Advertisement
ขาดตัวเชื่อมเกม
การเล่นเกมรุกของผีแดงไม่ค่อยหลากหลาย
พอล ป็อกบา มิดฟิลด์เลือดน้ำหอมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นกำลังหลักในช่วงต้นซีซั่นในตอนที่ทีมฟอร์มร้อนแรง คะแนนเบียดกับ ซิตี้ ในลีกชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมใคร แต่การขาดหายไปของเขาก็ส่งผลเสีย โดยที่เห็นได้ชัดคือความหลากหลาย และอาวุธที่หายไปจากแดนกลาง การเปลี่ยนจากเกมรับ เป็นเกมบุกที่โจมตีอย่างรวดเร็ว เมื่อไม่มี ป็อกบา กองกลางของ ยูไนเต็ดดูดร็อปลงเห็นได้ชัด อีกทั้งการจะให้ มาติช ที่เด่นในเรื่องอ่านเกมและป้องกันแนวรุกฝ่ายตรงข้าม มาเป็นตัวเซ็ทบอลเพื่อโจมตีคู่แข่ง ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดนัก ส่วนนักเตะคนอื่นๆก็ยังมองไม่ออกว่าใครจะดีพอที่จะมาแทน ป็อกบา
ลูกกลางอากาศแม่นๆหายไป
การเปิดแบบ คิลเลอร์พาส แทบไม่มี
อีกหนึ่งจุดเด่น และเป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าของกองกลางผิวสีรายนี้ คือการเปิดบอลตัดหลัง ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายทะลุช่อง หรือที่เขาถนัดจากบอลโยนข้ามกองหลัง สังเกตุได้จากช่วงแรกๆของฤดูกาล เมื่อทีมเจอกับเกมที่เนือยๆ ตื้อๆ ตันๆ ลูกทีเด็ดตักข้ามแนวรับคู่แข่ง หรือเปลี่ยนทิศทางของเกมแบบแม่นยำจากแดนกลางไปสู่แนวรุก ไม่มีใครทำได้ดีเท่า ป็อกบา ในมิตินี้ เอร์เรร่า และ มาติช ไม่ใช่มิดฟิลด์ที่มีไหวพริบในการจะคิดถึงเกมรุกอย่างนั้นเหมือน ป็อกบา รวมถึง เฟไลนี่ ที่หากมีป็อกบาเมื่อไร เขาจะขยับไปยืนค้ำอยู่ในแดนหน้า ทำให้ฝ่ายตรงข้ามจะต้องพะวงทันที เพราะทั้ง ลูกากู, เฟไลนี่ รวมถึงแข้งต่างๆของทีมพร้อมจะทำประตูด้วยลูกกลางอากศ จากการเปิดที่แม่นยำของเขา
ดูบอลสดเกมรุกฝืดทันที
ไม่มีตัวกล้าลุย และเปิดช่องคู่แข่ง
ไม่ใช่แค่ทำให้แดนกลางของ ผีแดง ดูดีขึ้นเมื่อมีเขา แต่การขาดหายไปของ ป็อกบา ก็เป็นการขาดหายไปของเกมบุกของทีมเช่นเดียวกัน นักเตะที่กล้าเลี้ยง กล้าลุย และความมั่นใจในการเล่นสูง ย่อมดึงดูดความสนใจของแนวรับฝ่ายตรงข้าม ป็อกบา ทำให้เห็นในช่วงเริ่มต้นซีซั่น การพาบอลทะลุคู่แข่ง และเปิดช่องโหว่ในแผงแนวรับของฝ่ายตรงข้าม เป็นเหมือนใบเบิกทางให้ทีมพาบอลเข้าไปผลิตสกอร์ เมื่อดูจากสถิติตอนมีเขาอยู่ในสนาม
ยูไนเต็ด มีโอกาสเฉลี่ย 14.8 ครั้งต่อเกม แต่เมื่อไม่มีเขาลดเกินครึ่ง แค่ 7 ครั้งเท่านั้น แถมโอกาสการยิงแบบจะแจ้ง ลดลงจาก 3 เหลือ 156 ครั้งต่อเกมเท่านั้น(เฉพาะเกมลีก)
ขอบคุณแหล่งที่มาและอ่านต่อได้ที
