Advertisement
เขาสัตว์อื่นที่ใช้แทนเขากุยได[/size][/b]
เขาประเภทอื่นที่มีคุณสมบัติละม้ายกับเขากุย ตำราว่าใช้แทนกันได้ ตัวอย่างเช่น
๑.กาเซลคอพอกมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gazella gutturosa Pallasมีชื่อสามัญว่า goitred gazelleพบในเอเชียกลาง จากทิศใต้ของทะเลสาบแคสเปียนถึงภาคตะวันตกของจีน โดยยิ่งไปกว่านั้นภาคเหนือของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ที่สม่ำเสมอไปจนกระทั่งเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน สัตว์ประเภทนี้เพศผู้มีต่อมใหญ่ขึ้นที่คอหอยคล้ายกับเป็นโรคคอพอก ซึ่งเห็นได้ชัดในช่วงฤดูสืบพันธุ์เพศผู้มีเขายาว ทางช้อนไปข้างหลัง ปลายงอนขึ้น ยาวราว ๒๕ เซนติเมตร
๒.ชิ รูหรือ แอนติโลปประเทศทิเบตมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pantholops hodgsoni Abelมีชื่อสามัญว่า chiru หรือ Tibetan antelopeเจอในท้องทุ่งเนินสูงของเขตปกครองตนเองประเทศทิเบต สูงที่ไหล่ยาว ๑ เมตร หนัก ๒๕-๓๕ กิโล มีเขายาวมาก ชอบย้ายถิ่นที่อยู่ ในช่วงฤดูผสมพันธุ์มีฝูงตัวเมียถึง ๒0 ตัว โดยที่ตัวผู้คุมฝูงอยู่เพียงแค่ตัวเดียว สัตว์จำพวกนี้ถูกใจใช้กลีบขุดหลุม นอนลึกๆเพื่อหลบลมเย็น
๓.กาเซลประเทศทิเบตมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Procapra picticaudata Hodgsonมีชื่อสามัญว่า Tibetan gazelleสัตว์ชนิดนี้มีลักษณะของกาเซลหลายประการ หมายถึง มีขนหางสั้น ไม่มีต่อมหัวตา ไม่มีพู่ขนบนเขา มีเขาเฉพาะบุคคลผู้ ตัวเมียไม่มีลายที่หน้า ปลายเขาไม่โค้งเป็นตะขอ รวมทั้งตรงปลายตูดมีแถบขาว สัตว์จำพวกนี้สูงที่ไหล่ราว ๖0-๖๕ เซนติเมตร หนักราว ๒0 กิโลกรัม ข้างตัวสีน้ำตาลจาง รวมทั้งจางเป็นสีเทาในฤดูร้อน พบตามเทือกเขาสูงในที่ราบสูงประเทศทิเบต
๔.กวางผา
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Nemorhaedus goral Hardwickeมีชื่อสามัญว่า common goral หรือ Himalayan goralพบในประเทศไทย ตามเทือกเขาที่สูงชันทางทิศตะวันตกของแม่น้ำปิง เคยพบที่ดอยม่อนจอง จังหวัดเชียงใหม่ แล้วก็ภาคตะวันตกของประเทศพม่าต่อกับบังกลาเทศ ตลอดกาลตามแนวเทือกเขาหิมาลัย ถึงบริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไซบีเรีย กวางหน้าผามีขนาดเล็กกว่าเลียงผา สีตามตัวเป็นสีเทาแกมน้ำตาลอ่อนๆแกมสีฟ้าจางๆที่ใต้คอมีสีขาว ที่สันคอไม่มีขนแผง แต่มีเส้นสีน้ำตาลเข้มจากสันคอไปบนสันหลังจนกระทั่งหาง กวางผาแตกต่างจากเลียงเขาหินตรงที่กวางผาไม่มีรูต่อมที่อยู่ระหว่างตากับจมูก เขาแหลมโค้งไปด้านหลังคล้ายแกงเลียงเขาหิน แต่ว่าเล็กมากยิ่งกว่า มีคอดที่โคนเขาราวกึ่งหนึ่งของความยาวเขา กวางผาเป็นสัตว์ที่ถูกใจอยู่เป็นฝูงราว ๕-๖ ตัว เดินหากินตามทุ่งหญ้าในตอนเช้า
สมุนไพร และก็ช่วงค่ำ บางเวลาก็นอนเล่นบนหิน พระหนังสือธาตุวิภังค์ให้ยาที่เข้า “เขากุย” ไว้ ๒ ขนาน ขนานหนึ่งเป็น “ยาจิตรมหาวงษ์” ซึ่งมีบันทึกไว้ ดังนี้ ยาชื่อจิตรมหาวงษ์ แก้คอยุ่ยลิ้นเปื่อยแลปากเปื่อยแลแก้ไอ ท่านให้เอา รากมะกล่ำ ต้น ๑ รากมะกล่ำเครือ ๑
รากมะขามป้อม ๑ เนระภูเขาสี ๑
เขากวา[/b] ๑
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%80/]เขากุ[/b] ๑ นอแรด ๑ งาช้าง ๑ จันทร์ทั้งคู่นี้ น้ำประสานทองสะเหม็นตุ ๑ ยาทั้งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำผงบดทำแท่งไว้ ลานตา
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/06/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%87/]น้ำผึ้[/b]ทา หายแล
พระตำราปฐมจินดาร์ให้ยาหลายขนานที่เข้า “เขากุย” ขนานหนึ่งเป็นยาแก้ซางแห้ง ซึ่งมีบันทึกไว้ ดังนี้ ยาแก้ทรางแห้ง เป็นทรางโจรทรางไฟ หากขึ้นตาเป็นเกล็ดกระดี่ แล้วให้เป็นเลิศขึ้นพรึงไปทั้งตัวดังผื่น เอาหอมแดง ๑ รากนมแมว ๑ รากเข็มเหลือง ๑ พรมไม่ ๑ กระทือ ๑
[url=http://www.disthai.com/16488307/%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A5]ไพล ๑
กระเทียม ๑ หว้านเปราะ ๑ รากถั่วภู ๑ เขากวาง ๑ นอแรด ๑ เขากุย ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจระเข้ ๑ เขี้ยวหมี ๑ เขี้ยวหมู ๑ เขี้ยวแรด ๑ โกศทั้งยัง ๕ เทียนทั้งยัง ๕
[url=http://การะบูร]การะบู[/b] ๑ บอแร็ก ๑ รวมยา ๒๘ สิ่งนี้ เอาเท่าเทียมกัน ทำเปณจุณ เอาน้ำดอกไม้เป็นกระสาย บดทำแท่ง ลานตาน้ำแตงร้านรับประทาน แก้ในตาต้อ ๔ แลต้อสำหรับทรางกุมารทั้งมวล