โรคอีสุกอีใส (Chickenpox , Varicella) - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคอีสุกอีใส (Chickenpox , Varicella) - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 85 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
กาลครั้งหนึ่ง2560
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 86


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 20, 2018, 10:14:21 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคอีสุกอีใส (Chickenpox , Varicella)
โรคอีสุกอีใส เป็นยังไง อีสุกอีใส (Chickenpox/Varicella) เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังที่ทำให้ร่างกายเกิดผื่นคัน มีตุ่มนูนขนาดเล็ก หรือตุ่มน้ำใสๆทั่วร่างกาย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และก็ยังแพร่ไปได้อย่างรวดเร็ว เป็นโรคติดต่อที่พบได้ทั่วไปในเด็ก โดยทั่วไปจะเจออัตราการป่วยได้สูงสุดในกลุ่มอายุ 5-9 ปีรองลงมาคือ 0-4 ปี, 10-14 ปี, 15-24 ปี รวมทั้ง 25-34 ปี เป็นลำดับ ส่วนในอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปอาจเจอได้บ้าง
                 มีรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่าในปี พุทธศักราช 2552  มีคนไข้เป็นโรคอีสุกอีใสจำนวน 89,246 รายทั่วประเทศและเสียชีวิต 4 ราย รวมทั้งในรอบ 5 ปีที่ล่วงเลยไปมีรายงานคนเสียชีวิตปีละ 1-3 ราย เมื่อใคร่ครวญตามกลุ่มอายุพบว่ากลุ่มอายุ 5-9 ปี มีอัตราป่วยไข้สูงสุดเท่ากับ 578.95 ต่อราษฎร 100,000 คน รองลงมาคือกลุ่มวัยต่ำลงยิ่งกว่า 5 ปี, 10-14 ปีและก็กลุ่มวัยมากยิ่งกว่า 15 ปี โดยมีอัตราเจ็บป่วยเท่ากับ 487.13, 338.45 และ 58.81 เป็นลำดับจากข้อมูล 10 ปีย้อนไปพบว่าปริมาณคนป่วยโรคอีสุกอีใสมีทิศทางสูงมากขึ้น และก็ในปี พ.ศ. 2557-2559 มีอัตราการป่วย 129.57 ต่อแสนสามัญชน 79.82 ต่อแสนสามัญชน และ 66.57 ต่อแสนมวลชน ตามลำดับ
ต้นเหตุของโรคอีสุกอีใส มีต้นเหตุจากเชื้ออีสุกอีใส ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า เชื้อไวรัสวาริเซลลา (varicella virus) (VZV) หรือ  human herpes virus type 3 เป็นเชื้อตัวเดียวกับที่กระตุ้นให้เกิดงูสวัด ที่แพร่ไปได้ง่ายผ่านทางการสัมผัสกับแผลของผู้ป่วยที่เป็นโรคโดยตรง หรือทางเรือลาย ไอ จาม หรือการหายใจเอาเชื้อที่ปนเปกลางอากาศเข้าไป โดยเชื้อนี้จะก่อให้กำเนิดโรคอีสุกอีใสในผู้ที่พึ่งติดเชื้อเป็นครั้งแรกและโรคนี้เมื่อเป็นแล้ว มักมีภูมิคุ้มกันตลอดชาติ และผู้เจ็บป่วยโดยมากจะไม่เป็นซ้ำอีก แม้กระนั้นเชื้อบางทีอาจหลบซ่อนอยู่ในปมประสาท รวมทั้งได้โอกาสเป็นงูสวัดได้ในตอนหลัง
อาการของโรคอีสุกอีใส เด็กจะจับไข้ต่ำๆเมื่อยล้าและก็ไม่อยากอาหารเล็กน้อย ในผู้ใหญ่มักมีไข้สูง รวมทั้งเมื่อยตามตัวคล้ายไข้หวัดใหญ่นำมาก่อน ผู้ป่วยจะมีผื่นขึ้น ซึ่งจะขึ้นพร้อมเพียงกันกับวันที่เริ่มมีไข้ หรือ ๑ คราวหลังจากเป็นไข้ เริ่มต้นจะขึ้นเป็นผื่นแดงราบก่อน ถัดมาจะกลายเป็นตุ่มนูน มีน้ำใสๆอยู่ด้านใน และมีอาการคัน ต่อมาจะแปลงเป็นหนอง ต่อจากนั้น ๒-๔ วัน ก็จะตกสะเก็ด ผื่นรวมทั้งตุ่มจะขึ้นตามไรผมก่อน แล้วลุกลามไปตามหน้า ลำตัว แล้วก็แผ่นข้างหลัง จะทยอยขึ้นเต็มที่ ภายใน ๔ วัน บางรายมีตุ่มขึ้นในช่องปาก ทำให้ปากเปื่อยยุ่ย ลิ้นเปื่อย เจ็บคอ บางรายบางทีอาจไม่มีไข้ มีเพียงผื่นแล้วก็ตุ่มขึ้น ทำให้รู้ผิดว่าเป็นเริมได้ ด้วยเหตุว่าผื่นตุ่มของโรคนี้จะเบาๆออกระลอก (ชุด) ขึ้นไม่พร้อมทั่วร่างกาย ดังนั้นจะพบว่าบางที่ขึ้นเป็นผื่นแดงราบ บางที่เป็นตุ่มใส บางที่เป็นตุ่มกลัดหนอง รวมทั้งบางที่เริ่มเป็นสะเก็ด ด้วยรูปแบบนี้ ราษฎรก็เลยเรียกว่า อีสุกอีใส (มีตุ่มสุกตุ่มใส) แม้กระนั้นผู้ป่วยบางรายอาจเป็นเวลายาวนานกว่านั้นเป็น 2-3 สัปดาห์ โดยไม่เป็นแผลเป็น (นอกจากจะมีการติดเชื้อโรคแบคทีเรียแทรก จนถึงกลายเป็นตุ่มหนองรวมทั้งแปลงเป็นแผลเป็น)
                เหตุเพราะโรคอีสุกอีใสยังอาจก่อให้เกิดภาวะสอดแทรกขึ้นได้อีกดังเช่น การต่อว่าดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง หรือติดโรคแบคทีเรียในกระแสเลือด ปอดอักเสบ และภาวะแทรกซ้อนทางสมอง
คนเจ็บที่มีการเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง ยกตัวอย่างเช่น หญิงมีครรภ์ ทารกแรกเกิด ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นต้นว่า คนป่วยโรคภูมิคุมกันบกพร่อง ผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว คนไข้เปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ และคนรับประทานยากด ภูมิต้านทานต่างๆ
หญิงตั้งท้องที่เป็นโรคนี้ในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการท้องอาจท่าให้เด็กในท้องพิการแต่ กำเนิดได้แม้กระนั้นพบไม่บ่อย(น้อยกว่าปริมาณร้อยละ 2) หากเป็นตอนที่ท้องแม่อาจมีอาการร้ายแรง และมีภาวะแทรกซ้อน เป็นต้นว่า ปอดอักเสบ ร่วมด้วย และแม้แม่เป็นโรคในตอนใกล้คลอด (5 วันก่อนคลอดจนกระทั่ง 2 ครั้งหน้าคลอด) ทารกแรกเกิดบางทีอาจรับเชื้ออีสุกอีใสรวมทั้งมีลักษณะอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
เมื่อผู้เจ็บป่วยหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อไวรัสจะไปแอบอยู่ที่ปมประสาท รวมทั้งท่าให้เกิดโรค งูสวัดได้เมื่อภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลง
กรรมวิธีรักษโรคอีสุกอีใส[/url] แพทย์จะวินิจฉัยโรคอีสุกอีใสจากการดูรูปแบบของผื่น ตุ่มน้ำ หรือตุ่มพองบนผิวหนังเป็นหลัก ร่วมกับการตรวจร่างกายทั่วไปรวมทั้งอาการที่เกิดขึ้นกับคนป่วย ยกตัวอย่างเช่น มีไข้ขึ้น เบื่ออาหาร ปวดหัว แต่ว่าในบางครั้งบางคราวที่บอกไม่ได้แจ่มกระจ่างว่าเป็นโรคอีสุกอีใสไหมรวมถึงในผู้ป่วยที่เกิดผลกระทบแทรก หรือในกรณีจำเป็นจำต้องวิเคราะห์ให้กระจ่างแจ้ง แพทย์จะทำการทดลองน้ำเหลืองเพื่อหาระดับสารภูมิต้านทานต่อไวรัสอีสุกอีใส หรือตรวจหาเชื้อจากตุ่มน้ำ เพราะเหตุว่าโรคอีสุกอีใส เป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสการดูแลรักษาจึงเป็นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ
                ซึ่งโรคนี้สามารถหายเองได้เรื่องรักษาด้วยการใช้ยาต้านไวรัสบางทีอาจท่าให้ระยะการเป็นโรคสั้นลง หากคนไข้ได้รับ ภายใน 24 ชั่วโมงข้างหลังผื่นขึ้น คนป่วยไม่จ่าเป็นจำเป็นต้องได้รับยาต่อต้านเชื้อไวรัสทุกราย แพทย์จะตรึกตรองให้ในรายที่มีความเสี่ยง จะเกิดภาวะสอดแทรกรุนแรงเท่านั้น เป็นต้นว่า

  • หากพบว่าตุ่มมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน (แปลงเป็นตุ่มหนอง ฝี แผลพุพอง) หมอจะให้ยายาปฏิชีวนะเพิ่ม หากเป็นเพียงแต่ไม่กี่จุดก็บางทีอาจให้จำพวกทา แต่ถ้าเกิดเป็นมากก็จะให้จำพวกรับประทาน
  • ถ้ามีอาการแทรกรุนแรง ซึ่งเจอได้น้อยมาก ดังเช่นว่า ปอดอักเสบ (ไข้สูง หอบ) สมองอักเสบ (ไข้สูง ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ซึม ชัก ไม่ค่อยรู้สึกตัว) ตับอักเสบ (ดีซ่าน) หรือมีภาวะเลือดออกง่ายก็จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล
  • ในรายที่มีภาวการณ์ภูมิคุ้มกันผิดพลาด (เป็นต้นว่า เป็นโรคโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เอดส์ กินยาสตีรอยด์อยู่นานๆฯลฯ) หรือเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปที่มีโรคผื่นแพ้ประจำ โรคปอดเรื้อรัง สูดพ่นยาสตีรอยด์ (สำหรับเป็นโรคหืด) หรือกินยาแอสไพรินอยู่ เว้นเสียแต่ให้การรักษาตามอาการแล้ว แพทย์บางทีอาจให้ยาต้านทานไวรัส ที่มีชื่อว่า อะไซโคลเวียร์ (acyclovir) เพื่อฆ่าเชื้อโรคอีสุกอีใส คุ้มครองไม่ให้โรคแพร่กระจายรุนแรง และช่วยทำให้โรคหายเร็วขึ้น ควรจะให้ยานี้รักษาภายใน 1 วัน หลังแสดงอาการจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าให้พักหลังๆของโรค

ปัจจัยเสี่ยงที่จะนำไปสู่โรคอีสุกอีใส เนื่องด้วยโรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่มีการติดต่อจากเชื้อไวรัสโดยการสัมผัสตุ่มหรือแผลของคนไข้ รวมถึงติดต่อผ่านทางสารคัดเลือกหลั่งของคนป่วย ทั้งการสัมผัสหรือการหายใจเอาเชื้อโรคเข้าไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะกระตุ้นให้เกิดโรคอีสุกอีใสเป็นการคลุกคลีกับผู้ป่วย การสัมผัสผู้เจ็บป่วยหรือสิ่งของเครื่องใช้ของคนเจ็บโดยมิได้มีการปกป้องตนเองที่ดี รวมถึงการไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสจนครบ ก็เป็นอีกต้นเหตุหนึ่งที่มีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่โรคอีสุกอีใสได้ด้วยเหมือนกัน
การติดต่อของโรคอีสุกอีใส โรคอีสุกอีใสเป็นโรคติดต่อได้อย่างรวดเร็วมาก โรคอีสุกอีใสมีระยะฟักตัวราวๆ 10 - 21 วัน รวมทั้งผู้ป่วยจะเริ่มกระจายเชื้อได้ในช่วงราวๆ 5 วันก่อนขึ้นผื่น ไปจนถึงเมื่อตุ่มน้ำแห้งแตกเป็นสะเก็ดหมดแล้ว โดยเหตุนี้ระยะแพร่เชื้อในโรคอีสุกอีใสจึงนานได้ถึง 7 - 10 วันหรือยาวนานกว่านี้ในผู้ใหญ่ ก็เลยเป็นสาเหตุให้เป็นโรคติดต่อที่ระบาดได้อย่างเร็ว
                ซึ่งเชื้อไวรัสจำพวกนี้จะมีอยู่ในตุ่มน้ำของคนที่เป็นอีสุกอีใส ในน้ำลายรวมทั้งเสมหะของคนที่เป็นอีสุกอีใสสำหรับการติดต่อสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัสถูกตุ่มน้ำโดยตรง หรือสัมผัสถูกเครื่องใช้ ได้แก่ ถ้วยน้ำ ผ้า เช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าที่มีไว้ห่ม ที่นอน ที่สกปรก ถูกตุ่มน้ำของผู้ที่เป็นอีสุกอีใส หรือสูดหายใจเอาละอองของตุ่มน้ำ หรือฝอยละอองจากฟุตบาทหายใจของผู้เจ็บป่วยเข้าไป
ด้วยเหตุนั้นอีสุกอีใสจึงเป็นโรคที่ระบาดแพร่ไปได้ง่าย โดยยิ่งไปกว่านั้นในสถานที่เรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือตามชุมชนที่พักอาศัยทั่วๆไป สามารถเจอได้ตลอดทั้งปี แต่จะมีอุบัติการณ์เกิดสูงสุดในตอนม.ค.ถึงเมษายน

การปฏิบัติตนเมื่อป่วยด้วยโรคอีสุกอีใส

  • หากเป็นไข้สูง ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเป็นประจำดื่มน้ำมากๆห้ามอาบน้ำเย็น นอนพักให้มากๆรวมทั้งให้ยาพาราเซตามอลบรรเทาไข้ ไม่ควรให้ยาแอสไพรินลดไข้ เนื่องจากยานี้ อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม (Reye's syndrome) ซึ่งจะมีสภาวะสมองอักเสบร่วมกับตับอักเสบ จัดว่าเป็นโรคอันตรายรุนแรงชนิดหนึ่ง
  • ถ้าหากมีลักษณะอาการคัน ให้ทาด้วยยาแก้ผดผื่นคัน (คาลาไมน์โลชั่น) ถ้าเกิดคันมากให้รับประทานยาแก้แพ้ คลอร์เฟนิรามีนทุเลา คนป่วยควรจะตัดเล็บให้สั้น และก็พากเพียรอย่าแกะหรือเกาตุ่มคัน อาจจะเป็นผลให้มีการติดเชื้อโรคกลายเป็นตุ่มหนองและเป็นแผลเป็นได้
  • ถ้าหากปากเปื่อย ลิ้นเปื่อยยุ่ย ให้ใช้น้ำเกลือกลั้ว พากเพียรทานอาหารที่เป็นของเหลวหรือเป็นน้ำแทนอาหารแข็ง
  • สำหรับอาหาร ไม่มีของแสลงต่อโรคนี้ ให้ทานอาหารได้ตามเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบำรุงด้วยอาหารพวกโปรตีน (ตัวอย่างเช่น เนื้อ นม ไข่ ถั่วต่างๆ) ให้มากเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย
  • ควรจะหยุดเรียน หรือหยุดงาน พักผ่อนอยู่บ้าน เพื่อคุ้มครองมิให้กระจายเชื้อให้คนอื่นๆ ระยะแพร่เชื้อติดต่อให้คนอื่นเป็นตั้งแต่ระยะ 24 ชั่วโมง ก่อนมีตุ่มขึ้นจนถึง 6 วัน หลังตุ่มขึ้น
  • ควรเฝ้าพิจารณาอาการเปลี่ยนแปลงต่างๆโดยธรรมดาอาการ จะค่อยทุเลาได้เองข้างใน 1-3 สัปดาห์ แต่ถ้าเกิดพบว่ามีอาการหายใจหอบ ซึม ชัก เดินเซ ตากระตุก โรคตับเหลือง (ตาเหลือง) มีเลือดออก ปวดหัวมากมาย อาเจียนมากมาย เจ็บหน้าอก หรือตุ่มแปลงเป็นหนอง ฝี หรือพุพอง ควรจะไปพบ แพทย์อย่างเร็ว
  • คนเจ็บควรพักผ่อนและก็ดื่มน้ำมากๆขั้นต่ำวันละ 8 แก้ว
  • ผู้ป่วยควรแยกตัวออกไปอยู่ต่างหากจนกระทั่งพ้นระยะติดต่อ รวมทั้งแยกสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆตัวอย่างเช่น เสื้อผ้า แก้วน้ำ ช้อน จาน ถ้วยชาม ฯลฯ เพื่อหลบหลีกการแพร่ของเชื้อโรค
  • สำหรับยาเขียวที่ทำจากสมุนไพร (เช่น ยาเขียวหอม ที่บรรจุอยู่ในบัญชียาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ พุทธศักราช๒๕๕๖) ไม่นับว่าเป็นข้อบังคับหรือก่อให้เกิดผลเสียต่อการดูแลและรักษาโรคนี้ คนป่วยสามารถใช้ร่วมกับการดูแลและรักษาธรรมดาได้ แถมยาเขียวยังช่วยทำให้ดื่มน้ำได้มากขึ้นอีกด้วย
  • รักษาสุขลักษณะพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อสุขภาพดีรวมทั้งช่วยลดช่องทางสำหรับการเกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อนจากการติดเชื้อโรค
การคุ้มครองป้องกันตนเองจากโรคอีสุกอีใส

  • เพราะว่าโรคสุกใสสามารถแพร่ขยายได้ง่ายโดยทางการหายใจ ควรต้องแยกผู้เจ็บป่วยออกจากเด็กตัวเล็กๆ หญิงมีครรภ์ และคนที่ไม่เคยติดโรคมาก่อน
  • ควรจะให้ผู้ป่วยหยุดเรียนหรือหยุดงาน พักอยู่บ้านเพื่อป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดให้ผู้อื่น
  • ไม่สัมผัสหรือใกล้ชิดกับคนป่วยโรคอีสุกอีใส ถ้าจึงควรมีการป้องกันตนเองอย่างดี อาทิเช่น สวมถุงมือ สวมหน้ากากอนามัยแล้วก็ควรรีบล้างมือหลังจากสัมผัสกับคนเจ็บ ฯลฯ
  • ตอนนี้มีวัคซีนฉีดคุ้มครองปกป้องโรคอีสุกอีใส ซึ่งราคาค่อนข้างแพง (ราวเข็มละ 800-1200 บาท) ควรจะฉีดในเด็กอายุ 12-18 เดือน ฉีดเพียง 1 เข็ม จะคุ้มครองโรคได้ตลอดไป ถ้าหากฉีดตอนโต ถ้าเกิดอายุต่ำยิ่งกว่า 13 ปี ก็ฉีดเพียงแค่เข็มเดียว แต่ว่าถ้าหากอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป ควรจะฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 4-8 อาทิตย์ หลังฉีดยา ควรจะหลบหลีกการใช้ยาแอสไพรินนาน 6 สัปดาห์ ทั้งนี้เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคเรย์ซินโดรม วัคซีนประเภทนี้ห้ามฉีดในหญิงตั้งท้อง คนที่มีภาวการณ์ภูมิต้านทานขาดตกบกพร่อง ใช้ยาแอสไพรินอยู่ประจำ หรือใช้ยาสตีรอยด์ขนาดสูงมานาน อาจเกิดภาวะสอดแทรกรุนแรงได้ สำหรับหญิงวัยเจริญพันธุ์ (15-45 ปี) แม้ยังไม่แน่ใจว่าเคยเป็นโรคนี้หรือยัง ควรปรึกษาหมอ ตรวจทานว่ามีภูมิต้านทานต่อโรคนี้หรือยัง ถ้าเกิดยัง หมออาจแนะนำให้วัคซีนคุ้มครองปกป้องเพื่อไม่ให้ทำให้เป็นอันตรายต่อลูกในท้องขณะมีครรภ์ แล้วก็หลังฉีดวัคซีนประเภทนี้ ควรจะคุมกำเนิดนาน 3 เดือน จึงจะสามารถท้องได้โดยสวัสดิภาพ
  • ในเด็กที่ไม่มีข้อบ่งห้าม สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 12-15 เดือน ขึ้นไป และฉีดกระตุ้นอีกรอบที่อายุ 4-6 ปีหรืออาจฉีด 2 เข็มห่างกันอย่างต่ำ 3 เดือน ซึ่งภูมิคุ้มกันจะขึ้นดีมากยิ่งกว่าการฉีด 1 เข็ม
  • จากการศึกษาในเด็กอายุ 1-12 ปี ข้างหลังได้รับวัคซีนคราวแรก จะมีภูมิคุ้มกันในระดับที่ป้องกันโรคได้จำนวนร้อยละ 85และก็เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 99.6 ข้างหลังได้รับวัคซีนครั้งที่ 2
  • สำหรับคนที่สัมผัสสนิทสนมกับผู้ป่วยโรคนี้ การฉีดยาอาจไม่ทันกาล ถ้าเกิดจำเป็นต้องหมอบางทีอาจชี้แนะให้ฉีดเซรุ่ม ที่มีชื่อว่า varicella-zoster immune globulin (VZIG) เป็นการฉีดภูมิต้านทานเข้าไปโดยตรง มักจะฉีดให้กับผู้ที่สัมผัสโรคอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีภาวะภูมิต้านทานขาดตกบกพร่อง ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และก็เด็กแรกคลอดที่มีแม่เป็นอีสุกอีใสตอน 5 วันก่อนคลอดถึง 2 วันหลังคลอด
  • วัคซีนคุ้มครองป้องกันโรคอีสุกอีใส ที่ใช้ในขณะนี้ทำมาจากเชื้ออีสุกอีใสที่มีชีวิตแล้วเอามาทำให้อ่อนฤทธิ์ลง ในประเทศไทยมีจัดจำหน่าย 3 จำพวกเป็นVarilrix ในวัคซีน 1 เข็มมีเชื้อไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 2,000 PFU, OKAVAX ในวัคซีน 1 เข็มมีเชื้อไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 1,000 PFU, และ Varicella Vaccine-GCC ในวัคซีน 1 เข็มมีเชื้อไม่ต่ำยิ่งกว่า 1,400 PFU ทั้งยังเดี๋ยวนี้ยังมีการผลิตวัคซีนคุ้มครองปกป้องโรคอีสุกอีใสให้อยู่ในรูปวัคซีนรวม ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนรวมฝึก-โรคเหือด-คางทูม-อีสุกอีใส (MMRV) ซึ่งจะรวมอยู่ในเข็มเดียวกันทำให้สบาย และไม่ต้องเจ็บตัวมากขึ้น
สมุนไพรที่ช่วยรักษา/บรรเทา ลักษณะโรคอีสุกอีใส

  • เสมหะพังพอนตัวเมีย Clinacanthus nutans (Burm.f) มีอีกชื่อหนึ่งเป็น พญายอ ซึ่งเสมหะพังพอนตัวเมียไม่เหมือนกับเพศผู้หมายถึงตัวเมียไม่มีหนาม ใบเพศผู้มีสีแก่กว่า ดอกตัวเมียมีสีแดง ดอกเพศผู้มีสีส้นสด แนวทางการให้เด็ดใบเสมหะพังพอนตัวเมียมาล้างให้สะอาด แล้วเอามาโขลกหรือปั่นให้ละเอียดผสมกับน้ำดินสอพอง ทาที่ตุ่มสุกใสเป็นประจำจะช่วยทุเลาอาการคัน และทำให้ตุ่มแผลแห้งเร็ว ลดอาการบวมแดงของตุ่มได้
  • ผักชี Coriandrum sativum การอาบน้ำต้มผักชีจะช่วยให้อีสุกอีใสหายไวขึ้น ซึ่งตามตำรายาแผนโบราณบอกว่า สรรพคุณของผักชีคือเป็นพืชธาตุเย็นที่ช่วยลดอาการผื่นแดง
  • สะเดา Azadiracta indica มีการเรียนรู้พบว่าสารเกดูนิน (Gedunin) และก็ นิมโบลิดี (Nimbolide) ในใบและก็เมล็ดสะเดามีประสิทธิภาพสำหรับการออกฤทธิ์ยั้งเชื้อรา แบคทีเรียแล้วก็เชื้อไวรัสสูง ด้วยเหตุดังกล่าว ก็เลยสามารถบรรเทาอาการของโรคที่เกิดขึ้นมาจาก ไวรัส อย่างอีสุกอีใสได้
  • ใบมะยม Phyllanthus acidus ใช้ใบมะยมไม่อ่อนหรือแก่เหลือเกิน 2-3 กำมือ ใส่น้ำ 2-3 ลิตร ต้มให้เดือดโดยประมาณ 20 นาที แล้วชูลงผสมน้ำเย็นให้อุ่นเพียงพออาบได้ อาบวันละ 3 ครั้ง รุ่งเช้า ช่วงกลางวัน เย็น ข้างหลังอาบน้ำอาการจะค่อยๆดีขึ้น
  • ย่านาง Tiliacora triandra เอาราก “ย่านาง” แบบสดประมาณขยุ้มมือต้มกับน้ำหลากยาจนเดือด ดื่มขณะอุ่นวันละครั้ง ครั้งละ 3 ส่วน 4 แก้ว ต้มดื่มเรื่อยๆติดต่อกัน 3-5 วัน อาการที่เป็นจะดีขึ้นกว่าเดิม
เอกสารอ้างอิง

  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.อีสุกอีใส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่296.คอลัมน์ สารานุกรมทันโรค.ธันวาคม.2546
  • อีสุกอีใส เป็นได้ก็หายได้.เกร็ดความรู้สู่ประชาชน.หน่วยข้อมูลคลังยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ). “อีสุกอีใส (Chickenpox/Varicella)”. หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป หน้า 404-407.
  • Kuter B, Matthews H, Shinefield H, Black S, Dennehy P, Watson B, et al. Ten year follow-up of healthychildren who received one or two injections of varicellavaccine. Pediatr Infect Dis J. 2004; 23:132-7.
  • อ.พญ.เลลานี ไพฑูรย์พงษ์.สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.โรคอีสุกอีใส.สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย.
  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC)..Prevention of Varicella Recommendations of the Advisory Committee on Immunization Practices (ACIP). MMVR 2007; 56:1-40.
  • อีสุกอีใส.อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ http://www.disthai.com/[/b]
  • Heininger U, Seward JF. Varicella. Lancet. 2006; 368:1365-76.
  • Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, L., Hauser, S., Longo, D., and Jameson, J. (2001). Harrison’s principles of internal medicine (15th ed.). New York: McGraw-Hill.
  • อ.พญ.จรัสศรี ฟี้ยาพรรณ,นางรษิกา ฤทธิ์เรืองเดช,พญ.พิชญา มณีประสพโชคและคณะ.โรคสุกใส(Chicken pox).ภาควิชาตจวิทยาคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล.
  • สำนักระบาดวิทยา. โรคอีสุกอีใส. สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรค 2552. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์. 2553; 55-6.
  • Krause PR, Klinman DM. Efficacy,immunogenicity,safety, and use of live attenuated chickenpox vaccine. J Pediatr. 1995; 127:518-25.
  • พญ.อารีย์ โอบอ้อมรัก.หนังสือเลี้ยงลูกด้วยสมุนไพร.หน้า 56.สำนักพิมพ์เอเชียบูรพา.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
กาลครั้งหนึ่ง2560
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 86


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 30, 2018, 01:21:21 pm »

โรคอีสุกอีใส วิธีรักษา สมุนไพรรักษา

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ