Advertisement
สมุนไพรกระเบากลั[/size][/b]
กระเบากลัก Hydnocarpus ilicifolia Kingบางถิ่นเรียก กระเบากลัก (สระบุรี) กระเบาชาวา (เขมร-เมืองจันท์) กระเบาพนม (เขมร-สุรินทร์) กระค่อยลิง (ทั่วๆไป) กระเบียน ขี้มอด (จันทบุรี) กระเรียน (ชลบุรี) คมขวาน (ประจวบคีรีขันธ์) จ๊าเมี่ยง (สระบุรี แพร่) ดูกช้าง (กระบี่) บักกราย พะโลลูตุ้ม (มลายู-ปัตตานี) หัวค่าง (ประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี)
ไม้ใหญ่ ขนาดกึ่งกลาง สูง 10-30 มัธยม กิ่งอ่อนมักมีขนสีน้ำตาลแดงกระจัดกระจายห่างๆกิ่งแก่สะอาด ลำต้นตรง เปลือกเรียบสีเทา ใบ ผู้เดียว ออกเวียนสลับกัน รูปไข่ ขอบขนาน หรือ รูปไข่ปนรูปใบหอก กว้าง 4-7 เซนติเมตร ยาว 12-17 ซม. ตัวใบเบาๆเรียวสอบไปยังปลายใบ โคนใบมนหรือเบี้ยว ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อยห่างๆค่อนไปทางปลายใบ ปรากฏชัดในใบอ่อน เนื้อใบหนาสะอาดเป็นมัน เส้นใบมี 6-8 คู่ เส้นใบย่อยสานกันเป็นร่างแห เห็นกระจ่างทั้งสองด้าน ดอก ออกเป็นช่อสั้นๆตามง่ามใบ สีเขียวอ่อน เป็นดอกแยกเพศ กลีบเลี้ยงและก็กลีบมีอย่างละ 4 กลีบ.
[url=http://www.disthai.com/][url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] ดอกเพศผุ้ มีเกสรเพศผู้ 14-20 อัน สีขาว ก้านเกสรสั้นและมีขนห่างๆ อับเรณูรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ดอกเพศเมีย มีเกสรเพศผู้ที่ไม่สมบูรณ์ราวๆ 15 อัน รังรูปกลมรีหรือรูปไข่ มีขนสีน้ำตาลปกคลุมหนาแน่น ผล กลม แข้ง เส้นผ่าศูนย์กลาง 4-5 ซม. ผิวมีขนนุ่มสีดำ ข้างในมีเม็ดรูปไข่ 10-15 เม็ด
นิเวศน์วิทยา: ขึ้นตามป่าดิบแล้งหรือป่าเบญจพรรณทั่วๆไป ตามป่าริมหาด และบริเวณเขาหินปูน ความสูง 20-400 ม.
คุณประโยชน์ : เม็ด ให้นำมันกระค่อย เสมือน H. anthelminthica แล้วก็มีคุณประโยชน์คล้ายกัน ยิ่งกว่านั้นน้ำมันจากเม็ดยังคงใช้สำหรับการทำสบู่
Tags : สมุนไพร