Advertisement
[b]สมุนไพร[/b][/i][/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%9A.jpg" alt="" border="0" />ตะพา[/b]
ตะพาบ (mud turtle หรือ soft-shelled turtle) เป็นสัตว์คลานจำพวกหนึ่งจัดอยู่ในตระกูล Trionychidae มีลักษณะเหมือนเหมือนเต่าน้ำจืด ต่างกันตรงที่กระดองบน (carapace) และก็กระดองด้านล่าง (pastron) ไม่มีกระดูกเป็นแผ่นใหญ่ๆแต่มีหนังหุ้มแทน มีนิ้วยาว ตีนด้านหน้ามีแผ่นพังผืดกว้าง ใช้สำหรับพุ้ยน้ำ มีเล็บเพียง ๒-๓เล็บ คอหดในกระดองได้มิด แต่ว่าสามารถยืดคอออกได้ยาวมากเมื่อจะงับเหยื่อหรือกัดศัตรู ตะพาบน้ำทุกชนิดเป็นสัตว์น้ำจืดชืด พบได้ทั่วไปอยู่ตามห้วย บึง หนอง แล้วก็ตาม แม่น้ำลำคลอง ตะพาบน้ำสามารถขุดรูเป็นโพรงสำหรับอาศัย แล้วก็ยืดคอขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำ หรือยืดคอออกไปฮุบกุ้งปลาที่ว่ายน้ำผ่าน โดยที่ตัวไม่ต้องออกมาจากโพรงเมื่อน้ำในบ่อน้ำหนองแห้งลงในหน้าแล้ง ตะพาบน้ำจะทำโพรงอยู่ใต้ดินได้นาน จวบจนกระทั่งฝนตกจึงออกมาจากโพรงและก็เริ่มหาสัตว์น้ำต่างๆรับประทานเป็นของกิน ตะพาบน้ำรับประทานทั้งยังกุ้งแล้วก็ปลาใหม่ๆรวมทั้งเนื้อสัตว์ที่เน่าเปื่อย สามารถว่ายน้ำไปพบรับประทานไกลๆสำหรับการใช้มือจับตะพาบน้ำนั้นจับได้เฉพาะตรงที่ขอบกระดองตรงหน้าของโคนขาข้างหลัง แม้จับผิดตำแหน่งตะพาบซึ่งมีคอยาวจะยืดคอออกมาแว้งกัดมือได้
ตะพาบในประเทศไทยตะพาบที่เจอในประเทศไทยมีอย่างน้อง ๖ ประเภท เป็น๑.ตะพาบธรรมดา
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amyda cartilaginea (Boddart)[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร จำพวกนี้กระดองบนออกจะแบน ขอบกระดองอ่อนนิ่ม เมื่อโตสุดกำลังกระดองบนอาจยาวได้ถึง ๘๓ ซม. ขอบด้านหน้าของกระดองบนเป็นปุ่มขรุขระ ขอบกระดองล่างไม่มีสีเด่น ปากออกจะแหลม ที่หนังบนข้างหลังเป็นริ้วเล็กๆนูนขึ้นมาทั่วอีกทั้งหลัง ตัวอ่อนมีสีเขียวขี้ม้าปนเทา บางตัวมีจุดเหลืองๆหรือจุดดำๆขอบเหลือง หัวมีจุดเหลืองๆเป็นจุดใหญ่ทางด้านข้าง พอใช้แก่ จุดเหลืองบนหลังมักหายไป จุดที่ศีรษะก็เลือนไป ที่ใต้ท้องของตัวผู้มีสีขาว แม้กระนั้นที่ใต้ท้องของตัวเมียเป็นสีเทา ตะพาบน้ำจำพวกนี้มีมาก เจอทั่วไปในแม่น้ำลำคลอง หนอง บ่อน้ำ ในภาคกึ่งกลางของเมืองไทย อาจพบตามสายธารแล้วก็ห้วยที่เชิงเขา นอกจากนั้นยังเจอในภาคใต้ของประเทศพม่า ลาว เวียดนาม เขมร มาเลเซีย รวมทั้งตามหมู่เกาะมลายู
๒.ตะพาบน้ำหัวทู่ หรือ ตะพาบน้ำหัวกบ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pelochelys bibroni Owenประเภทนี้กระดองบนค่อนข้างแบน ขอบกระดองอ่อนนิ่ม ขอบด้านหน้าของกระดองบนเรียบ เมื่อโตเต็มกำลังมีขนาดใหญ่ กระดองบนบางทีอาจยาวได้ถึง ๑๒๐ ซม. จมูกสั้น หัวออกจะแบนและก็เล็กเมื่อเทียบกับลำตัว ความยาวของกะโหลกหัวใกล้เคียงกับความกว้าง ปากไม่แหลม ขาหน้าสั้น ตีนกว้าง กระดองข้างหลังมีสีเขียวขี้ม้าอมเทามีรูยุบเล็กๆทั่วไป มีจุดเหลืองๆกระจายอยู่ทั่วไป กระดองล่างสีขาว ในประเทศไทยพบอยู่ด้านใต้ นอกจากนี้ยังเจอที่ประเทศ ลาว เวียดนาม เขมร มาเลเซีย อินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ และก็ภาคใต้ของจีน
๓.ตะพาบข้างหลังลายกะรัง หรือ ตะพาบน้ำม่านลาย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chitra chitra Grayจำพวกนี้กระดองบนค่อนข้างจะแบน ขอบกระดองอ่อนนิ่ม ขอบด้านหน้าของกระดองบนเรียบ เมื่อโตเต็มที่มีขนาดใหญ่ กระดองบนอาจยาวได้ถึง ๑๒๒ ซม. เป็นชนิดที่มีตัวโตที่สุดของเมืองไทยรวมทั้งของโลก จมูกสั้น หัวค่อนข้างจะแบนแล้วก็เล็ก ความยาวของกะโหลกหัวเป็น ๒ เท่าของความกว้าง มีลวดลายบนหนังข้างบน เมื่อยังอายุยงน้อย กระดองบนมีสีเขียวอมเทา มีจุดลายดำเปรอะๆพอเพียงมีอายุเยอะขึ้นเรื่อยๆ บริเวณคอและก็กระดองบนจะมีลวดลายสีเหลืองหรือสีน้ำตาลเหมือนหินกะรังแต่พอใช้แก่มาก ลายสีนี้กลับจางลงไปอีก พบรอบๆที่ลุ่มแม่น้ำแม่กลองในประเทศไทยเขตที่ลุ่มอิระวดีในประเทศเมียนมาร์ ลุ่มแม่น้ำคงคารวมทั้งแม่น้ำสินธุในประเทศประเทศอินเดีย
๔.ตะพาบน้ำหลังยาว หรือ ตะพาบน้ำแก้มแดง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dogania subplana Geoffreyประเภทนี้กระดองบนออกจะแบน ยาว ขอบสองข้างค่อนข้างจะขนานกัน สีเขียวหม่นปนน้ำตาล ไม่กลมอย่างตะพาบน้ำจำพวกอื่นๆขอบกระดองอ่อนนิ่ม ขอบด้านหน้าของกระดองบนเรียบเมื่อโตสุดกำลังกระดองบนยาวได้ถึง ๒๖ เซนติเมตร หัวค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัว ปากแหลม กระดองด้านล่างไม่มีจุดสีดำแจ่มแจ้ง ที่ข้างคอแล้วก็แก้มมีสีแดงอ่อนๆพบได้ตามแหล่งน้ำสายธารบนที่สูงทางภาคตะวันตกและก็ภาคใต้ของประเทศไทยนอกนั้นยังอาจเจอในประเทศประเทศพม่ามาเลเซีย และประเทศฟิลิปปินส์
๕.ตะพาบน้ำไต้หวัน
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pelodiscus sinensis sinensis Wiegmannประเภทนี้กระดองบนค่อนข้างแบนขอบกระดองอ่อนนิ่ม ขอบด้านหน้าของกระดองบนเรียบ เมื่อโตเต็มที่กระดองบนยาวได้ถึง ๒๕ เซนติเมตร กระดองบนมีสีเขียวขี้ม้าหรือสีน้ำตาล กระดองล่างมีจุดสีดำเด่นชัด รวมทั้งมีสีส้มในระยะก่อนวัยเจริญพันธุ์ ที่รอบตามีเส้นเล็กๆเป็นรัศมีเป็นตะพาบจำพวกพื้นเมืองของจีน เอามาเลี้ยงเป็นสัตว์อาสิน นิดหน่อยหลุดมาแพร่พันธุ์ในแหล่งน้ำธรรมชาติ
๖.ตะพาบหับ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lissemys punctate scutata (Peters)เป็นตะพาบน้ำที่พบใหม่แล้วก็มีขนาดเล็กที่สุดของประเทศไทย เมื่อโตสุดกำลังกระดองข้างหลังบางทีอาจยาวได้ถึง ๑๖ ซม. กระดองหลังโค้ง นูน สีเขียวหมองหรือสีน้ำตาล สามารถหับหรือปิดกระดองได้ทั้งปวง เจอครั้งแรกรอบๆชายแดนไทยเมียนมาร์ แถบจังหวัดตาก เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เอง มีจำนวนน้อยและก็หายาก
ผลดีทางยาตะพาบที่พบในยาไทยมักหมายความว่าตะพาบปกติ แพทย์แผนไทยใช้ดีตะพาบน้ำ เป็นเครื่องยา แบบเรียนยาคุณประโยชน์โบราณว่า ดีตะพาบมีรสขม คาวมีคุณประโยชน์แก้ไข้สันนิบาต แก้พิษกาฬ แก้โรคตา และแก้ลมกองละเอียด (ลมตาลาย หน้ามืดลายตา) ในตำราพระยาพระนารายณ์มียาขนานหนึ่งเข้า “ดีตะพาบน้ำ” เป็นเครื่องยาด้วยดังต่อไปนี้น้ำมันภาลาธิไตล ให้เอารากหญ้าขัดหมอน รากขี้เหล็ก รากปะคำไก่ รากปะคำกระบือ รากมัน รากรักขาว รากลำโพงอีกทั้ง ๒ รากชุมเห็ด รากฝักส้มป่อย ขมิ้นอ้อย ขิง ข่า ยาดังนี้ควรต้มให้ต้ม ควรจะตำให้ตำ เอาน้ำสิ่งละทนาน น้ำมันพรรณผักกาด น้ำมันพิมเสน น้ำมันละหุ่ง น้ำมันงา สิ่งละทนาน หุงให้คงแต่น้ำมัน แล้วจึงเอา ดีตะพาบ ดีงูเหลือม พริกหอม พริกหาง พริกล่อน ฝิ่น สิ่งละสลึง เทียนอีกทั้ง ๕ สิ่งละบาท ๑ บดปรุงลงในน้ำมันไว้ ๓ วัน ก็เลยทาแลนวดแก้พระเส้นอันทพฤกให้หย่อนยาน แลฟกบวม เป็นขั้วเป็นหน่วยแข็งอยู่นั้นให้ละลายออกเป็นปรกติแลฯ
พระหนังสือปฐมจินดาร์ให้ยาแก้ซางเด็กขนานหนึ่งที่เขา “ดีตะพาบน้ำ” เป็นเครื่องยาด้วยดังต่อไปนี้ขนานหนึ่ง ท่านให้เอากราม
แรด ๑ กรามช้าง ๑ งาช้าง
นอแร[/b] ๑ เขี้ยวเสือ ๑ เขี้ยวจระเข้ ๑ เขี้ยวหมู ๑ กระดูกงูทับทาง ๑ โกฏทั้งยัง ๕ ขมิ้นอ้อย ๑
[url=http://www.disthai.com/16488307/%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A5]ไพ[/b] ๑
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3/]ดีตะพาบ ๑ ดีงูงูเหลือม ๑
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99/]พิมเส[/b] ๑ รวมยา ๑๘ สิ่งนี้เอาส่วนเสมอกัน ตำเป็นผุยผงบดปั้นแท่งไว้ ละลายน้ำเหล้า รับประทานแก้ทรางทั้งผอง หาย