โรคโปลิโอ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคโปลิโอ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 22 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
powad1208
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 64


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 12, 2018, 10:41:23 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคโปลิโอ (Poliomyelitis)
โรคโปลิโอเป็นยังไง โรคโปลิโอศึกษาและทำการค้นพบทีแรกเมื่อ ค.ศ. 1840 โดย Jakob Heine ส่วนเชื้อไวรัสโปลิโอซึ่งเป็นสาเหตุของโรคถูกพ้นเจอเมื่อ ค.ศ. 1908 โดย Karl Landsteiner โรคโปลิโอ หรือ ไข้ไขสันหลังอักเสบ  เป็นโรคที่สร้างความทุกข์แก่เด็กทั่วทั้งโลก ซึ่งมีผู้ป่วยในสมัยก่อนมากยิ่งกว่า 350,000 รายต่อปี เนื่องจากว่าทำให้เกิดความพิกลพิการ ขา หรือ แขนลีบ แล้วก็เสียชีวิต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการต่อว่าดเชื้อไวรัสโปลิโอ โดยคนเจ็บโดยมากมักไม่มีอาการแสดงของโรค ส่วนในกลุ่มคนป่วยที่มีลักษณะนั้นส่วนมากจะมีลักษณะอาการเพียงเล็กน้อยอย่างไม่จำเพาะรวมทั้งหายได้เองภายในช่วงเวลาไม่กี่วัน แม้กระนั้นจะมีผู้ป่วยเพียงแค่ส่วนน้อยที่จะมีลักษณะของกล้ามเนื้อเมื่อยล้าแล้วก็เมื่อผ่านไปหลายๆปีข้างหลังการรักษา ผู้เจ็บป่วยที่เคยมีอาการกล้ามอ่อนกำลังนี้อาจจะมีการเกิดอาการกล้ามอ่อนเพลียซ้ำขึ้นมาอีก รวมถึงบางทีอาจเกิดกล้ามเนื้อฝ่อลีบรวมทั้งกำเนิดความพิการของข้อตามมาได้ ในขณะนี้โรคนี้ยังไม่มียารักษา แม้กระนั้นมีวัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคได้
โรคโปลิโอ นับเป็นโรคที่มีความสำคัญมากโรคหนึ่ง ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะเชื้อ ไวรัสโปลิโอ จะก่อให้มีการอักเสบของไขสันหลังทำให้มีอัมพาตของกล้ามแขนขา ซึ่งในรายที่อาการร้ายแรงจะมีผลให้มีความพิการตลอดชาติ และบางรายอาจถึงเสียชีวิตได้ ในปี พ.ศ. 2531 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทุกประเทศร่วมมือกวาดล้างโรคโปลิ โอ ทำให้อัตราการป่วยทั้งโลกลดลงไปมากถึง 99% โดยน้อยลงจาก 350,000 ราย (จาก 125 ประเทศทั่วโลก) ในปี พุทธศักราช 2531 เหลือแค่ 820 รายใน 11 ประเทศในปี พศาสตราจารย์ 2550 ซึ่งประ เทศที่ยังพบโรคมากอยู่เป็น อินเดีย (400 กว่าราย) ปากีสถาน ไนจีเรีย รวมทั้งอัฟกานิสถาน
ส่วนในประเทศไทยไม่เจอคนป่วยโรคโปลิโอมาตรงเวลายาวนานหลายปีแล้ว โดยพบรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2540 ที่ จ. เลย แต่เด็กทุกคนยังคงจำเป็นต้องได้เรื่องฉีดรับวัคซีนตามมาตรกาเกลื่อนกลาดวาดล้างโรคโปลิโอร่วมกับนานาประเทศทั่วโลก เนื่องจากว่าโปลิโอเป็นโรครุนแรงที่สร้างความสูญเสียทั้งทางด้านร่างกายและก็เศรษฐกิจ แล้วก็ปัจจุบันถึงแม้ องค์การอนามัยโลก CWHO ได้รับสมัครรองให้เป็นประเทศที่ปราศจากโรคโปลิโอแล้วช่วงวันที่ 27 มี.ค. พุทธศักราช 2557 แต่เมืองไทยยังที่เสี่ยงต่อโรคโปลิโออยู่ เพราะว่ามีขอบเขตติดกับประเทศที่มีการระบาดของโรคโปลิโออย่างประเทศพม่ารวมทั้งลาวที่เพิ่งจะเจอเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธ์ไปเมื่อปี พุทธศักราช 2558
สาเหตุของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีเหตุที่เกิดจากเชื้อไวรัสโปลิโอ single-stranded RNA virus ไม่มีเปลือกจัดอยู่ใน Family Picornaviridae, Genus Enterovirus มี 3 ทัยป์ คือ ทัยป์ 1, 2 และ 3 โดยแต่ละจำพวกอาจจะส่งผลให้เกิดอัมพาตได้ พบว่า type 1 นำไปสู่อัมพาตรวมทั้งเกิดการระบาดได้บ่อยครั้งกว่าทัยป์อื่นๆรวมทั้งเมื่อติดเชื้อแล้วจะมีภูมิคุ้มกันถาวรเกิดขึ้นเฉพาะต่อทัยป์นั้น ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อทัยป์อื่น ด้วยเหตุนี้ ตามทฤษฎีนี้แล้ว คน 1 คน บางทีอาจติดเชื้อโรคได้ถึง 3 ครั้ง และแต่ละทัยป์ของเชื้อไวรัสโปลิโอ จะแบ่งย่อยได้อีก 2 สายพันธุ์ เป็น

  • สายพันธุ์รุนแรงก่อโรค (Wild strain) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังและก็กวาดล้าง โดยเดี๋ยวนี้ยังพบสายพันธุ์รุนแรงนี้ใน 2 ประเทศ คือ อัฟกานิสถานและก็ประเทศปากีสถาน
  • สายพันธุ์วัคซีน (Vaccine strain หรือ Sabin strain) เป็นการทำให้เชื้อไวรัสโปลิโออีกทั้ง 3 ชนิดย่อยอ่อนฤทธิ์ลงกระทั่งไม่สามารถที่จะก่อเกิดโรคได้ แล้วนำมาใช้เป็นวัคซีนประเภทหยด หรือที่เรียกกันว่า OPV (Oral polio vaccine) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกาย แต่ว่าแม้กระนั้น เชื้อไวรัสโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนอาจมีความเคลื่อนไหวในระดับโมเลกุลจนสามารถก่อให้เกิดสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์ แล้วก็ก่อให้เกิดโรคโปลิโอได้ ซึ่งการเกิดนี้มักจะกำเนิดในชุมชนที่มีระดับความครอบคลุมของวัคซีนโปลิโอค่อนข้างต่ำเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน

โดยเชื้อโปลิโอนี้จะอยู่ในลำไส้ของคนเพียงแค่นั้น ไม่มีแหล่งรังโรคอื่นๆเชื้อจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ในไส้ของผู้ที่ไม่มีภูมิต้านทานและอยู่ข้างในไส้ 1-2 เดือน เมื่อถูกถ่ายออกมาภายนอก จะไม่อาจจะเพิ่มได้ รวมทั้งเชื้อจะอยู่ข้างนอกร่างกายในสภาพแวดล้อมไม่ได้นาน โดยเฉพาะในเขตร้อน อายุครึ่งชีวิตของเชื้อไวรัสโปลิโอ (half life) ราว 48 ชั่วโมง
ลักษณะของโรคโปลิโอ  เมื่อเชื้อโปลิโอไปสู่ร่างกายของผู้ที่ไม่มีภูมิต้านทาน เชื้อไวรัสจะเข้าไปเพิ่มจำนวนในรอบๆ pharynx และก็ลำไส้ สองสามวันถัดมาก็จะกระจัดกระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอที่ต่อมทอนซิล และก็ที่ไส้แล้วก็ไปสู่กระแสโลหิตทำให้มีอาการไข้เกิดขึ้น ส่วนน้อยของเชื้อไวรัสจะผ่านจากกระแสโลหิตไปยังไขสันหลังรวมทั้งสมองโดยตรง หรือบางส่วนอาจผ่านไปไขสันหลังโดยทางเส้นประสาท เมื่อเชื้อไวรัสเข้าไปยังไขสันหลังแล้วมักจะไปที่ส่วนของไขสันหลังหรือสมองที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อเซลล์สมองในส่วนที่    ติดโรคมีอาการอักเสบมากจนถูกทำลายไป กล้ามเนื้อที่ควบคุมโดยเซลล์ประสาทนั้นก็จะมีอัมพาตและฝ่อไปในที่สุด
         ทั้งนี้สามารถแบ่งคนป่วยโปลิโอตามกลุ่มอาการได้เป็น 4 กรุ๊ปเป็น

  • กรุ๊ปผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ ผู้เจ็บป่วยกลุ่มนี้มีประมาณ 90 – 95% ของผู้ติดเชื้อโรคโปลิโอทั้งหมดทั้งปวง มีความหมายทางด้านระบาดวิทยา เพราะเชื้อไวรัสโปลิโอที่เข้าไปจะไปเพิ่มจำนวนในลำไส้ แล้วก็ขับถ่ายออกมาตรงเวลา 1-2 เดือน นับเป็นแหล่งแพร่โรคที่สำคัญในชุมชน
  • กลุ่มผู้เจ็บป่วยที่มีอาการน้อยมาก (Abortive poliomyelitis) หรือที่เรียกว่า abortive case หรือ minor illness ซึ่งจะพบได้โดยประมาณ 5-10% ของผู้ติดเชื้อโปลิโอทั้งสิ้น ชอบมีอาการไข้ต่ำๆเจ็บคอ คลื่นไส้ เจ็บท้อง เบื่ออาหาร และอ่อนเพลีย อาการจะเป็นอยู่ 3-4 วัน ก็จะหายเรียบร้อยโดยไม่มีอาการอัมพาต ซึ่งจะวินิจฉัยโรคแยกจากโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสอื่นมิได้
  • กรุ๊ปคนไข้ที่มีลักษณะอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสโปลิโอ (Nonparalytic poliomyelitis) กลุ่มนี้จะพบได้เพียง 1% ของผู้ติดเชื้อโปลิโอทั้งหมด จะมีลักษณะเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสอื่นๆคนไข้จะมีลักษณะอาการคล้าย abortive case แต่ว่าจะตรวจพบคอแข็งแจ่มชัด มีลักษณะปวดศีรษะ ปวดตามกล้ามเนื้อ เมื่อตรวจน้ำไขสันหลังก็จะเจอผิดปกติแบบการตำหนิดเชื้อไวรัส มีเซลล์ขึ้นไม่มากมายจำนวนมากเป็นลิมโฟซัยท์ ระดับน้ำตาลรวมทั้งโปรตีนปกติ หรือเปลี่ยนเพียงนิดหน่อย
  • กลุ่มคนป่วยที่มีลักษณะกล้ามเนื้อเมื่อยล้า (Paralytic poliomyelitis) เป็นอัมพาต กลุ่มนี้เจอได้น้อยมากจะมีลักษณะอาการแบ่งได้เป็น 2 ระยะ ระยะแรกคล้ายกับใน abortive case หรือเป็น minor illness เป็นอยู่ 3-4 วัน หายไป 3-4 วัน เริ่มเป็นไข้กลับมาใหม่ พร้อมกับมีลักษณะปวดกล้ามเนื้ออาจมีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อก่อนจะมีอัมพาตเกิดขึ้น กล้ามเนื้อจะเริ่มมีอัมพาตรวมทั้งเพิ่มกล้ามที่มีอัมพาตอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะเกิดเต็มที่ภายใน 48 ชั่วโมง และก็จะไม่ขยายมากขึ้นวันหลัง 4 วัน เมื่อตรวจดูรีเฟลกซ์บางทีจะพบว่าหายไปก่อนที่จะกล้ามเนื้อจะมีอัมพาตเต็มกำลัง

          ลักษณะของอัมพาตในโรคโปลิโอชอบพบที่ขามากกว่าแขนและก็จะเป็นข้างเดียวมากยิ่งกว่า 2 ข้าง (asymmetry) มักจะเป็นกล้ามต้นขา หรือต้นแขนมากกว่าส่วนปลาย เป็นแบบปวกเปียก (flaccid) โดยไม่มีความเคลื่อนไหวในระบบความรู้สึก (sensory) ที่พบได้ทั่วไปเป็นเป็นแบบ spinal form ที่มีอัมพาตของแขน ขา หรือกล้ามลำตัว ในรายที่เป็นมากอาจมีอัมพาตของกล้ามส่วนลำตัวที่หน้าอกรวมทั้งพุง ซึ่งมีความจำเป็นสำหรับในการหายใจ ทำให้หายใจเองไม่ได้ อาจจนตายได้ถ้าหากช่วยไม่ทัน
ปัจจัยเสี่ยงที่จะนำไปสูโรคโปลิโอ[/url] โรคโปลิโอพบได้มากได้ในเด็กมากยิ่งกว่าคนแก่ โดยอีกทั้งเพศชายรวมทั้งสตรีได้โอกาสติดเชื้อโรคนี้ได้เสมอกัน แล้วก็มีโอกาสติดเชื้อโรคโปลิโอได้ง่าย แต่ว่ามีผู้เจ็บป่วยน้อยมากที่จะมีลักษณะกล้ามอ่อนกำลัง เชื้อไวรัสประเภทนี้จะเติบโตอยู่ในลำไส้ เชื้อจึงถูกขับออกมาจากร่างกายมากับอุจจาระรวมทั้งแพร่ไปสู่คนอื่นๆผ่านการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของคนไข้ ซึ่งมีเหตุที่เกิดจากการขับถ่ายที่ไม่ถูกสุขลักษณะและไม่ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร โรคนี้จึงพบได้บ่อยมากในประเทศที่ด้อยพัฒนาแล้วก็กำลังปรับปรุงที่ขาดการดูแลเรื่องสุขอนามัยที่ดี
ทั้งยังผู้ที่มิได้รับการฉีดวัคซีนโปลิโอนั้น จะยิ่งเสี่ยงต่อการต่อว่าดเชื้อยิ่งขึ้นถ้าอยู่ในด้านในกลุ่มเสี่ยงดังนี้
           หญิงมีครรภ์และคนที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ ดังเช่นว่า ผู้ติดโรคเอชไอวี และเด็กตัวเล็กๆซึ่งจะมีความไวต่อการได้รับเชื้อโปลิโอ
           เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอหรือพึ่งจะมีการระบาดของโรคเมื่อเร็วๆนี้
           เป็นผู้ดูแลหรืออาศัยอยู่กับผู้ติดเชื้อโปลิโอ
           ทำงานในห้องทดลองที่สัมผัสใกล้ชิดกับเชื้อไวรัส
           คนที่ผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไป
กระบวนการรักษาโรคโปลิโอ แพทย์จะวินิจฉัยโรคโปลิโอด้วยการถามไถ่อาการจากคนป่วยว่ารู้สึกเจ็บปวดรอบๆข้างหลังและคอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนหรือหายใจไหม ตรวจดูปฏิกิริยาสะท้อนกลับของร่างกาย รวมทั้งการตรวจทางทะเลเหลือง โดยเก็บตัวอย่างในช่วงระยะฉับพลันรวมทั้งระยะแอบแฝงของโรค ตรวจสารภูมิคุ้มกัน IgM หรือ IgG ยิ่งไปกว่านี้เพื่อยืนยันให้มั่นใจอาจมีการตรวจหาเชื้อไวรัสโปลิโอด้วยการเก็บตัวอย่างสารคัดเลือกหลั่งจากคอ อุจจาระ หรือน้ำหล่อเลี้ยงสมองแล้วก็ไขสันหลังส่งไปทำการตรวจทางห้องทดลอง ในกรณีคนป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออัมพาตแบบอ่อนปวกเปียก (acute flaccid paralysis : AFP) แพทย์จะจัดการสอบปากคำโรค พร้อมด้วยเก็บอุจจาระส่งตรวจเพื่อ    แยกเชื้อโปลิโอ การวินิจฉัยที่แน่นอนคือ แยกเชื้อโปลิโอได้จากอุจจาระ รวมทั้งกระทำการตรวจว่าเป็นทัยป์ใดเป็นสายพันธุ์ wild strain หรือ vaccine strain (Sabin strain)
          การเก็บอุจจาระส่งไปเพื่อทำการตรวจจะเก็บ 2 ครั้ง ห่างกันขั้นต่ำ 24 ชั่วโมง จะต้องเก็บให้เร็วข้างใน 1-2 สัปดาห์ภายหลังที่พบมีอาการ AFP ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณไวรัสในอุจจาระมากกว่าระยะอื่นๆการจัดส่งอุจจาระเพื่อส่งไปทำการตรวจต้องให้อยู่ในอุณหภูมิ 4-8๐ ซ ตลอดระยะเวลา มิฉะนั้นเชื้อโปลิโอบางทีอาจตายได้ ปัจจุบันนี้โรคโปลิโอยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด หมอสามารถให้การรักษาผู้ป่วยตามอาการ  แล้วก็บัดนี้ก็ยังไม่มียารักษาโรคโปลิโอโดยเฉพาะ การรักษาจะเป็นแบบประคับประคอง ยกตัวอย่างเช่น ให้ยาลดไข้ และก็ลดลักษณะของการปวดของกล้ามเนื้อ ในรายที่มีลักษณะอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อแขน ขา วิธีการทำกายภาพ บำบัดจะช่วยฟื้นฟูความสามารถของกล้ามเนื้อให้ดีขึ้น
สำหรับในการรักษาคนไข้กลุ่มอาการหลังกำเนิดโรคโปลิโอ (Post-polio syndrome – PPS) การดูแลและรักษาหลักจะเน้นไปที่วิธีการทำกายภาพบำบัดมากกว่า เป็นต้นว่า การใส่อุปกรณ์ช่วยยึดลำตัว อุปกรณ์ช่วยสำหรับการเดิน เครื่องใช้ไม้สอยที่ช่วยปกป้องข้อบิดผิดแบบหรืออาจใช้การผ่าตัดช่วย การฝึกกล่าวรวมทั้งฝึกกลืนในคนเจ็บที่มีปัญหา การบริหารร่างกายที่เน้นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามภายใต้คำเสนอแนะที่ถูกจากหมอหรือนักกายภาพบำบัด การใช้เครื่องช่วยหายใจในขณะหลับถ้าหากคนไข้มีปัญหาหัวข้อการหยุดหายใจในขณะหลับ และการดูแลทางด้านอารมณ์และก็จิตใจของคนไข้ร่วมด้วย

การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคโปลิโอ

  • หากได้รับการวิเคราะห์ว่าเป็นโรคโปลิโอไม่ว่ามีลักษณะอยู่ในกลุ่มใด ถ้าเกิดแพทย์ให้กลับไปอยู่บ้านญาติต้องระวังการแพร่เชื้อสู่บุคคลในบ้าน เนื่องจากว่าคนป่วยจะสามารถขับเชื้อออกมาทางอุจจาระได้นานถึงราวๆ 3 เดือนหลังติดโรค และก็ถ้าคนเจ็บมีภาวการณ์ภูมิคุ้มกันต่อต้าน ทานโรคผิดพลาดด้วยแล้วจะสามารถกระจายเชื้อได้นานถึงโดยประมาณ 1 ปี โดยให้ญาติดูแลเรื่องการขับ ถ่ายของผู้ป่วยให้ถูกสุขลักษณะ การล้างมือทุกคราวหลังเข้าห้องสุขาและก็ก่อนถือจับของกินเข้าปาก การกินอาหารปรุงสุกใหม่เสมอ การล้างผักผลไม้ให้สะอาดและปอกเปลือกผลไม้ก่อนรับประทาน แล้วก็แม้บุคคลในบ้านคนใดยังไม่เคยรับวัคซีนโปลิโอ ก็ให้ปรึกษาหมอเพื่อรับวัคซีนให้ครบ
  • ให้คนไข้กินอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 กลุ่ม
  • ถ้าผู้ป่วยมีลักษณะอาการกล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ยเพลียแรงให้พี่น้องช่วยทำกายภาพบำบัดเพื่อช่วยเหลือความถนัดการเคลื่อนไหว และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตามข้อเสนอของนักกายภาพบำบัด
  • ญาติควรจะดูแลและใส่ใจคนไข้ รวมถึงดูแลทางด้านสถานการณ์จิตใจ สภาวะทางอารมณ์ของคนเจ็บและก็ให้กำลังใจแก่คนเจ็บด้วย
  • ญาติควรพาคนไข้ไปพบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัด หรือ ถ้าเกิดมีลักษณะอาการไม่ดีเหมือนปกติที่ทำให้เป็นอันตราย ก็ควรพาไปพบหมอโดยเร็ว
การคุ้มครองโรคโปลิโอ

  • โรคโปลิโอสามารถคุ้มครองปกป้องได้ด้วยวัคซีน ซึ่งวัคซีนที่มีใช้ ทั้งโลกมี 2 ชนิดเป็น
  • วัคซีนโปลิโอประเภทกิน (Oral Poliomyelitis Vaccine: OPV, Sabin) การกวาดล้าง ในประเทศไทย โรคโปลิโอ H T กลุ่มโรคติดต่อที่คุ้มครองได้ด้วยวัคซีน สำนักโรคติดต่อทั่วๆไป Albert Bruce Sabin M.D. Jonas Edward Salk M.D. เป็นวัคซีนประเภทเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (attenuated live oral poliomyelitis vaccine) สายพันธุ์ Sabin คิดค้นโดย Albert Bruce Sabin คนประเทศอเมริกา เมื่อปี พุทธศักราช 2504 วัคซีนประกอบด้วยเชื้อ เชื้อไวรัสโปลิโอ 3 ทัยป์เป็นทัยป์ 1, 2 และก็ 3 ให้วัคซีนโดยการรับประทานเป็นการเอาอย่างการต่อว่าดเชื้อ ตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถกระตุ้นภูมิต้านทานที่เยื่อบุคอและลำไส้ของคนรับวัคซีน และก็สามารถแพร่เชื้อ วัคซีนไปกระตุ้นภูมิต้านทานให้กับผู้สัมผัสใกล้ชิดได้อีกด้วย เดี๋ยวนี้วัคซีนโปลิโอประเภทรับประทานนี้ถือว่าเป็น วัสดุสำคัญสำหรับการกำจัดโรคโปลิโอเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถปกป้องรวมทั้งกำจัดเชื้อโปลิโอสายพันธุ์ ก่อโรคได้อย่างดีเยี่ยม มีราคาถูกและก็มีวิธีการให้วัคซีนง่าย แต่ว่ามีข้อเสีย เป็นอาจจะทำให้กำเนิดอาการข้างเคียง คล้ายโรคโปลิโอ (Vaccine Associated Paralytic Polio: VAPP) ซึ่งเกิดขึ้นน้อยมาก ประมาณ 1 ใน 2.7 ล้านโด้ส หรืออาจเกิดการกลายพันธุ์ (Vaccine Derive Polio Virus: VDPV) จนกระทั่งก่อ โรคได้ในพื้นที่ที่มีความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนต่ำ
  • วัคซีนโปลิโอจำพวกฉีด (Inactivated Poliomyelitis Vaccine: IPV, Salk) เป็นวัคซีนที่ทำจากเชื้อไวรัสโปลิโอที่ตายแล้ว (kill vaccine) สร้างสรรค์โดย Jonas Edward Salk ชาว อเมริกัน เมื่อปี พ.ศ. 2498 วัคซีนจำพวกนี้มีเชื้อโปลิโอ 3 ทัยป์ ให้วัคซีนโดยการฉีด

ในตอนนี้ประเทศไทยมีการใช้วัคซีนโปลิโอในแผนงานเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยให้วัคซีน OPV 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือน 1 ปีครึ่ง แล้วก็ 4 ปี และให้วัคซีน IPV 1 ครั้ง เมื่ออายุ 4 เดือน

  • คุ้มครองป้องกันการต่อว่าดเชื้อแล้วก็การแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอ ด้วยการกินอาหารรวมทั้งกินน้ำสะอาดถูกสุขลักษณะ รวมถึงการอึลงส้วมที่ถูกสุขลักษณะทุกหน
  • คราวหลังเข้าไปคลุกคลีใกล้ชิดผู้ป่วยโรคโปลิโอ หรอเข้าไปดูแลเปลี่ยนผ้าให้แก่คนป่วยควรจะล้ามือด้วยสบู่ทุกหน
  • เมื่ออยู่ภายในเขตพื้นที่มีการระบาดของโรคโปลิโอ ควรจะดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงปฏิบัติตามหลักสุขบัญญัติให้เข้มงวด

สมุนไพรที่ใช้รักษา/ทุเลาโรคโปลิโอ เพราะโรคโปลิโอเป็นโรคที่ติดต่อจากเชื้อไวรัสที่มีการติดต่อได้ง่าย และก็ในคนไข้ที่มีความรุนแรงของโรคนั้นอาจทำให้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพได้ ซึ่งในขณะนี้นั้นยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคโปลิโอให้หายได้ รวมถึงยังไม่มีข้อมูลว่ามีสมุนไพรประเภทไหนที่ใช้รักษาหรือบรรเทาอาการของโรคโปลิโอได้เช่นกัน
เอกสารอ้างอิง

  • การกวาดล้างโรคโปลิโอในประเทศไทย.กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนสำนักโรคติดต่อทั่วไป.วารสาร ดร.สัมพันธ์.ปีที่ 3.ฉบับที่ 4.เมษายน-พฤษภาคม 2559.หน้า 2-3
  • โปลิโอ.อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2. “โปลิโอ (Poliomyelitis)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 571-572.
  • Paul JR (1971). A History of Poliomyelitis. Yale studies in the history of science and medicine. New Haven, Conn: Yale University Press. pp. 16– ISBN 0-300-01324-8. http://www.disthai.com/[/b]
  • Cohen JI (2004). "Chapter 175: Enteroviruses and Reoviruses". In Kasper DL, Braunwald E, Fauci AS, et al. (eds.). Harrison's Principles of Internal Medicine (16th ed.). McGraw-Hill Professional. p. ISBN 0-07-140235-7.
  • โรคโปลิโอ(Poliomyelitis).ความรู้เรื่องโรคติดต่อ.สำนักโรคติดต่อทั่วไป.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข
  • Ryan KJ, Ray CG (eds.) (2004). "Enteroviruses". Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 535– ISBN 0-8385-8529-9.
  • Jeffrey I. Cohen, enteroviruses and reoviruses, in Harrison’s Principles of Internal Medicine, 15th edition, Braunwald , Fauci, Kasper, Hauser, Longo, Jameson (eds). McGrawHill, 2001
  • โรคโปลิโอ(Polio).สำนักโรคติดต่อทั่วไป.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ