Advertisement
เกรพซีด ออยล์ พลัส เกรพซีด เอ็กซ์แทรค
น้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็น ผสมสารสกัดเมล็ดองุ่น ปกป้องหลอดเลือด ชะลอความชรา บำรุงผิวพรรณ
น้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็นคืออะไร
น้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็นผ่านกระบวนการสกัดที่ใช้ความดันสูง และความเย็นในการสกัด เพื่อให้ได้น้ำมันเมล็ดองุ่น ที่คงคุณค่าของสารสกัดเมล็ดองุ่นตามธรรมชาติ ปราศจากการใช้ความร้อน และสารเคมีในการสกัด
ประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็น
1. ในเมล็ดองุ่นมีสาร OPC (Oligomeric Proanthocyanidin) ปริมาณสูงมาก กรรมวิธีการสกัดเย็นเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่ยังคงรักษาคุณสมบัติของการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระของสาร OPC เอาไว้อย่างสมบูรณ์ สารต้านอนุมูลอิสระที่มีปริมาณสูงมากในน้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็น ช่วยให้เราได้รับสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่พอเพียง
2. ในน้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็นยังคงคุณค่าของสารธรรมชาติอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และ ผิวพรรณร่วมกันต้านอนุมูลอิสระ และบำรุงสุขภาพเช่น เคทิชิน (Catechin) อิพิเคทิชิน (Epicatechin) วิตามินอี (VitaminE) และเลซิทิน (Lecithin) น้ำมันเมล็ดองุ่นจึงให้ผลที่โดดเด่นยิ่ง ในด้านของการบำรุงผิวพรรณ
3. สาร OPC ในน้ำมันเมล็ดองุ่นได้รับการทดสอบแล้วว่ามีคุณสมบัติ ในการป้องกันโรคหัวใจลดการเกิดลิ่มเลือด การอุดตันของหลอดเลือดทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้นเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือดหัวใจ และกล้ามเนื้อหัวใจบรรเทาอาการเส้นเลือดเปราะ เส้นเลือดฝอยแตก หลอดเลือดอุดตัน ปรับสมดุลโคเลสเตอรอล ในร่างกาย เป็นการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือด และหัวใจ ให้ความแข็งแรง และยืดหยุ่นกับหลอดเลือดฝอย ชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา
4. การที่สาร OPC อยู่ในน้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็นทำให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็ว จึงกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายได้ทันที
สาร OPC มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีถึง 50 เท่า และสูงกว่าวิตามินอี ถึง 20 เท่า จึงจัดได้ว่า สาร OPC มีคุณสมบัติเป็นซุปเปอร์แอนตี้ออกซิแดนท์ ( Super Antioxidant ) ที่ปกป้องเซลล์ของร่างกายจากการทำลายโดยอนุมูลอิสระ เช่น เซลล์สมอง และเซลล์อวัยวะอื่นๆ ลดอาการอักเสบ อาการบวมของข้อต่อ ป้องกันโรคข้ออักเสบ ป้องกัน และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง สาร OPC ในน้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็นจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็ว และสามารถจับกับโปรตีนที่เป็นโครงสร้างของคอลลาเจนในผิวได้ดี จึงช่วยปกป้องคอลลาเจน และผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ให้ผิวมีสุขภาพดีคงความอ่อนเยาว์ ยืดอายุของเซลล์ผิว และช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวทำให้ผิวเต่งตึง กระชับ
ผู้ที่ควรรับประทาน
เกรพซีด ออยล์ พลัส เกรพซีด เอ็กซ์แทรค
- ผู้ที่ต้องการรักษาฝ้า
- ผู้ที่ต้องการให้หน้าใส
- ผู้ที่เป็นเส้นเลือดขอด
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ และหลอดเลือด
- ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
- ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ และข้ออักเสบรูมาตอยด์
โอริซอล เทน
สารอาหารเพื่อหัวใจที่แข็งแรง และสุขภาพที่สมบูรณ์
โคคิวเทน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ทำหน้าที่ร่วมกับเอนไซม์ทุกชนิดในร่างกาย และมีบทบาทสำคัญใน การทำหน้าที่เป็นเชื้อเพลิงในปฏิกิริยาการหายใจของเซลล์ หากไม่มีโคคิวเทน เซลล์จะไม่สามารถหายใจได้เลย แม้จะมีออกซิเจนก็ตาม อวัยวะที่ต้องการโคคิวเทนในปริมาณสูง คือ หัวใจ ตับ ไต และสมอง โคคิวเทน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้วิตามินอีในเซลล์ และปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยแสงแดดแพทย์แผนปัจจุบันจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น สั่งจ่ายโคคิวเทนร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ในการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งให้ผลดีอย่างยิ่งกับผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจ ผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดไปเลี้ยงหัวใจผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ผู้ป่วยลิ้นหัวใจรั่ว และผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งผู้ป่วยที่ผ่านการผ่าตัดเปิดเส้นเลือดใหม่ให้หัวใจ (Bypass Surgery) ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับหัวใจ และหลอดเลือดทุกคนควรได้รับสารอาหารโคคิวเทนเสริมในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง โคคิวเทนยังมีผลลดความดันในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ลดน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน และลดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งซึ่งเป็นอาการหนึ่งของโรคเบาหวานได้ด้วย
โคคิวเทน เป็นสารอาหารต้านมะเร็งชนิดหนึ่งการให้โคคิวเทนในผู้ป่วยมะเร็ง ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ มีอาการดีขึ้น โคคิวเทนใช้รักษาร่วมในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ และพาร์กินสัน ใช้รักษาอาการเหงือกอักเสบ ช่วยลดอาการอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง และทำให้ร่างกายมีความทนทานต่อการออกกำลังกายนานขึ้น และเหนื่อยน้อยลง แนะนำให้ใช้โคคิวเทนเสริมในผู้ป่วย AIDS เพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน และทำให้ร่างกายใช้พลังงานได้ดีขึ้น แนะนำในผู้ป่วยโรคปอด เช่นถุงลมโป่งพอง ถุงลมปอดอักเสบ หอบหืด ผู้ป่วยกล้ามเนื้อลีบ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ช่วยภาวะการเป็นหมันในเพศชาย เพิ่มจำนวนสเปิร์มที่มีชีวิต และทำให้สเปิร์มแข็งแรงขึ้น
ปัญหาของโคคิวเทน คือ การละลาย และการดูดซึมโคคิวเทนในรูปแบบของเภสัชกรรมที่ดี จำเป็นต้องละลายในน้ำมัน เพื่อให้เกิดการดูดซึมสูงสุด
น้ำมันรำข้าว เป็นแหล่งวิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง และวิตามินบีรวม รับประทานเป็นประจำสามารถป้องกัน และรักษาโรคเหน็บชาได้ ช่วยอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายปวดแสบ เสียวชาตามแขนขา แขนขาไม่มีแรง ป้องกัน และรักษาโรคปากนกกระจอก รักษาอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดน่อง ปวดกล้ามเนื้อ โรคผิวหนังบางชนิด โรคปลายประสาทอักเสบ และโรคเกี่ยวกับระบบประสาทบางชนิด ช่วยบำรุงสมอง มีวิตามินอีสูง และช่วย ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ อัมพาต อัมพฤกษ์ โรคมะเร็ง โรคแห่งความแก่ และความเสื่อมทั้งมวล มีคุณค่าอาหารเส้นใยสูง ช่วยไม่ให้ท้องผูก และป้องกันมะเร็งลำไส้ ป้องกันโคเลสเตอรอลในเลือดสูง และหัวใจขาดเลือด ปรับสมดุลน้ำตาลในเลือด สร้างความแข็งแรงสดชื่นให้กับร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรค ดีขึ้น และสามารถป้องกันโรคท้องเสียได้
จุดเด่นที่แตกต่าง
1. โคคิวเทน ผลิตขึ้นจากขบวนการไบโอเทคโนโลยีโดยการนำแบคทีเรียมาสังเคราะห์โคคิวเทน แล้วสกัดโคคิวเทนออกมา เป็นวิธีที่ได้โคคิวเทนคุณภาพสูงจากบริษัท เคียวว่า (Kwowa) ประเทศญี่ปุ่น
2. โคคิวเทนที่ดูดซึม และคงตัวได้ดี จำเป็นที่จะต้องกระจายตัวในน้ำมัน การผสมโคคิวเทนกับน้ำมันรำข้าว ทำให้มีการเสริมฤทธิ์ซึ่งกันและกัน ในการต้านอนุมูลอิสระ ลดโคเลสเตอรอลตัวร้าย (LDL Cholesterol) และให้ผลดีในผู้ป่วยโรคหัวใจ
สั่งซื้อสินคัาไทยธรรมออนไลน์ได้ที่ : [url=http://www.thaidhamshop.com/p/106]ศูนย์ย