สัตววัตถุ อีเเร้ง

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ อีเเร้ง  (อ่าน 19 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
pramotepra222
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11838


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2017, 07:06:04 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87.jpg" alt="" border="0" />
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%87/]อีแร้[/b]
อีแร้งเป็นนกที่จัดอยู่ในสกุล Gyps มีชื่อสามัญว่า vulture ที่พบได้ในประเทศไทยมี ๓ จำพวก ทุกประเภทจัดอยู่ในสกุล Accipitridae  อีแร้งไทยอีก ๓ ประเภทนั้น ปัจจุบันหายากและมีจำนวนน้อย ลางประเภทอาจสูญพันธ์ไปแล้ว
๑. อีแร้งเทาข้างหลังขาว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gyps  bengalensis (Gmelin) มีชื่อสามัญว่า white – rumped  vulture เป็นนกท้องนาดใหญ่ ความยาวของสัตว์วัดจากปลายปากถึงปลายหางราว ๙0 เซนติเมตร ลำตัวสีดำแกมน้ำตาล หัวรวมทั้งคอไม่มีขนปกคลุม เป็นเพียงแค่แผ่นหนังสีคล้ำ ตอนล่างของคอมีขนเป็นวงรอบข้างหลัง สีขาว ตอนล่างแล้วก็โคนหางสีขาวชัด ด้านในต้นขามีแต้มสีขาว เห็นได้ชัดขณะเกาะยืน   เมื่ออายุน้อยลำตัวมีสีน้ำตาลออกแดงหรือน้ำตาลเข้ม ไม่มีแถบขาวเลย กินซากสัตว์เป็นอาหาร   สร้างรังบนยอดไม้สูง ในพ.ย.และก็เดือนธันวาคมจนถึงก.พ. วางไข่ครั้งละ ๑ ฟอง  ๒ เพศช่วยเหลือกันสร้างรังรวมทั้งกกไข่ ชนิดนี้มีเขตผู้กระทำระจายพันธุ์กว้าง ตั้งแต่อินเดีย ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองจีน และทั่วภูมิภาคเอเซียอาคเนย์  ในประเทศไทยเคยพบมากมายรอบๆที่ราบ แม้กระนั้นปัจจุบันหาดูได้ยากมากมาย   รู้เรื่องว่าแทบจะสิ้นพันธุ์ไปแล้ว

๒.อีแร้งปากเรียว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Gyps  indicus  (Scopoli)   มีชื่อสามัญว่า   long – billed  vulture   อีแร้งสีน้ำตาลประเทศอินเดีย  ก็เรียก  เป็นอีแร้งขนาดใหญ่  ขนาดวัดจากปลายปากถึงปลายหางยาวราว  ๙0  ซม. ตัวสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลแก่ขนทุกเส้นมีขอบสีจางกว่าสีพื้น   หัวและก็ลำคอมีขนอุยสีน้ำตาลออกขาวปกคลุม   ท้องสีน้ำตาลอ่อน มีจะงอยปากที่เรียวกว่านกแร้งประเภทอื่นๆตัวที่อายังน้อยมีสีแก่กว่าตัวโตเต็มวัย แล้วก็มักพบที่ขนอุยคงเหลืออยู่บนขนหัว เหมือนเคยอยู่เป็นฝูงเล็กๆ ร่วมกับอีแร้งจำพวกอื่นๆและก็ร่วมลงรับประทานซากสัตว์ร่วมกัน   พบมากจิกแล้วก็แย่งซากสัตว์กันตลอดเวลา  กระบวนการทำรังและวางไข่คล้ายกับอีแร้งจำพวกอื่นๆสร้างรังตอนเดือนพฤศจิกาถึงกุมภาพันธ์   ชอบอยู่ดังที่เตียนโล่ง ปริมณฑล ทำมาหากินตามลำห้วยใหญ่ๆ ในป่าเต็งรังแล้วก็ขว้างเบญจพรรณ มีเขตผู้กระทำระจายพันธุ์จากประเทศอินเดียถึงภูมิภาคอินโดจีน   ในประเทศไทยเคยพบได้บ่อย แต่เดี๋ยวนี้เชื่อว่าสิ้นพันธุ์ไปจากบ้านพวกเราแล้ว [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพ[/b]
๓.อีแร้งเทาหิมาลัย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Gyps   himalaiensis  Hume   มีชื่อสามัญว่า Himalayan  griffon  vulture อีแร้งสีน้ำตาลหิมาลัย  ก็เรียก เป็นอีแร้งขนาดใหญ่มากมาย ขนาดวัดจากปลายปากถึงปลายหางราว ๑๒๒ ซม. มีลักษณะเหมือนอีแร้งปากเรียว แต่ว่าตัวใหญ่มากยิ่งกว่ามาก เพศผู้แล้วก็ตัวเมียมีสีเช่นเดียวกัน ลำตัวด้านบนมีสีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลแกมขาว ด้านล่างสีเนื้อปนสีน้ำตาลอ่อน มีลายขีดขนาดใหญ่สีขาว ขนรอบคอยาว  สีน้ำตาล มีลายขีดสีขาว มักพบอยู่โดดๆหรืออยู่เป็นคู่ หรือ  ๒-๓  ตัว   ตามทุ่งโล่งหรือป่าบนภูเขา มักร่อนเป็นวงกลมตามซอกเขาหรอภูเขาเพื่อหาอาหาร  เป็นนกที่หลงเข้ามา หรืออพยพมาในประเทศไทยช่วงนอกฤดูสืบพันธุ์   หายากแล้วก็ปริมาณน้อย เคยมีรายงานว่าพบในกรุงเทพมหานคร แล้วก็ที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดบังเอิญคิรีหมวด



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ