โรคไส้ติ่งอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคไส้ติ่งอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 17 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
powad1208
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 64


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 02, 2018, 05:55:10 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)
โรคไส้ติ่งอักเสบเป็นอย่างไร  ไส้ติ่ง (Vermiform appendix) เป็นส่วนเพิ่มเติมของลำไส้ที่ยื่นออกมาจากกระพุ้งไส้ใหญ่ (Cecum) ไส้ติ่งมีรูปร่างเสมือนถุงยาวๆขนาดเท่านิ้วก้อย ยื่นออกมาจากลำไส้ใหญ่ อยู่ตรงบริเวณท้องน้อยข้างขวา โดยมีลักษณะเป็นถุงแคบและก็ยาว มีขนาดกว้างเพียง 5-8 มิลลิเมตร รวมทั้งมีความยาวหรือก้นถุงลึกโดยเฉลี่ย 8-10 ซม. (ในผู้ใหญ่) ด้านในมีรูติดต่อกับลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ฝาผนังภายในของไส้ติ่งมีเยื่อต่อมน้ำเหลืองกระจายอยู่ ซึ่งเป็นเยื่อมีการอักเสบได้ง่าย โดยเยื่อนี้จะมีการเพิ่มปริมาณมากมายตอนวัยรุ่น จึงเจอไส้ติ่งอักเสบเกิดได้บ่อยมากในวัย รุ่น ไส้ติ่งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของลำไส้ใหญ่ที่ฝ่อตัวลงและไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการย่อยและก็ซึมซับอาหาร เนื่องจากว่าเป็นท่อขนาดเล็กปลายตัน เมื่อมีการอักเสบจึงทำให้เนื้อฝาผนังไส้ติ่งเน่าตายแล้วก็เป็นรูทะลุในเวลาอันเร็วทันใจได้
ไส้ติ่งอักเสบคือ อาการบวมแล้วก็ติดเชื้อของไส้ติ่งนับเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันรวมทั้งอันตราย ซึ่งต้องได้รับการผ่าตัดอย่างรีบ ด่วน เพราะว่าหากว่าทิ้งไว้นาน ไส้ติ่งที่อักเสบมักแตกกระจายเชื้อโรคสู่ท้อง รวมทั้งอาจเป็นสา เหตุรุนแรงจนกระทั่งติดเชื้อโรคในกระแสโลหิตจนกระทั่งขั้นเสียชีวิตได้
โดยการเสียชีวิตส่วนมากของโรคไส้ติ่งอักเสบมีเหตุที่เกิดจากภาวการณ์เยื่อบุช่องท้องอักเสบแล้วก็ภาวการณ์ช็อค โรคไส้ติ่งอักเสบได้รับการชี้แจงเป็นครั้งแรกโดย Reginald Fitz ในปี พ.ศ. 2429 เดี๋ยวนี้ได้รับการยินยอมรับว่าเป็นหนึ่งในต้นเหตุของอาการปวดท้องร้ายแรงกะทันหันที่พบมากที่สุดทั่วทั้งโลกและก็ โรคไส้ติ่งอักเสบยังเจอเป็นต้นเหตุอันดับแรกๆของโรคปวดท้อง ที่จำต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัดเร่งด่วน บ่อยครั้งที่ศึกษาค้นพบว่าผู้ป่วยปลดปล่อยให้มีลักษณะปวดท้องนานนับเป็นเวลาหลายวันและก็หลังจากนั้นจึงค่อยมาโรงหมอ  ซึ่งมักจะพบว่าเป็นถึงขนาดไส้ติ่งแตกแล้ว ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กอายุ 2 ขวบไปจนกระทั่งคนสูงอายุ และยังรวมไปถึงหญิงมีท้อง แต่จะพบบ่อยในช่วงอายุ 10-30 ปี (เจอได้น้อยในคนชรา เหตุเพราะไส้ติ่งตีบยุบมีเนื้อเยื่อหลงเหลือน้อย และก็ในเด็กอายุต่ำลงยิ่งกว่า 3 ปี ด้วยเหตุว่าโคนไส้ติ่งยังออกจะกว้าง) ในเพศหญิงรวมทั้งเพศชายได้โอกาสเป็นโรคนี้ได้เท่าๆกัน และมีการคาดทำนองว่าในตลอดชาติของคนเราจะได้โอกาสเป็นโรคนี้ราวๆ 7% ในปีๆหนึ่งจะมีผู้ป่วยเป็นโรคนี้ประมาณ 1 ใน 1,000 คน
ต้นเหตุของโรคไส้ติ่งอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ มีสาเหตุจากมีภาวการณ์อุดกั้นของรูไส้ติ่ง ส่วนการอุดกั้นนั้นส่วนหนึ่งส่วนใดเป็นการเกิดขึ้นเองโดยไม่รู้ปัจจัยชัดเจน แต่ว่าส่วนหนึ่งมีต้นเหตุจากมีเศษอุจจาระแข็งๆเรียกว่า "นิ่วอุจจาระ" (fecalith) ชิ้นเล็กๆตกลงไปอุดกันอยู่ข้างในรูของไส้ติ่ง แล้วทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในรูไส้ติ่งปริมาณน้อยเกิดการเจริญรุ่งเรืองขยายพันธุ์รวมทั้งรุกล้ำเข้าไปในฝาผนังไส้ติ่ง จนกระทั่งมีการอักเสบตามมา ถ้าเกิดปลดปล่อยไว้เพียงแต่ไม่กี่วัน ฝาผนังไส้ติ่งก็เกิดการเน่าตายและแตกทะลุได้ รวมทั้งปัจจัยที่เจอได้รองลงมาเป็น มีต้นเหตุจากเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลือง (Lymphoid tissue) ที่ฝาผนังไส้ติ่งที่ดกตัวขึ้นตามการอักเสบต่างๆที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ยิ่งกว่านั้นอาจเกิดขึ้นจากสิ่งเจือปน (อาทิเช่น เมล็ด), หนอนพยาธิ (ที่สำคัญคือ พยาธิไส้เดือน พยาธิด้าย พยาธิตืดหมู) หรือเนื้องอก หรือบางโอกาสก็อาจเกิดจากการตำหนิดเชื้อที่ระบบทางเท้าหายใจส่วนบน ที่นำมาซึ่งการทำให้ต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย รวมถึงต่อมน้ำเหลืองในไส้ติ่งมีการปฏิกิริยาสนองตอบด้วยการขยายตัวขึ้นจนถึงไปปิดกั้นไส้ติ่ง และทำให้ไส้ติ่งที่อาจมีเชื้อโรคอาศัยอยู่เกิดอาการอักเสบในที่สุด ในคนไข้บางรายบางทีอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสไซโตเมกะโล (Cytomegalovirus)  ซึ่งมักจะเจอได้ในคนเจ็บโรคภูมิคุมกันบกพร่อง และก็บางรายอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบโดยที่หมอไม่เคยรู้ปัจจัยเลยก็ได้
อาการโรคไส้ติ่งอักเสบ อาการสำคัญของโรคไส้ติ่งอักเสบนั้นเป็น คนไข้จะมีลักษณะปวดท้องที่มีลักษณะต่อเนื่องและปวดแรงขึ้นนานเกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไป หากมิได้รับการรักษาก็ชอบปวดอยู่นานยาวนานหลายวัน จนกระทั่งคนเจ็บทนปวดไม่ไหวจะต้องพาส่งโรงหมอ ซึ่งลักษณะของไส้ติ่งอักเสบนั้นอาจแบ่งได้สองประเภท เป็นประเภทตรงไปตรงมารวมทั้งจำพวกไม่ขวานผ่าซากดังนี้ จำพวกขวานผ่าซากแรกอาจปวดแน่นตรงลิ้นปี่เหมือนโรคกระเพาะ บางคนบางทีอาจปวดบิดเป็นตอนๆบริเวณสะดือ คล้ายลักษณะของการปวดแบบท้องร่วง บางทีอาจเข้าส้วมบ่อยมาก แต่ถ่ายไม่ออก (แม้กระนั้นบางคนอาจมีอาการถ่ายเป็นน้ำหรือ ถ่ายเหลวร่วมด้วย)ต่อมาจะมีอาการอาเจียน อาเจียน เบื่ออาหารร่วมด้วย ลักษณะของการปวดท้องชอบไม่ดีขึ้นกว่าเดิม แม้ว่าจะกินยาแก้ปวดอะไรก็แล้วแต่ ถัดมาอีก 3-4 ชั่วโมง อาการปวดจะย้ายมาที่ท้องน้อยข้างขวา มีลักษณะปวดเสียดตลอดระยะเวลา และก็จะเจ็บเยอะขึ้นเรื่อยๆเมื่อมีการขยับเขยื้อนตัว หรือเวลาเดินหรือไอจาม คนเจ็บจะนอนนิ่งๆถ้าเกิดเป็นมากผู้ป่วยจะนอนงอขา เอียงไปข้างหนึ่ง หรือเดินตัวงอ เพื่อรู้สึกสบายขึ้น  เมื่อถึงขั้นที่มีอาการอักเสบของไส้ติ่งแจ่มชัด มีแนวทางตรวจอย่างง่ายๆเป็น ให้คนป่วยนอนหงายแล้วก็ใช้มือกดลงลึกๆหรือใช้กำปั้นตีเบาๆตรงบริเวณไส้ติ่ง (ท้องน้อยข้างขวา)คนไข้จะรู้สึกเจ็บมากมาย (เรียกว่า อาการกดเจ็บ) คนเจ็บอาจมีไข้ต่ำๆ(อุณหภูมิ 37.7-38.3 องศาเซลเซียส) ส่วนชนิดไม่ตรงไปตรงมานั้นอาจเริ่มจากมีอาการปวดเริ่มที่หน้าท้องข้างล่างขวาตั้งแต่ต้น ท้องเดิน และมีการดำเนินโรคที่ช้านานค่อยเป็นค่อยไปกว่าชนิดไม่อ้อมค้อม ถ้าเกิดไส้ติ่งที่อักเสบสัมผัสกับกระเพาะปัสสาวะอาจก่อให้มีอาการปัสสาวะหลายครั้ง ถ้าเกิดไส้ติ่งที่อักเสบอยู่ด้านหลังลำไส้เล็กตอนท้ายอาจมีอาการอ้วกร้ายแรงได้ บางรายอาจรู้สึกเจ็บปวดเบ่ง

ส่วนผู้ป่วยในกรุ๊ปที่เป็นเด็ก หรือสตรีตั้งครรภ์ อาจมีอาการบางอย่างที่แตกต่างจากคนโดยปกติทั่วไป ดังนี้

  • ในกลุ่มคนป่วยที่เป็นเด็ก เด็กที่มีอายุต่ำว่า 2 ปี ลงไป จะมีลักษณะที่เห็นได้ชัดเป็น อ้วกมาก ท้องอืด ถ้าใช้มือกดบริเวณท้องจะรู้สึกเจ็บ ส่วนเด็กที่แก่มากกว่า 2 ปีขึ้นไปจะเริ่มแสดงอาการได้ ซึ่งอาการก็จะไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไป
  • ในกรุ๊ปคนเจ็บที่เป็นสตรีมีครรภ์ เหตุเพราะอวัยวะต่างๆที่ถูกดันให้สูงมากขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของมดลูก ไส้ติ่งของสตรีท้องจะเขยื้อนไปอยู่ที่รอบๆหน้าท้องส่วนบน ซึ่งถ้ามีลักษณะไส้ติ่งอักเสบจะทำให้ปวดรอบๆหน้าท้องส่วนบนทางขวาแทน นอกเหนือจากนั้นอาจมีลักษณะของการปวดบีบที่ท้อง มีก๊าซในกระเพาะอาหาร หรืออาการแสบร้อนที่กึ่งกลางอก บางรายอาจเจออาการท้องเสีย หรือท้องผูกควบคู่กัน

คนไข้โรคไส้ติ่งอักเสบถ้าหากมิได้รับการดูแลรักษาโดยการผ่าตัดภายใน 24-36 ชั่วโมงข้างหลังมีการอักเสบ ไส้ติ่งจะขาดเลือดเปลี่ยนเป็นเนื้อเน่าและตาย ในที่สุดฝาผนังของไส้ติ่งที่เปื่อยจะแตกทะลุ หนองแล้วก็สิ่งสกปรกข้างในลำไส้จะไหลออกมาในท้อง ทำให้เปลี่ยนเป็นเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) รวมทั้งถ้าหากเชื้อแบคทีเรียลุกลามเข้าสู่กระแสโลหิตก็จะเกิดการติดเชื้อโรคในกระแสเลือด ก่อให้เกิดอันตรายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
กรรมวิธีการรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคที่มีปัญหาสำหรับการวิเคราะห์ให้ที่ถูกค่อนข้างจะมาก คนป่วยบางรายได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ แม้กระนั้นเมื่อผ่าตัดเข้าไปก็พบว่าไส้ติ่งไม่มีการอักเสบ คนเจ็บบางรายแม้ว่าจะไปพบแพทย์แม้กระนั้นก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอื่น จนกว่าไส้ติ่งแตกแล้วจึงได้รับการดูแลและรักษาวิเคราะห์ที่ถูก เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบดูเหมือนจะทุกรายชอบวินิจฉัยโรคนี้ได้ภายหลังจากการแตกของไส้ติ่งแล้ว ในเด็กเล็กแล้วก็คนป่วยชราพบว่าอาจกำเนิดปัญหารุนแรง ถ้าหากได้รับการวิเคราะห์รวมทั้งรักษาโรคช้าเพราะเหตุว่ามีภูมิคุ้มกันต่ำ
                การวิเคราะห์โรคไส้ติ่งอักเสบ การวิเคราะห์โรคในคนเจ็บส่วนมากอาศัยลักษณะทางสถานพยาบาล (clinical menifestation) คืออาการแล้วก็การตรวจเจอเป็นหลัก ส่วนการตรวจทางห้องปฎิบัติการและการค้นหาทางรังสีวิทยา (radiologic investigation) หรือการตรวจเพิ่มเติมอีกอื่นๆมีความสำคัญน้อย เป็นประโยชน์เฉพาะในผู้เจ็บป่วยบางรายที่ลักษณะทางสถานพยาบาลไม่กระจ่างเท่านั้นโดยมีวิธีการวิเคราะห์ดังนี้

  • การวินิจฉัยลักษณะของไส้ติ่งอักเสบ เป็น
  • อาการปวดท้อง เป็นอาการที่สำคัญที่สุด ตอนต้นชอบปวดบริเวณสะดือ หรือบอก ไม่ได้แน่ชัดว่าปวดที่รอบๆใดแม้กระนั้นระยะถัดมาลักษณะของการปวดจะแจ่มชัดที่ท้องน้อยทางขวา (right lower quadrant-RLQ)
  • อาการอื่นๆที่อาจเจอร่วมด้วยคือ

                          - อาเจียน คลื่นไส้ อาการนี้พบได้ในผู้ป่วยแทบทุกราย
                          - ไข้ มักจะกำเนิดภายหลังจากเริ่มลักษณะของการปวดท้องแล้วระยะหนึ่ง
                          - ไม่อยากอาหาร
                          - ท้องเดิน พบอาการในคนไข้บางราย มักจะกำเนิดภายหลังจากไส้ติ่งแตกทะลุ หรือ อธิบาย ได้จากไส้ติ่งอักเสบที่อยู่ตำแหน่งใกล้กับลำไส้ใหญ่ส่วน sigmoid หรือ rectum

  • ในเด็กที่มีไส้ติ่งแตกทะลุอาจมาด้วยลักษณะของไส้อุดตันได้
  • การตรวจร่างกาย เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับการวินิจฉัยโรค
  • การกดเจ็บเฉพาะที่ (local tenderness) ดูเหมือนจะทั้งหมดจะมี maximal tenderness ที่ RLQ และอาจมี guarding รวมทั้ง rebound tenderness ด้วย ในคนไข้ไส้ติ่งแตกทะลุ tenderness แล้วก็ guarding มักตรวจพบรอบๆกว้างขึ้นหรือพบทั่วบริเวณท้องน้อยด้านล่างทั้ง 2 ข้าง จากการมี pelvic peritonitis ในรายที่เป็นก้อนไส้ติ่งอักเสบ (appendiceal mass) จาก phlegmon หรือ abscess มักคลำได้ก้อนที่ RLQ
  • การตรวจทางทวารหนัก (rectal examination) ถือได้ว่าเป็นผลดีมากมาย จะพบว่ากดเจ็บที่ทางขวาของ cul-de-sac แม้กระนั้นไม่นิยมทำในเด็กเล็กเพราะเหตุว่าแปลผลประโยชน์ตรากตรำ ในเด็กผู้หญิงอาจมีคุณประโยชน์สำหรับการวินิจฉัยแยกโรคที่เกิดขึ้นและมีสาเหตุมาจาก twisted ovarian cyst เพราะว่าอาจลูบคลำได้ก่อน ส่วนในรายที่สงสัยว่าอาจเป็นเพราะเนื่องจาก pelvic inflammatory disease นอกเหนือจากการที่จะได้เรื่องราวมีเซ็กส์แล้วการตรวจด้านใน (per vagina examination - PV) จะให้ผลดีมาก
  • การตรวจอื่นๆบางทีอาจได้ผลบวกสำหรับเพื่อการตรวจ ตัวอย่างเช่น

                          - Rovsing sign
                          - Obturator sign
                          - Psoas sign

  • การตรวจทางห้องปฎิบัติการ ไม่ค่อยมีความจำเป็นมากนักในคนป่วยจำนวนมาก โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อการตรวจร่างกายสามารถให้การวิเคราะห์ได้อยู่แล้ว แต่จะทำเป็นพื้นฐานเพื่อการดูแลระหว่างการดูแลรักษาต่อไป ยกตัวอย่างเช่น
  • complete blood count พบได้ทั่วไปว่า เม็ดเลือดขาวสูงขึ้นมากยิ่งกว่าธรรมดาและมี shift to the left
  • การตรวจปัสสาวะ ไม่ค่อยมีคุณประโยชน์มากสักเท่าไรนักสำหรับการวิเคราะห์แยกโรค แต่ช่วยแยกโรคอื่น ตัวอย่างเช่น มีเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะบางทีอาจต้องรำลึกถึงนิ่วในท่อไต
  • การตรวจพิเศษ ในรายที่ลักษณะทางสถานพยาบาลบ่งชัดเจนว่าเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบกะทันหัน การตรวจพิเศษเพิ่มเติมก็ไม่มีความสำคัญ แต่ว่าในรายที่ลักษณะทางคลินิกคลุมเครือนั้น การตรวจพิเศษอาจมีประโยชน์สำหรับเพื่อการวินิจฉัยแยกโรค เช่น
  • การถ่ายภาพรังสีของช่องท้อง อาจเจอเงาของ fecalith หรือ localized ileus ที่ RLQ
  • การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonography) ของท้อง หรือ barium enema ไม่มีความสำคัญในผู้ป่วยส่วนใหญ่ แม้กระนั้นบางทีอาจช่วยสำหรับเพื่อการวินิจฉัยโรคในผู้เจ็บป่วยบางรายที่มีปัญหาสำหรับการวินิจฉัยโรค

ไส้ติ่งอักเสบสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเพียงแค่นั้น ด้วยเหตุว่าจะช่วยรักษาอาการและช่วยกำจัดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะไส้ติ่งแตก โดยการผ่าตัดที่นิยมใช้ในตอนนี้คือการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเล็กสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ทันที เหมาะสมกับกรณีไส้ติ่งที่อักเสบยังอยู่ในระยะไม่รุนแรงนัก ถ้าหากร้ายแรงถึงขนาดไส้ติ่งแตก ก็จะต้องใช้การผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgery) ซึ่งเป็นผ่าตัดแบบมาตรฐาน เพราะนอกจากจะต้องนำไส้ติ่งที่แตกออกแล้ว ยังต้องชำระล้างด้านในช่องท้อง รวมทั้งใส่ท่อเพื่อระบายหนองจากฝีที่เกิดขึ้นอีกด้วย โดยหมอจะพิเคราะห์ผ่าตัดรักษาดังต่อไปนี้

  • ในรายที่ลักษณะทางสถานพยาบาลบ่งชี้ว่าน่าจะเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ ชี้แนะให้การรักษาโดยใช้การ ผ่าตัดโดยเร่งด่วน ภายหลังการเตรียมคนไข้ให้พร้อมและเหมาะสมต่อการให้ยาสลบแล้วก็การผ่าตัด
  • ในรายที่ลักษณะทางสถานพยาบาลไม่กระจ่างว่าจะเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ แต่มีสิ่งที่ทำให้สงสัยว่าบางครั้งอาจจะเป็นโรคนี้ ควรจะรับตัวไว้ดูอาการในโรงพยาบาล เพื่อติดตามประเมินลักษณะทางคลินิกต่อเป็นระยะๆโดยงดเว้นน้ำและของกิน และไม่ให้ยาปฎิชีวนะ เมื่อลักษณะทางคลินิกระบุแจ่มแจ้งขึ้นว่าน่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน จะได้นำคนไข้ไปกระทำการผ่าตัดรักษาอย่างทันเวลา
  • ในรายที่ลักษณะทางคลินิกบ่งชัดว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบกะทันหัน ไม่แตกทะลุ ไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้ยาปฏิชีวนะอีกทั้งก่อนแล้วก็ข้างหลังผ่าตัด แต่ว่าแพทย์ผู้ดูแลบางทีอาจใคร่ครวญให้ยาปฏิชีวนะก่อนผ่าตัดก็ได้ เมื่อผ่าตัดพบว่าไส้ติ่งอักเสบไม่แตกทะลุ ก็ไม่จำเป็นที่ต้องให้ยาต่อ
  • ในรายที่ลักษณะทางสถานพยาบาลไม่อาจจะแยกได้ว่าไส้ติ่งแตกทะลุกระจ่าง นิยมให้ยายาปฏิชีวนะ โดยเริ่มตั้งแต่ก่อนผ่าตัด หากผ่าตัดแล้วพบว่าไส้ติ่งไม่แตกทะลุ ไม่มีความจำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะต่อข้างหลังผ่าตัด แต่ถ้าหากพบว่าไส้ติ่งแตกทะลุก็ให้ยาปฏิชีวนะต่อ
  • ในรายที่การตรวจร่างกายระบุว่ามี peritonitis ซึ่งมีต้นเหตุที่เกิดจากการแตกของไส้ติ่งอักเสบ ในเด็กมักมีลักษณะ generalized peritonitis ส่วนผู้ใหญ่จะเป็น pelvic peritonitis ก่อนนำผู้เจ็บป่วยไปกระทำผ่าตัดควรที่จะใช้วิธีรักษาแบบเกื้อหนุนให้อยู่ในสภาพที่สมควรสำหรับการให้ยาสลบและการผ่าตัด ได้แก่การให้ intravenous fluid ที่เหมาะสมให้เพียงพอซึ่งบางทีอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง มองว่าผู้เจ็บป่วยมีปัสสาวะออกดีแล้ว ให้ยาปฎิชีวนะที่เหมาะสม ให้ยาลดไข้หรือเช็ดตัวให้อุณหภูมิร่างกายลดน้อยลงถ้าหากมีไข้สูง ถ้าเกิดท้องขึ้นมากมายควรใส่ nasogastric tube ต่อ suction บางทีอาจใช้เวลาสำหรับเพื่อการเตรียมคนเจ็บ 3-4 ชั่วโมงก่อนนำผู้ป่วยไปผ่าตัด
  • ในกรณีที่ไส้ติ่งแตกทะลุระหว่างการผ่าตัด หรือไส้ติ่งไม่แตกทะลุ แต่ร้ายแรงถึงกับขนาด gangrenous appendicitis เสนอแนะให้ยายาปฏิชีวนะระหว่างการผ่าตัด และก็ตลอด 1-3 วันสุดแต่พยาธิสภาพ
  • ในรายที่มีลักษณะมาหลายวันและการตรวจร่างกายพบว่ามีก้อนที่ RLQ ที่ระบุว่าน่าจะเป็น appendiceal phlegmon หรือ abscess น่าจะรักษาโดยวิธีช่วยเหลือโดยให้ยาปฎิชีวนะที่ออกฤทธิ์ครอบคลุมกว้างขวาง หากผู้ป่วยตอบสนองดีต่อการดูแลรักษา ตัวอย่างเช่น อาการปวดท้อง ก้อนเล็กลง ให้รักษาต่อโดยแนวทางทะนุถนอม แล้วก็นำผู้ป่วยไปทำ elective appendectomy ต่อไป 6 อาทิตย์ - 3 เดือน แม้กระนั้นถ้าการรักษาด้วยยาปฎิชีวนะดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นมิได้รับการตอบสนองที่ดีอาจจะต้องผ่าตัดเลย ถ้าพยาธิภาวะรุนแรงมาก บางทีอาจทำเพียงแต่ระบายหนอง แต่ถ้าพยาธิภาวะไม่ร้ายแรง และก็สามารถตัดไส้ติ่งออกได้เลย ก็ชี้แนะให้ทำ

กลุ่มอาการที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ มีลักษณะอาการปวดท้องที่มีลักษณะไม่ราวกับอาการปวดโรคกระเพาะ ท้องร่วง หรือปวดประจำเดือน ก็ให้สงสัยว่าอาจเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบได้ ควรจะรีบไปพบหมอ ถ้าเกิดมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้

  • ปวดรุนแรง หรือปวดติดต่อกันนานเกิน 6 ชั่วโมงขึ้นไป
  • กดหรือเคาะเจ็บตรงรอบๆที่ปวด
  • อ้วกบ่อยมาก รับประทานอะไรก็ออกหมด
  • มีลักษณะหน้ามืด เป็นลม ใจสั่นหวิว ใจสั่น
  • จับไข้สูง หรือหนาวสั่น
  • หน้าตาซีดเซียวเหลือง
  • รับประทานยาบรรเทาปวดแล้วอาการไม่ทุเลาหรือกลับร้ายแรงขึ้น
  • คนป่วยที่มีลักษณะท้องผูกร่วมด้วย ถ้าเกิดพบว่ามีลักษณะปวดท้องรุนแรงกว่าธรรมดา ก็ห้ามกินยาถ่าย หรือกระทำสวนทวาร

การติดต่อของโรคไส้ติ่งอักเสบ โรคไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากการอุดตันของรูไส้ติ่ง จากสิ่งเจือปนต่างๆทำให้ไส้ติ่งมีการอักเสบติดโรคแล้วก็แตกท้ายที่สุด ไส้ติ่งอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้เจ็บป่วยแต่ละคน และไม่ได้เป็นโรคติดต่อที่แพร่ให้คนข้างเคียงอะไร
การกระทำตนเมื่อเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ  เพราะโรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคเร่งด่วน จะต้องไปพบแพทย์ในทันที ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเพื่อกระทำการผ่าตัดและไม่ควรจะรับประทานยาระบายหรือสวนอุจจาระ เมื่อมีอาการท้องผูกร่วมด้วย เนื่องจากอาจทำให้ไส้ติ่งอักเสบนั้นแตกเร็วขึ้น

  • การกระทำตัวก่อนการผ่าตัดไส้ติ่ง คนไข้ควรปฏิบัติดังนี้

o    เมื่อมีอาการของไส้ติ่งอักเสบ ก่อนไปพบหมอผู้เจ็บป่วยจะต้องงดเว้นอาหารและก็น้ำดื่มไว้ด้วยเพื่อเตรียมความพร้อมในการผ่าตัดเร่งด่วน
o   ในกรณีที่มีลักษณะเจ็บท้องแต่คนเจ็บยังไม่เคยรู้มูลเหตุ ห้ามรับประทานยาพารา แต่ควรจะรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยก่อน เนื่องจากว่ายาพาราจะไปบังลักษณะของการปวดทำให้แพทย์แยกโรคได้ตรากตรำ
o  งดการใช้ครีมและก็เครื่องแต่งตัวทุกชนิด และก็ทำร่างกายให้สะอาด อาบน้ำ สระผม ตัดเล็บ เพื่อให้หมอดูอาการไม่ปกติจากการขาดออกสิเจนได้

  • การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัดไส้ติ่ง ข้างหลังการผ่าตัดไส้ติ่ง 1 วัน คนไข้ต้องทำลุกจากเตียง เพื่อไส้มีการเคลื่อนเร็วขึ้น งดของกินและน้ำข้างหลังผ่าตัดวันแรก ส่วนการดูแลแผลผ่าตัด ห้ามให้ผ้าปิดแผลเปียกน้ำ ห้ามให้แผลโดนน้ำ ห้ามเกา และก็เวลาไอหรือจามให้ใช้มือประคับประคองแผลไว้ด้วยเพื่อคุ้มครองแผลที่เย็บแยกออก ถ้าหากถ้าแผลยังไม่แห้งดีอย่าเพิ่งอาบน้ำ แต่ให้ใช้ขั้นตอนการเช็ดตัวแทน นอกจากนี้เป็นการรับประทานยาดังที่หมอสั่งอย่างสม่ำเสมอ เน้นย้ำการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เพราะว่าจะช่วยทำให้แผลติดเร็วมากขึ้น นอกจากคือ การขับถ่ายอย่างสม่ำเสมอ และก็พักผ่อนให้เพียงพอ

การปกป้องตนเองจากโรคไส้ติ่งอักเสบ ในตอนนี้ยังไม่ครั้งการค้นพบแนวทางคุ้มครองอาการไส้ติ่งอักเสบ ด้วยเหตุว่าไส้ติ่งอักเสบเป็นอาการกะทันหันที่ไม่อาจจะหาต้นสายปลายเหตุที่ชัดแจ้งได้ แต่ว่ามีข้อสังเกตว่า มวลชนที่นิยมกินอาหารพวกผักผลไม้มากมาย (อย่างเช่น ชาวแอฟริกา) จะมีอัตราการเป็นไส้ติ่งอักเสบน้อยกว่ากรุ๊ปที่รับประทานผักและก็รับประทานผลไม้น้อย (อย่างเช่น ชาวต่างประเทศ) ก็เลยมีการชี้แนะให้พยายามกินผักผลไม้ให้มากมายๆทุกเมื่อเชื่อวัน ซึ่งมีผลดีต่อการปกป้องคุ้มครองโรคท้องผูก ริดสีดวงทวาร โรคอ้วน รวมทั้งยังเชื่อว่าบางทีอาจคุ้มครองไส้ติ่งอักเสบ รวมทั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
นอกเหนือจากนั้นมีการเรียนที่ค้นพบว่า ภาวการณ์ท้องผูกมีส่วนสัมพันธ์กับการเกิดไส้ติ่งอักเสบ โดยพบว่าผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบจะมีจำนวนครั้งสำหรับเพื่อการอุจจาระต่ออาทิตย์น้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งยังพบว่า คนเจ็บมะเร็งลำไส้ใหญ่และก็โรคมะเร็งไส้ตรงมักจะเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบนำมาก่อน ทั้งยังส่งผลการเรียนหลายงานที่พบว่า การกินอาหารที่มีกากใยต่ำจะมีส่วนในการนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคไส้ติ่งอักเสบอีกด้วย
สมุนไพรที่ช่วยป้องงกัน/บรรเทาโรคไส้ติ่งอักเสบ เพราะการดูแลและรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพียงแค่นั้นและในปัจจุบันยังไม่มีการรับรองว่าสมุนไพรประเภทไหนที่จะช่วยปกป้องหรือ ทุเลา/รักษา โรคไส้ติ่งอักเสบได้ รวมทั้งยังไม่มีรายงานการศึกษาเรียนรู้วิจัยชิ้นไหนที่กล่าวว่าสมุนไพรจำพวกไหนสามารถช่วยคุ้มครองปกป้องหรือ / รักษาโรคไส้ติ่งอักเสบได้
เอกสารอ้างอิง

  • (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ). “ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)”.หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป     หน้า 525-527.
  • Fitz RH (1886). "Perforating inflammation of the vermiform appendix with special reference to its early diagnosis and treatment". Am J Med Sci(92): 321–46.(อังกฤษ)
  • ไส้ติ่งอักเสบ-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม.
  • Adamis D, Roma-Giannikou E, Karamolegou K (2000). "Fiber intake and childhood appendicitis". Int J Food Sci Nutr51: 153–7. (อังกฤษ)
  • รศ.นพ.สุรเกียรติอาชานานุภาพ.ไส้ติ่งอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่301.คอลัมน์ สารานุกรมทันโรค.พฤษภาคม.2547
  • SCHWARTZ, Principle of Surgery , McGRAW HILL
  • Wangensteen OH, Bowers WF (1937). "Significance of the obstructive factor in the genesis of acute appendicitis". Arch Surg34: 496–526. (อังกฤษ)
  • โรคไส้ติ่งอักเสบ(APPENDICITIS).แนวทางการรักษาพยาบาลผู้ป่วยทางศัลยกรรม.ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ