โรคต้อกระจก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคต้อกระจก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 82 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ณเดช2499
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 76


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 21, 2018, 10:59:04 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคต้อกระจก
โรคต้อกระจก คืออะไร  ก่อนจะทราบถึงความหมายของต้อกระจกนั้น พวกเราควรทำความรู้จักกับเลนส์ตาหรือที่เราเรียกกันภาษาชาวบ้านว่า แก้วตา กันก่อน แก้วตาหรือเลนส์ตา (Lens) เป็นเลนส์นูนใสอยู่ข้างหลังม่านตา (มีลักษณะเหมือนเลนส์นูนทั่วไปอีกทั้งด้าน หน้าและข้างหลัง มีความครึ้มโดยประมาณ 5 ม.ม. เส้นผ่าศูนย์ กึ่งกลางราวๆ 9 มัธยมมัธยม มีหน้าที่ทำงานร่วมกับกระจกตาสำหรับเพื่อการหักเหแสงสว่างจากวัตถุให้ตกจุดโฟกัสที่จอประสาทตา ที่ก่อให้เกิดการมองมองเห็น
นอกจากนี้แก้วตายังสามารถเปลี่ยนกำลังการเบี่ยงเบนได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้สามารถจุดโฟกัสภาพในระยะต่างๆได้ชัดขึ้น นั่นก็คือ ในคนปกติจะแลเห็นชัดทั้งยังไกลและก็ใกล้ ฉะนั้นธรรมชาติก็เลยสร้างแก้วตาให้อยู่ในที่ปลอดภัย โดยอยู่ในใจกลางของดวงตาเพื่อไม่ให้มีอันตรายอะไรก็ตามแม้กระนั้นแม้ว่าแก้วตาจะไม่ได้รับอันตรายอะไรก็แล้วแต่จากภายนอก แต่ว่าก็ไม่สามารถเลี่ยงความเสื่อมภาวะจากอายุที่เพิ่มขึ้นหรือการเช็ดกเหตุที่จะรีบนำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเสื่อมของแก้วตาได้ ซึ่งเป็นสาเหตุนำไปสู่โรคที่เกี่ยวกับเลนส์แก้วตาต่างๆได้ เป็นต้นว่า ต้อกระจก ต้อหิน หน้าจอประสาทตาเสื่อม อื่นๆอีกมากมาย สำหรับต้อกระจกนี้
ประการแรกจะต้องขอให้คำนิยาม หรือความหมายของคำว่า “ต้อกระจก” ซะก่อน ต้อกระจกซึ่งก็คือภาวะที่เลนส์ภายในดวงตาเกิดภาวะขาวขุ่นขึ้นเพราะเหตุว่าสาเหตุอะไรก็ได้ ตามธรรมดาแล้วเลนส์ภายในลูกตามีภาวการณ์ใสโปร่งแสงคล้ายกระจกใส มีหน้าที่ปรับแสงสว่างที่ผ่านเข้าตา ทำให้พวกเราสามารถเห็นภาพวัตถุต่างๆได้ชัดเจน รวมทั้งเมื่อกำเนิด “ต้อกระจก” ก็จะทำให้ตัวเลนส์ตามีลักษณะขาวขุ่นขึ้น ทึบแสง ไม่ยอมให้แสงสว่างผ่านไปสู่ลูกตาไปตกกระทบที่จอประสาทรับภาพ (retina) ได้ชัดเจน ผู้นั้นจึงดูอะไรไม่ชัดเจน ตาฝ้า มัว แล้วสุดท้ายหากขาวขุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ จะมืดและ ดูอะไรมองไม่เห็นจากตาข้างนั้น ต้อกระจก เป็นโรคที่มักพบสำหรับผู้สูงวัย ถ้าเกิดปลดปล่อยไว้ไม่ผ่าตัดก็จะก่อให้ตาบอด ถือว่าเป็นปัจจัยอันดับต้นๆของภาวการณ์สายตาพิการของคนแก่
ที่มาของโรคต้อกระจก โดยส่วนมาก (ราวๆจำนวนร้อยละ 80) เกิดจากภาวการณ์เสื่อมตามวัย คนที่มีอายุมากยิ่งกว่า 60 ปีจะเป็นต้อกระจกดูเหมือนจะทุกราย แม้กระนั้นบางทีอาจเป็นมากน้อยไม่เหมือนกันไป เรียกว่า ต้อกระจกในผู้สูงวัย (senile cataract)  ส่วนน้อย (ราวๆปริมาณร้อยละ 20) อาจเกิดขึ้นเนื่องจากต้นสายปลายเหตุอื่นๆดังเช่น ต้อกระจกโดยกำเนิด (Congenital Cataract) เด็กทารกสามารถเป็นต้อกระจกได้ตั้งแต่ตอนแรกเกิด โดยบางทีอาจกำเนิดได้จากกรรมพันธุ์ การติดเชื้อ การเป็นอันตรายหรือมีความก้าวหน้าระหว่างอยู่ในครรภ์ไม่ดี เด็กแรกเกิดที่ค้นพบว่าเป็นต้อกระจกแต่กำเนิด ตัวอย่างเช่น ภาวการณ์กาแล็กโทซีเมีย โรคหัดเยอรมัน หรือโรคเท้าแสนเงื่อนประเภทที่ 2 ก็บางทีอาจส่งผลให้เกิดการเกิดต้อกระจกชนิดนี้ เด็กเล็กบางบุคคลบางทีอาจแสดงอาการในตอนหลัง โดยมักเป็นทั้งสองข้าง บางทีต้อกระจกนี้เล็กมากกระทั่งไม่ส่งผลต่อการมองเห็น แม้กระนั้นเมื่อพบว่าทำให้เกิดผลเสียต่อการมองมองเห็นก็เลยจะผ่าออก ต้อกระจกทุติยภูมิ (Secondary Cataract) การผ่าตัดรักษาโรคตาชนิดอื่นดังเช่นว่าต้อหิน การป่วยเป็นม่านตาอักเสบ หรือตาอักเสบ อาจเป็นสาเหตุให้กำเนิดโรคต้อกระจกตามมาได้ นอกนั้น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือโรคความดันโลหิตสูง การได้รับยาบางชนิด ได้แก่ สเตียรอยด์ ยาขับฉี่บางตัว ก็นับว่าเป็นกรุ๊ปเสี่ยงเป็นโรคต้อกระจกได้ง่ายเช่นกัน เป็นผลมาจากภาวการณ์แรงชนที่ดวงตา ก็ทำให้เลนส์ตาขวาขุ่นได้ โดยเฉพาเมื่อโดนสิ่งมีคมทิ่มทะลุเข้าตา เข้าไปโดนเลนส์ตา เกิดภาวะต้อกระจกได้ทันทีด้านใน 24 ชั่วโมง หรือหากโดนวัตถุไม่มีคมกระแทก ก็อาจจะเกิดต้อกระจกตามมาคราวหน้าได้ หากความแรงนั้นมากพอให้เยื่อเลนส์ตาแตกสามัคคี มีสาเหตุจากโดนรังสีเอกซเรย์ รอบๆดวงตาอยู่เสมอๆเป็นต้นว่า พวกที่มีมะเร็งบริเวณเบ้าตา รวมทั้งรักษาด้วยการใช้รังสี ซึ่งรังสีนี้อาจลึกลงไปโดนเลนส์ตาทำให้ขุ่นได้ และก็กำเนิดต้อกระจกตามมา  เว้นแต่ต้นเหตุต่างๆดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอิทธิพลมาจากอย่างอื่นได้ อย่างเช่น อาหารพวกที่มีสภาพทุโภชนา หรือพวกอาหารการกินไม่ถูกสุขลักษณะ ขาดโปรตีน และก็วิตามินทำให้เกิดต้อกระจกได้เร็วกว่าธรรมดา
ลักษณะโรคต้อกระจก โรคต้อกระจกนั้นยากที่จะดูได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นเริ่ม เพราะจะต้องใช้เวลานานกว่าอาการของต้อกระจกจะเยอะขึ้นจนถึงกระทบต่อการมองเห็น โดยผู้ป่วยมักมีลักษณะดังต่อไปนี้

  • อาการเด่นของต้อกระจกเป็น ตาเบาๆมัวลงอย่างช้าๆโดยไม่มีอาการเจ็บปวด หรือ ตาแดงแต่อย่างใด อาการตามัวจะเป็นมาขึ้นเมื่ออยู่ในที่มีแสงไฟแรง เช่น เมื่อออกแดด กลับเห็นเกือบจะเป็นปกติในที่มืดมัวๆหรือเวลาพลบค่ำ เพราะเหตุว่าเมื่ออยู่ในที่โล่งม่านตาจะหดแคบลง ทำให้แสงไฟที่จะเข้าตาเข้ายากขึ้น ตรงกันข้ามกับเมื่ออยู่ในที่มืด ซึ่งม่านตาจะขยายทำให้แสงเข้าตาได้มากขึ้น ก็เลยเห็นกระจ่างขึ้นในที่มืด
  • ในผู้สูงวัยเวลาอ่านหนังสือจำเป็นต้องใช้แว่นตาช่วยเป็นปกติอยู่แล้ว แม้กระนั้นอยู่ๆกับพบว่าอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องใส่แว่น นั่นเป็นเพราะอาการจากเริ่มมีการเสื่อมของแก้วตาทำให้การเบี่ยงเบนแสงแปลง จึงกลับมาเป็นคนสายตาสั้นเมื่อแก่ (Secondary myopia)
  • ในเด็กๆที่เป็นต้อกระจกบางครั้งก็อาจจะกล่าวหรือบอกไม่ได้ถึงการมองเห็นเพียงแต่จะสังเกตได้ว่าเด็กจะมอง จับหรือเล่นของเล่นเด็กไม่ถนัด ตาอาจแกว่งไปๆมาๆ หรือเฉไปทางไปทางใดทางหนึ่งได้
  • เห็นภาพซ้อน หรือ เห็นแสงไฟกระจาย
  • เห็นภาพเป็นสีเหลืองหรือซีดจางลงกว่าที่สายตาคนธรรมดามองเห็น
  • ต้องใช้แสงไฟมากเพิ่มขึ้นสำหรับการอ่านหนังสือหรือกิจกรรมที่จะต้องใช้สายตา
ภาวะแทรกซ้อนของต้อกระจก

  • เมื่อต้อสุกและไม่ได้รับการผ่าตัดจะก่อให้ตาบอดสนิท
  • ในบางรายแก้วตาอาจบวมหรือหลุดลอยไปอุดกันทางระบายของเหลวในลูกตา ทำให้เกิดความดันด้านในดวงตาสูงขึ้น จนถึงแปลงเป็นต้อหินได้
  • ผู้เจ็บป่วยจะสามารถมีลักษณะอาการปวดตาอย่างหนักได้

แนวทางการรักษาโรคต้อกระจก หมอจะวินิจฉัยพื้นฐานด้วยการตรวจพบแก้วตา (เลนส์ตา) ขุ่นขาว เวลาใช้ไฟส่องตาผู้ป่วยจะรู้สึกตาฟาง การใช้งานเครื่องส่องตา (ophthalmoscope) ตรวจตาจะไม่พบปฏิกิริยาสะท้อนสีแดง (red reflex)
ถ้าเกิดไม่แน่ใจ หมอจำเป็นต้องใช้วัสดุพิเศษตรวจอย่างละเอียดลออ บางทีอาจจำเป็นที่จะต้องตรวจวัดความดันดวงตา (เพื่อแยกออกมาจากโรคต้อหินที่จะพบความดันลูกตาสูงกว่าธรรมดา) รวมทั้งตรวจพิเศษอื่นๆตัวอย่างเช่น

  • การตรวจวัดสายตา (Visual Acuity Test) การวัดความสามารถการมองมองเห็นในระยะต่างๆโดยให้อ่านชุดตัวอักษร เมื่อทดลองตาข้างใดๆอีกข้างจะถูกปิดไว้ แนวทางนี้เป็นการประเมินว่าคนไข้มีความผิดธรรมดาทางสายตาให้มองเห็นหรือไม่
  • การทดลองโดยขยายรูม่านตา (Retinal Eye Exam) ทำได้ด้วยการหยดยาลงที่ตาเพื่อให้รูม่านตาเปิดกว้างขึ้น แล้วก็ใช้เลนส์ขยายแบบพิเศษตรวจสอบจอประสาทตาและก็เส้นประสาทตาเพื่อใส่ความเปลี่ยนไปจากปกติของตา ข้างหลังการตรวจนี้ ดวงตาของผู้เจ็บป่วยมองเห็นในระยะใกล้เลือนลางเป็นเวลาหลายชั่วโมง
  • การตรวจโดยใช้กล้องถ่ายรูปจักษุจุลทรรศน์จำพวกลำแสงแคบ (Slit Lamp Examination) ได้แก่การใช้กล้องที่มีความเข้มของลำแสงสูงรวมทั้งบางพอที่จะดูกระจกตา ม่านตา เลนส์แก้วตา รวมถึงพื้นที่ว่างระหว่างม่านตารวมทั้งกระจกตา ช่วยทำให้แพทย์สามารถแลเห็นส่วนประกอบที่เป็นส่วนเล็กได้อย่างสะดวก

เนื่องมาจาโรคต้อกระจก[/url]ไม่มียาที่ใช้กิน หรือหยอดใดๆที่ช่วยแก้อาการของต้อกระจกได้ ระยะแรกๆของโรคต้อกระจกสามารถทุเลาได้ด้วยการตัดแว่นสายตาใหม่ สวมแว่นดำกันแสงสะท้อน หรือการใช้เลนส์ขยายกระทั่งต้อกระจกจะเริ่มกระทบต่อวิธีการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน จึงจะทำการผ่าตัด ในอดีตกาลมักรอคอยให้ต้อกระจกสุกจึงทำผ่าตัดแปลงเลนส์ แม้กระนั้นเดี๋ยวนี้มักนิยมรักษาโดยการสลายต้อกระจกแต่เนิ่นๆคือเมื่อปัญหาตามัวนั้นทำให้เป็นอุปสรรคกับการดำนงชีพของผู้เจ็บป่วยก็ควรจะรับการดูแลและรักษา เพราะเหตุว่าการรอคอยต้อกระจกสุก จะทำให้การดูแลรักษาด้วยการสลายต้อทำเป็นยาก รวมทั้งยังอาจส่งผลให้กำเนิดโรคตาอื่นสอดแทรก ได้แก่ ต้อหิน ซึ่งอาจก่อให้ก่อให้เกิดอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆได้
ในขณะนี้การรักษาต้อกระจกมีเพียงแค่แนวทางเดียวเป็นการผ่าตัดเอาเลนส์ตาที่ขุ่นออกรวมทั้งใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนที่ในปัจจุบันการผ่าตัดต้อกระจกมีความปลอดภัยสูงใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน และไม่ต้องนอนโรงพยาบาลหลังผ่าตัด
วิธีการผ่าตัดที่นิยมในตอนนี้มี 3 วิธี

  • การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
  • การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงร่วมกับการใช้เฟมโตเชคเคินเลเซอร์ (Femtosecond Laser assisted Cataract Surgery)
  • การผ่าตัดนำเลนส์ตาออกก้อน (Extracapsular cataract extraction) ซึ่งวิธีนี้ใช้ในเรื่องที่เลนส์ตาค้างมากๆ

สาเหตุที่นำไปสู่โรคต้อกระจก

  • อายุ – เป็นสาเหตุหลักส่วนมากที่ทำให้เกิดโรคต้อกระจกมากยิ่งกว่า 80% โดยเฉพาะในคนอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากากรเสื่อมตามวัย ด้วยเหตุว่าเลนส์ที่อยู่ในตาพวกเรานั้นต้องถูกใช้งานรับแสงสว่างมานานพอๆกับอายุของตัวเราก็เลยมีการเสื่อมสภาพได้
  • แสง UV – การทำงานบางจำพวกโดยไม่ใส่หน้ากากคุ้มครองปกป้องแสงหรือรังสีเข้าตา เป็นต้นว่าเวลาเชื่อมเหล็ก ก็สามารถทใด้เกิดโรคต้อกระจกได้
  • โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับตา – การต่อว่าดเชื้อในตา ม่านตาอักเสบ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งของโรคต้อกระจก
  • การถูกกระทบกระแทกบริเวณตาอย่างหนัก
  • โรคประจำตัวบางประเภทดังเช่นว่า โรคเบาหวาน ที่ทำให้เป็นโรคต้อกระจกเร็ววกว่าธรรมดา
  • การทานยาประเภท ateroid
  • ทารกที่ติดเชื้อจาก มีมารดามีการติดโรคโรคเหือดในตอน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์

การติดต่อของโรคต้อกระจก โรคต้อกระจกเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเลนส์ตาหรือแก้วตา ย่อยสลายจากนานาประการต้นสายปลายเหตุทำให้มีลักษณะขุ่นขาวทึบแสงเป็นผลให้แสงสว่างผ่านเข้าไปสู่ลูกตาได้น้อย จึงนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการมองเห็นภาพพร่ามัวมากเพิ่มขึ้นจนไม่เห็นในที่สุด ซึ่งเป็นโรคที่ไม่ได้มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คนอะไร
การกระทำตนเมื่อเป็นโรคต้อกระจก

  • ถนอมสายตาด้วยการใส่ใส่แว่นดำเลี่ยงการโดนแดดจ้า
  • เข้ารับการตรวจรักษาจากจักษุแพทย์แม้กระนั้นเนิ่นๆเพื่อจะได้ทำกรรักษาได้อย่างทันเวลาไม่ให้อาการกำเริบกระทั่งไม่สามารถที่จะรักษาได้
  • ทำตามหมอสั่งและไปตรวจตามนัดหมายอย่างเคร่งครัด
  • รักษาสุขภาพอนามัยให้แข็งแรง หมั่นออกกำลังกาย พักให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ครบอีกทั้ง 5 กลุ่ม
  • หลังจากผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาแล้วคนเจ็บควรจะนอนพักให้มากที่สุด และลุกขึ้นยืนเดินเท่าที่มีความจำเป็นแค่นั้นและควรจะหลีกเลี่ยงการทำงานหนัก การยกของหนักหรือกระเทือนมากมาย การบริหารร่างกายอย่างมาก รวมทั้งการไอหรือจามแรงๆเป็นเวลาโดยประมาณ 2-3 อาทิตย์ หรือตราบจนกระทั่งแผลจะหายดี
การคุ้มครองตนเองจากโรคต้อกระจก

  • ควรจะสวมแว่นตากันแดดเมื่ออยู่ที่โล่งแจ้ง คุ้มครองป้องกันแสงสว่าง UV ที่เป็นปัจจัยกระตุ้น
  • ควรพบจักษุแพทย์เมื่อมีลักษณะอาการไม่ปกติทางตาและไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เอง โดยยิ่งไปกว่านั้นยาที่มีส่วนประกอบของ Steroids
  • ตรวจสุขภาพตาเสมอๆทุกปี ในคนที่เป็นโรคโรคเบาหวาน หรือ เมื่อท่านมีอายุ 40 ปีขึ้นไป
  • คนป่วยโรคเบาหวานควรควบคุมระดับน้ำตาลบให้อยู่ในระดับปกติ
  • หลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุกับดวงตา หรือใส่เครื่องคุ้มครองป้องกันเวลาทำงานที่เสี่ยงตอกาเกลื่อนกลาดระทบกระแทกดวงตา
  • เมื่อมีการใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานาน จะต้องมีการพักสายตา
  • กินอาหารที่เป็นประโยชน์ อุดมไปด้วยค่าทางโภชนาการ มีวิตามิน แล้วก็มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีในผักและผลไม้หลากสี ดังเช่นว่า มะเขือเทศ แครอท ฟักทอง กล้วย ผลไม้เชื้อสายเบอรี่
  • หลีกเลี่ยงการสูบยาสูบ แล้วก็ดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์
  • นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง

สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดโรคต้อกระจก  จากการเล่าเรียนค้นคว้าข้อมูลงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยพบว่า สมุนไพรไทยหลายประเภทสามารถคุ้มครองปกป้องโรคต้อกระจกได้ โดยเฉพาะในสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ อย่างเช่น ขมิ้นชัน และฟักข้าว โดยในขมิ้นชัน มีสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญเป็นเคอร์คิวมินอยด์ (curcuminoid) และก็อุดมไปด้วยวิตามินและก็ธาตุหลายประเภท ดังเช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก รวมทั้งเกลือแร่ต่างๆรวมไปถึงเส้นใย คาร์โบไฮเดรตและก็โปรตีน ฯลฯ เพราะฉะนั้น ขมิ้นชันก็เลยมีสรรพคุณในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รวมทั้งสามารถรักษาอาการและก็โรคต่างๆได้หลายแบบ
ส่วนฟักข้าวนั้น มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสำคัญเป็นไลโคไต่ (lycopene) โดยในเยื่อหุ้มเมล็ดของฟักข้าวมีไลวัวพีนสูงขึ้นมากยิ่งกว่ามะเขือเทศ 12 เท่า ที่สามารถช่วยสำหรับเพื่อการบำรุงรวมทั้งรักษาสายตา ปกป้องโรคเกี่ยวกับดวงตา โรคต้อกระจก แล้วก็ประสาทตาเสื่อม และตาบอดเวลากลางคืนได้ อีกทั้ง ยังมีงานค้นคว้าวิจัยพบว่า ไลโคปีนและก็เคอร์คิวมินอยด์ ยังช่วยป้องกันต้อกระจกที่เกิดขึ้นมาจากเบาหวานได้อีกด้วยนอกจากนี้ยังมีสมุนไพรอีกหลากหลายประเภทซึ่งสามารถป้องกันโรคต้อกระจกได้ ยกตัวอย่างเช่น มะขามป้อม มะขามป้อมจัดคือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก ซึ่งจากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า วิตามินซีมีหน้าที่สำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกันการเกิดต้อกระจก โดยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แล้วก็กรองรังสียูวีให้เลนส์ตา เว้นแต่มะขามป้อมแล้ว ยังส่งผลไม้อื่นๆที่มีวิตามินซีสูง อาทิเช่น ฝรั่ง มะปราง มะละกอ มะกอก ส้ม มะขาม ลูกหว้า เป็นต้น นอกเหนือจากสมุนไพรพนาลัยแล้ว สมุนไพรต่างถิ่นที่มีการคุณประโยชน์บำรุงและก็คุ้มครองโรคเกี่ยวกับตาได้อย่างดีเยี่ยม อย่างเช่น
Ginseng หรือโสม เป็นรากของ Panax ginseng มี สารสำคัญคือ ginsennosides ซึ่งเป็น steroidal saponin มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายแบบ อย่างเช่น antiapoptotic, anti-inflammatory, antioxidant จากการทดลองทางสถานพยาบาลในคนป่วยที่เป็นต้อหิน พบว่า โสมแดงประเทศเกาหลีสามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังจอตา จึงน่าจะเป็นคุณประโยชน์ในลักษณะการคุ้มครองโรคต้อหิน นอกนั้นสาร Rb1 และ Rg3 ยังมีฤทธิ์ยับยั้ง TNF-alpha ก็เลยน่าจะเป็นคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการคุ้มครองโรคหน้าจอประสาทตาเสื่อมด้วย เพราะการอักเสบเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคนี้ การทดสอบในหนูแสดงว่าโสมสามารถลดการเสื่อมของเรตินาในหนูที่ถูกรั้งนำให้เป็นเบาหวานได้ ลดผลที่เกิดขึ้นจากการเหนี่ยวนำหนูให้เป็นต้อกระจกด้วย selenite ได้ เพราะฉะนั้นโสมจึงเป็นสมุนไพรที่น่าดึงดูดสำหรับการปกป้องโรคตาทั้งยัง 4หมายถึงโรคต้อหิน ต้อกระจก หน้าจอประสาทตาเสื่อม และภาวะเบาหวานขึ้นจอตา
Gingko Biloba Extract (GBE) เป็นสารสกัดจากใบของต้นแป๊ะก๊วย (Ginkgo biloba) ในใบมีสารสำคัญสองกลุ่มคือ เฟลโวนอยด์รวมทั้งเทอร์พีนอยด์ GBE เป็นอาหารเสริมที่นิยมสูงที่สุดในยุโรปรวมทั้งอเมริกามีฤทธิ์ปกป้องการทำลายจากอนุมูลอิสระ และคุ้มครอง lipid peroxidation จากการทดลองพบว่า GBE สามารถป้องกันการเสื่อมของ mitochondria คุ้มครองปกป้องการเสื่อมของ optic nerve ก็เลยสามารถป้องกันตาบอดในคนเจ็บโรคต้อหิน และ คนป่วยเรตินาเสื่อมได้ แล้วก็สามารถลดการหลุดของเรตินา (retinal detachment) ได้ GBE ก็เลยมีประโยชน์ในกรณีคุ้มครองแล้วก็รักษาโรคต้อหินรวมทั้งโรคที่เกี่ยวเนื่องกับจอตา
Danshen ชื่อสามัญเป็น Asian Red Sage หรือตังเซียม หรือตานเซิน (Salvia miltiorrhiza) ส่วนที่ใช้เป็นราก ในตำรายาใช้เป็นยากระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ใช้รักษาฝี สารสำคัญคือ salvianoic acid B เป็นสารพอลีฟีนอลิกละลายน้ำแล้วก็เป็น antioxidant ที่มีฤทธิ์แรงและก็ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบในเป็นเบาหวานจะกำเนิดอาการอักเสบและก็หนาขึ้นของผนังเส้นเลือดฝอยทำให้ อนุมูลอิสระไม่สามารถที่จะถูกกำจัดออกไปได้ก็เลยไปทำลายเซลล์ประสาทตา เมื่อทดลองฉีดตังเซียมเข้าไปที่เนื้อเยื่อเรตินาที่ขาดออกซิเจนในหนูที่เป็นเบาหวานพบว่าสามารถคุ้มครองปกป้องการสูญเสียการมองเห็นได้ การทดสอบทางสถานพยาบาลในผู้ป่วยโรคต้อหินพบว่า ตังเซียมสามารถคงสภาพลานสายตา (visual field) ในผู้เจ็บป่วยระยะกลางและก็ระยะปลายได้ โดยเหตุนั้น ตังเซียมก็เลยมีสาระกับผู้เจ็บป่วยโรคตาที่เกี่ยวพันกับ oxidative stress ดังเช่น หน้าจอประสาทตาเสื่อม ภาวการณ์เบาหวานขึ้นจอตา รวมทั้งต้อกระจก รวมทั้งมีรายงานการศึกษาเรียนรู้วิจัยของ ดร.พอล จาคส์ (Paul Jacques) ผู้ตัดสินเกษตรอเมริกาพบว่า คนอเมริกันที่รับประทานผลไม้และก็รับประทานผักเป็นประจำมีโอกาสเกิดต้อกระจกน้อยกว่าผู้ไม่บริโภคผักรวมทั้งผลไม้ถึง 4 เท่าครึ่ง และผู้ที่ไม่รับประทานผักและผลไม้เลยจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆถึง 6 เท่า ยิ่งไปกว่านี้ยังพบว่าคนที่มีระดับวิตามินซีในเลือดต่ำ จะเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆถึง 11 เท่า ส่วนผู้ ที่มีระดับสารแคโรทีนอยด์ในเลือดต่ำจะมีการเสี่ยงสูงมากขึ้นไปถึง 7 เท่า
เอกสารอ้างอิง

  • โรคต่อกระจก.แผ่นพับประชาสัมพันธ์.หน่วยตรวจโรคจักษุฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช.2560.
  • ต้อกระจก (Cataract) . บทความเผยแพร่.ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • นพ.สุรพงษ์ ดวงรัตน์.ต้อกระจก.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่70.คอลัมน์โรคตา.กุมภาพันธ์2529
  • Sastre J, Lloret A, Borris C et al, Ginkgo biloba extract EGb 761 protects against mitochondrial aging in the brain and in the liver, Cell and Molecular Biology, 2002;48(6):685-692.
  • รศ.ดร.ภญ.อ้อมบุญ วัลลิสุต สมุนไพรและสารธรรมชาติบำรุงตา.บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน.ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล. http://www.disthai.com/[/color]
  • ต้อกรระจก-อาการ.สาเหตุ.การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2. “ต้อกระจก (Cataract)” .(นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).หน้า950-952.
  • Kim NR, KimJH, and Kim CY, Effect of Korean red ginseng supplementation on ocular blood flow in patients with glaucoma, Journal of Ginseng Research, 2010;34(3);237- 245.
  • Janssens D, Delaive E, Remacle J, and Michiels C, Protection by bilobalide of the ischaemia-induced alterations of the mitochondrial respiratory activity, Fundamental and Clinical Pharmacology, 2000;14(3):193-201.
  • นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ต้อกระจก.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.กุมภาพันธ์2553
  • Cho JY, Yoo ES, Baik KU, Park MH, and Han BH, In vitro inhibitory effect of protopanaxadiol ginsenosides on tumor necrosis factor (TNF)-alpha production and its modulation by known TNF-a antagonists, Planta Medica, 2001;67(3):213-218.
  • ผศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงค์กิตติรักษ์.ต้อกระจก.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่390.คอลัมน์รักษ์”ดวงตา”.ตุลาคม.2554
  • Sen S, Chen S, Wu Y, Feng B, Lui EK, and Chakrabarti S, Preventive effects of North American ginseng (Panax quinquefolius) on diabetic retinopathy and cardiomyopathy, Phytotherapy Research, 2012;27(2):290-298.
  • Wu ZZ, Jiang JY, Yi YM, and Xia MT, Radix Salvia miltiorrhizae in middle and late stage glaucoma, Chinese Medical Journal, 1983;96(6):445-447.
  • Zhang L, Dai SZ, Nie XD, Zhu L, Xing F, and Wang LY, Effect of Salvia miltiorrhiza on retinopathy, Asian Pacific Journal of Tropical Medicine, 2013;6(2):145-149.
  • Lee SM, Sun JM, Jeong JH et al, Analysis of the effective fraction of sun ginseng extract in selenite induced cataract rat model, Journal of the Korean Ophthalmological Society, 2010;51:733-739.
  • Chen Y, Lin S, Ku H et al, Salvianolic acid B attenuates VCAM-1 and ICAM-1 expression in TNF-alpha-treated human aortic endothelial cells, Journal of Cellular Biochemistry,2001;82(3):512-521.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ