โรคนิ่วในไต - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคนิ่วในไต - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 27 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 86


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2018, 12:51:20 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


นิ่วในไต (Kidney Stone)
นิ่วในไตเป็นยังไง ก่อนที่พวกเราจะมาทำความรู้จักนิ่วในไตนั้น อันดับแรกจะต้องรู้จักโรคนิ่วกันก่อน โรคนิ่วเป็นขี้ตะกอนจากธาตุต่างๆที่รวมตัวกันเป็นก้อนแข็งที่เกิดจากสาเหตุต่างๆตัวอย่างเช่น ขาดสารอาหารต่างๆหลายประเภท โดยเฉพาะ ซิเทรต โพแทสเซียม แมกนีเซียม และก็โปรตีนซึ่งได้มาจากเนื้อสัตว์ หรืออาจเกิดจากการอักเสบ จากโรคบางชนิด เช่น โรคเก๊าท์เป็นต้น และก็โรคนิ่วนั้นยังสามารถแบ่งออกเป็นของประเภท คือนิ่วในถุงน้ำดี และก็นิ่วในระบบฟุตบาทฉี่ และยังสามารถแยกเป็นชนิดและประเภทนิ่วในทางเดินเยี่ยวได้อีกตามตำแหน่งที่เกิดนิ่ว ได้แก่ นิ่วในไต นิ่วในทอไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งนิ่วในทอเยี่ยว ซึ่งนิ่วทั้งสองประเภทนี้ มีความต่างกันทั้งยังในส่วนประกอบ มูลเหตุ รวมถึงการรักษา แม้กระนั้นในเนื้อหานี้ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงเฉพาะนิ่วในไตแค่นั้น
นิ่วในไต เป็นก้อนผลึกขนาดเล็ก ประกอบด้วยหินปูน (แคลเซียม) กับสารเคมีและก็ธาตุ นๆได้แก่ ออกซาเลต ยูริก โปรตีน เป็นต้น หรือบางรายอาจจะมีขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากสารตกค้างต่างๆอีกทั้งจากสารอาหารที่พวกเรากินเข้าไป หรือกรดบางจำพวกที่ร่างกายขับออกไม่หมด ซึ่งก้อนนิ่วในไตนี้ ยังไปเพิ่มอัตราเสี่ยงสำหรับการเป็นโรคไตอีก
ชนิดของนิ่วในไต ก้อนนิ่วมีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็น ธาตุ (mineral composition) และก็ส่วนที่เป็นสาร อินทรีย์(organic matrix) ซึ่งมีประมาณจำนวนร้อยละ 5-10 เป็นสารโมเลกุลใหญ่ที่พบในฉี่ ดังเช่น โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต ฯลฯ ส่วนที่เป็นแร่ธาตุมีเหตุมาจาก การตกผลึกของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ ดังเช่นว่า แคลเซียม ออกซาเลต ฟอสเฟต รวมทั้งกรดยูริค สามารถจำแนกแยกแยะของนิ่วในไตได้ดังนี้ นิ่วสตรูไวท์(struvite stones) พบ จำนวนร้อยละ 15 กำเนิดในคนไข้ที่มีทางเดินเยี่ยวอักเสบเรื้อรัง นิ่วกรดยูริค (uric acid stones) เจอราวๆปริมาณร้อยละ 6 เกิดขึ้นจากทานอาหารที่มีพิวรีน (purine) สูง ดังเช่นว่า เครื่องใน สัตว์ปีก ฯลฯ นิ่วซีสตี (cystine stones) เจอราวจำนวนร้อยละ 2 มีต้นเหตุมาจากความแปลกของร่างกาย สำหรับในการซับสารซีสตีน นิ่วแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate stones) เป็นประเภทที่พบมากที่สุด ในประเทศไทย โดยพบร้อยละ 75-80 ซึ่งจากรายงาน การศึกษาที่จังหวัดขอนแก่นเจอนิ่วประเภทนี้ร้อยละ 88 และที่ประเทศสหรัฐอเมริกาพบอุบัติการณ์ร้อยละ 90 นิ่วแคลเซียมออกซาเลตมีสาเหตุมาจากแคลเซียมรวมกับกรด ออกซาลิก (oxalic acid) เมื่อไปรวมกับแร่ธาตุตัวอื่น ยกตัวอย่างเช่น โซเดียม แมกนีเซียม แคลเซียม หรือโปแตสเซียม จะกลายเป็นผลึกออกซาเลต แล้วก็เปลี่ยนเป็นก้อนนิ่วในเวลาต่อมา
นิ่วในไตสามารถเจอได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนถึงคนวัยชรา แต่ว่าพบได้สูงขึ้นยิ่งกว่าในช่วงอายุ 40 - 50 ปี โดยเจอในผู้ชายสูงขึ้นมากยิ่งกว่าหญิงราว 2 - 3 เท่า
นิ่วในไตอาจเกิดกับไตเพียงข้างเดียว โดยจังหวะกำเนิดใกล้เคียงกันข้างซ้ายรวมทั้งขวาหรือเกิดนิ่วพร้อมกันทั้งสองข้าง แต่ว่าความรุนแรงของนิ่วในทั้งสองไตมักแตกต่างกันสังกัดขนาดและก็ตำแหน่งของนิ่ว ในประเทศที่เจริญก้าวหน้าแล้ว จะพบโรคนี้ได้ราวๆ 0.2% ของประชากร ส่วนในเอเชียเจอได้โดยประมาณ 2-5%
สำหรับในประเทศไทย พบอัตรา การเกิดโรคนิ่วในไตแล้วก็ในระบบทางเดินเยี่ยวของผู้ป่วยใน จากสถิติกระทรวงสาธารณสุขมากขึ้นจาก 99.25 ต่อ 100,000 ของสามัญชน ในปีพ.ศ. 2550 เป็น 122.46 ในปี พ.ศ. 2553 พบมากที่สุดในสามัญชน ภาคเหนือแล้วก็ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในอัตรา 188.55 และ 174.67 ตามลำดับ จากการศึกษาเล่าเรียน นิ่วในระบบฟุตบาทฉี่ ในปีพ.ศ. 2552 จำแนกประเภทตามครอบครัว แล้วก็ หมู่บ้าน ในพลเมืองภาคอีสาน ที่จังหวัด ขอนแก่น ปริมาณ 1,034 ราย (โดยรวมผู้ที่เป็นนิ่ว อยู่แล้ว 135 ราย) จาก 551 ครอบครัว แล้วก็ 348 หมู่บ้าน เล่าเรียนด้วยแนวทางถ่ายรูปรังสี Kidney-Ureter Bladder (KUB) พบว่า สมาชิกในครอบครัวจำนวน 116 ครอบครัว (จำนวนร้อยละ 21.05) และก็ใน 23 หมู่บ้าน (ร้อยละ 6.61) เป็นนิ่วในไต ตำแหน่งที่พบนิ่วมากที่สุดหมายถึงในไต โดยประมาณจำนวนร้อยละ 80 สำหรับในภูมิภาคอื่นๆมีการเรียนรู้ไม่เท่าไรนัก แต่ว่ามีรายงานการเรียนรู้พบว่า พบนิ่วมากที่สุดในช่วงอายุ 40-50 ปีรวมทั้ง เจอในเพศชายมากกว่าผู้หญิง 3 เท่า และพบ การเกิดซ้ำ ข้างใน 2 ปี หลังผ่าตัดหรือสลายนิ่วสูงถึง จำนวนร้อยละ 39
ในปัจจุบันโรคนิ่วในไตมีลัษณะทิศทางที่สูงขึ้น อีกทั้งในประเทศไทยแล้วก็ทุกภูมิภาคทั่วทั้งโลก การมีนิ่วในไต ทำ ให้การทำ งานของไตเสื่อมลง แล้วก็บางทีอาจรุนแรงจนถึง เกิดภาวะไตวายเรื้อรังและโรคไตระยะสุดท้าย ซึ่งทำ ให้ เสียชีวิตได้ นอกเหนือจากนี้โรคนิ่วในไตมีอุบัติการณ์เกิดนิ่วซ้ำ สูงมาก ทำ ให้ผู้ป่วยและก็รัฐบาลจำต้องสูญเสียรายจ่าย สำหรับการรักษาเป็นอันมาก ด้วยเหตุนั้นการหลีกเลี่ยงสาเหตุ เสี่ยงหรือมูลเหตุที่ก่อเกิดนิ่ว อาทิเช่น พืชที่มีออกซาเลต สูง หรือการรับประทานแคลเซียมเม็ดเสริม ควรจะเป็นสิ่งที่ จะต้องคำ รำลึกถึงเพื่อป้องการกันกำเนิดนิ่ว
สิ่งที่ทำให้เกิดนิ่วในไต มีเหตุมาจากหลากหลายปัจจัย อีกทั้งปัจจัยเสี่ยงทางด้านสภาพแวดล้อม เมตตาบอลิซึม พันธุกรรม วิถีการดำรงชีวิต แล้วก็นิสัยการกินอาหารของเพศผู้ป่วยไข้เอง แม้กระนั้นต้นสายปลายเหตุที่สำคัญของการเกิดนิ่วในไต คือ การมีสารก่อนิ่วในเยี่ยวสูงขึ้นยิ่งกว่าระดับสารยับยั้งนิ่ว ร่วมกับปัจจัยเสริมคือ ปริมาตรของปัสสาวะน้อย นำไปสู่ภาวะอิ่มตัวยวดยิ่งของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ จึงเกิดผลึกที่ไม่ละลายน้ำขึ้น ดังเช่น แคลเซียมออกซาเลต แคลเซียมฟอสเฟต รวมทั้งยูเรต ผลึกนิ่วที่เกิดขึ้นจะทำการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ส่งผลให้เซลล์บุด้านในไตถูกทำลาย ตำแหน่งถูกทำลายนี้จะเป็นพื้นที่ให้ผลึกนิ่วเกาะยึดรวมทั้งรวมกลุ่มกัน เกิดการทับถมของผลึกนิ่วเป็นระยะเวลานานกระทั่งเปลี่ยนเป็นก้อนนิ่วได้ในที่สุด ในคนธรรมดาที่มีสารยั้งนิ่วในปัสสาวะสูงพอเพียงจะสามารถยั้งการก่อตัวของผลึกนิ่วได้ โดยสารเหล่านี้จะไปแย่งจับกับสารก่อนิ่ว ดังเช่นว่า ซิเทรตจับกับแคลเซียม หรือแมกนีเซียมจับกับออกซาเลต ทำให้มีการเกิดเป็นสารที่ละลายน้ำได้ดี และขับออกไปพร้อมกับน้ำฉี่ ทำให้ปริมาณสารก่อนิ่วในฉี่ต่ำลงและไม่สามารถรวมตัวกันเป็นผลึกนิ่วได้ เว้นเสียแต่สารยับยั้งนิ่วกลุ่มนี้แล้วโปรตีนในปัสสาวะหลายแบบยังปฏิบัติหน้าที่ปกป้องการก่อผลึกในฉี่ แล้วก็เมื่อฉาบที่ผิวผลึกจะช่วยขับผลึกออกไปกับเยี่ยวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้มีหลายงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยกล่าวว่า ความผิดแปลกของการสังเคราะห์แล้วก็หลักการทำงานของโปรตีนยับยั้งนิ่วกลุ่มนี้เป็นต้นเหตุหนึ่งของการเกิดโรคนิ่วในไต  การเกิดนิ่วในไตยังบางทีอาจมีต้นเหตุจากโรคอื่นที่เป็นอยู่ เช่น การต่อว่าดเชื้อในระบบฟุตบาทฉี่ โรคเมตาบอลิก รวมถึงการใช้ยารักษาโรคบางชนิดอย่างโรคเกาท์ ต่อมไทรอยด์ดำเนินงานเกินปกติ โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันเลือดสูง และการกินวิตามินดี รวมทั้งแคลเซียมเม็ดเสริมมากเกินไป
ลักษณะของนิ่วในไต สำหรับนิ่วในไตโดยมาก คนไข้มักไม่มีอาการแสดง แม้กระนั้นจะมีลักษณะอาการแสดงก็ต่อเมื่อมีการติดเชื้อโรคซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็ก้อนนิ่วที่มีขนาดเล็กมากมายๆบางทีอาจหลุดออกไปพร้อมทั้งการขับปัสสาวะโดยไม่ก่อเกิดอาการหรือความรู้สึกปวดอะไรก็ตามอาการของนิ่วในไตอาจไม่ปรากฏให้มองเห็นจนตราบเท่าก้อนนิ่วเริ่มเคลื่อนบริเวณไตหรือไปยังท่อไต ซึ่งเป็นท่อเชื่อมต่อระหว่างไตและก็กระเพาะปัสสาวะ ทำให้คนป่วยที่มีนิ่วในไตอาจมีอาการกลุ่มนี้ตามมา ตัวอย่างเช่น ปวดรอบๆข้างหลังหรือท้องด้านล่างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาจเจ็บปวดรวดร้าวลงไปถึงบริเวณขาหนีบ  มีอาการปวดบีบเป็นระยะ รวมทั้งปวดรุนแรงเป็นช่วงๆที่บริเวณดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ปัสสาวะเป็นเลือด หรืออาจมีสีแดง ชมพู และก็น้ำตาล  เยี่ยวแล้วเจ็บ  ปวดฉี่บ่อยครั้ง  ปัสสาวะน้อย  ฉี่ขุ่นหรือมีกลิ่นฉุน คลื่นไส้ อ้วก หนาวสั่น เป็นไข้ และก็ถ้าเกิดก้อนนิ่วมีขนาดเล็กและก็ตกลมมาที่ท่อไต จะมีผลให้กำเนิดลักษณะของการปวดบิดในท้องร้ายแรง เรียกว่า “นิ่วในท่อไต” ผู้ป่วยจะมีลักษณะอาการระคายเคืองเวลาเยี่ยว อยากฉี่ แต่เยี่ยวขัด กะปริดกะปรอย ในเรื่องที่มีการติดเชื้อแทรกซ้อนจะมีลักษณะไข้ร่วมด้วย ถ้าหากปลดปล่อยให้เป็นนิ่วไปนานๆโดยไม่ได้รับการดูแลและรักษาจะมีผลให้ไตบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้ไตมีรูปร่างและก็ดำเนินการผิดปกติมากขึ้นแล้วก็ส่งผลให้เกิดสภาวะไตวายสุดท้าย
กระบวนการรักษานิ่วในไต  หมอวินิจฉัยนิ่วในไตได้จากประวัติความเป็นมาอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจฉี่ และก็อาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มขึ้นกับอาการคนเจ็บและก็ดุลพินิจของแพทย์ อาทิเช่น

  • การตรวจเยี่ยว เพื่อดูว่าร่างกายมีการขับแร่ธาตุที่รวมตัวเป็นก้อนนิ่วมากเกินความจำเป็น หรือมีสารคุ้มครองป้องกันการเกิดนิ่วที่ไม่เพียงพอไหม รวมทั้งตรวจเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ ตลอดจนตรวจหาภาวการณ์ติดเชื้อโรค สามารถทำได้โดยเก็บปัสสาวะของคนป่วยทั้งหมดทั้งปวงในช่วง 24 ชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดเริ่มตั้งแต่แมื่อ 8.00 นาฬิกา เดี๋ยวนี้ผู้เจ็บป่วยต้องฉี่ทิ้งไปก่อน แล้วเก็บครั้งต่อๆไปทุกหนจนถึง 8.00 นาฬิกาของวันถัดไป
  • การพิสูจน์เลือด ผลการตรวจเลือดจะสามารถบอกถึงสุขภาพไตของคนเจ็บ และก็ช่วยทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคต่างๆได้ รวมทั้งตรวจวัดระดับของสารที่อาจจะทำให้เกิดนิ่ว โดยคนเจ็บที่มีนิ่วในไตอาจตรวจพบว่ามีปริมาณแคลเซียมหรือกรดยูริกในเลือดที่มากเหลือเกิน
  • การตรวจโดยมองจากรูปไต แนวทางลักษณะนี้จะช่วยทำให้แพทย์สามารถแลเห็นก้อนนิ่วที่เกิดขึ้นตามทางเดินปัสสาวะ การถ่ายภาพไตมีมากมายหลากหลายแนวทางให้เลือกใช้ เช่น การฉายรังสีเอกซ์เรย์ในท้อง ซึ่งอาจจะทำให้มองไม่เห็นก้อนนิ่วในไตขนาดเล็กหรือนิ่วบางชนิด การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวน์ไต นอกจาก 2 วิธีนี้ แพทย์บางทีอาจไตร่ตรองใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ซึ่งอาจจะทำให้เห็นนิ่วก้อนเล็กๆได้และก็
  • การตรวจ x-ray เงาไตที่เรียก KUB (Kidney ureter and bladder) ถ้าหากว่าเป็นนิ่วที่ทึบแสงก็สามารถมองเห็นนิ่วได้ ถ้าหากเป็นนิ่วที่ไม่ทึบแสงก็ไม่สามารถที่จะเห็น รวมทั้งการตรวจ IVP (Intravenous pyelogram) เป็นการฉีดสีเข้าเส้นเลือดดำ และสีนั้นจะถูกขับออกทางไตภายหลังจากฉีดจะ x-ray เงาไตที่เวลาต่างๆข้างหลังฉีดสี เพื่อมองรูปร่าง ลักษณะของไต ว่ามีการอุดตันจากนิ่วหรือไม่ รวมทั้งหลักการทำงานของไต ว่าดีเยี่ยมน้อยขนาดไหน
  • การรักษานิ่วในไต การรักษามีหลายแนวทาง หมอจะตรึกตรองโดยอาศัยข้อมูลเรื่องขนาดของนิ่ว ตำแหน่งของนิ่ว ความแข็งแรงของนิ่ว ไตบวมมากหรือน้อย การอักเสบของไตฯลฯ เพื่อพิจารณาเลือกขั้นตอนการที่ยอดเยี่ยมในแต่ละราย บางท่านบางครั้งก็อาจจะสมควรที่จะรักษาด้วยการสลายนิ่ว แม้กระนั้นบางคนไม่เหมาะสมที่จะสลายนิ่ว บางทีอาจรักษาได้ด้วยวิธีอื่นๆผู้เจ็บป่วยควรจะขอความเห็นแพทย์ถึงแนวทางการต่างๆพวกนี้เพื่อจะได้เข้าใจในเรื่องเหตุผลที่หมอเลือกวิธีนั้นๆสำหรับการรักษา

การดูแลและรักษานิ่วในไตขนาดเล็ก  การรักษานิ่วขนาดเล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 5 มิลลิเมตร บางทีอาจทำได้ด้วยการดื่มน้ำมากมายๆเพื่อช่วยขับก้อนนิ่วออกมาพร้อมฉี่ และก็ควรดื่มให้มากพอ (วันละ 8 – 10 แก้ว) จนเยี่ยวเจือจางฉี่เป็นสีใสๆนิ่วบางทีอาจหลุดลงมาเป็นนิ่วในทอไต แต่ แม้คนไข้ด้วยนิ่วชนิดนี้มีลักษณะอาการ หมออาจไตร่ตรองให้ผ่าตัดเอาก้อนนิ่วออกได้เหมือนกัน
ถ้ากำเนิดก้อนนิ่วเล็กๆที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเจ็บ หมออาจใช้ยาเพื่อทุเลาลักษณะของการปวด อย่างเช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) อะเซตามิโนเฟ่น (Acetaminophen) หรือที่รู้จักในชื่อพาราเซตามอล และนาพรอกเซน (Naproxen)
นอกจากนี้ การใช้ยาช่วยขับก้อนนิ่วก็เป็นอีกหนึ่งกรรมวิธีรักษา หมออาจสั่งจ่ายยากลุ่มแอลฟา-บล็อกเกอร์ (Alpha Blocker) ซึ่งเป็นยาช่วยขับก้อนนิ่วออกมาทางเยี่ยว ออกฤทธิ์โดยการทำให้กล้ามผ่อนคลาย ทำให้ให้ก้อนนิ่วในไตถูกขับออกมาได้เร็วแล้วก็เจ็บน้อยกว่า
การดูแลและรักษานิ่วในไตขนาดใหญ่ ก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 มิลลิเมตรขึ้นไปสามารถทำให้มีเลือดออก และก็คงนำมาซึ่งการก่อให้เกิดแผลที่ท่อไตหรือการต่อว่าดเชื้อในระบบฟุตบาทเยี่ยว จนถึงไม่สามารถหลุดมาเองได้ หมอบางทีอาจจำต้องใช้การรักษาประเภทอื่นๆดังต่อไปนี้

  • การใช้คลื่นเสียงกระจายตัวก้อนนิ่ว เหมาะกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร รักษาโดยใช้เครื่อง Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy (ESWL) โดยใช้แรงสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงทำให้นิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆจนสามารถผ่านออกทางการขับปัสสาวะได้ วิธีนี้คนเจ็บอาจรู้สึกปวดระดับปานกลาง หมอก็เลยบางทีอาจใช้ยาระงับประสาทเพื่อให้คนเจ็บสงบหรือทำให้สลบแบบตื้น ขั้นตอนการรักษาใช้เวลาราว 45-60 นาที และบางทีอาจส่งผลข้างๆให้ฉี่เป็นเลือด มีแผลฟกช้ำข้างหลังท้อง เลือดออกรอบรอบๆไตรวมทั้งอวัยวะรอบตัว รวมทั้งรู้สึกเจ็บเมื่อเสี้ยวก้อนนิ่วเขยื้อนผ่านทางเท้าปัสสาวะออกมา การรักษาโรคนิ่ววิธีนี้ระยะเวลากว่าเศษนิ่วจะหลุดออกมาหมดนั้นไม่แน่นอน บางรายจำต้องสลายนิ่วซ้ำอีกหนึ่งหรือบ่อยมาก ไม่สามารถที่จะยืนยันผลของการรักษาได้ทุกราย โดยมีอัตราปลอดนิ่วที่ 3 เดือนราวๆจำนวนร้อยละ 75
  • การผ่าตัดก้อนนิ่วออก (Percutaneous Nephrolithotomy) เหมาะกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 เซนติเมตร อาจใช้ตามหลังวิธีการใช้คลื่นเสียงแตกตัวก้อนนิ่ว (ESWL) ไม่เป็นผล แพทย์บางทีอาจเลือกใช้การผ่าตัดนิ่วด้วยการใช้กล้องส่องทางไกลขนาดเล็กและอุปกรณ์สอดเข้าไปรอบๆหลังของคนป่วย โดยพักฟื้นที่โรงหมอตรงเวลา 1-2 วัน แล้วก็มีคุณภาพถึง 72-99 เปอร์เซ็นต์
  • การส่องกล้อง สำหรับก้อนนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 ซม. หมอบางทีอาจใช้กล้องถ่ายภาพ Ureteroscope เพื่อฉายลำแสงแคบผ่านหลอดเยี่ยวรวมทั้งกระเพาะปัสสาวะ แล้วใช้วัสดุจำพวกพิเศษจับหรือทำให้ก้อนนิ่วกระจายตัวเป็นชิ้นเล็กจนถึงสามารถถูกขับออกมาทางเดินปัสสาวะได้ เพื่อลดอาการบวมหลังผ่าตัดและช่วยให้หายเร็วขึ้น ก็เลยอาจมีการใช้ท่อเล็กๆยึดไว้ที่หลอดปัสสาวะด้วย การส่องกล้องนี้พบว่ารักษาสำเร็จถึง 94 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นนิ่วเขากวางมีแขนงมากกว่า 2 กิ่ง หรือนิ่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 ซม. แพทย์มักใคร่ครวญเป็นการผ่าตัดเปิดตามความเหมาะสม
  • การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ โรคต่อมไทรอยด์ปฏิบัติงานสูง เกิดการผลิตฮอร์โมนพาราต่อมไทรอยด์ขึ้นมามากไม่ดีเหมือนปกติ รวมทั้งเป็นต้นเหตุให้เกิดก้อนนิ่วจากแคลเซียมฟอสเฟตได้ง่าย การทำงานที่แตกต่างจากปกตินี้ถ้าหากเกิดขึ้นจากเนื้องอกที่เติบโตบนต่อมไทรอยด์ การผ่าตัดเอาเนื้องอกดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วค่อนข้างจะเป็นช่วยลดการเกิดนิ่วในไตได้ด้วย

สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะก่อกำเนิดนิ่วในไต

  • รับประทานอาหารมีสารที่ก่อการนอนก้นเป็นนิ่วปริมาณสูงสม่ำเสมอเป็นต้นว่า กินอาหารมีออกซาเลตสูง ดังเช่น โยเกิร์ต ถั่วที่มีรูปทรงราวกับไต เป็นต้นว่า ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลือง งา ลูกนัท ผลเบอร์รีต่างๆมะเดื่อ แครอด บีทรูท มะเขือ ผักกะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง บรอควัวลิ ผักโขม ชะพลู ผักกะเฉด และยอดผักต่างๆหรือมีกรดยูริคสูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล ปลาทะเล หอยแครง น้ำเกรวี/Gravy รวมทั้งจากพืชบางชนิดเป็นต้นว่า หน่อไม่ฝรั่ง ผักขม ยอดผัก แล้วก็ถั่วจำพวกมีรูปร่างเหมือนไต/ถั่วดำ/ถั่วแดง
  • การตีบแคบของฟุตบาทเยี่ยวทำ ให้มี ปัสสาวะค้างด้านในไต
  • ความเข้มข้นของน้ำ ปัสสาวะ กำเนิดเหตุเพราะ ผู้เจ็บป่วยดื่มน้ำ น้อยกว่าปกติ หรือสูญเสียน้ำ ออกมาจาก ร่างกายมากกว่าปกติ ผู้มีอาชีพเกษตรกรทำ งานกลางแจ้ง จะมีการเสียเหงื่อมากมายทำ ให้ฉี่มีความเข้มข้นสูง ช่องทางที่สารละลายในฉี่จะกลายเป็นผลึกก็เลยมีมากขึ้นเรื่อยๆ และก็ อาจเกี่ยวพันกับเกลือแร่ที่ละลายอยู่ในน้ำที่ใช้ดื่ม ซึ่งขึ้นกับแต่ละแคว้นทำให้มีการเกิดเป็นนิ่วขึ้นได้ การบริหารร่างกายอย่างหนัก ทำ ให้มีการสูญเสียน้ำ และ เกลือแร่ไปกับเหงื่อ ทำให้ฉี่จะมีจำนวนซิเทรตต่ำ ซึ่งการขาดซิเทรตทำ ให้แคลเซียมรวมกับออกซาเลตเป็นแคลเซียมออกซาเลต หรือแคลเซียมรวมกับฟอสเฟตเป็นแคลเซียมฟอสเฟต ซึ่งละลายน้ำ ได้ไม่ดี
  • ความเป็นกรด-ด่างของฉี่ เยี่ยวที่มี ฤทธิ์เป็นกรดมากบางทีอาจเกิดการกลายเป็นผลึกของกรดยูริค และก็ซีสทีน ส่วนฉี่ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง บางทีอาจมีการตกตะกอน ของผลึกออกซาเลต ฟอสเฟส และคาบอเนต ซึ่งคนธรรมดา ในช่วง 06.00 น. ฉี่จะมีความเป็นกรดที่ pH 5.2 ในช่วง 18.00 น. จะมีความเป็นกลาง pH 7.0 ก็เลยมี จังหวะเกิดผลึกได้ทั้งยังผลึกกรดยูริค แล้วก็ผลึกแคลเซียม ซึ่งการรวมตัวกันของผลึกทำ ให้เกิดเป็นก้อนนิ่วท้ายที่สุด
  • โรคเรื้อรังบางประเภทที่ส่งผลให้ภายในร่างกายมีสารต่างๆที่ก่อนิ่วสูงกว่าธรรมดายกตัวอย่างเช่น โรคของ ต่อมพาราต่อมไทรอยด์(Parathyroid gland) ซึ่งคือต่อมไร้ท่อขนาดเล็กอยู่ใต้ต่อมไทรอยด์ มีหน้าที่ควบคุมรูปแบบการทำงานของแคลเซียม) ปฏิบัติงานเกิน หรือโรคเกาต์ซึ่งมีกรดยูริคสูงในร่างกาย
  • บางทีอาจจากรับประทานวิตามินซี วิตามินดี และแคลเซียมเสริมของกินปริมาณสูงสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นการกินวิตามินเกลือแร่กลุ่มนี้เสริมของกิน ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
  • ยาบางจำพวกทำ ให้กำเนิดนิ่วได้ยกตัวอย่างเช่น ยาขับเยี่ยว ยากลุ่ม carbonic anhydrase inhibitors ยาระบาย หรือยาลดกรดที่รับประทานอยู่เป็นเวลานาน ทำ ให้กำเนิด นิ่วด้วยกลไกผ่านทางเมตาบอลิค

การติดต่อของนิ่วในไต  นิ่วในไตเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการตกตะกอนของแร่ธาตุต่างๆแล้วก็แคลเซียม (หินปูน) เป็นก้อนผลึกขนาดต่างๆตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังเช่นว่า ถุงน้ำดี แล้วก็ ระบบทางเดินเยี่ยวของร่างกาย ซึ่งขาดการติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คนอะไร
การกระทำตนเมื่อเป็นนิ่วในไต การดูแลตัวเองเมื่อเป็นนิ่วในไตรวมทั้งเพื่อคุ้มครองนิ่วย้อนกลับไปเป็นซ้ำหลังรักษานิ่วหายแล้ว เช่น

  • กินน้ำสะอาดมากๆขั้นต่ำวันละ 2 ลิตรถ้าหากว่าไม่มีโรคที่จำต้องจำกัดน้ำ
  • จำกัดอาหารที่มีสารออกซาเลต กรดยูริค และก็สารซีสตีนสูง
  • ไม่กลั้นฉี่นาน และเพียรพยายามขยับเขยื้อนร่างกายเสมอ
  • ทำตามแพทย์/พยาบาลชี้แนะอย่างเคร่งครัด
  • รับประทานยาต่างๆให้ถูกต้องครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่ขาดยา และไม่หยุดยาเอง
  • ดูสีและก็ลักษณะของเยี่ยวเสมอเพื่อรีบพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อมีความผิดธรรมดาเกิด ขึ้นเป็นต้นว่า ขุ่นมากมายหรือเป็นเลือดรวมทั้งเมื่อมีนิ่วหลุดออกมา ควรที่จะเก็บไว้และจากนั้นจึงนำไปเจอหมอ เพื่อเรียนทางห้องทดลองว่าเป็นนิ่วชนิดใด เพื่อการดูแลและรักษาแล้วก็การดูแลตัวเองได้ถูก ซึ่งเมื่อหมอชี้แนะให้เก็บนิ่วมาให้หมอดู ควรฉี่ในกระโถนหรือฉี่ผ่านผ้ากรองเพื่อการเก็บนิ่วได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
  • หลบหลีกเครื่องดื่มน้ำอัดลม เหตุเพราะอาจส่งผลให้ปริมาณของสิเทรดในปัสสาวะต่ำลง

การปกป้องตัวเองจากนิ่วในไต ช่วงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วสูงสุดเป็น 40-60 ปี แล้วก็อัตราการเกิดเป็นนิ่วซ้ำ พบมากถึงจำนวนร้อยละ 50 ข้างใน 5 ปี การปฏิบัติตนเพื่อลดการเสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว หรือการเกิดนิ่วซ้ำ ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

  • ควรกินน้ำ วันละ 6-8 แก้ว (2.5 ลิตรหรือมากกว่า) หรือให้ได้ปริมาตรของเยี่ยวมากยิ่งกว่า 2 ลิตรต่อวัน เพื่อลดความอิ่มตัวของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ และลดช่องทางการก่อผลึกนิ่วในระบบทางเท้าฉี่
  • ควรจะหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟที่เข้มข้นมากมาย อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำ ให้ระดับแคลเซียมสูงขึ้นในปัสสาวะ
  • ผู้เจ็บป่วยที่มีน
ตารางที่ 1 แสดงปริมาณกรดออกซาลิคในผักต่อน้ำ หนักผัก 100 กรัม
           ชื่อผัก                    ปริมาณกรดออกซาลิค ชื่อผัก            ปริมาณกรดออกซาลิค
                                    (มิลลิกรัม)                                            (มิลลิกรัม)
ผักชีฝรั่ง (parsley)               1,700                           หัวไชเท้า                        480
มันสำปะหลัง                       1,260                           ใบกระเจี๊ยบ                    389.5
ใบชะพลู                              1,088.4                        ใบยอ                            387.6
ผักโขม (amaranth)             1,090                           ผักปัง                            385.3
ผักโขม (spinach)                 970                              ผักกระเฉด                     310
ยอดพริกชี้ฟ้า                        761.7                           ผักแพงพวย                   243.9
แครอท                                500                              กระเทียม                       360

  • ทานอาหารประเภทผักรวมทั้งผลไม้ (ที่ไม่มีสารออกซาเลต , ยูริกสูง) เพราะเหตุว่าเป็นแหล่งของสารยับยั้งการเกิดนิ่ว ช่วยทำให้ปริมาณซิเทรต โพแทสเซียม แล้วก็ pH ของฉี่มากขึ้น แล้วก็ลดการทำลายของเซลล์เยื่อบุหลอดไต จึงสามารถยั้งการเกิดนิ่วได้อย่างมีคุณภาพ
  • รับประทานไขมันจากพืชและก็ไขมันจากปลา เพราะเหตุว่าไขมันเหล่านี้สามารถลดจำนวนแคลเซียมในเยี่ยวได้ดีมากว่าไขมันที่ได้จากเนื้อสัตว์อื่นๆก็เลยช่วยลดช่องทางเกิดนิ่วซ้ำได้
สมุนไพรที่ช่วยป้องกัน/รักษานิ่วในไต[/size]
กระเจี๊ยบแดง Hibiscus sabdariffa L.

  • องค์ประกอบทางเคมี: มีสาร Anthocyanin แล้วก็กรดอินทรีย์หลายตัว เช่น citric acid, mallic acid, tartaric acid, vitamin c ทำให้ฉี่มีฤทธิ์เป็นกรด
  • คุณประโยชน์: ตำราเรียนยาไทย: กลีบเลี้ยงมีรสเปรี้ยว แก้อาการขัดเบา แก้เสลด ขับน้ำดี ลดไข้ แก้ไอ ขับนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • การศึกษาเล่าเรียนทางคลินิก: ลดความดันโลหิต ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินฉี่ ทำให้คนเจ็บโรคนิ่วในท่อไต ชิ้งฉ่องสะดวกขึ้น ผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีลักษณะปวดแสบเวลาเยี่ยวลดน้อยลง

ขทาง Pluchea indica (L.) Less.

  • ส่วนประกอบทางเคมี: พบสารอนุพันธ์ของ eudesmane กลุ่ม cauhtemone รวมทั้งพบเกลือแร่ sodium chloride เนื่องจากชอบขึ้นที่น้ำทะเลขึ้นถึง
  • สรรพคุณ: หนังสือเรียนยาไทย: ใช้ ใบ รสหอมฝาดเมาเค็ม เป็นยาขับเยี่ยว ทั้งยังต้น รสหอมฝาดเมาเค็ม ใช้ต้มกินรักษาอาการขัดเบา แก้นิ่วในไต ขับฉี่ แก้เยี่ยวทุพพลภาพ

ตะไคร้   Cymbopogon citratus  Stapf

  • สรรพคุณ ทั้งต้น แก้โรคทางเดินเยี่ยว นิ่ว ขับเยี่ยว เมนส์มาเปลี่ยนไปจากปกติ  แก้ปัสสาวะเป็นเลือด แก้โรคหืด  ราก ขับเยี่ยว แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะพิการ แก้อาการขัดเบา

ทานตะวัน    Helianthus annuus  L.

  • คุณประโยชน์ แกนต้น – ขับปัสสาวะ แก้นิ่วในทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไต เมล็ด – ขับเยี่ยว ราก – ขับปัสสาวะ

สับปะรด    Ananas comosus  (L.) Merr.

  • คุณประโยชน์ ราก – แก้นิ่ว ขับฉี่ ใบสด – เป็นยาถ่าย ฆ่าพยาธิในท้อง ยาขับเยี่ยว ผลสุก – ขับฉี่ ไส้กึ่งกลางสับปะรด – แก้ขัดเบา เปลือก – ขับปัสสาวะ ทำให้ไตมีร่างกายแข็งแรง จุก – ขับฉี่ แก้นิ่ว แขนง – แก้โรคนิ่ว ยอดอ่อนสับปะรด – แก้นิ่ว
เอกสารอ้างอิง

  • ผศ.วิทย์ วิเศษสินธ์.โรคนิ่ววในระบบทางเดินปัสสาวะ.หน่วยศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์โรงพยา



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ