โรคไมเกรน - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคไมเกรน - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 51 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 04, 2018, 02:42:45 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคไมเกรน (Migraine)
โรคไมเกรนคืออะไร โรคไมเกรนมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ ตัวอย่างเช่น โรคปวดหัวไมเกรน , โรคปวดหัวข้างเดียว , โรคลมตะกัง ฯลฯ  โรคไมเกรนเป็นโรคที่ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเฉพาะบุคคลที่สำคัญเป็น ลักษณะของการปวดหัวนั้นมักจะปวดข้างเดียว หรือเริ่มปวดด้านเดียวก่อนแล้วจึงปวดทั้งสองข้าง รวมทั้งแต่ละครั้งที่ปวดชอบย้ายข้างไปๆมาๆหรือย้ายตำแหน่งได้  แม้กระนั้นบางครั้งก็อาจจะปวดทั้งสองข้างขึ้นมาพร้อมเพียงกันตั้งแต่แรก  ลักษณะอาการปวดชอบปวดตุ๊บๆเป็นระยะๆแม้กระนั้นก็มีครั้งคราวที่ปวดแบบตื้อๆส่วนใหญ่จะปวดร้ายแรงปานกลางถึงร้ายแรงมากมาย  โดยจะค่อยๆปวดเยอะขึ้นเรื่อยๆที่ละน้อยกระทั่งปวดรุนแรงสุดกำลังแล้วจึงค่อยๆบรรเทาลักษณะของการปวดลงจนหาย  ในเวลาที่ปวดศีรษะก็มักจะมีลักษณะอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วย   ช่วงเวลาปวดชอบนานหลายชั่วโมง แต่ว่าจำนวนมากจะนานไม่เกิน 24 ชั่วโมง ในบางรายอาจจะมีอาการเตือนเอามาก่อนหลายนาที  ยกตัวอย่างเช่น สายตาขุ่นมัว หรือ แลเห็นแสงสว่างกระพริบๆลักษณะของการปวดนั้นไม่เลือกเวลา บางรายบางครั้งอาจจะปวดขึ้นมากลางดึก หรือปวดตั้งแต่ตื่นขึ้นมา บางรายก็ปวดตั้งแต่ก่อนนอนจนกว่าตื่นนอนรุ่งเช้าก็ยังไม่หายปวดเลยก็ได้
            อาการปวดหัวไมเกรนแตกต่างจากลักษณะของการปวดหัวปกติตรงที่ว่า ลักษณะของการปวดศีรษะปกติชอบปวดทั่วศีรษะ ส่วนมากเป็นอาการปวดทื่อๆที่ไม่รุนแรงนัก และมักจะไม่มีอาการอื่น ดังเช่นว่า อาเจียนร่วมด้วย  จำนวนมากจะหายได้เองเมื่อได้นอนสนิทไปพักใหญ่ คนป่วยโรคนี้ส่วนใหญ่เป็นสตรี โดยเฉลี่ยพบว่า สตรีราวๆ 15% จะเป็นโรคนี้ ใน ในตอนที่ผู้ชายเจอเป็นโรคนี้เพียงแต่ราวๆ 6% โดยมีอัตราการเป็นโรคไมเกรนสูงสุดอีกทั้งในผู้หญิงและก็ในผู้ชายอยู่ที่ช่วงอายุ 30 -40 ปี ทั้งนี้เกือบจะไม่เจอผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวไมเกรนเป็นครั้งแรกเมื่ออายุเลย 50 ปีไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านี้คนเจ็บโรคปวดศีรษะไมเกรน มักมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย แม้กระนั้นเดี๋ยวนี้โรคนี้มียาซึ่งสามารถรักษาทุเลาอาการ แล้วก็ยาที่ปกป้องอาการไม่ดีขึ้นของโรค มีการทำนองว่าใน 24 ชั่วโมง ทั้งโลกจะมีคนเจ็บที่มีลักษณะอาการปวดหัวไมเกรนโดยประมาณ 3,000 คนต่อมวลชน 1 ล้านคน โดยเจออัตราเป็นโรคนี้สูงสุดในคนอเมริกาเหนือ รองลงมาคือคนอเมริกากึ่งกลาง อเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย และแอฟริกา                                                                             
สาเหตุของโรคไมเกรน ปัจจัยที่แท้จริงของไมเกรนยังไม่รู้จักชัดแจ้ง แต่ว่ามีการคาดคะเนว่ามีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานของระบบประสาทแล้วก็เส้นโลหิตในสมองมีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองที่มีชื่อว่า ซีโรโทนิน หรือ serotonin (ซึ่งพบว่ามีจำนวนลดลงในขณะที่มีลักษณะอาการกำเริบ) รวมทั้งสารเคมีในสมองกลุ่มอื่นๆได้แก่ โดปามีน  เป็นเหตุให้เกิดการอักเสบของเส้นใยประสาทสมองเส้นที่ ๕ ที่ เลี้ยงใบหน้าและศีรษะ แล้วก็ทำให้เส้นโลหิตแดงในและก็นอกกะโหลกศีรษะมีการอักเสบ แล้วก็มีการหดรวมทั้งขยายตัวแตกต่างจากปกติ เส้นเลือดในกะโหลกจะมีการหดตัวทำให้เปลือกสมองมีเลือดไปเลี้ยงน้อยลง ส่วนเส้นโลหิตนอกกะโหลกศีรษะมีการขยายตัว ทั้งปวงนี้ก่อให้เกิดอาการแสดงต่างๆของโรคไมเกรน
ปัจจุบันพบว่าโรคนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม พบว่าราวๆจำนวนร้อยละ ๖๐-๗๐ ของผู้ที่เป็นไมเกรน   มีประวัติว่าพ่อแม่พี่น้องประชาชนเป็นโรคนี้ด้วย ส่วนปัจจัยกำเริบของไมเกรนนั้น คนเจ็บมักพูดได้ว่า แต่ละครั้งที่มีอาการปวดศีรษะจะมีตัวกระตุ้นหรือเหตุกำเริบแจ่มกระจ่าง ซึ่งแต่ละคนอาจมีเหตุกำเริบเสิบสานที่นานับประการ และชอบมีได้หลายๆอย่างข้างในการกำเริบครั้งเดียวเหตุกำเริบที่พบได้ทั่วไปๆตัวอย่างเช่น

  • มีแสงไฟจ้าเข้าตา อาทิเช่น ออกกลางแดดจ้าๆแสงสว่างจ้า แสงไฟกะพริบ แสงสีระยิบในโรงมหรสพหรือสถานเริงรมย์
  • การใช้สายตาเพ่งดูอะไรนานๆได้แก่ หนังสือ หรือกล้องจุลทรรศน์ เย็บปักถักร้อย
  • การอยู่ในที่ที่มีเสียงดังจอแจ เช่น ตลาดนัด หรือเสียงอึกทึก
  • การสูดดมกลิ่นฉุนๆยกตัวอย่างเช่น กลิ่นสี กลิ่นน้ำมันรถ กลิ่นน้ำหอม กลิ่นสารเคมี ควันบุหรี่
  • การดื่มกาแฟมากๆก็บางทีอาจกระตุ้นให้ปวดได้
  • ยานอนหลับ สุรา เบียร์สด ไวน์ ถั่วต่างๆกล้วย นมเปรี้ยว เนยแข็ง ช็อกโกแลต ตับไก่ ไส้กรอก อาหารทะเล ของกินทอดน้ำมัน ผงชูรส น้ำตาลเทียม สารกันเสีย ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ล้วนกระตุ้นทำให้ปวดได้
  • การอยู่ในที่ร้อนหรือเย็นเกินไป อย่างเช่น อากาศร้อน หรือหนาวจัด
  • การละนอน (นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ) หรือนอนมากเกินความจำเป็น การนอนตื่นสาย
  • การงดเว้นข้าว กินข้าวไม่ถูกเวลา หรือกินอิ่มจัด มั่นใจว่าเกี่ยวกับภาวการณ์น้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งกระตุ้นให้ปวดหัวได้ ครั้งคราวพบว่า คนป่วยไมเกรนเมื่อเป็นโรคโรคเบาหวาน (มีน้ำตาลในเลือดสูง) อาการปวดจะหายไป
  • การนั่งรถ นั่งเรือ หรือนั่งเครื่องบิน
  • การเจ็บป่วย ได้แก่ ตัวร้อนจากไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่
  • การบริหารร่างกายจนเมื่อยล้าเกินความจำเป็น
  • ร่างกายอ่อนล้า
  • การเช็ดกกระแทกแรงๆที่หัว (ยกตัวอย่างเช่น การใช้ศีรษะโหม่งบอลหรือตะกร้อ) ก็อาจทำให้ปวดศีรษะโดยทันที
  • อิทธิพลของฮอร์โมนเพศสำหรับคนป่วยหญิง มีผลต่อการเกิดอาการไมเกรนอย่างมาก เป็นต้นว่า บางรายมีอาการปวดเฉพาะเวลาใกล้จะมีหรือมีประจำเดือน รวมทั้งมีไม่น้อยที่หายปวดไมเกรนขณะตั้งท้อง ๙ เดือน (มีฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนสูง) บางรายรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด (มีฮอร์โมนเอสโตรเจน) ทำให้ปวดบ่อยมากขึ้น พอเพียงหยุดกินยาก็ดีขึ้น
  • ความเครียดทางอารมณ์ คิดมาก อารมณ์หม่นหมอง ตื่นเต้น ตกอกตกใจ
ซึ่งในอดีตมีการค้นพบทฤษฏีที่เกี่ยวกับการเกิดอาการของไมเกรนเป็น

  • แนวคิดเกี่ยวกับเส้นโลหิต (Vascular theory) แนวคิดนี้ถูกคิดขึ้นมาในตอนปี พ.ศ. 2483 โดย Wolff (แพทย์คนอเมริกัน) ซึ่งชี้แจงว่า อาการนำก่อนปวดหัวจำพวกออรา (มีลักษณะนำ) เป็นผลมาจากเส้นเลือดในสมองมีการหดตัว และก็เมื่อเส้นโลหิตที่หดตัวขยายตัวออก จะก่อให้มีอาการปวดหัวตามมา โดยหลักฐานส่งเสริมคือ เจอเส้นเลือดนอกกะโหลกศีรษะมีการขยายตัวรวมทั้งเต้นตุ้บๆรวมทั้งการให้ยาช่วยให้เส้นโลหิตหดตัว ทำให้อาการปวดศีรษะดีขึ้น ส่วนการให้ยาที่ขยายเส้นเลือด ทำให้อาการปวดศีรษะร้ายแรงขึ้น

แต่ ทฤษฎีนี้ไม่อาจจะชี้แจงอาการนำก่อนปวดศีรษะชนิดไม่มีออรา (ไม่มีอาการนำ) แล้วก็อาการร่วมที่เกิดระหว่างไมเกรนว่ากำเนิดได้เช่นไร นอกนั้น ยาบางตัวซึ่งไม่มีผลสำหรับการหดตัวของเส้นโลหิต แต่ว่าก็สามารถทุเลาลักษณะของการปวดหัวไมเกรนได้ และการตรวจภาพเส้นเลือดสมองก่อนเกิดอาการรวมทั้งระหว่างเกิดอาการ ก็ไม่สนับสนุนทฤษฎีนี้ ดังนั้นปัจจุบันนี้แนวคิดนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่ยอบรับ

  • แนวคิดเกี่ยวกับเซลล์ประสาท เส้นโลหิต และก็สารสื่อประสาทร่วมกัน (Neurovascu lar theory) Leao (หมอชาวบราซิล) เป็นผู้เสนอทฤษฎีนี้ในปี พ.ศ. 2487 ซึ่งชี้แจงว่า เซลล์ประ สาทในสมองบางตัวเกิดการตื่นตัว รวมทั้งปลดปล่อยสารสื่อประสาท (สารเคมีที่มีบทบาทส่งต่อสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาท) กระตุ้นเซลล์ประสาทใกล้เคียงให้ตื่นตัว แล้วก็ส่งต่อสัญญาณไปเรื่อยๆการที่เซลล์ประสาทถูกกระตุ้นนี้ เอามาอธิบายการเกิดอาการนำก่อนจะมีการปวดหัวของผู้ป่วยได้ ส่วนลักษณะของการปวดศีรษะของคนไข้อธิบายได้จาก เมื่อเซลล์ประสาทถูกกระตุ้นไปเรื่อยๆจนถึงไปกระ ตุ้นกลุ่มเซลล์ประสาทเฉพาะ เรียกว่า Trigerminal nucleus ซึ่งจะปล่อยสารเคมีหลายชนิดที่มีผลนำไปสู่อาการปวดไปสู่เส้นเลือด เว้นเสียแต่สารเคมีกลุ่มนี้ก่อให้เกิดอาการปวดแล้ว ยังมีผลทำให้ เส้นโลหิตขยายตัวอีกด้วย จากแนวความคิดกลุ่มนี้ มีผู้ค้นพบเพิ่มอีกต่อไปอีกเยอะมากในปัจจุบัน

อาการโรคไมเกรน เมื่อเกิดลักษณะของการปวดหัวข้างเดียว หลายๆท่านรู้เรื่องว่าเป็นโรคปวดไมเกรน เนื่องจากว่าเราเคยเรียกโรคปวดไมเกรนกันว่า โรคปวดศีรษะด้านเดียว ก็เลยทำให้เข้าใจผิดมีความคิดว่าถ้าหากมีอาการปวดหัวข้างเดียวแสดงว่าเป็นไมเกรน   แท้จริงอาการปวดไมเกรนนั้นไม่จำเป็นที่ต้องปวดศีรษะเพียงฝ่ายเดียว บางทีอาจปวดสองข้างก็ได้ ในทางตรงกันข้าม ลักษณะของการปวดหัวฝ่ายเดียวบางทีอาจไม่ใช่ไมเกรนก็ได้   โดยลักษณะโรคไมเกรนสำเร็จจากการขยายและหดของเส้นเลือดที่กะโหลกศีรษะ โดยมักมีอาการนำ (aura) ก่อนอาการปวด แต่ปัจจุบันพบว่าอาจไม่มีอาการนำก็ได้  ซึ่งสามารถแบ่งอาการของโรคไมเกรนเป็น 4 ขั้น ได้แก่ ระยะอาการนำ (Premonitory Symptom รวมทั้ง Singn) ระยะอาการเตือน (Aura phase) ระยะปวดศีรษะ (Headache) แล้วก็ระยะหายปวด    (Postdrome) ซึ่งคนไข้อาจไม่แสดงอาการในทุกขั้นก็ได้

อาการและก็อาการแสดงของ ไมเกรน แบ่งได้เป็นระยะต่างๆดังนี้

  • ระยะอาการนำ (Premonitory symptom แล้วก็ singn) มีลักษณะอาการรวมทั้งอาการแสดงทางสมอง ซึ่งแสดงออกในรูปของความเปลี่ยนไปจากปกติของลักษณะการทำงานของสมองแบบทั่วๆไป ความผิดแปลกของระบบทางเดินอาหาร สมดุลย์ของน้ำในร่างกาย และก็อาการทางกล้ามเนื้อ ซึ่งปรากฎการณ์นี้ พบโดยประมาณ 40% ของผู้ป่วยไมเกรน อาการเหล่านี้มักนำมาก่อนโดยประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนกำเนิดลักษณะของการปวดหัวและบางทีอาจกำเนิดเร็วใน 1 ชั่วโมง หรือกำเนิดก่อนนานถึง 2 วัน อาการพวกนี้มีอาการแสดงทางจิตใจ อาการทางระบบประสาทรวมทั้งความเคลื่อนไหวในระบบอื่นๆของร่างกาย อาทิเช่น สมาชิเสีย อารมณ์อารมณ์เสีย เก็บเนื้อเก็บตัว ทำอะไรคล่องแคล่ว ทำอะไรจำเจ คิดช้าทำช้า หรือทำอะไรงุ่มสวย บางโอกาสอารมณ์ไม่ดี ผู้ป่วยอาจมีหาวบ่อยมาก ง่วงมากทนต่อแสงสว่างเสียงไม่ค่อยได้ ผิวหนังอาจไวต่อความรู้สึกทนต่อการสัมผัสไม่ได้ นอนมาก อิดโรยง่าย กล่าวไม่ชัดเจน คิดคำพูดไม่ออก กล่าวน้องลง กล้ามเนื้อคอบางทีอาจตึง มีลักษณะอาการอ่อนล้าทั่วไป รู้สึกหนาวจำต้องคลุมผ้าสำหรับห่ม หน้าซีด ขอบตาคล้ำ หนังตาหนักๆหรือตาลึก อาการทางเดินอาหารก็มีได้ทั้งยังต้องการอาหาร โดยเฉพาะของที่มีรสหวาน เบื่อข้าว ขี้บ่อยครั้ง ท้องผูก ท้องอืด ปวดท้อง อาการอื่นๆดังเช่น ฉี่หลายครั้ง กระหายน้ำ บวมจึงทำให้เชื่อว่าไมเกรน น่าจะเป็นปรากฎการณ์ของการเปลื่ยนแปลงทางชีวเคมีในเซลล์ประสาทและความเคลื่อนไหวทางหลอดเลือดในระยะปวดศีรษะเป็นปรากฎการณ์ที่ตามมาภายหลัง
  • ระยะอาการเตือน (Aura phase) เป็นอาการทางระบบประสาทเฉพาะที่ซึ่งเกิดก่อนอาการปวดหัวประมาณ 30 นาที แล้วก็ส่วนใหญ่จะมีลักษณะอยู่นาน 20-30 นาที โดยปกติจะหายเมื่อกำเนิดลักษณะของการปวดศีรษะขึ้นมาแล้ว ซึ่งอาการที่พบได้บ่อยเป็น อาการเปลี่ยนไปจากปกติทางทางแลเห็น ตัวอย่างเช่น การเห็นแสงสี เห็นแสงระยิบ มองเห็นแสงสว่างดาวกระพริบ แล้วก็อาจมีอาการชารอบๆนิ้วมือ แขนและก็ใบหน้า แล้วก็อาจเจอสภาวะบอกลำบากร่วมด้วย
  • ระยะปวดศีรษะ (Headache) ชอบเริ่มเป็นช้าๆในเวลา 30-60 นาที ก่อนจะปวดหัวมากสุด แม้กระนั้นบางรายบางทีอาจสังเกตว่าปวดหัวหลังตื่นนอน ซึ่งทำให้ไม่เคยทราบว่าตามที่เป็นจริงอาการปวดศีรษะเริ่มเป็นเมื่อใดรวมทั้งรวดเร็วแค่ไหน บางรายความรุนแรงของอาการปวดศีรษะก็ดำเนินไปอย่างช้าๆกินเวลาครึ่งวันหรือตลอดวัน รวมทั้งมักจะเบาๆหายไป แต่ในเด็กอาการเหล่านี้จะหายอย่างเร็ว คราวหลังอ้วก ลักษณะปวดศีรษะนี้มีไม่ถึง 50% ที่ปวดแบบตุ๊บๆที่เหลือมักปวดตื้อๆหรือปวดเหมือนมีอะไรมารัด ลักษณะปวดที่สำคัญในไมเกรนเป็นอาการปวดในตำแหน่งต่างๆจะย้ายที่ได้และก็ย้ายข้างได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นสำหรับเพื่อการเป็นแต่ละครั้งหรือสำหรับการปวดครั้งเดียวกัน และก็ลักษณะของการปวดกลุ่มนี้จะเป็นมากเมื่อมีการเคลื่อนไหวหัว อาการร่วมขณะปวดหัวมักเป็นอาการทางระบบประสาทและอาการทางระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งในบางรายอาการเหล่านี้จะเกิดในระยะอาการนำซึ่งในแต่ละคนอาการจะแตกต่างกันแล้วก็อาการในคนๆเดียวกันการปวดศีรษะแต่ละครั้งก็บางทีอาจแตกต่างกันได้ด้วย อาการพวกนี้ได้แก่ ไม่อยากอาหาร อาเจียน อาเจียน ท้องผูก ท้องร่วง รู้สึกเย็นปลายมือ ปลายเท้า กลัวแสงสว่างกลัวเสียง เกลียดชังให้คนใดกันแน่มาแตะต้องตัว ไม่สามารถทนต่อการสั่นสั่นสะเทือน บางบุคคลไวต่อกลิ่น รำคาญ ปวดต้นคอ อ่อนเพลีย คัดจมูก เดินโซเซ หรือคล้ายจะเป็นลม อาการปวดศีรษะจะหายไปตอนหลังได้นอน 45 นาที ถึง 3 ชั่วโมง หรือวันหลังดื่มเครื่องดื่มร้อนๆหรือ วันหลังอาเจียนหรือได้ยาพารา
  • ระยะหายปวด (Postdromes) อาการที่สำคัญ คือ เหน็ดเหนื่อย ซึ่งบางรายจะมีลักษณะอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงของกล้ามรวมทั้งปวดกล้ามเนื้อ มีลักษณะเคลิ้ม หรือมีอารมณ์ไม่แจ่มใส ขาดสมาธิ หงุดหงิด หาวมากแตกต่างจากปกติรับประทานอาหารได้น้อย เยี่ยวมากมายหรือหิวน้ำ อาการพวกนี้จะเป็นอยู่นาน 1 ชั่วโมง ถึง 4 วัน โดยเฉลี่ยราวๆ 2 วัน

เว้นแต่โรคไมเกรนแล้ว โรคปวดหัวยังมีอีกหลายหมวดหมู่ ได้แก่ โรคปวดศีรษะที่เกิดขึ้นมาจากความเครียด (tension headache) โรคปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (cluster headache) รวมทั้ง โรคปวดศีรษะเพราะมีแรงกดดันในสมองสูง(increase intracranial pressure) เป็นต้น ซึ่งโรคพวกนี้ก่อให้เกิดการปวดศีรษะเพียงข้างเดียวได้
ซึ่งโรคปวดศีรษะที่อาจจะส่งผลให้หลงผิดรู้สึกว่าเป็นไมเกรนหมายถึงโรคปวดหัวที่เกิดขึ้นจากความตึงเครียด ซึ่งเป็นภาวะที่พบมากโดยเฉพาะคนที่อยู่ในวัยทำงาน มีความรู้สึกไม่สบายใจรวมทั้งเครียดตลอดเวลา จำเป็นต้องดำเนินการกับเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องกันวันละหลายๆชั่วโมง ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณบ่าแล้วก็แขนมีการเกร็งตึง นำมาซึ่งการก่อให้เกิดลักษณะของการปวดตึงบริเวณท้ายทอย ร้าวขึ้นไปที่ขมับข้างที่มีการตึงของกล้าม หรือกำเนิดอาการปวดรอบศีรษะเหมือนถูกรัด ซึ่งหากมีลักษณะไม่มาก เมื่อพัก นวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งและตึง อาการจะหายไปเอง แม้กระนั้นในรายที่มีลักษณะหนักอาจปวดต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี โรคปวดศีรษะที่เกิดขึ้นมาจากความเครียดจะไม่กำเนิดร่วมกับอาการอาเจียน อ้วก ตามัว หรือเห็นแสงสี
โรคปวดหัวแบบคลัสเตอร์ก็มีอาการปวดศีรษะข้างเดียวได้ด้วยเหมือนกัน แต่จะปวดร้ายแรง ปวดบ่อยครั้ง มักปวดรอบตาแล้วก็ขมับ มีตาแดง น้ำตาไหล แล้วก็คัดจมูกในด้านเดียวกัน จะไม่มีคลื่นใส้อ้วก ส่วนโรคปวดศีรษะที่เกิดเพราะเหตุว่ามีแรงดันในสมองสูงนั้น มีต้นเหตุมาจากมีเรื่องผิดปกติในสมอง ยกตัวอย่างเช่น มีเนื้องงงวยอกในสมอง เลือดออกในสมอง น้ำคั่งในสมอง เป็นต้น ซึ่งจะต้องปรับแก้ที่ปัจจัย
ด้วยเหตุนี้ก่อนจะสรุปว่าเป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน ควรจะไปพบหมอเพื่อวินิจฉัยให้แจ่มกระจ่างก่อน ไม่สมควรคิดเอาเองว่ามีลักษณะอาการปวดหัวฝ่ายเดียว หมายความว่าเป็นโรคปวดหัวไมเกรนแน่ๆแล้วไปหาซื้อยาแก้ไมเกรนมารับประทาน เนื่องจาก การกินยาไมเกรนผิดควรมีอันตรายอย่างยิ่ง
แนวทางการรักษาโรคไมเกรน แนวทางการวินิจฉัยไมเกรนใช้หลักเกณฑ์ของ International Headche Society (IHS) ซึ่งจัดประเภทออกเป็น 2 กรุ๊ป ยกตัวอย่างเช่น
ซึ่งปัจจุบันหมอชอบวินิจฉัยจากอาการบอกกล่าวของผู้เจ็บป่วย เป็นต้นว่า ลักษณะของการปวดตุบๆที่ขมับ และลูบคลำได้เส้น (เส้นโลหิต) ที่ขมับ เป็นๆหายๆเป็นครั้งเป็นคราว และก็มีเหตุกำเริบเสิบสานชัดแจ้ง โดยที่ตรวจร่างกายด้านอื่นๆ อย่างรอบคอบแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติที่จะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการปวดหัว
โดยเหตุนั้น  การที่จะรู้ว่าอาการปวดหัวนั้นมีเหตุที่เกิดจากโรคไมเกรนหมอจำต้องกระทำวิเคราะห์จากลักษณะจำเพาะของลักษณะของการปวดศีรษะ  อาการที่เกิดร่วมด้วย รวมทั้งผลการตรวจร่างกายระบบต่างๆรวมถึงลักษณะการทำงานของสมองที่ปกติ  แต่อย่างไรก็ตาม โรคไมเกรนบางจำพวกก็อาจทำให้สมองปฏิบัติงานผิดปกติไปชั่วครั้งคราวในขณะที่กำเนิดอาการปวดขึ้นได้ หมอจำเป็นต้องกระทำการวินิจฉัยแยกโรคให้ได้ โดยมีหลักสำหรับเพื่อการวิเคราะห์ จากลักษณะเจาะจงคือ

  • ลักษณะต่างๆของลักษณะของการปวด : ตำแหน่ง ความร้ายแรง ลักษณะการปวด การดำเนินของการปวด
  • อาการที่เกิดร่วมด้วย ตัวอย่างเช่น คลื่นไส้ วิงเวียน
  • ความแตกต่างจากปกติของลักษณะการทำงานของสมองหรืออวัยวะต่างๆที่อาจจะก่อให้กำเนิดลักษณะของการปวด ได้แก่ ความตรึกตรองเชื่องช้า เห็นภาพซ้อน แขนขาอ่อนเพลีย ต้นเหตุกระตุ้นลักษณะของการปวด อย่างเช่น ความเครียด แสงจ้าๆอาหารบางจำพวก
  • ปัจจัยดีขึ้นกว่าเดิมอาการปวด ยกตัวอย่างเช่น การนอนหลับ การนวดหนังหัว ยา

ในบางรายแพทย์บางทีอาจเสนอแนะการตรวจอื่นๆเพื่อจำกัดวงของสาเหตุที่นำไปสู่ลักษณะของการปวด โดยเฉพาะกับผู้เจ็บป่วยที่มีลักษณะมากมายแตกต่างจากปกติ อาการซับซ้อน หรือมีลักษณะอาการที่ร้ายแรงกะทันหัน ตัวอย่างเช่น

  • การพิสูจน์เลือด หมอบางทีอาจให้มีการตรวจเลือดเนื่องจากว่าอาจมีการติดเชื้อที่เส้นประสาทไขสันหลัง หรือสมอง และเกิดพิษในระบบร่างกายของผู้เจ็บป่วย
  • การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง (Lumbar Puncture) แพทย์จะให้มีการตรวจแนวทางนี้แม้สงสัยว่าคนเจ็บมีการติดเชื้อโรค มีเลือดออกในสมอง
  • การใช้งานเครื่อง CT scan (Computerized Tomography) หรือการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ที่ให้ความละเอียดมากขึ้นกว่าการเอกซเรย์แบบปกติ เป็นการกล่าวโทษผิดปกติต่างๆภายในร่างกาย โดยทำให้เห็นภาพของสมอง ให้หมอสามารถวินิจฉัยความผิดแปลกต่างๆได้มากขึ้น
  • การใช้เครื่อง MRI (Magnetic Resonance Imaging) เป็นครื่องตรวจร่างกายโดยการผลิตภาพเหมือนจริงของอวัยวะส่วนต่างๆในร่างกาย โดยอาศัยหลักการของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถวิเคราะห์เนื้องอก การอุดตันของเส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงสมอง ดูอาการการเลือดออกในสมอง การตำหนิดเชื้อ และภาวะอื่นๆในสมองรวมทั้งระบบประสาท

การรักษาผู้ป่วยเป็นโรคไมเกรน    แนวทางการรักษาคนไข้ที่เป็นโรคไมเกรนที่สำคัญยกตัวอย่างเช่น การบรรเทาอาการปวดศีรษะ   รวมทั้งการปกป้องไม่ให้เกิดหรือลดความถี่ ความรุนแรงของลักษณะของการปวดศีรษะ  เมื่อตรวจเจอว่าเป็นไมเกรน หมอจะเสนอแนะข้อควรกระทำตัวต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหลีกเลี่ยงเหตุกำเริบเสิบสาน และก็จะให้ยารักษาดังต่อไปนี้

  • ความเคลื่อนไหววิถีการดำเนินชีวิต ดังเช่นว่า การหลีกเลี่ยงจากสิ่งกระตุ้นต่างๆตัวอย่างเช่น การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการนอนมากเกินความจำเป็น ความเคร่งเครียดการถูกแดดมากจนเกินความจำเป็น การได้รับประทานของกิน หรือเครื่องดื่มบางอย่าง ดังเช่น กาแฟ ชอคโกแลต ฯลฯ อาจจะเป็นผลให้กำเนิดลักษณะของการปวดหัวได้ ส่วนใหญ่เหตุกระตุ้นกลุ่มนี้มักกำเนิดด้วยกันหลายๆอย่าง และครั้งคราวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การบริหารร่างกายที่สม่ำเสมอเป็นทางออกอีกทางหนึ่งสำหรับคนที่ไม่สามารถที่จะเลี่ยงต้นเหตุต่างๆพวกนี้ได้
  • การใช้ยารักษา การใช้ยารักษาควรใช้กรณีจำเป็นยาหวานใจษาเพียงพอสรุปได้ดังต่อไปนี้
ยาสำหรับในการรักษาอาการปวดไมเกรนแบบเฉียบพลัน  เช่น

  • ยาแก้อักเสบประเภทไม่ใช่สเตรอยด์ (Nonsteroid anti-inflammatory drugs; NSAIDs) เป็นต้นว่า ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตรอยด์ (Nonsteroid anti-inflammatory drugs; NSAIDs) อาทิเช่น Ibuprofen, Naproxen sodium, Paracetamol, Aspirin ฯลฯ
  • กลไกการออกฤทธิ์ : ยั้งเอมไซม์ cyclooxygenase (COX) ทำให้ไม่อาจจะสร้างสาร prostaglandins ก็เลยลดอาการอักเสบได้
  • ข้อบ่งใช้: บรรเทาอาการปวดระดับน้อยถึงปานกลาง
  • ขนาดยาที่ใช้
  • Ibuprofen รับประทานทีละ 200-600 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 3.2 กรัมต่อวัน
  • Naproxen sodium รับประทานครั้งละ 275-550 มก. ทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 1.65 กรัมต่อวัน
  • Paracetamol รับประทานทีละ 500-1000 มก. ทุก 4-6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 2 กรัมต่อวัน
  • Aspirin กินทีละ 650-1300 มก. ทุก 4 ชั่วโมง ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 4 กรัมต่อวัน
  • อาการข้างๆ: แผลในกระเพาะ
  • Ergot alkaloid ตัวอย่างเช่น ergotamine+caffeine tablet (Cafergot?)
  • กลไกการออกฤทธิ์: nonselective 5-HT receptor agonists โดยผลที่อยากได้เป็นทำให้เส้นโลหิตที่สมองหดตัว
  • ข้อบ่งใช้: บรรเทาลักษณะของการปวดรุนแรง โดยเป็นยา first line สำหรับรักษาลักษณะของการปวดหัวไมเกรนเฉียบพลัน
  • ขนาดยาที่ใช้: Cafergot? (ergotamine 1 มิลลิกรัม และ caffeine 100 มก.) กินทีแรก 2 มิลลิกรัม ซ้ำได้ทุก 30 นาที ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 6 เม็ดต่อวันหรือ 10 เม็ดต่ออาทิตย์
  • อาการใกล้กัน: อาเจียน อ้วก
  • Triptans ดังเช่นว่า Sumatriptan, Naratriptan
  • กลไกการออกฤทธิ์: selective 5-HT receptor agonists โดยทำให้เส้นเลือดที่สมองหดตัวแม้กระนั้นเพราะว่าเป็น selective ก็เลยไม่ได้ไปกระตุ้น receptor อื่นที่กระตุ้นให้เกิดอาการอ้วก คลื่นไส้ เหมือนใน ergot alkaloid ส่งผลให้ไม่กำเนิดอาการอ้วก อ้วก
  • ข้อบ่งใช้: ทุเลาลักษณะของการปวดรุนแรงและก็ทันควันรวมถึงอาการที่ดื้อต่อยาแก้ปวดขนานอื่นๆโดยจัดเป็นยา first line สำหรับรักษาอาการปวดศีรษะ ไมเกรนกะทันหัน
  • ขนาดยาที่ใช้:
  • Sumatriptan รับประทานทีละ 25-100 มก. และสามารถรับประทานซ้ำในชั่วโมงที่ 2 ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 200 มก.ต่อวัน
  • Naratriptan กินทีละ 2.5 มิลลิกรัมรวมทั้งสามารถกินซ้ำในชั่วโมงที่ 4 ปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อวัน
  • อาการใกล้กัน: อาการแน่นหน้าอก, บริเวณใบหน้าร้อนแดง, อาเจียนคลื่นไส้
สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไมเกรน  คือ

  • กรรมพันธุ์ โดยประมาณ 70% ของคนไข้จะมีประวัติญาติสายตรงเป็นโรคปวดศีรษะไมเกรน รวมทั้งถ้าเกิดมีเครือญาติที่เป็นโรคนี้โดยยิ่งไปกว่านั้นเป็นแบบมีลักษณะอาการนำชนิดออรา (Auraเป็นอาการที่เกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจสึก อาทิเช่น เห็นแสงวาบ มองเห็นจุดดำๆหรือรู้สึกซ่าในใบหน้าและมือ) จังหวะที่จะเป็นโรคนี้มีราว 4 เท่าเมื่อเทียบกับคนทั่วๆไป โดยส่วนมากยังไม่เคยรู้ว่ามีการถ่ายทอดผ่านยีน ตัวไหนแน่ชัด แม้กระนั้นพบว่าบางทีอาจสามารถถ่าย ทอดผ่านทางจีนจากแม่สู่ลูกได้

อย่างไรก็ดี บางจำพวกของโรคปวดหัวไมเกรน ทราบตำแหน่งยีนที่ไม่ปกติแจ้งชัดหมายถึงโรคไมเกรนประเภทมีอัมพาตครึ่งส่วนร่วมด้วย (Familial hemiplegic migraine) มีเหตุมาจากมีความผิด ธรรมดาที่บางตำแหน่งบนหน่วยพันธุกรรม (โครโมโซม/chromosome) คู่ที่ 1 หรือ 19 ซึ่งถ่าย ทอดทางพันธุกรรมได้ โดยคนไข้จะมีลักษณะปวดศีรษะแบบมีอาการแขนขาเหน็ดเหนื่อยครึ่งส่วนชั่ว คราวร่วมด้วย

  • การเป็นโรคบางประเภท บุคคลที่มีโรคบางสิ่งบางอย่างจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคปวดศีรษะไมเกรนร่วมด้วย ยกตัวอย่างเช่น โรคลมชักบางจำพวก โรคไขมันในเลือดสูงแบบที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โรคหืด ผู้ที่มีผนังกั้น ห้องหัวใจห้องบนรั่ว โรคไม่มีชีวิตชีวา กังวล และโรคพันธุกรรมอีกหลายชนิด

การติดต่อของโรคไมเกรน  โรคไมเกรนเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากความแตกต่างจากปกติของระดับสารเคมีในสมอง รวมถึงการสื่อกระแสในสมอง หรือการทำงานไม่ดีเหมือนปกติของหลอดเลือดสมอง ซึ่งถึงแม้โรคไมเกรนสามารถถ่ายทองคำทางพันธุกรรมได้



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ