สัตววัตถุหมีที่พบเจอในประเทศไทย

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุหมีที่พบเจอในประเทศไทย  (อ่าน 33 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2017, 10:27:38 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A2.png" alt="" border="0" />
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/]หมีที่พบในประเทศไท[/b]
๑. หมีควาย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Selenarctos  thibetanus (G. Cuvier)
มีชื่อพ้อง Ursus  thibetanus  G. Cuvier
ชื่อสามัญว่า Asiatic black  bear
ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑.๒๐-๑.๕๐ เมตร หางยาว ๖.๕-๑๐ ซม. น้ำหนักตัว ๖๐-๑๐๐ กิโลกรัม หัวค่อนข้างแบน แคบ ปากยาวกว่าหมีหมา ขนรอบจมูก คาง และรอบๆเหนือตามีสีขาว ใบหูใหญ่ ขอบกลมมน ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ อกมีขนสีขาวรูปตัววี  (V)  แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่โค้ง ปลายแหลม   ไม่หดกลับ หมีควายถูกใจออกหากินโดยลำพังในยามค่ำคืน  นอกจากในช่วงฤดูสืบพันธุ์  ช่วงเวลากลางวันมักแอบอยู่ในโพรงดิน ตามโคลนรากของต้นไม้ใหญ่หรือตามโพรงหิน ลางครั้งออกมาหาเลี้ยงชีพผลไม้สุกหรือรังผึ้งในกลางวัน ปีนต้นไม้เก่ง เดินด้วยขาทั้งยัง ๔ ข้าง เมื่อสู้กับศัตรูจะยืนด้วยขาหลังทั้งคู่ขา แล้วใช้ฝ่าตีนของขาหน้าตะปบศัตรู  ของกินที่กินคือผลไม้ [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/06/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%87/]น้ำผึ้[/b] [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87/]กวา[/b] เก้ง [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2/]หมูป่ปลา หมีควายโตเต็มวัยพร้อมสืบพันธุ์เมื่ออายุราว ๓ ปี ท้องนาน ๗-๘ เดือน  ออกลูกทีละ ๑-๒ ตัว คลอดลูกในถ้ำ หรือในโพรงไม้   อายุยืนราว ๓๐ ปี พบในทุกภาคของไทย ในต่างถิ่นพบที่เขมร เวียดนาม ปากีสถาน อินเดีย เนปาล ประเทศทิเบต ประเทศเกาหลี  จีน  ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน
๒. หมีหมา
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Helarctos  malayanus  (Raffles)
มีชื่อพ้อง  Ursus  malayanus  Raffles
ชื่อสามัญว่า  Malayan  sun  bear
หมีคน ก็เรียกเป็นหมีจำพวกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑-๑.๔๐ เมตร  หางยาว ๓-๕ ซม. น้ำหนักตัว ๓๐-๔๐กก. หัวกลม   ปากสั้น ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ ทรวงอกมีขนสีขาวหรือสีขาวอมเหลืองเป็นรูปตัวยู (U) แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่ โค้ง ปลายแหลม ไม่หดกลับ มีเต้านม ๔ เต้าบริเวณอกรวมทั้งหน้าท้อง หมีหมาถูกใจออกหากินเป็นคู่ในตอนค่ำ   ลางครั้งพบในกลางวันบ้าง ปีนต้นไม้ได้กระปรี้กระเปร่า สร้างรังนอนโดยดึงก้านไม้ กาบไม้   มาวางไว้ใต้ท้อง   แล้วปล่อยขาแขวนคร่อมกิ่งไม้ไว้ โดยการเอาคางเกยไว้ตรงง่ามไม้   ยืนด้วย ๒ ขาได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องการมองในระยะไกลหรือมองหาศัตรู เวลาเข้าทำร้ายจะแผดเสียงร้องเสมือนหมา อาหารที่รับประทานเป็นพวกผลไม้ แมลง ผึ้ง ปลวก ใบไม้ สัตว์ขนาดเล็ก หมีสุนัขโตเต็มวัยพร้อมสืบพันธุ์เมื่ออายุราว ๓-๕ ปี มีท้องนานราว ๙๕ วัน ตกลูกทีละ ๑-๒ ตัว อายุยืนราว ๒๐ ปี พบในทุกภาคของไทย  แต่ว่าพบได้มากมากทางภาคใต้ ในเมืองนอกพบที่ลาว เขมร เวียดนาม พม่า บังกลาเทศ   จีน   มาเลเชีย และก็อินโดนีเชีย
ดีหมีในยาจีน
ดีหมีเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งที่ใช้ในยาจีน มีราคาแพงมากรวมทั้งหายาก เครื่องยานี้มีชื่อภาษาละตินตามตำรายาว่า Fel  Ursi มีชื่อสามัญว่า bear  gall  จีนเรียก สงต่าน  (สำเนียงแมนดาริน) ได้จากถุงน้ำดีของหมี ๒ ชนิดหมายถึงหมีควาย Selenarctos  thibetanus (G. Cuvier) แล้วก็หมีสีน้ำตาล หรือ brown bear (Ursus  arctos  Linnaeus) วงศ์ Ursidae จำพวกข้างหลังไม่เจอในธรรมชาติในประเทศไทย ดีหมีที่ได้จากเขตยูนนาน ส่วนใหญ่เป็นดีของหมีควาย จัดเป็นดีหมีที่มีคุณภาพดีเยี่ยมที่สุด ในทางการค้าขาย เรียก อวิ๋นต่าน  (ดีจากยูนนาน) แต่ดีหมีที่มีขายในตลาดเอาแต่ได้จากหมีที่พบทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยเฉพาะเขตเฮย์หลงเจียงแล้วก็มณฑลจี๋หลิน จำนวนมากได้จากหมีสีน้ำตาล ในทางการค้าขายเรียก ตงต่าน  (ดีจากภาคทิศตะวันออก) ซึ่งมีจำนวนมากกว่า
ลักษณะของดีหมี
ดีหมีแห้งมีรูปร่างกลม ยาวรูปไข่  ส่วนบนเรียวและกลวง ข้างล่างเป็นถุงใหญ่  ยาว ๑๐-๒๐ ซม.  กว้าง ๕-๑๐ ซม. (ข้างล่าง) เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา สีน้ำตาลอมดำ หรือสีเหลืองอมสีน้ำตาล วาวบางส่วน ส่วนบนใส ดูได้เกือบจะทะลุผิวบางและร่น เมื่อฉีกขาดจะมองเห็นเป็นเส้นใย ในถุงน้ำดีมีน้ำดีที่แห้งแล้วเป็นก้อนหรือเป็นเม็ด บางทีก็เป็นผงหรือก้อนเหนียวๆสีเหลืองทองคำ เป็นมันเงา เปราะ ดีหมีที่มีสีเหลืองทองคำเหมือนสีอำพัน เนื้อบาง เปราะ เป็นเงาเงา มักเรียก ดีหมีสีทองคำ หรือ ดีหมีสีทองแดง ประเภททีมีสีดำหรือสีเขียวอมดำ แข็ง มีลักษณะเป็นแผ่น มักเรียก ดีหมีสีดำ  หรือ ดีหมีสีเหล็ก ส่วนชนิดที่มีสีเขียวอมเหลืองเนื้อเปราะ มักเรียก ดีหมีสีกะหล่ำดอกเมื่อเรียกลอง  ดีหมีมีรสขมก่อน ถัดมาจะรู้สึกหวาน กลิ่นหอมยวนใจเย็นๆหรือ คาวเล็กน้อย อมในปากจะละลายจนหมด ดีหมีที่มีคุณภาพดีควรมีรสขม  เย็น ไม่ติดฟัน  ก้อนน้ำดีสีเหลืองทองคำวาวเงา รสขมทีแรกๆ  แล้วหวานตามหลัง
ของแท้หรือของที่ไม่ใช่ของแท้
ด้วยเหตุว่าดีหมีเป็นเครื่องยาที่หายาก ก็เลยมีของปลอมขายมากในหลายรูปแบบ อย่างเช่น เลียนแบบด้วยดีหมู ดีวัว หรือดีแกะ แต่ว่าอาจตรวจดูดีหมีแท้ได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
๑. กรรมวิธีตรวจทางด้านกายภาพ อาจทำได้ด้วยการดูลักษณะทั่วไปด้านนอก แล้วก็ผิวและก็รูปร่าง ตรวจดูรูเปิดของถุงน้ำดีและก็รอบๆที่มัด มองปริมาณของน้ำดีแห้ง (ถ้าเกิดมีมากมายรวมทั้งเต็มบางทีอาจเป็นของปลอม) ตรวจทานน้ำหนักของดี (ถ้ามีน้ำหนักมากจนเกินความจำเป็น บางทีอาจเป็นของปนปลอมด้วยโลหะลางได้แก่ตะกั่ว หรือเหล็กผสมทราย) ตรวจด้วยการเอาผงดีหมีบางส่วนวางบนนิ้วชี้ หยดน้ำลงไป ๑ หยด แล้วขยี้ด้วยนิ้วโป้งมือ (แม้เป็นของแท้จะมีกลิ่นหอมเย็น) น้ำดีที่เป็นของแท้จะเปราะ แตกง่าย ได้ผลึกรูปหลายเหลี่ยม   (ถ้าเกิดเป็นของปลอมจะเหนียวรวมทั้งแข็ง ไม่เป็นเงา) แต่ กรรมวิธีนี้จะต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนิชำนาญมาก
๒. แนวทางเผาไฟ เอาเข็มเขี่ยๆผงดีหมีเล็กน้อย   เผาไฟ ถ้าเป็นของแท้จะปุดเป็นฟอง  แต่ว่าแม้เป็นของเลียนแบบจะติดไฟหรือเยิ้มเหลว หรืออาจมีปุดเป็นฟองแม้กระนั้นมีกลิ่นไม่พึงปรารถนา
๓. วิธีตรวจด้วยน้ำ เพิ่มเติมน้ำลงในแก้วน้ำ ขนาดราว ๓ ใน ๔ แก้ว เอาเกล็ดดีหมีน้อยใส่ลงเบาๆบนผิวน้ำ เกล็ดดีหมีนั้นจะหมุนอย่างรวดเร็วชั่วขณะเวลาหนึ่ง ขณะหมุนอยู่ก็จะละลายไปเรื่อยๆแล้วจมลงในน้ำ ทำให้เห็นเป็น “เส้นเหลือง” ลงสู่ก้นแก้ว เส้นเหลืองนี้คงอยู่นานกว่าจะหายไป ถ้าเกิดที่ผิวน้ำมีฝุ่นบางส่วนเมื่อใส่เกล็ดดีหมีลงบนผิวน้ำ   ผงดีหมีจะหมุนอย่างเร็วรวมทั้งผลักฝุ่นละอองที่ผิวน้ำให้กระจายออก นอกจากนั้น วิธีแบบนี้ยังคงอาจใช้เหล้าขาวแทนน้ำ จะเกิดเส้นเหลืองให้เห็นด้วยเหมือนกัน
๔. แนวทางตรวจทางเคมี ทำได้โดยตรวจสาระสำคัญในดีหมีซึ่งไม่พบในดีของสัตว์อื่นหมายถึงกรดเอ้อร์โซเดสออกศซิวัวลิก (ursodesoxycholic acid)  อาทิเช่น ด้วยวิธีรงคเลขผิวบาง  (thin-layered  chromatography) หรือด้วยวิธีรงคเลขของเหลวความสามารถสูง  (high  performance  liquid  chromatography  หรือ  HPLC)

[url=http://www.disthai.com/]สรรพคุณและก็ขนาดที่ใช[/size][/b]
แบบเรียนจีนว่า ดีหมีมีรสขม ฤทธิ์เย็น ใช้เป็นยาลดไข้ แก้อาการชัก บำรุงสายตา ใช้เป็นยาเจริญอาหารและก็ยาตอบแทนน้ำดี เป็นยาช่วยผู้เจ็บป่วยที่หมดสติเพราะว่าไข้สูง ใช้หยอดตา ทาหัวริดสีดวงทวารหนักที่กระตุ้นให้เกิดลักษณะของการปวดบวม ใช้กินเป็นยาแก้โรคตับอักเสบ โรคความดันโลหิตสูง โรคบิดเรื้อรัง ใช้ครั้งละ ๐.๖-๑.๕ กรัม   โดยชงน้ำ   หรือทำเป็นยาลูกกลอนก็ได้ หรือใช้ละลายน้ำเล็กน้อยเป็นยาใช้ภายนอก หรือใช้ทำเป็นยาตาก็ได้
ประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยใช้ดีหมีเป็นเครื่องยารวมทั้งกระสายยา ตำราเรียนสรรพคุณยาโบราณว่าดีหมีมีรสขม หวาน มีสรรพคุณดับพิษร้อนด้านใน แก้พิษบ้าคลั่ง สติลอย ตาเหม่อ บำรุงน้ำดี ขับรถยาให้แล่นทั่วตัว ใช้ดีหมีเป็นยากระจายเลือดลิ่มสำหรับบุคคลที่ซ้ำซอกเหตุเพราะตกต้นไม้หรือตกจากที่สูง หรือถูกของแข็งกระแทก ทำให้ฟกช้ำดำเขียว นอกจากดีหมีแล้ว หมอแผนไทยยังรู้จักใช้ “เขี้ยวหมี” เป็นเครื่องยาในตำรับยาหลายขนาน อย่างเช่น ยาปรับปรุงขนานหนึ่งใน พระตำรามหาโชตรัต ดังต่อไปนี้ สิทธิการิยะ ถ้าคนใดเปนไข้แลให้ร้อนข้างในให้อยากน้ำนัก แลตัวคนป่วยนั้นให้แข็งกระด้างราวกับขอนไม้แลท่อนฟืน ให้ตัวนั้นเปนเหน็บชาไปทั่วกายหยิกไม่เจ็บ ท่านว่าเกิดรอยแดงข้างในแลให้ปากแห้งคอแห้งผากฟันแห้งนมทุกข์ใจให้เปนต่างๆนั้น   ท่านว่ารอยดำผุดออกยังไม่สิ้นยังอยู่ในหัวใจนั้น   ถ้าจะแก้ให้เอารากกะตังบาย ๑   จันทน์ทั้งยัง ๒   สนเทศ ๑   ท้อถอยม ๑   เพ่งดูที่นาศ ๑   รากแตงรุนแรง ๑   รากหมูปลดปล่อย ๑   หัวมหารอยแดง ๑   หัวกะยามเช้าผีมด ๑   รากไคร้เครือ ๑   ใบยับยั้ง ๑   ใบภิมเสน ๑   ใบเฉียงพร้าหอม ๑   ใบทองพันชั่งน้ำหนัก ๑   [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99/]เขากวา[/color] ๑   งาช้าง ๑   เขี้ยวเสือ ๑   เขี้ยวหมี ๑   เขี้ยวไอ้เข้ ๑   เขี้ยวหมูป่า ๑   เขี้ยวแรด ๑   กรามพญานาค ๑   เขี้ยวปลาพยูน ๑   เกสรดอกบัวน้ำทั้งยัง ๗   [url=http://www.disthai.com/16484914/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%81]ผลสมอพิเภ[/color] ๑   เทียนดำ ๑   ใบสทายใจ ๑   เปลือกไข่เป็ดสด ๑   [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C/]ผลจันทน[/b] ๑   [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C/]ดอกจันทน[/color] ๑   [url=http://www.disthai.com/16488236/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2]สมอไท[/b] ๑   รากมะรุมบ้าน ๑   รวมยาดังนี้เอาเสมอภาค   ทำผง   แล้วจึงบดปั้นแท่งไว้   ฝนด้วยน้ำดอกไม้   ทั้งรับประทานทั้งพ่น   แก้สรรพไข้ทุกอันดังที่กล่าวถึงมาแล้วมานั้น   หายแล อนึ่ง “เขี้ยวหมี”   เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียก “นวเขี้ยว”   หรือ “[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/06/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%A7/]เนาวเขี้ย[/b]”   ดังเช่นว่า   เขี้ยวหมูป่า   เขี้ยวหมี   เขี้ยวเสือ   เขี้ยวแรด   เขี้ยวหมาป่า   เขี้ยวปลาพะยูน   เขี้ยวไอ้เข้  เขี้ยวเลียงเขาหิน   และงาช้าง

Tags : สัตววัตถุ



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ