกล่าวจะสามารถลดสภาพการณ์ความเครียดขบวนการออกซิเดชันต่อหน้าจอประสาทตาได้อย่างมีนัยสำคัญนอกเหนือจากนั้นลูทีนยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในดวงตาของคนเราอีกด้วย เพราะดวงตาของพวกเราจะมีสารอนุมูลอิสระอยู่เยอะมากๆ ซึ่งจะเป็นตัวทำลายเซลล์รับภาพรวมทั้งก่อให้เกิดโรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับจอประสาทตาในเด็กและผู้ใหญ่ได้ ลูทีนถือเป็นสารอาหารที่มีความ สำคัญสำหรับในการคุ้มครองจอประสาทตา โดยลูทีนจะทำงานด้วยกันกับกรดไขมันดีเอชเอรวมทั้งเอเอซึ่งมีส่วนช่วยสำหรับในการสร้างเสริมความก้าวหน้าด้านการมองมองเห็นของเด็ก โดยดีเอชเอรวมทั้งเอเอ จะปฏิบัติภารกิจเหมือนเป็นหลอดไฟ ส่วนลูทีนจะปฏิบัติภารกิจเหมือนเป็นสารฉาบหลอดไฟฟ้าไม่ให้เสื่อมเร็ว แล้วก็นอกจากลูทีนจะพบได้บ่อยในดวงตาของผู้คนแล้ว ยังพบได้ในสมองในส่วนที่เกี่ยวกับการมองเห็นถึงร้อยละ 66 จึงมั่นใจว่าลูทีนมีส่วนช่วยสำหรับการรับภาพรวมทั้งส่งต่อไปยังสมองก้าวหน้าขึ้นอีกด้วยจากการศึกษาเล่าเรียนทางระบาดวิทยา พบหลักฐานว่า ลูทีนและก็ซีแซนทีนช่วยลดโรคจอประสาทตาเสื่อม (Age-related macular degeneration: AMD) สำนักงาน อาหารและยาสหรัฐอเมริกา ให้การยืนยันผลิตภัณฑ์เสริมของกินลูทีนแล้วก็ซีแซนทีน สำหรับในการลดการเสี่ยงของการเกิดความเสื่อมของตา อันเป็นผลมาจากอายุที่เพิ่มขึ้น นอกจาก ลูทีนและก็ซีแซนทีน จะมีคุณลักษณะสำหรับในการช่วยชะลอความเสื่อมโทรมของเรตินา และเลนส์ตาแล้ว ยังมีผลให้ผิวหนังชุ่มชื้น ช่วยต้านอนุมูลอิสระ คุ้มครองป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก รวมทั้งคุ้มครองป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
สรรพคุณแห้วหมู
[url=http://www.disthai.com/16488293/%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9]แห้วหมู ถึงแม้ว่าหัวจะมีรสขมแต่ก็มีคุณค่าทางของกิน ในทวีปแอฟริกาใช้เป็นของกินเวลาขาดแคลน รวมทั้งเป็นของกินนกในเวลาย้ายถิ่น การใช้คุณประโยชน์จากหญ้าแห้วหมู นิยมนำท่อนหัวใต้ดินมาใช้มากที่สุด เพราะมีสารหลายชนิดดังที่กล่าวข้างต้น สารสกัดที่ได้จากหัวหญ้าแห้วหมูหรือการนำหัวหญ้าแห้วหมูมาใช้นั้น นิยมใช้รักษาโรคต่างๆ
แบบเรียนยาไทย ขับลม แก้อาการแน่นหน้าอก อ้วก เข้ายาธาตุแก้ปวดท้อง ขับเหงื่อ ขับฉี่ เป็นยาระงับประสาท เป็นยาแก้ปวดในหญิงที่เมนส์เปลี่ยนไปจากปกติ ลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ ใช้แก้อาการคันตามผิวหนัง เป็นยาพอกฝีดูดหนอง
แพทย์พื้นบ้าน ใช้เป็นยาบำรุงทารกในท้อง ปรุงเป็นยาธาตุขับลมในลำไส้ และแก้อาการปวดท้องเพราะเหตุว่าท้องขึ้น เฟ้อ ใช้ผสมในลูกแห้งหมาก หรือแป้งเหล้า สำหรับเพื่อการทำแอลกอฮอล์ เนื่องจากว่าทำให้เกิดก๊าซเร็ว หญ้าแห้วหมูมีคุณลักษณะเป็นสมุนไพร ซึ่งหัวมีรสเผ็ดขมเล็กน้อย ใช้ขับลม ส่วนสารสกัดจากรากมีฤทธิ์ขับฉี่ตำรับยาอายุรเวทของอินเดีย ใช้แก้ไข้ ความไม่ปกติในทางเดินของกิน ชาวอาหรับในรอบๆเลอวานต์นำหัวไปอบให้ร้อน ใช้ประคบบริเวณที่บวม ตำราเรียนยาจีนเรียกเซียวฟู่ (ภาษาจีนกลาง) หรือเฮียวหู้ (ภาษาจีนแต้จิ๋ว) รากใช้เป็นยาแก้ปวด แก้อักเสบ
หมอแผนใหม่ ใช้หญ้าแห้วหมูรักษาอาการคลื่นไส้ อาการอักเสบ ลดความเจ็บปวด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ มีสารที่มีฤทธิ์ทางเภสัชศาสตร์หลายแบบดังเช่น: α-cyperone β-selinene cyperene cyperotundone patchoulenone sugeonol kobusone และก็ isokobusone สารสกัดจากหัวที่สกัดด้วยเอทานอล มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์แซนธีน- ออกซิเดส เชื้อไข้จับสั่นลดฤทธิ์อะฟาทอกสิน ลดความเป็นพิษที่มีต่อตับ ลดฤทธิ์แอลกอฮอล์ รักษาแผลในกระเพาะเพิ่มระดับความดันเลือด กระตุ้นประสาท กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด ลดอาการหดเกร็งของลำไส้ กล้ามมดลูก และก็กล้ามเรียบ บำรุงหัวใจ กระตุ้นระบบหายใจ ลดการอักเสบ ยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี Glutamate pyruvate transaminase, Prostaglandin synthetase , Aldose reductase , gamma– glutamyl transpeptidase ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน Estrogen ช่วยลดระดับไขมัน ไตรกลีเซอไรด์ และ chlolesteral ในเลือด เพิ่มความเข้มข้นของ Plasma protein และก็ยั้งการชีวสังเคราะห์ Prostaglandin

Tags : ขายพริกไทยดำ,รับผลิตพริกไทยดำ

	ผู้เขียน	หัวข้อ: คุณประโยชน์…คุณประโยชน์ซึ่งมาจาก “พริกไทยดำ” สมุนไพรรีบเผลาผลาญ • ร่างกายแข็งแร (อ่าน 12 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้