สมุนไพรโกษฐมีความหมายอย่างไร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรโกษฐมีความหมายอย่างไร  (อ่าน 19 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2017, 12:34:05 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


สมุนไพรพิกัดโกษฐ[/size][/b]
โกรธเป็นพิกัดเครื่องยาหมู่หนึ่งที่ใช้มากมายในไทย หนังสือเรียนโบราณเขียนชื่อพิกัดยาพวกนี้ต่างกันออกไปหลายแบบ ในแผ่นจารึกตำราที่วัดราชบุตรชายสาราม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (แม้กระนั้นครั้งพระองค์ยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นพระผู้เป็นเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์) ขอความปรานีเกล้าให้จารึกไว้เป็นวิทยาทาน เมื่อทรงซ่อมวัดนี้ใน พ.ศ. ๒๓๖๔ มอบให้เป็นพระราชบุญกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ปรากฏชื่อพิกัดเครื่องยาไทยหมู่นี้เป็น โกด ทั้งหมดทั้งปวง ได้แก่ (พิมพ์ตาอักษรที่ปรากฏในแผ่นจารึก) ถ้าเกิดบุทคลใครกันแน่เจ็บป่วยเพื่อเสลด ปิตะ วาตะ สมุถานก็ดี ทำให้หิวโหยหาแรงมิได้ ให้ระหวยไป ให้ใจขุ่นหมองไม่ได้ชื่น ให้สวิงสวายหากำลังไม่ได้  ถ้าจะเอายานี้แก้ ยาชื่อมหาสมมิตร เอาโกดทั้งยังห้า เทียรห้า [url=http://www.disthai.com/16653544/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B2]ตรีผลา
จันทังสอง ลูกจั[/b] [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C/]ดอกจั[/b] มือวาน [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B9/]กานพู[/b] ขิงแห้ง [url=http://www.disthai.com/16488287/%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5]ดีปลี หญ้าแห้วหมู ไคร้เครือ เกษรบัวหลวง เกษรสารภี เกษรบัวเผื่อน เกษรบัวขม ดอกคำ ดอกผักตบ ดอกพิกุน เกสรบุนนาค ดอกสลิด ประจักษ์พยาน ชลูด อบเช[/b] [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/06/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/]ชะเอ[/b] ปัญหา ชะมดเชียง พิมเสน เอาเท่าเทียมทำเป็นจุณ เอาดีงูเหลือม เช่น้ำดอกไม้ประสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ก็ได้ น้ำตาลทรายก็ได้ น้ำค้างคืนก็ได้ รับประทานแก้รส่ำรสายแลดับพิษไข้ทั้งผอง ทำให้คลุ้มคลั่งให้เพ้อให้เชื่อมให้มัว แก้ลิ้นหยาบคางแข็ง แลชูกำลังยิ่งนักฯ
ส่วนศิลาจารึกตำราเรียนที่วัดพระเชเหม็นตุพนใสมังคลาราม(วัดโพธิ์) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้จารึกไว้เพื่อเป็นวิทยาทาน คราวที่ทรงซ่อมแซมบูรณะใหญ่เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๗๕ และก็คณะอาจารย์สถานที่เรียนหมอแผนโบราณได้เก็บรวบรวมพิมพ์เป็นเล่มเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๐๕  ในตำราเรียนยาฯนี้บันทึกชื่อเครื่องยาในหมู่นี้เป็น โกฐ ทั้งหมด ตัวอย่างเช่นศิลาจารึกที่ศาลา ๗ เสา ๖  แผ่น ๔ ดังต่อไปนี้
ปุนะจะปะรัง ลำดับนี้จะกล่าวด้วยนัยหนึ่งใหม่ เกี่ยวกับลักษณะสันนิบาตอันมีขึ้นเพื่อดีรั่วนั้นเป็นคำรบ ๔  เมื่อจะบังเกิดขึ้นแก่บุคคลใดก็ดีแล้ว ก็ทำให้ลงดุจกินยารุ มูลนั้นเหลืองดังน้ำขมิ้นสด ให้เคลิบเคลิ้มไปพบสติไม่ได้ แลให้หิวโหยนัก บริโภคของกินไม่อยู่ท้อง ให้สวิงสวาย ให้แน่นหน้าอกเป็นอย่างยิ่ง ให้อุทธรลั่นอยู่เป็นนิจมิได้ขาด ถ้าหากเเลลักษณะเป็นดังที่กล่าวถึงมาแล้วมานี้ ฯ ถ้าจะแก้เอาสมอ ๓ [url=http://www.disthai.com/16488243/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1]มะขามป้อ[/b] ผลกระจู๋ม จันทน์อีกทั้ง ๒ โกญสอ โกฐเฉมา โกฐก้านพร้าว โกฐพุงปลา [url=http://www.disthai.com/16488286/%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2]โกฐน้ำเต้[/b] กฤษณา กระลำพัก แก่นสน กรักขี แก่นประดู่ รากขี้กาทั้ง ๒ ใบสันพร้ามอน [url=http://www.disthai.com/16536669/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%AD]ใบคนทีส[/b] รากกระทกรก รากทิ้งถ่อน รากผักหวาน ว่านน้ำ ไคร้หอม เสมอภาคต้มตามวิธีให้กิน แก้สันนิบาตอันเกิดขึ้นเพื่อปิตตะสมุฏฐานโรค กล่าวคือดีรั่วนั้นหายยอดเยี่ยมนักฯสำหรับ หนังสือหมอแผนไทยแผนโบราณ ซึ่งเก็บโดยขุนโสภิตบรรณรักษ์ (อำพัน คำเลื่องลือขจร) เขียนชื่อหมู่นี้เป็น โกฏ ทั้งหมดทั้งปวง เป็นต้นว่ายาแก้คอแห้งในคู่มือเล่ม ๓ ในขณะที่ว่าด้วยเสมหะพิการและยาแก้ ดังนี้ ยาแก้คอแห้งผาก แก้เสลดเหนียว แก้อาเจียน เอาโกฏทั้งยัง ๕ เทียนทั้ง ๕ ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ลูกกระวาน กานพลู [url=http://www.disthai.com/16488304/%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3]ว่านน้[/b] ประพรมมิ ดอกบุนนาค เกสรบัวหลวง ลูกราชดัด [url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิ[/b] [url=http://www.disthai.com/16488254/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2]พริกไท[/b] บดละลายน้ำท่าแทรกเกลือกิน แก้คลื่นไส้ละลายน้ำลูกยอต้มกิน
                     
ส่วนในหนังสือศาสตร์วัณ์ณที่นา – แบบเรียนแพทย์แบบเก่า
ซึ่งเรียบเรียงโดยนายสุ่ม วรกิจกว้างขวาง ตามตำราของพระยาวิเศษศาสตร์ดำรง(หนู) ผู้เป็นบิดา บันทึกชื่อเครื่องยาหมู่นี้เป็น โกฏฐ์ ทั้งผอง อาทิเช่น ยาเทวดานิมิตรในเล่ม ๔ ดังนี้ ถ้าหากจะเอายาชื่อเทพนิมิตต์ขนานนี้ ท่านให้เอาโกฏฐ์สอ ๑ โกฏฐ์เชียง ๑ โกฏฐ์เฉมา ๑ โกฏฐ์น้ำเต้า ๑ สมุลแว้ง ๑ อบเชย ๑ ขมิ้นเครือ ๑ แก่นสน ๑ สักขีพยาน ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน ดอกลำดวน ๑ กระดังงา ๑ ดอกจำปา ๑ สิ่งละ ๓ ส่วน จันทน์ ๒ กฤษณา ๑ กระลำพัก ๑ ขอนดอก ๑ แก่นประพรม ๑ ชะเอมเทศ ๑ หวายตะค้า ๑ [url=http://www.disthai.com/16488279/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9D%E0%B8%AD%E0%B8%A2]ดอกคำฝอย
๑ เลือดแรด ๑ สารส้ม ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน การบูร ๑ พริกไทย ๑ สิ่งละ ๕ ส่วน แก่นแสมทะเล ๑๖ ส่วน เบ็ญจเราล ตามพิกัด ทำเป็นผงแล้วเอาหญ้าแห้วหมูเป็นน้ำกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำแก่นไม้ต้มแทรกพิมเสนให้กิน แก้เลือดปกติโทษอันบังเกิดแต่กระดูกนั้นหายวิเศษนักแล
จึงเห็นได้ว่าหนังสือเรียนยาโบราณของไทยใช้ชื่อเครื่องในหมูนี้เป็น โกด โกฐ โกฏ หรือ โกฏฐ์ แตกต่างกันไปตามแต่จะเขียน เรื่องยาพิกัดนี้ทุกประเภทเป็นของที่มีกำเนิดในเมืองนอก และมีพ่อค้าฝรั่งนำเข้ามาขายในประเทศไทยนานแล้ว อย่างต่ำก็ก่อนสมัยสมเด็จพระทุ่งนารายณ์มหาราช (พุทธศักราช ๒๑๗๕ – ๒๒๓๑) เนื่องจากในตำราเรียนหมอแผนไทยซึ่ง ตำราเรียนพระโอสถพระนารายณ์ได้อ้างถึง ๒ เล่ม เป็นคัมภีร์โรคนิทาน และก็ตำรามหาโชตรัต มียาที่เข้าเข้าพิกัดนี้มากมายก่ายกองหลายขนาน และก็ใหหลายขนานในแบบเรียนพระยาพระนารายณ์เอง แต่ชื่อเครื่องยาหมู่นี้ควรเขียนคืออะไร มีที่มาและความหมายเช่นไร นอกจากเครื่องยาหมู่นี้บางจำพวกเป็นยังไง มีที่มาที่ไปยังไงอย่างเป็นข้อโต้แย้งที่ยังหาบทสรุปไม่ได้
สาเหตุของคำ โกษฐ์
โกษฐ์ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ . ๒๕๔๒ เลือกเก็บคำ โกฐ ไว้โดยนิยามดังนี้ โกฐ (โกด) น. ชื่อยาสมุนไพรชนิดหนึ่ง ได้จากส่วนต่างๆของพืช มีหลากหลายประเภท หนังสือเรียนยาแผนโบราณเขียนเป็น โกฎ โกฏ โกฏฐ์ โกด หรือ โกษฐ์ ก็มี (ป.โกฏฐ) คำ โกฐ ที่ราชบัณฑิตยสถาน (โดยนักปราชญ์ทางบาลี-สันสกฤต) เลือกเก็บไว้นั้น มีในภาษาสันสกฤตจริง แต่เป็นชื่อที่ใช้เรียกสมุนไพรซึ่งแพทย์แผนไทยเรียกโกฐกระดูก (kut หรือ kuth ) จึงน่าจะเป็นสาเหตุของการเลือกเก็บคำ โกฐ ของราชบัณฑิตยสถาน อย่างไรก็แล้วแต่ คำ โกฐ นี้แสดงว่าโรคเรื้อน ส่วนคำ โกฏฐ ในภาษาบาลีมีความหมายว่า ลำไส้ ท้อง คำ ๒ คำนี้ ไม่น่าจะเป็นชื่อพิกัดเครื่องยาสมุนไพร นอกจาก คำที่อ่านออกเสียงว่า โกด เขียนได้อีกหลายแบบ แม้กระนั้นก็บอกคำจำกัดความที่แตกต่าง ตัวอย่างเช่น
โกส แสดงว่า ผอบ; มีความหมายว่าผอมมาตราวัดความยาวเท่ากับ ๕๐๐ ชั่ว
โกฏิ มีความหมายว่า ๑๐ ล้าน
โกษ แสดงว่า อัณฑะ
หีบศพมีความหมายว่า ที่ใส่ศพนั่ง , ที่ใส่กระดูกผี ฝัก , กระพุ้ง, คลังเก็บของ คำที่ออกเสียง โกด ที่ใช้เรียกชื่อและพิกัดเครื่องยาสมุนไพรควรเขียนเช่นไรนั้น คงจะสืบสาวราวเรื่องหาต้นเหตุของคำนี้ แล้วเขียนให้ถูกต้อง ให้ตรงหรือใกล้เคียงกับคำในภาษาเดิมให้เยอะที่สุด เพื่อคงความหมายเดิมให้มากที่สุด น่าสังเกตว่า เรื่องยาสมุนไพรพิกัดมีทั้งหมดเป็นเครื่องยาเทศหรือเครื่องยาจีน เป็นสมุนไพรที่รู้จักกันว่าเป็นของดีรวมทั้งใช้กันมาในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนและประเทศใกล้เคียง แล้วก็คำที่ออกเสียงแบบนี้ในภาษาไทยไม่มีคำไหนที่มีความหมายเกี่ยวกับยาหรือการบำบัดรักษาเลย คำนี้จึงน่าจะเป็นคำในภาษาอื่น อาจเป็นภาษาจีนหรือภาษาแขก เนื่องจากอายุรเวทซึ่งพัฒนาขึ้นในประเทศอินเดียและการแพทย์แผนจีนมีผลกระทบอย่างสูงในการพัฒนาการแพทย์ทางการแพทย์และก็เภสัชกรรมแผนหมอแผนไทยมาแม้กระนั้นโบราณ แม้กระนั้นคำที่ออกเสียงตัวสะกดแม่กดนั้นไม่มีใช้ในภาษาจีน ดังนั้น คำที่ออกเสียง โกด จึงน่าจะมีที่มาจากภาษาพื้นบ้านใดในประเทศอินเดียหรืออิหร่านในหนังสืออายุรเวทของอินเดีย มีคำ kuth หรือ kuth root เป็นชื่อเครื่องยาในภาษาถิ่นของดินแดนกัษไม่ระ แล้วก็ตำราฯว่ามีรากศัพท์มาจากคำ kusta ในภาษาประเทศอิหร่านหรือเปอร์เซีย ส่วนภาษาสันสกฤตเป็น kushta ภาษาฮินดีและเบงกาลีเป็น kut ภาษาทมิฬเป็น kostum หรือ goshtam ตำรายาไทยเรียกเครื่องยาประเภทนี้ว่า โกษฐ์กระดูก (costus) จึงได้ข้อยุติในชั้นต้นว่าคำ โกษฐ์ นี้คงจะมาจากภาษาเปอร์เซีย รวมทั้งคำนี้สื่อความหมายอย่างไร
ความหมายของคำ โกษฐ์
เมื่อคำ โกษฐ์ เป็นคำในภาษาอิหร่าน ก็เลยต้องค้นหาความหมายของคำในภาษาอิหร่าน โดยยิ่งไปกว่านั้นคำในภาษาดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นที่ใช้กับยาบำบัดโรคในตำราอูนานิ (Unani) แพทย์โอนามิหลังจากที่ได้อุตสาหะค้นหาความหมายของคำนี้มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานหลายสิบปี เมื่อไม่นานนี้เองจึงได้พบคำนี้ในหนังสือเก่าชื่อ ตำรายาแห่งการแพทย์ทิศตะวันออกของหมูแฮมดาร์ด (Hamdard Pharmacopoeia of Eastern Medicine) เรียบเรียงข้อเสนอแนะของที่ประชุมที่ปรึกษาทางเภสัชศาสตร์ที่หมูแฮมดาร์ด (The Pharmaceutical Advisory Council of Hamdard) มีนาย ฮะกิม อับดุล ฮาเมด (Hakim Abdul Hamed) เป็นประธาน รวมทั้งนายฮากิม โมฮัมเมด ซาเหนื่อย (Hakim Mohammed Said) เป็นบรรณาธิการ (หนังสือมิได้เจาะจงปีที่พิมพ์และสำนักพิมพ์) ในแบบเรียนดังที่กล่าวมาข้างต้น ๒๒๒ มียาหมวดหนึ่งเรียก kushta เขียนไว้ดังนี้
kushta is the past participle of kushtan (Persian for to kill) kushta therefore means killed or conquered In the Tibbi terminology kushta is employed for a medicine that used in small quantities and one that is immediately effective A kushta is a blend of metallic oxides , non-metals and their compounds, or minerals The ingredients are oxidized through the action of heat-a process that is rather specialized.The preparation of kushta results in the efficacy of a medicine and, after effecting its entry into the body the kushta discharges its curative role promptly and effectively.
ก็เลยสรุปได้ว่า คำนี้เป็นคำในภาษาอิหร่าน แสดงว่า ฆ่า ปราบ กำจัด ทําให้หายไป เทียบเสียงเป็น kushta และควรจะเทียบเคียงเป็นภาษาไทยว่า โกษฐ์ ก็เลยจะตรงกับคำในภาษาเดิมเยอะที่สุด แล้วก็บอกความหมายที่ไม่อาจเป็นอย่างอื่นได้ คำ โกษฐ์ นี้อาจจะเข้ามาสู่ราชอาณาจักรสยามพร้อมๆกับวัฒนธรรมอื่นๆของเปอร์เซีย แล้วก็การแพทย์โบราณแห่งประเทศไทยคงยืมคำนี้มาใช้เรียกเครื่องยาหลายอย่าง ซึ่งแม้จะใช้เพลงจำนวนบางส่วน แม้กระนั้นก็ทรงอำนาจสำหรับเพื่อการบรรเทาโรคในตอนช่วงเวลาสั้นๆ
โกษฐ์ที่ใช้ในยาไทย
แพทย์แผนไทยรู้จักในเครื่องยาจีนและเครื่องยาเทศหลายอย่างในยาไทย การแสดงให้มองเห็นความคิดอันฉลาดปราดเปรื่องฉลาดของบรรพบุรุษไทยที่รู้จักใช้ของดีๆของฝรั่งในยาไทย เครื่องยากลุ่มนี้หลากหลายประเภทเรียก โกษฐ์ โดยจัดเป็นพิกัดตัวยาเป็น โกษฐ์อีกทั้ง ๕ โกษฐ์ อีกทั้ง ๗ โกษฐ์  ๙ และก็โกษฐ์พิเศษ นอกจากยังมีกดอีกหลายชนิดที่ไม่ได้จะเข้าเอาไว้ภายในพิกัดตัวยาเรียกโกษฐ์นอกพิกัด
ตารางที่๒ เครื่องยาในพิกัดโกษฐ์
เครื่องยา                ชื่อพฤษศาสตร์ของแหล่งที่มา ตระกูล             ส่วนของพืช
โกษฐ์เชียง              Angelica sinensis (Oliv.) Diels      Umbelliferae     รากแห้ง
โกษฐ์สอ Angelica dahurica (Fisch. Ex Hoffm.)
Benth. Hook.f. ex France&Sav.  Umbelliferae     รากแห้ง
โกษฐ์หัวบัว            Ligusticum sinense Oliv. cv. Chuanxiong                Umbelliferae     เหง้าแห้ง
โกษฐ์เขมา    Atractylodes lancea (Thunb.) DC.              Compositae        เหง้าแห้ง
โกษฐ์จุฬาลัมพา    Artemisia annua L.           Compositae        ใบและเรือนยอดที่-มีดอก
โกษฐ์ก้านพร้าว     Picrorhiza kurrooa Royle ex Benh.            Scrophulariaceae             เหง้าแห้ง
โกษฐ์กระดูก          Saussurea lappa Clarke  Compositae        เหง้าแห้ง
โกษฐ์พุงปลา         Terminalia chebula Retz.               Combretaceae  ปุ่มหูดที่กิ่งอ่อนรวมทั้งใบ
โกษฐ์ชฎามังษี       Nardistachys grandiflora DC.       Valerianaceae   รากแล้วก็เหง้าแห้ง
โกษฐ์กะกลิ้ง        Strychnos nux-vomica L.               Loganiaceae       เมล็ดแก่จัดเหง้าแห้ง
โกษฐ์กรักกรา        Pistacia chinensis Bunge spp. Integerrima (Stew. Ex Brandis) Rech.f.        Anacardiaceae  ปุ่มหูดที่กิ่งอ่อน
โกษฐ์น้ำเต้า           Rheum officinale Baill. หรือ R.palmatum L. หรือ R. tanguticum (Maxim.) Maxim. Ex Regel  Polyganaceae    รากแล้วก็เหง้าแห้ง
โกฐ  ๕ (ห้าโกษฐ์)  เป็นพิกัดเครื่องยาไทยอย่างเช่น โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เฉมา รวมทั้งโกษฐ์จุฬาลัมพา หนังสือเรียนสรรพคุณยาโบราณว่ายาพักนี้มีสรรพคุณโดยรวมแก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสมหะ แก้โรคหืดไอ แก้โรคปอด แก้โรคในปาก บำรุงกำลัง บำรุงเลือด แล้วก็แก้ลมในกองธาตุ โกษฐ์ทั้งยัง ๕ นี้เป็นเครื่องยาจีนที่มีขายในประเทศไทยมาแต่โบราณ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเครื่องยาที่ใช้มากมายทั้งในสมัยก่อนและยาไทย
โกษฐ์ ทั้งยัง  ๗ (สัตตโกษฐ์)  เป็นพิกัดตัวยา มีเรื่องยา ๗ ประเภท เป็นโกษฐ์ (โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เฉมา รวมทั้งโกษฐ์จุฬาลัมพา ) โกษฐ์ก้านพร้าว รวมทั้ง โกษฐ์กระดูกอีก ๒ จำพวก ตำราเรียนโมคุณประโยชน์ยาโบราณว่ายาหมู่นี้มีสรรพคุณโดยรวมแก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสลด แก้หืดไอ แก้โรคปอด แก้โรคในปาก ชูกำลัง บำรุงโลหิต แก้ลมในกองธาตุ แก้ไข้เรื้อรัง แก้หอบสะอึก และบำรุงกระดูก
โกษฐ์  ๙ (เนาวโกษฐ์)
เป็นพิกัดตัวยา มีโกษฐ์ทั้ง๗ (โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เขมา และโกษฐ์จุฬาลัมพา โกษฐ์ก้านพร้าว โกษฐ์กระดูก) กับ โกษฐ์ชฎามังษีแล้วก็โกษฐ์พุง
โกษฐ์พิเศษ
มีเครื่องยา ๓ ชนิด ตัวอย่างเช่น โกษฐ์กะกลิ้ง โกษฐ์กักกรา รวมทั้งโกษฐ์น้ำเต้า พิกัดโกษฐ์นี้มีคุณประโยชน์โดยรวมแก้โรคในปากในคอ ขับพยาธิ แก้พิษสัตว์กัดต่อย แก้ในกองอตำหนิสาร แก้ริดสีดวงทวาร ขับลมในไส้ แก้โรคหนองใน ขับประจำเดือนร้าย เพื่อช่วยให้นักเรียนวิชาการปรุงยาแผนไทยจำชื่อโกษฐ์ทั้งสิ้นได้ มหากัน สิกขรชาติ ได้เขียนกลอนช่วยกันจำเกี่ยวกับโกษฐ์ชนิดต่างๆในพิกัดยาไทยเรียงเป็นลำดับดังนี้
เชียงสอขอหัวบัว เฉมาชั่วช้าลักจุฬา
ก้านพร้าวเผากระดูก พุงปลาปลูกภายในชฎา
กะเกลือกและกรักกรา โกษฐ์น้ําเต้าตามที่มา
โกษฐ์เชียง
โกษฐ์เชียงเป็นรากแห้งของพืชอันมีชื่อวิชาพฤกษศาสตร์ว่า Angelica sinensis (Oliv.) Diels วงศ์ Umbelliferae คำว่า เชียง แปลได้หลายแบบ อาทิเช่น มีความหมายว่ามาจากเมือง หรือเมือง (ที่อยู่ชายน้ำ) ก็ได้ แต่ในที่นี้มีความหมายว่า (มาจาก) ที่สูง มีชื่อพ้อง Angelica polymorpha Maxim. var. sinensis Oliv.จีนเรียกเครื่องยานี้ว่า ตังกุย มีชื่อสามัญว่า Chinese angelica พืชที่ให้โกษฐ์เชียงเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปีสูง ๔๐-๑๐๐ เซนติเมตร ร่างอวบดก รูปทรงกระบอก แยกเป็นรากแขนงหลายราก มีกลิ่นหอมหวนแรงเฉพาะ ลำต้นตั้งตรง สีเขียวอมม่วง ใบหยักลึกแบบขนนกสามชั้น รูปไข่ (ตามแนวเส้นรอบนอก) ขนาดกว้าง ๒๕ ซม. ยาว ๓๐ เซนติเมตร แฉกใบมีก้านเห็นได้ชัดเจน
รูปไข่ถึงรูปใบหอก ปนรูปไข่ กว้าง ๐.๘-๒.๕ เซนติเมตร ยาว ๒-๒.๓ ซม. ขอบหยักฟันเลื่อยแบบไม่สม่ำเสมอ มักแยกเป็นแฉกย่อย ๒-๓ แฉก แผ่นใบเรียบ (นอกจากบริเวณเส้นใบ) ก้านใบยาว ๕-๒๐ ซม. โคนแผ่นเป็นกาบแคบๆสีอมม่วง ดอกออกเป็นช่อซี่ร่ม ออกตามปลายกิ่งหรือออกด้านข้างตามซอกใบ ก้านช่อยาว ๘-๑๐ เซนติเมตร ใบตกแต่งมี ๐-๒ ใบ รูปแถบ มีช่อซี่ร่มย่อยขนาดแตกต่างกัน ๑๐-๓๐ ช่อ ใบประดับประดาย่อยมี ๒-๔ ใบ รูปแถบ ยาวได้ถึง ๕ มิลลิเมตร ช่อซี่ร่มมีดอกย่อยสีขาว (บางโอกาสสีแดงอมม่วง) ๑๓-๓๕ ดอก กลีบเลี้ยงฝ่อ รูปไข่กลับ ปลายเว้าตื้น ฐานก้านเกสรเพศเมียกลมแบน ขอบแผลปีกยื่นออก ผลเป็นผลแบบผักชี ข้างล่างแบนข้าง รูปขอบขนานปนรูปรีถึงรูปไข่กลับ กว้าง ๓-๔ ไม่ลลิเมคร ยาว ๔-๖ มม. สันด้านล่างดกแคบ ด้านข้างมีปีกบาง กว้างราวความกว้างของผล มีท่อน้ำมัน ๑ ท่อต่อ ๑ ร่อง แต่ว่ามี ๒ ท่อตรงแนวเชื่อม พืชประเภทนี้มีเขตผู้กระทำระจายจำพวกในป่าดิบ ตามภูเขาสูงทางภาคกึ่งกลางของเมืองจีน คือบริเวณมณฑลกานซู หูเปย์ ซานซี ซื่อชวน (เสฉวน) และก็หยุนหนาน (ยูนนาน) พบขึ้นในที่สูงจากระดับน้ำทะเล ๒๕๐๐-๓๐๐๐ เมตร มีดอกในมิ.ย.ถึงก.ค. สำเร็จในกรกฎาคมถึงกันคุณยายน พืชจำพวกนี้ถูกพัฒนาสายพันธุ์เป็นพืชพืชปลูกลงในจีนมานานนับพันปีแล้ว ตอนนี้ปลูกเป็นพืชอาสินในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รวมทั้งเวียดนาม
โกษฐ์เชียงเป็นรากแห้ง รูปแบบทรงกระบอก ปลายแยกเป็นแขนง ๓-๕ แขนง หรือมากกว่า ยาว ๑๕-๒๕ เซนติเมตร เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเหลืองถึงสีน้ำตาล มีรอยย่นตามแนวยาว รอยช่องอากาศตามแนวขวาง ผิวไม่เรียบ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕-๔ เซนติเมตร มีแอนนูลัส ปลายมนแล้วก็กลม มีร่องรอยส่วนโคนต้นและก็จากใบสีม่วงหรือสีเขียวอมเหลือง รากแขนง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุด ๐.๓-๑ ซม. ตอนบนหนาตอนล่างเรียวเล็ก ส่วนมากบิด มีแผลที่เกิดขึ้นมาจากรากฝอย เนื้อเหนียว รอยหักสีขาวหรือสีน้ำตาลอมเหลือง เปลือกรากครึ้ม มีร่องแลกจุดมากไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนเนื้อรากสีจางกว่า มีวงแคมเบียมสีน้ำตาลอมเหลือง มีกลิ่นหอมสดชื่นแรง รสหวาน ฉุน และขมน้อย
ชาวจีนนิยมใช้ โกษฐ์เชียง เป็นเครื่องยาในยาขนาดต่างๆเยอะมากๆ ด้อยกว่าก็แต่ว่าชะเอม (licorice) เท่านั้น จีนใช้ขวดเชียงต่างกันเป็น รากหลักที่จีนเรียก (ตัง) กุยเท้า (สำเนียงแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ส่วนรากแขนงน้ำจีนเรียก (ตัง) กุยบ๊วย (สำเนียงแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยาขับเมนส์ แพทย์แผนจีนใช้เครื่องยาประเภทนี้ในยาเกี่ยวกับโรคเฉพาะสตรี ดังเช่นว่า ยาขับเมนส์ ยาโรคตีขึ้น แก้ไข้บนกระดานไฟ เกี่ยวกับอาการเลือดออกทุกประเภท แก้หวัด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเฟ้อ ตกมูกเลือด ขนาดที่ใช้คือ ๓-๙ กรัม สตรีจีนนิยมใช้โกษฐ์เชียงเป็นยากระตุ้น อวัยวะสืบพันธุ์ เพื่อให้ปฏิบัติผัวเจริญและก็เมื่อมีให้มีลูกดก โกษฐ์เชียงที่ขายตามร้านขายยาเครื่องยาสมุนไพรมักเป็น(ตัง) กุยบ๊วย ตำราเรียนบริบูรณ์ยาโบราณว่าโกษฐ์เชียงมีกลิ่นหอมยวนใจ รสหวานขม แก้ไข้ แก้สะอึก แก้เสียดแทงสองราวข้าง โกษฐ์นี้เป็นโกษฐ์ในพิกัดโกษฐ์ทั้ง ๕ โกษฐ์ ๗ แล้วก็โกษฐ์ทั้ง ๙ โกษฐ์เชียงน้ำมันระเหยง่ายอยู่ราวปริมาณร้อยละ ๐.๑-๐.๓ ในน้ำมันระเหยง่ายมีสารเชฟโรล (safrole) สารไอโซเซฟโรล (isosafrole) สารคาร์วาครอล (carvacrol) เป็นต้น นอกเหนือจากน้ำมันระเหยง่ายแล้วยังมีสารอื่นๆอีกหลายประเภท ตัวอย่างเช่น สาร ไลกัสติไลค์ (ligustilide) กรดเฟรูลิก (ferulic acid) กรด เอ็น-วาเลอโรฟีโนน-โอ-คาร์บอกซิลิก(n-valerophenone-O-carboxylic acid)
โกษฐ์สอ
เป็นรากแห้งของพืชอันมีชื่อวิชาพฤกษศาสตร์ว่า Angelica dahurica (Fisch ex Hoffm.) Benth & Hook.f. ex Franch , Sav. ในวงศ์ Umbelliferaeมีชื่อพ้องหลายชื่อ ยกตัวอย่างเช่น Callisace dahurica Franch & Sav., Angelica macrocarpa H.Wolff, Angelica porphyrocaulis Nakai &Kitag.,Angelica tschiliensis H.Wolff คำ สอ เป็นภาษาเขมรหมายความว่าขาว แบบเรียนโบราณลางเล่มเรียกเครื่องยานี้ว่า โกษฐ์สอจีน จีนเรียก ป๋ายจื่อ (สำเนียงแมนดาริน) เปะจี้ (สำเนียงแต้จิ๋ว) มีชื่อสามัญว่า Dahurain angelica พืชที่ให้โกษฐ์สอเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง ๑.-๒.๕๐ เมตร รากอวบใหญ่ เนื้อแข็ง รูปกรวยยาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๓-๕ เซนติเมตร อาจยาวได้ถึง ๓๐ เซนติเมตร หรือมากกว่า อาจแยกกิ่งก้านสาขาตรงปลาย มีกลิ่นหอมสดชื่นแรงเฉพาะ ลำต้นตั้งตรง เจ้าเนื้อสั้น โคนต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๒-๕ ซม. (หรือมากกว่า) มีสีม่วงแต้มนิดหน่อย ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก หรือหยักลึกแบบขนนก ๓ ชั้น แผ่นใบรูปไข่ปนรูปสามเหลี่ยม (ตามแนวเส้นรอบนอก) กว้างถึง ๔๐ เซนติเมตร ยาวถึง ๕๐ ซม. แฉกใบไม่มีก้าน รูปรีแคบถึงรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน กว้าง ๑-๔ ซม. ยาว ๔-๑๐ เซนติเมตร ปลายแหลม โคนเป็นครีบเล็กน้อย ขอบหยักฟันเลื่อยห่างๆก้านใบยาว โคนแผ่เป็นปีก ใบด้านบนรถยนต์รูปเหลือเพียงแค่กาบที่เกือบไม่มีแผ่นใบ ดอกเป็นดอกช่อซี่ร่มย่อยขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๐-๓๐ ซม. สีขาว ใบประดับประดามี ๐-๒ ใบ เหมือนกาบ ป่องออกห่อหุ้มช่อดอกเมื่อยังอ่อนอยู่ มีซี่ร่มย่อย ๑๘-๔๐ (หรือบางโอกาสถึง ๗๐) มีขนสั้นๆใบประดับย่อยมี ๑๔- ๑๖ ใบ รูปใบหอกปนรูปแถบ ยาวเกือบจะเท่าดอกย่อย กลีบเลี้ยงฝ่อ กลีบมี ๕ กลีบ รูปไข่กลับ ขนาดเล็ก



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ