โรคเเผลในกระเพาะอาหาร- อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเเผลในกระเพาะอาหาร- อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 31 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 23, 2018, 05:02:53 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคแผลในกระเพาะ (โรคกระเพาะ)

  • โรคแผลในกระเพาะอาหารเป็นยังไง โรคแผลในกระเพาะอาหาร (Gastric ulcer) คือ โรคที่มีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น หรือมีการอักเสบของเยื่อกระเพาะอาหาร คนที่เป็นโรคนี้แล้วสามารถรักษาให้หายขาดได้ ส่วนมากมักจะเป็นเรื้อรัง หรือเป็นนานๆถ้าไม่รักษาหรือประพฤติให้ถูกต้องจะมีอาการเป็นๆหายๆและหากปล่อยให้เป็นมาก จะก่อให้เกิดโรคแทรก ซึ่งเป็นโทษถึงชีวิตได้  หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคแผลเพ็ปติก (peptic ulcer) ซึ่งอาจเป็นแผลตรงส่วนกระเพาะอาหาร เรียกว่า แผลกระเพาะ ของกิน (gastric ulcer, ย่อว่า GU) หรือแผลตรงส่วนลำไส้เล็กส่วนต้น เรียกว่า แผลลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenal ulcer, ย่อว่า DU) ก็ได้
  • ต้นเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคแผลในกระเพาะ เป็นผลมาจากเยื่อเมือกบุภายในทางเดินอาหาร ถูกทำลายโดยน้ำย่อยจากกระเพาะ ชื่อ เปบสิน (Pepsin) ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดชื่อโรคว่า แผลเปบตำหนิค ซึ่งเปบซินเป็นน้ำย่อยโปรตีนที่ทำงานร่วมกับกรดในกระเพาะ โดยมีกรดเป็นตัวปลุกฤทธิ์ (Activate)ให้น้ำย่อยนี้มีประสิทธิภาพสำหรับในการย่อยเพิ่มขึ้น รวมทั้งปัจจุบันพบว่ายังมีต้นเหตุเสริมอื่นๆที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคได้อีก ยกตัวอย่างเช่น การต่อว่าดเชื้อเฮลิโคกางคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori) ซึ่งเป็นแบคทีเรียประเภทหนึ่งที่ติดต่อโดยการกินอาหารหรือกินน้ำที่แปดเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ติดโรค โดยแบคทีเรียชนิดนี้ มีรูปร่างเป็นเกลียวและมีหาง มีความคงทนกรดสูงเนื่องจากสามารถสร้างสารที่เป็นด่างออกมาเจือจางกรดที่อยู่ บริเวณตัวมัน  ทำให้สามารถอาศัยอยู่ในชั้นผิวเคลือบภายในกระเพาะอาหารได้ เชื้อนี้เมื่อไปสู่ร่างกายจะเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้เยื่อบุกระเพาะ ฝาผนังกระเพาะก็เลยอ่อนแอลงแล้วก็มีความคงทนประมือดลดลง ทำให้กระเพาะแล้วก็ไส้ส่วนต้นเกิดแผลได้ง่าย

การใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (non steroidal anti inflammatory drugs, ย่อว่า NSAIDs) อย่างเช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน อินโดเมทาซิน ทุ่งนาโพรเซน ไพร็อกสิแคม ไดโคลฟีแนก เป็นต้น ซึ่งนิยมใช้เป็นยาแก้ปวดข้อ ปวด เส้นเอ็นหรือกล้าม ปวดประจำเดือน รวมทั้ง ใช้แก้ปวดแก้ไข้ทั่วๆไป หากใช้ติดต่อกันนานๆชอบทำให้กำเนิดแผลเพ็ปติก อาจร้ายแรงถึงขั้นเลือดออก (อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระดำ) หรือกระเพาะไส้เป็นแผลทะลุได้ กระเพาะอาหารถูกกระตุ้นให้มีกรดเยอะขึ้น เนื่องจากกระตุ้นของปลายประสาท มีต้นเหตุจากความเคร่งเครียด ตื่นตระหนกแล้วก็อารมณ์ การดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ สุรา เบียร์ ยาดอง การดื่มกาแฟ การสูบยาสูบ  การกินของกินไม่ตรงเวลา  มีนิสัยการรับประทานอาหารที่ผิดจำต้อง เป็นต้นว่า การทานอาหารอย่างเร่งรีบ รับประทานไม่ตรงเวลาหรืออดอาหารบางมื้อ ฯลฯ

  • ลักษณะโรคแผลในกระเพาะอาหาร เจ็บท้อง ลักษณะของอาการเจ็บท้องที่สำคัญหมายถึงปวดเรื้อรังมานาน เป็นๆหายๆเป็นเดือนหรือเป็นปี  ปวดหรือจุกแน่นท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ หรือ พุงช่วงบน เป็นอาการที่มักพบที่สุด มักตรงเวลาท้องว่า หรือเวลาหิว อาการก็เลยเป็นเฉพาะบางช่วงเวลาของวัน  อาการปวดแน่นท้อง ชอบทุเลาได้ด้วยของกินหรือยาลดกรด  อาการปวด ชอบเป็นๆหายๆโดยมีช่วงเว้นที่ปราศจากอาการค่อนข้างนาน อาทิเช่น ปวดอยู่ 1-2 สัปดาห์ แล้วหายไปหลายเดือนก็เลยกลับมาปวดอีก  ปวดแน่นท้องตอนดึกหลังจากที่หลับไปแล้ว  แม้ว่าจะมีลักษณะอาการเรื้อรังเป็นปี สุขภาพโดยธรรมดาจะไม่เสื่อมโทรม โรคแผลกระเพาะอาหารจะไม่แปลงเป็นมะเร็ง แม้จะเป็นๆหายๆอยู่นานกี่ปีก็ตาม นอกเหนือจากที่จะเป็นแผลจำพวกที่เกิดจากโรคมะเร็งของกระเพาะอาหารตั้งแต่ต้นเริ่มโดยตรง  จุดเสียด แน่นท้อง ท้องเฟ้อ ท้องขึ้น ท้องอืด เรอลม มีลมในท้อง ร้อนในท้อง อ้วกคลื่นไส้  อื่นๆที่พบได้ คือ ไม่อยากกินอาหาร

ซูบผอมลง ภาวะลำไส้อุดตัน จากแผลทำให้เกิดพังผืด จึงนำมาซึ่งการทำให้ฟุตบาทในกระเพาะอาหารรวมทั้ง/หรือลำไส้เล็กตีบแคบลง ซึ่งอาการคือ เจ็บท้องร้ายแรง ร่วมกับอ้วก โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร แล้วก็ดื่มน้ำ และไม่สามารถผายลมได้
                ภาวะแทรกซ้อน  เลือดออกมาจากแผลในกระเพาะ พบบ่อยที่สุด ผู้เจ็บป่วยจะมีคลื่นไส้เป็นเลือด ถ่ายดำเหลว หรือหน้ามืด หน้ามืด เป็นลมเป็นแล้ง  กระเพาะอาหารทะลุ ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะอาการเจ็บท้องช่วงบนกะทันหันรุนแรง พุงแข็งตึง กดเจ็บมากมาย  กระเพาะอาหารอุดตัน คนไข้จะกินได้น้อย อิ่มเร็ว มีอ้วกหลังอาหารแทบทุกมื้อ เบื่อข้าว น้ำหนักลดน้อยลง

  • ปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดโรคแผลในกระเพาะอาหาร สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคกระเพาะของกินเป็น1. การรับประทานอาหารต่างๆได้แด่ การทานอาหารไม่เป็นเวลา การรับประทานอาหารรสจัด ดังเช่นว่า เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด 2.การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลผสมหรือน้ำอัดลม รวมถึง ชา กาแฟ 3.การสูบยาสูบ 4.การรับประทานยาต่อต้านการอักเสบ ในกลุ่ม NSAIDs ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ 5.การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโด แบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori) ที่แปดเปื้อนมากับของกินหรือน้ำดื่ม
  • กระบวนการรักษาโรคแผลในกระเพาะ แพทย์วินิจฉัยโรคแผลเปบว่ากล่าวคได้จาก ประวัติความเป็นมาอาการ การตรวจร่างกาย หรือการตรวจภาพกระเพาะอาหารและช่องท้องด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แม้กระนั้นการตรวจที่ได้ผลแน่ นอน คือ การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร แล้วก็ลำไส้ ร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา รวมทั้งอาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่ม ทั้งนี้สังกัดอาการคนไข้และก็ดุลยพินิจของหมอ อาทิเช่น การตรวจค้นสารบางชนิดในอุจจาระซึ่งสร้างโดยเชื้อ เอชไพโลไร หรือการตรวจสารบางประเภทที่เชื้อนี้สร้างรวมทั้งร่างกายกำจัดออกทางการหายใจ การให้ยารักษา (ในกรณีไม่ติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobactor Pylori) โดยรับประทานยาอย่างแม่นยำ เป็นจำเป็นต้องรับประทานยาให้บ่อย กินยาให้ครบตามจำนวน และระยะเวลา ที่แพทย์สั่งยารักษาโรคกระเพาะอาหาร จำนวนมากจะต้องใช้เวลาราวๆอย่างต่ำ 4-6 อาทิตย์ แผลจึงจะหาย โดยเหตุนั้นภายหลังรับประทานยา ถ้าอาการห้ามหยุดยา จะต้องรับประทานยาต่อกระทั่งครบ และแพทย์แน่ใจว่าแผลหายแล้ว ก็เลยจะ ลดยาหรือหยุดยาวได้

การให้ยารักษาในกรณีตรวจเจอเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้การรักษาโดยมีสูตรยา 3-4 จำพวกด้วยกัน รับประทานนาน 1-2 สัปดาห์ สูตรยาโดยมากเป็นยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดกรด เพื่อรักษาแผลแล้วก็ช่วยทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นของยาปฏิชีวนะ ผู้ป่วยควรจะได้รับการตรวจค้นเชื้อซ้ำภายหลังจากได้รับประทานยาปฏิชีวนะครบแล้ว โดยอาจเป็นการตรวจโดยการส่องกล้องกระเพาะอีกทีเพื่อกระทำพิสูจน์ ชิ้นเนื้อซ้ำ หรือทดลองโดยการรับประทานยาสำหรับทดสอบเชื้อแบคทีเรียโดยตรง และตรวจวัดสารที่ถูกปลดปล่อยออกมาทางลมหายใจ
การผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบัน มียาสุดที่รักษาโรคกระเพาะอาหารอย่างดีมากไม่น้อยเลยทีเดียวถ้าเกิดให้การรักษาที่ถูก ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดสำหรับในการผ่าตัดอาจทำให้เป็นกรณีที่เกิดโรคแทรก อย่างเช่น เลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก โดยไม่สามารถทำให้หยุด                เลือดออกได้          แผลกระเพาะแล้วก็ลำไส้เล็กเกิดการทะลุ        กระเพาะมีการอุดตัน

  • การติดต่อของโรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคแผลในกระเพาะอาหาร ไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คน
  • การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร พึงระลึกไว้เสมอว่า โรคแผลกระเพาะอาหารเป็นโรคเรื้อรัง เป็นๆหายๆมักไม่หายขาดตลอดชีพ ผู้เจ็บป่วยจำเป็นที่จะต้องได้รับยารักษาติดต่อกันนาน หลังได้รับยา อาการปวดจะหายไปก่อน ใน 3-7 วัน แม้กระนั้นแผลจะยังไม่หาย ส่วนใหญ่ใช้เวลาถึง 4-8 อาทิตย์ แผลก็เลยหาย เมื่อหายแล้ว จะกลับมาเป็นใหม่ได้อีกหากไม่ระวังกระทำตัวให้ถูก ดังเช่นว่า  รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย และก็ทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ๆ กินอาหารตรงตรงเวลาทุกมื้อ  รับประทานอาหารจำนวนน้อยๆแต่รับประทานให้หลายครั้งมื้อ ไม่สมควรรับประทานจนกระทั่งอิ่มมากมายในแต่ละมื้อ  หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เครื่องดื่มแอลกฮอลล์ งดสูบบุหรี่  งดเว้นการใช้ยาพารา แอสไพริน และก็ยาแก้โรคกระดูกและข้ออักเสบทุกประเภท รวมถึงยาชุดต่างๆเครียดลดลง เป็นห่วง พักให้พอเพียง รับประทานยาลดกรด หรือยารักษาแผลกระเพาะอาหารติดต่อกันขั้นต่ำ 4-8 สัปดาห์ หรือดังที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด หากมีอาการของภาวะแทรกซ้อน จำต้องรีบไปพบแพทย์ ควรบริหารร่างกายให้สุขภาพแข็งแรง
  • การคุ้มครองตัวเองจากโรคแผลในกระเพาะ รักษาสุขอนามัย เพื่อลดช่องทางติดเชื้อต่างๆโดย เฉพาะการใช้ช้อนกลาง และการล้างมือเป็นประจำโดยยิ่งไปกว่านั้นหลังเข้าห้องอาบน้ำ และก่อนกินอาหาร เมื่อมีลักษณะปวดท้องบริเวณลิ้นปี่บ่อยๆเป็นๆหายๆหรือเรื้อรัง อาการกำเริบหลังดูแลตัวเองในเบื้องต้น ควรจะพบแพทย์เสมอ เพื่อการวินิจฉัยหาต้นเหตุและให้การรักษาแต่เนิ่นๆก่อนโรคแผ่ขยายเป็นแผลเปบว่ากล่าวค หรืออาจเป็นอาการโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้ หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่ จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มยาต้านทานอักเสบ ที่ไม่ใช่สตีรอยด์ที่ใช้แก้ปวดข้อปวดเส้นเอ็นและกล้าม แล้วก็ยาอื่นๆที่เป็นเหตุกระตุ้นให้โรคกำเริบ กินอาหารสุก อย่ารับประทานอาหารดิบๆสุกๆหรือมีแมลงวันตอม เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อว่าดเชื้อเอชไพโรไล หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า เบียร์สด กาแฟ ยาดอง แล้วก็งดเว้นสูบบุหรี่ พักผ่อนให้มากเพียงพอ ทำจิตใจให้เบิกบานบรรเทาเครียดตื่นตระหนก และไม่รำคาญโกรธง่าย
  • สมุนไพรที่สามารถช่วยทุเลา/รักษาโรคแผลในกระเพาะได้ ขมิ้นชัน ในขมิ้นชันจะมีสารชนิดหนึ่งชื่อ เคอคิวมินอยด์ เป็นตัวคุ้มครองการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการขับน้ำดี ทำให้ระบบการย่อยอาหาร ก็เลยช่วยคลายความจุกเสียด และสารเคอคิวมินอยด์ ยังไปกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารเคลือบกระเพาะอาหารก็เลยช่วยรักษาแผลในกระเพาะให้ดีขึ้น วิธีการใช้ เพียงนำเหง้าของขมิ้นชันมาล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆตากแดดราว 1 – 2 วันแล้วบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้งกินเป็นลูกกลอน กินครั้งละ 500 มิลลิกรัม หลังอาหารแล้วก็ก่อนนอน 4 เวลา ว่านหางจระเข้  ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรอีกประเภทหนึ่งที่มีคุณลักษณะสำหรับในการรักษาโรคกระเพาะ ช่วยสำหรับเพื่อการรักษารอยแผลในกระเพาะและล้างพิษ  โดยให้ใช้ใบสดที่พึ่งจะเอาออกมาจากต้น ล้างน้ำให้สะอาดแล้วปอกให้เหลือแต่วุ้นใสๆแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆกินวันแล้ววันเล่า ก่อนอาหาร กระเจี๊ยบเขียว เป็นผักสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ในการรักษาโรคกระเพาะและก็ลำไส้ เนื่องจากว่าในฝักกระเจี๊ยบนั้นจะมีสารชนิดหนึ่งชื่อว่า แพ็คว่ากล่าวน และคัม ที่จะช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารและก็ลำไส้ วิธีการใช้ เพียงนำมาลวกแล้วรับประทานทุกเมื่อเชื่อวันตรงเวลาสม่ำเสมออย่างน้อย 2 สัปดาห์ แผลในกระเพาะอาหารก็จะดียิ่งขึ้นเพราะเหตุว่ามูกลื่นๆในผลของกระเจี๊ยบเขียวช่วยฉาบแผลในกระเพาะอาหารได้
เอกสารอ้างอิง

  • โรคกระเพาะอาหาร.หน่วยโรคทางเดินอาหารฯ.สาขาวิชาอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.โรคกระเพาะ.นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 288 .คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.เมษายน.2546
  • ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร.โรคกระเพาะอาหาร.ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
  • สุรเกียรต์ อาชานานุภาพ,(2543).ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป.(พิมพ์ครั้งที่ 2).กรุงเทพฯ:อุษาการพิมพ์.
  • แผลเปปติค(Pept:c ulcer)/แผลในกระเพาะอาหาร(Gastric ulcer)http://www.disthai.com/[/b]
  • วันทนีย์ เกรียงสินยศ,(2548).กินอย่างไรเมื่อเป็นโรคกระเพาะ.หมอชาวบ้าน.(ปีที่ 26 ฉบับที่ 311หน้า52-54).
  • El-Omer E, Penman I, Ardill JE, McColl KE. A substantial proportion of non-ulcer dyspepsia patients have the same abnormality of acid secretion as duodenal ulcer patients. Gut 1995;36:534-8.
  • พิศาล ไม้เรียง.(2536).โรคทางเดินอาหาร การวินิจฉัยและการรักษา.(พิมพ์ครั้งที่ 2).ขอนแก่น:โรงพิมพืคลังนานาวิทยา.
  • กลุ่มวิจัยโรคกระเพาะอาหาร.สมาคมแพทย์ระบบทางเดินแห่งประเทศไทย.แนวทางเวชปฏิบัติในการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยดิสเปปเซียและผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพลอไร ในประเทศไทย พ.ศ.2553.สำนักพิมพ์กรุงเทพเวชสาร,2010.
  • เฟื่องเพชร เกียรติเสรี.(2541).โรคระบบทางเดินอาหาร.(พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพฯ:เรือนแก้ว การพิมพ์.

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : โรคหัวใจขาดเลือด

Tags : โรคหัวใจขาดเลือด



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ