สัตววัตถุ มดเเดง

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ มดเเดง  (อ่าน 28 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มกราคม 04, 2018, 08:15:41 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


มดแด[/b]
มดแดงเป็นมดชนิดหนึ่ง มีสีแดง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oecophyllasmaragdina(Fabricius)
จัดอยู่ในตระกูล Formicidae
ชีววิทยาของมด
มดเป็นแมลงพวกหนึ่ง มีลักษณะที่สำคัญเป็น  บริเวณส่วนท้องคอดกิ่วในขณะที่ตืดกับอกทางด้านหลังของส่วนท้องบ้องที่ ๑  หรือในมดบางชนิดศูนย์รวมไปถึงข้อที่  มดมีลักษณะเป็นโหนกสูงมากขึ้น โหนกนี้บางทีอาจโค้งมนหรือมีลักษณะเป็นแผนแบนก็ได้ ลักษณะโหนกนี้เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้มดไม่เหมือนกันกับกรุ๊ปแมลงที่ดูคล้ายคลึงกัน  อย่างเช่น  พวกต่อและแตน หรือไม่เหมือนกันกับปลวกที่คนทั่วไปมักงงงวยกัน โดยเห็นมดกับปลวกเช่นกันไปหมด นอกเหนือจากไม่เสมือนมดตรงที่ไม่มีโหนกแล้วปลวกยังมีส่วนท้องไม่คอดกิ่วอีกดัวย เนื่องจากข้อแรกๆของส่วนท้องของปลวกนั้น มีขนาดโตเท่าๆกับส่วนนอก หรือโตกว่าส่วนนอก
มดอยู่รวมกันเป็นกรุ๊ปเดียวกับปลวก มีชีวิตแบบสังคม โดยการทำรังอยู่ดัวยกันรังหนึ่งๆเป็นร้อย เป็นพัน หรือ หลายหมื่น หลายแสนตัว ไม่มีจำพวกใดอยู่สันโดษ ประกอบดัวยวรรณะ แต่ละวรรณะมีขนาด รูปร่าง ลักษณะ รวมทั้งเพศแตกต่าง พูดอีกนัยหนึ่ง มดตัวเมียเป็นแม่รัง ตัวผู้เป็นบิดารัง แล้วก็มดงานอันเป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันปฏิบัติภารกิจสร้างรัง เลี้ยงรัง แล้วก็เฝ้ารัง แต่ละวรรณะอาจมีรูปร่างลักษณะต่างกันออกไปอีก
อย่างเช่น มดงานซึ่งเป็นพวกที่ไม่มีปีกก็อาจปฏิบัติภารกิจทำรังและก็เลี้ยงรัง เหล่านี้มีร่างกายขนาดปรกติ หัวกระทรวงอุตสาหกรรมแล้วก็ท้องได้สัดส่วนกัน แต่ในขณะเดียวกันบางทีอาจเจอมดงานซึ่งปฏิบัติภารกิจเฝ้ารัง มดพวกนี้นอกเหนือจากตัวใหญ่มากยิ่งกว่ามดงานปกติเป็นอย่างมากแล้ว ยังมีหัวโต กรามใหญ่ มิได้รูปทรงกับลำตัวดัวย
ในกลุ่มมดเพศผู้แล้วก็มดตังเมียซึ่งเป็นบิดารังแล้วก็แม่รังนั้น อาจเจอได้ทั้งพวกที่มีปีกและไม่มีปีก หรือมีลำตัวโตหรือเล็กขนาดเท่าๆกับมดงานก็มี อย่างไรก็ตามมดตัวเมียที่เป็นแม่รังนั้นมักมีขนาดโตกว่าตัวผู้และก็มดงาน อาจพินิจมดเพศผู้ได้จากดางตาที่โตกว่ามดแม่รังและก็มดงานลูกรัง ซึ่งพวกข้างหลังนี้มักมีตาเล็ก จนถึงครั้งคราวแทบมองไม่เห็นว่าเป็นตา ส่วนมดบิดารังหรือมดแม่รังที่มีปีกนั้น ลักษณะของปีกแตกต่างจากพวกปลวกหรือแมลงเม่าอย่างชัดเจน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ปีกคู่หน้าของมดโตกว่าปีกคู่หลังมาก รูปร่างของปีกคู่หน้าแล้วก็ปีกคู่ข้างหลังก็แตกต่าง และที่สำคัญคือมีเส้นปีกน้อย ส่วนปลวกนั้น ปีกคู่หน้ากับปีกคู่ข้างหลังมีขนาดไล่เลี่ยกัน และรูปร่างของปีกก็คล้ายกัน เส้นปีกมีมากยิ่งกว่าเส้นปีกของมดมากมาย เห็นเป็นลวดลายเต็มไปทั้งปี

สมุนไพร ในตอนนี้มีการโดยประมาณกันว่า มดที่มีการแยกชื่อวิทยาศาสตร์ไว้แล้ว มีอยู่ไม่น้อยกว่า ๖,๐๐๐จำพวก คนไทยต่างเคยชินกับมดอย่างดีเยี่ยม ด้วยเหตุว่ามีมดหลายแบบอาศัยตามบ้านเรือน หรือในบริเวณใกล้เคียงกัยบ้านเรือน การเรียกชื่อมดของคนไทยอาจเรียกชื่อตามสีสันของมด โดยการเรียก “มด” นำหน้า อย่างเช่น มดแดง(OecophyllasmaragdinaFabrius) เพราะมีตัวสีแดง มดดำ (CataulacusgranulatusLatreillr, Hypocli-neathoracicus Smith) ซึ่งฟั่นเฟือนไปเป็นมด ฯลฯ มดบางจำพวกเราเรียกชื่อตามอาการอันเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากถูกมดนั้นกัด ตัวอย่างเช่น มดคัน (CamponotusmaculatusFabricius) ซึ่งเมื่อถูกกัดแล้วจะมีผลให้รู้สึกคันในบริเวณแผลที่กัด  หรือผูกคันไฟ  (Solenopsis  geminate Fabricius, SolenopsisgeminataFabricius var. rufaJerdon) ซึ่งเมื่อถูกกัด เว้นเสียแต่มีลักษณะคันแล้ว ยังมีอาการแสบร้อนราวกับถูกไฟลวก
บางชนิดก็เรียกตามกิริยาท่าทางที่มดแสดงออก ได้แก่ มดลนลาน (AnoploessislongipesJerdon) ซึ่งเป็นมดที่ชอบวิ่งเร็วและก็วิ่งพล่านไป เปรียบวิ่งดัวยความตื่นตระหนก  มดจำพวกนี้บางที่เรียกสั้นๆว่า มดตะลาน  ที่เพี้ยนเป็นมดตาลานก็มี หรือมดตูดงอล (CrematogasterdoheniiMaye) อันเป็นมดที่เวลาเดินหรือวิ่งมักยกท้องอืดสูงตั้งฉากกับพื้น  ทำให้ดูเหมือนก้นงอล  ฯลฯ
มดบางชนิดเป็นมดที่พสกนิกรตามเขตแดนใช้บริโภค  ก็เลยเรียกไปตามรสชาติอย่างเช่น  ทางภาคเหนือ  อันยกตัวอย่างเช่น  ชาวจังหวัดแพร่  น่าน  จังหวัดลำพูน  จังหวัดเชียงราย  จังหวัดเชียงใหม่  เป็นต้น  นิยมใช้มดแดงซึ่งมีรสเปรี้ยวแทนน้ำส้ม  ก็เรียกว่า มดส้มหรือมดมัน  ซึ่งชาวบ้านบางถิ่นนิยมกินกันเนื่องจากมีรสชาติมันแล้วก็อร่อย  จึงเรียกชื่อตามรสชาตินั้น อย่างไรก็ดี  มีมดบางจำพวกที่ประชาชนมิได้รัยกชื่อโดยใข้คำ “มด” นำหน้าอย่างเช่น เศษไม้ดิน (Doeylusorientalis  Westwood) ซึ่งเป็นมดที่ทำลายกัดรับประทานฝักถั่งลิสงที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอยู่ในดิน
มดก็เช่นเดียวกับแมลงประเภทอื่นที่อาจมีการรัยกชื่อบ้าไปตามท้องภิ่นอย่างเช่น  แม่รังที่มีปีกของมดแดง (OecophyllasmsrhdineFabrius) ชาวชนบทในเขตแดนภาคอีสาน  อันได้แก่  ชาวจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ จังหวัดนครพนม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานีเรียกแม่เป้งในช่วงเวลาที่คนภาคกบางมัดเรียกมดโม่ง  ส่วนชาวจังหวัดภาคใต้  อย่างเช่น  จังหวัดชุมพร  สุราษฎร์  สงขา  นครศรีธรรมราช  ภูเก็ต  เรียกว่าแม่เย้าหรือแม่เหยา
มดมีวงจรชีวิตในลักษณะที่พ่อรังรวมทั้งแม่รังที่มีปีกจะบินอกกจากรังและสืบพันธุ์กันเมื่อถึงเวลาแล้ว  มดตัวผู้มักตาย  มดตัวเมียซึ่งเตรียมสร้างรังใหม่ก็จะหาที่พักพิงอันมิดชิด  แล้วสลัดปีกทิ้ง  รอจนถึงไข่แก่ก็จะว่างไข่ เมื่อไข่ฟักเป็นตัวอ่อนแม่รังก็จะให้อาหารเลี้ยงลูกอ่อนกระทั่งเข้าดักแด้  รวมทั้งอกกมาเป็นตัวโตสุดกำลังแปลงเป็นมดงานที่เลี้ยงดูแม่ถัดไป  เมื่อมดงานปฏิบัติหน้าที่เลี้ยงรังได้แล้ว  แม่รังก็ทำ
หน้าที่วางไข่เพียงอย่างเดียว  การควบคุมวรรณะของรังบางทีอาจกระทำโดยการวางไข่ที่ต่างกัน  เช่น  ขนาดต่างกัน  ไข่ขนาดเล็ฟกออกมาเป็นมดตัวเมียที่เป็นแม่รังแล้วก็มดงาน  ส่วนไข่ขนาดใหญ่เป็นมดเพศผู้หรือมดพ่อรัง  รูปแบบของวงจรชีวิตแบบนี้ต่างจากปลวก  เพราะเหตุว่าปลวกนั้นเป็ฯแมลงเม่า  ซึ่งประกอบดัสยพ่อและก็แม่ปลวกที่มีปีกบินขึ้นผสมกันแล้  พ่อรังมักมีชืวิตอยู่แล้วก็ร่วมทำรักับแม่ปลวกซึ่งจัดเตรียมออกไข่  เมื่อไข่ฟักเป็นตัว  ก็จะเป็นปลวกงานที่สามารถทำงานชุบเลี้ยงบิดามารดาได้โดยไม่ต้องรอให้โตสุดกำลังเสียก่อน
นิสัยคาวมเป็นอยู่ของมดก็มีลักษณะต่างๆกัน  บางพวกทำรังอยู่บนต้อนไม้โยใช่ใบไม้ที่อาศัยมาห่อทำเป็นรวงรัง  อย่างเช่นมดแดง  หรือขนเศษพืชดินผสมน้ำลายทำรังใกล้กับไม้ที่อาศัย  อย่างเช่นมดลี่หรือมดตูดงอล  บางพวกสร้างรังในดินมีลักษณะเป็นช่องซับซ้อนเหมือนรังปวก  เป็นต้นว่ามดมันหรือแมลงมัน  รังของมดจึงมัรูปแบบของอุปกรณ์ที่สร้าง  องค์ประกอบ  และรูปร่างแตกต่างกันไปล้นหลามให้มองเห็นได้เสมอ
ชีวิวิทยาของมดแดง
เมื่อมดแม่รังได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  ครั้นไข่แก่ก็จะออกไข่  ไข่มดแดงมีขนาดเล็กสีขาวขุ่น  จะถูกวางเป็นกระจุกใกล้กับใบไม้ภายในรัง   ไข่ที่ได้รับการผสมจะรุ่งเรืองไปเป็นมดงานและก็มดแม่รังส่วนไข่ที่ไม่ได้รับผสมจะเจริญก้าวหน้าไปเป็นมดเพศผู้  เมื่อไข่เจริญก้าวหน้าขึ้นก็จะเข้าสู้ระยะตัวอ่อนในช่วงนี้บางทีอาจกินอาหารและก็ขยับตัวได้เล็กน้อย  แล้วต่อจากนั้นก็แปลงเป็นดักแด้ซึ่งมีลักษณะคล้ายตัวสมบูรณ์เต็มวัยทั้งหมดทุกอย่าง ขารวมทั้งปีกเป็นอิสระจากลำตัว  แล้วก็หยุดกินอาหาร  แล้วก็จะลอกตราบออกมาเป็นตัวเต็มวัย  แล้วก็ที่ขาวขุ่นก็จะเริ่มกลายเป็นสีอื่นตามวรรณะมดตัวโตเต็มวัย๓ วรรณะดังเช่น
๑. มดแม่รัง มีความยาว  ๑๕-๑๘ มม.  สีเขียวใสจนกระทั่งสีน้ำตาลแดงหัวและก็อกสีน้ำตาลเหมือนมดงาน  แม้กระนั้นหัวกว้างว่า  ส่วนนอกสั้น  อกบ้องแรกตรงอกบ้องที่ ๓ ทื่อ ขาสั้นกว่ามดงาน ปีกกว้าง  ข้อต่อหนวดสั้นกว่ากว่ามดงาน  ส่วนท้องเป็นรูปไข่  เมื่อได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่าตัว  ปฏิบัติภารกิจเพาะพันธุ์  รังหนึ่งบางทีอาจพบมดแม่รังหลายตัว  แต่ว่าจะมีเพียงตัวเดียวแค่นั้นที่จะผสมพันธุ์ได้
๒. มดตัวผู้  มีความยาว ๖-๗ มิลลิเมตร  ลำตัวสีดำ  หัวเล็ก  ฟันกรามแคบตาพอง  หนวดเป็นแบบด้าย  มี ๑๓ บ้อง  ฐานหนวดยาว  ปลายเส้นหนวดเบาๆใหญ่ขึ้นเป็นรูปกระบอก  อกข้อที่ ๓ ใหญ่  ข้อต่อหนวดยาว  ท้องรูปไข่  ปีกสีนวลใสมีบทบาทผสมพันธุ์พียงอย่างเดียว  อายุสั้นมากมาย  เมื่อสืบพันธุ์แล้วจะตาย
๓.  มดงาน  มีความยาว ๗-๑๑ มิลลิเมตร  กว้าง ๑.๕– ๒ มิลลิเมตร  สีแดงหัวและอกมีขนสั้นๆ หัวกลม  ข้างล่างแคบ  กรามไขว้กัน  ปลายแหลมโค้งตอนต่อไปแคบ  อกปล้องที่  ๒  กลม  โค้งขึ้น  อกบ้องที่ ๓ คอด  เหมือนอาน  ขายาวเรียว  ข้อต่อหนวดรูปไข่  ส่วนท้องสั้น  เป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันไม่มีปีก  มีบทบาทหาร  ทำรัง  รวมทั้งป้องกันศัตรู
ผลดีทางยา
ตำราคุณประโยชน์ยาบาราที่ว่า  น้ำเยี่ยวมดแดงสีรสเปรี้ยว  ฉุน  ดมแก้ลมแก้พิษเสลดโลหิต ชาวบ้านบางถิ่นใช้มดแดงทำลายพิษ  โดยการเอารังมดแดงมาเคาะใส่บริเวณปากแผลที่ถูกงูพิษกัด  ให้มดต่อยที่บริเวณนั้น  ไม่นานมดแดงก็จะตาย  ใช้มือปาดเอามดแดงเอาไป  แล้วเคาะมดแดงลงไปใหม่  ทำใหม่ๆไปเรื่อยๆจยกว่าจะถึงมือแพทพ์  บางครั้งบางคราวอาจจำต้องใช้มดแดงถึงกว่า ๑๐ รัง ยิ่งไปกว่านั้น  ชาวบ้านบางถิ่นยังอาจใช้เยี่ยวมดแดงทำความสอาดบาดแผลได้โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกำเนิดบาดแผลขึ้น  และไม่อยู่ในข้อตกลงที่จะชำระล้างบาดแผลหรือหายาใส่แผลได้  ยกตัวอย่างเช่น  เมือ่อยู่ในป่าหรือในนา  ก็บางทีอาจเอามดแดง ๕-๑๐ ตัว (ตามขนาดของบาดแผล)  วางไว้รอบๆปากแผล  ให้ปวดแสบปวดร้อนมาก
พระตำราธาตุวิภังค์ให้ยาแก้ “วัณโรค ๗ ประการ”  อันกำเนิดบางทีอาจ “หนองพิการหรือแตก” ซึ่งนำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการไอ  ซูบผอม  ไม่อยากกินอาหารยาขนานนี้เข้า “รังมดแดง” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังนี้ ปุพ์โพ  คือหนองทุพพลภาพหรือแตก ให้ไอเป็นอย่างยิ่ง  ให้กายผ่ายผอมหนัก  ให้ทานอาหารไม่จักรส  มักเป็นฝีในท้อง ๗ ประการ  ถ้าเกิดจะแก้ท่านให้เอารังมดแดง ๑ ตำลึง  หัวหอม ๑ ตำลึง ๑ บาท ขมิ้นอ้อยยาว ๑ องคุลี  ยาทั้งยัง ๗ สิ่งนี้ ต้ม ๓ เอา ๑ แทรก ดีเกลือตามธาตุหนักรวมทั้งธาตุเบาจ่ายบุมีดพร้ายซะก่อน แล้วจึงประกอบยาประจำธาตุในเสลดก็ได้



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ