พัฒนาการอันน่าทึ่งเครื่องใช้หลอดไฟ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พัฒนาการอันน่าทึ่งเครื่องใช้หลอดไฟ  (อ่าน 17 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Saichonka
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 21399


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มกราคม 26, 2018, 07:42:51 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


 
ตั้งแต่โบราณกาลจนถึงสมัยปัจจุบันเจ้าหลอดใสๆ ก็ให้อาภาสแก่มนุษย์ในยามราตรีได้ทั่วถึงกัน เริ่มละเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วที่หลอดไฟเริ่มมีบทบาทในการใช้ชีวิตของเรา พร้อมทั้งใช้ต่อเนื่องมาถึงช่วงปัจจุบัน มีการเพิ่มปริมาณต่อยอดกันมาเรื่อย ๆ ไม่มีเงินมาถึงหลอดไฟ LED ในปัจจุบัน พร้อมกับมีแนวโน้มในการพัฒนาไปอีกในภายภาคหน้า วันนี้เราจึงมีมรรคาการพันาของเจ้าหลอดไฟนี้มาเล่าสู่กันยอมรับฟังค่ะ มาเริ่มกั้นในยุคดั้งเดิมเลยค่ะ คือว่า
 
 ยุคหลอดไส้ เหรอชื่ออย่างเป็นทางราชการว่า หลอด Incandescent
ร้อยกว่าปีมาแล้ว ที่เหล่ากอนักวิทยาศาสตร์ค้นเจอหลอดไส้ แต่น่าเสียดายว่ามันเป็นเพียงแค่แนวคิดทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ยังไม่รอบรู้ทำได้จริง ตราบเท่า โทมัส เอวา เอดิสัน ก็ได้นำหลักการที่ว่านี้ มาขยายต่อจนประสบผลสัมฤทธิ์ และในครั้งต่อมา เขาก็เชี่ยวชาญค้นพบวิธีการสร้าง หลอดไฟ หลอดแรก ของโลก เพราะว่าเป็นหลอดไส้ ที่ทำจากคาร์บอน ซึ่งต่อมาก็ได้รับความชื่นชอบไปทั่วโลก แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องตรงที่ว่า หลอดไส้ของโทมัสสามารใช้งานได้ช้านานที่สุดแค่ 13 ชม. เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อมาจึงคิดค้นวิธีที่จะทำเอามีระยะการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ด้วยกันในที่สุดก็ได้พัฒนาเป็นหลอดไส้แบบทังสเตนที่เป็นได้ทนความร้อนได้สูงถึง 3,000 องศาเซลเซียส ทำเอาใช้งานได้นานสองนานขึ้นจาก 13 ชม. เป็น 1,000 - 3,000 ชม.

ยุคหลอดก๊าซปรอท หลอดไฟยุคกลางๆ (ประมาณ 80 ปี โดยประมาณ)
 หลอดก๊าซปรอทหรือไม่เรียกง่าย ๆ ว่า หลอดนีออน หรือไม่หลอด ฟลูออเรสเซนต์ และที่เรียกว่าหลอดก๊าซเพราะว่าบรรจุก๊าซไว้ข้างใน หลักการง่าย ๆ ของหลอดหมวดนี้คือ การใช้กระแสไฟไหลผ่าน บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ (คุ้น ๆ ใช่มั้ยหล่ะ) เพื่อกระตุ้นให้ก๊าซในปรอท เกิดการดำเนินและให้ความเป็นไทพลังงานออกมา 2 อย่าง ด้วยกัน นั่นคือ ความร้อนด้วยกันแสงสว่าง แต่ด้วยเหตุว่าแสงที่ได้ยังเป็นภัยต่อการแลเห็นของสามัญชน จึงจำเป็นต้องมาสารเคลือบฟอสฟอรัส ที่มาเคลือบที่ผิวหลอดภายใน เหตุด้วยให้เกิดเป็นปรากฎการณ์เรืองแสง และหลอดฟลูออเรสเซนต์ ก็เป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลกจนถึงปัจจุบันนี้ จะมีเยอะแยะขนาด ตั้งแต่รุ่น T10 จนพัฒนามาเป็น T8 กับปัจจุบันก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้ T5 กันบ้างแล้ว
** คำว่า T10 หมายถึงขนาด 10 หุ้น หมายเหตุ 1 นิ้ว มี 8 หุ้น T8 คือขนาด 8 หุ้น หรือทั้งเป็นขนาด 1 นิ้วพอดี T5 หรือขนาด 5 หุ้น ประมาณ 1/2 นิ้วกว่าๆ หลอดฟลูออเรสเซนต์ได้เริ่มใช้กัน ปี 1940 จนมาถึงช่วงปัจจุบัน อำนาจการให้แสงสว่างอยู่ในระดับปานกลาง รกินไฟ มัชฌิม แต่ติดตรงที่ ต้องใช้ปัลลาสต์ กับบัลลาสต์ ใช้ไฟสูงถึง 10-12 W

ยุคล่าสุด ยุค LED ชื่อเต็มคือ Light Emitting Diode
หลอดไฟ LED ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ข้าวของเครื่องใช้กระบิลแสงสว่าง ที่ตอนนี้กำลังเข้ามากลับกลายระบบแสงสว่างใหม่ ของคนทั้งโลก เป็นการขยายจากทัศนะของสารกึ่งตัวนำ ไดโอด ด้วยกันหลอดไฟ LED มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันแปลงเป็นหลอดไฟที่ออมอดไฟ และอัจฉริยะ ทำเป็นทำงานได้ต่างๆ นาๆฟังก์ชั่น ที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหลอดไฟอย่างเดียว แต่ยังสามารถเข้าไปอยู่ในหน้าจอทีวี ป้ายไฟต่าง ๆ และอีกมายมาย และยังไม่เป็นอันตราย พ้นไปการปล่อยความร้อน กับแสง UV ให้กำเนิดมาอีกด้วย
 
ในปัจจุบันหลอดไฟก็ได้ถูกจัดเป็น 1 แห่ง 5 เทคโนโลยีที่เด่นที่สุดของโลก ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และกำลังจะก้าวมาปฏิวัติระบบไฟฟ้าของแหล่งหล้า ภายในไม่กี่ปีที่จะถึงนี้และสามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเที่ยงตรง รอจับตาดูกันนะคะ ว่าจะงอกงามไปได้ไกลแค่ไหน ^^
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : หลอด led

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : [url]http://www.jaytalad.com/index.php?topic=191586.new#new[/url]

Tags : หลอด led,ไฟ led,หลอดไฟภาษาอังกฤษ



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ