โรคมือเท้าปาก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคมือเท้าปาก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 21 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2018, 10:33:07 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคมือเท้าปาก  (Hand Foot and Mouth  disease – HFMD)
โรคมือเท้าปาก คืออะไร โรคมือ-เท้า-ปาก เจ็บป่วยเป็นผื่นประเภทหนึ่งที่ต่อเนื่องกันง่าย แต่ว่ามักไม่รุนแรงรวมทั้งหายได้เองเป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้อยที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ซึ่งโรค มือเท้าปาก เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปในเด็กเล็ก โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน มักมีเหตุที่เกิดจากไวรัสกลุ่ม Enterovirus  แต่ว่าในแถบร้อนเปียกชื้น พบได้ทั่วไปได้ทั้งปีโดยส่วนมากแล้ว มักพบในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีแม้กระนั้นบางทีอาจเจอในเด็กอายุมากกว่านี้ก็ได้ รวมทั้งถ้าหากมีการกำเนิดโรคในสถานเลี้ยงเด็กหรือในโรงเรียนอนุบาล ก็จะเจอคนไข้เยอะแยะขึ้นเพราะว่าโรคนี้ระบาดได้ง่าย
                อนึ่งโรคนี้เป็นโรคคนละจำพวกกับโรคปากยุ่ยเท้าเปื่อยยุ่ยที่เจอได้ในสัตว์กีบคู่ ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่ติดต่อมาสู่คน นอกจากในกรณีที่คนไปสัมผัสคลุกคลีอยู่กับสัตว์ที่เจ็บไข้หรือผู้ที่ดำเนินงานในห้องแลปเกี่ยวกับโรคในสัตว์พวกนี้ ที่อาจมีรายงานการติดเชื้อได้บ้าง
                อันที่จริงแล้ว โรคมือ เท้า ปาก ว่าไม่ใช่โรคใหม่ แต่ว่ารู้จักกันมานานมากกว่า 50 ปีแล้ว  โดยมีประวัติที่มาที่ไปของโรค ดังนี้

  • พุทธศักราช 2500 มีรายงานการระบาดของกรุ๊ปอาการไข้ซึ่งพบร่วมกับตุ่มน้ำใสในโพรงปาก มือแล้วก็เท้าในคนไข้เด็กที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา โดยพบสาเหตุจากเชื้อ Coxsackie virus A16(Cox A16)1
  • พ.ศ. 2502 พบการระบาดของกรุ๊ปอาการเช่นเดียวกันในเมือง Bermingham ประเทศอังกฤษ และได้มีการเรียกกลุ่มอาการนี้ว่า Hand-Foot-and Mouth Disease (HFMD)

ต่อจากนั้นก็มีรายงานการระบาดจากประเทศต่างๆทั่วทั้งโลก ซึ่งไวรัสที่ก่อให้เกิดกลุ่มอาการมือ เท้า ปาก ไม่ได้เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวแม้กระนั้นมีมากกว่า 10 สายพันธุ์
สำหรับการระบาดใหญ่ของกลุ่มอาการโรคมือ เท้า ปาก พบว่ามีรายงานตั้งแต่ พ.ศ.2540-2555 มีดังนี้

  • พุทธศักราช2540 มาเลเซีย (เสียชีวิต 31 ราย) พุทธศักราช2541 ไต้หวัน (ผู้เจ็บป่วย 1.5 ล้านราย เสียชีวิต 78 ราย)
  • พ.ศ.2550 ประเทศอินเดีย (ผู้เจ็บป่วย 38 ราย) และ พุทธศักราช2551 ประเทศอินเดีย (ผู้เจ็บป่วย 25,000 ราย เสียชีวิต 42 ราย) ประเทศสิงคโปร์ (ผู้ป่วยมากยิ่งกว่า 2,600 ราย) เวียดนาม (คนป่วย 2,300 ราย เสียชีวิต 11 ราย) ดูโกเลีย (คนไข้ 2,600 ราย) และก็บรูไน (คนไข้ 1,053 ราย)
  • พุทธศักราช2552 จีน (ผู้ป่วย 115,000 ราย เสียชีวิต 85 ราย) และ พุทธศักราช2553 จีน (คนป่วย 1.6 ล้านราย เสียชีวิต 537 ราย)
  • พุทธศักราช2554 เวียดนาม (ผู้ป่วย 42,000 ราย เสียชีวิต 98 ราย) รวมทั้งจีน (ผู้เจ็บป่วย 1.3 ล้านราย เสียชีวิต 437 ราย)
  • พุทธศักราช2555 เขมร (เสียชีวิต 52 ราย) จีน (คนเจ็บ 460,000 ราย เสียชีวิต 112 ราย) ไทย (คนไข้ 168,60 ราย เสียชีวิต 1 ราย)

สำหรับเหตุการณ์โรคมือเท้าปากในประเทศไทย อ้างอิงข้อมูลที่ได้มาจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี 2558 มีผู้เจ็บป่วยทั้งปวง 40,417 ราย คิดเป็นอัตราส่วน 62.21 ต่อราษฎร 1 แสนคน แล้วก็มีคนไข้เสียชีวิต 3 ราย ส่วนในปี 2559 ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 28 เดือนมีนาคม 2559 มีผู้เจ็บป่วย 8,973 ราย คิดเป็นอัตราส่วน 13.78 ต่อประชาชน 1 แสนคน และยังไม่มีคนเสียชีวิต
ตั้งแต่เริ่มมีการตรวจเจอเชื้อ EV71 ในผู้ป่วยโรค HFMD ในปี2541 ในประเทศไทยก็เริ่มมีการเฝ้าระวังรายงานรวมทั้งไต่สวนคนไข้สงสัยติดเชื้อ EV71 รวมทั้งคุ้มครองป้องกันควบคุมโรคหลังจากนั้นมา พบว่าคนป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำลงมากยิ่งกว่า 2 ปีและราวๆกึ่งหนึ่งติดโรค EV71 ที่มีอาการไม่รุนแรง
ส่วนในด้านรายงานการแพร่ระบาดของโรคมือเท้าปากจากสำนักระบาดวิทยา พบว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม ถึง 1 เมษายน 2559 มีการระบาดเป็นกลุ่มเป็นก้อนอีกทั้งตามโรงเรียนและในชุมชน 8 เรื่อง จากจำนวนคนป่วย 22 ราย ทั้งนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้แนะนำให้โรงเรียนประพฤติตามมาตรการที่กรมควบคุมโรคระบุ เพื่อคุ้มครองป้องกันการเกิดโรคและการแพร่ระบาดของโรค
ที่มาของโรคมือเท้าปาก โรคมือเท้าปากเกิดขึ้นจากการตำหนิดเชื้อกลุ่มเชื้อไวรัสเอนเทอโร (Enterovirus) ซึ่งมีอยู่ด้วยกันนานัปการสาย ดังเช่นว่า ค็อกแซคกีเอและบี (Coxsackie A, B), เชื้อไวรัสเอนเทอโรจำพวก 71 (Enterovirus 71 – EV71) ต้นสายปลายเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดก็คือการระบาดจากการต่อว่าดเชื้อไวรัสค็อกแซคกีเอชนิด 16 (Coxsackievirus A 16) ซึ่งอาการชอบไม่ร้ายแรง แล้วก็คนป่วยมักจะหายได้เองเป็นส่วนใหญ่ ส่วนมูลเหตุที่พบได้น้อยรวมทั้งมีลักษณะร้ายแรง คือ การตำหนิดเชื้อไวรัสเอนเทอโรจำพวก 71 ซึ่งอาจจะส่งผลให้คนป่วยเกิดภาวะสอดแทรกร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ นอกจากนั้นโรคมือเท้าปากยังอาจกำเนิดได้จากเชื้อไวรัสค็อกแซคกีเอชนิด 5, 7, 9, 10 แล้วก็เชื้อไวรัสค็อกแซคกีบีชนิด 2 และ 5 ได้บ้าง
                ซึ่งโรคนี้จำนวนมากชอบติดต่อกันที่เกิดจากการกินของกิน น้ำ การดูดเลียนิ้วมือ หรือของเล่นที่แปดเปื้อนเชื้อที่ออกมากับอุจจาระ น้ำเหลืองจากตุ่มน้ำที่ผิวหนัง หรือละอองน้ำมูก น้ำลายของคนเจ็บ ส่วนน้อยที่ติดต่อโดยการสูดเอาฝอยละอองน้ำมูก น้ำลายที่คนเจ็บไอหรือจามรด  ซึ่งเมื่อเชื้อไปสู่ร่างกายแล้ว ราวๆ 3-6 วัน คนไข้จึงจะมีลักษณะ
อาการโรคมือเท้าปาก  ภายหลังจากติดเชื้อ 3-7 วัน ผู้ป่วยจะเริ่มออกอาการเริ่มหมายถึงจับไข้ตํ่าๆประมาณ 38-39o C และก็มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเวลานี้จะมีระยะเวลา ราว 1-2 วัน ต่อจากนั้นจะเริ่มมีลักษณะเจ็บปาก ตรวจร่างกายจะเจอมีรอยโรคในบริเวณปาก มือรวมทั้งเท้าได้ดังนี้

  • รอยโรครอบๆปาก เจอในคนป่วยจำนวนร้อยละ 100 มีรอยโรคจํานวน 5-10 แห้ง พบได้ทุกบริเวณในปากแต่ว่าที่พบได้ทั่วไป คือ เพดานปาก ลิ้น แล้วก็เยื่อบุกระพุ้งแก้ม รอยโรคระยะเริ่มต้น ลักษณะเป็นรอยสีแดงอาจนูนนิดหน่อยขนาด 2-8 มิลลิเมตรแล้วจะเปลี่ยนเป็นตุ่มนํ้าสีเทาขนาดเล็กขอบแดงช่วงที่รอยโรคเป็นตุ่มนํ้าจะสั้น ก็เลยมักตรวจไม่เจอ  รอยโรคในช่วงนี้แม้กระนั้นก็พบได้บ่อยลักษณะเป็นแผลตื้นๆสีเหลืองถึงเทาของแดงซึ่งบางทีอาจจะมารวมกันเป็นรอยโรคใหญ่ได้

ร้อยละ 80 ของคนป่วยลักษณะของการเจ็บปากจะไม่รุนแรงและหายได้เองโดยไม่ต้องรักษาข้างใน 5-10 วัน

  • รอยโรคที่ผิวหนัง

อาจเกิดขึ้นพร้อมรอยโรคที่ปาก หรือจากนั้นบางส่วนจํานวนตั้งแต่ 2-3 แห้งไปจนกระทั่ง 100 ที่ พบ ที่มือบ่อยมากกว่าเท่า ลักษณะเป็นรอยแดงๆบางทีอาจนูนน้อยขนาด 2-10 มม. กึ่งกลางสีเทา บางรอยโรคมี ลักษณะเป็นตุ่มนํ้าใสขอบแดง มีกระจายขนานไปกับแนวของผิวหนังบางทีอาจเจ็บหรือไม่ก็ได้ต่อจากนั้น 2-3 วัน จะ เริ่มเป็นสะเก็ด และก็ค่อยๆหายไปภายใน 7-10 วัน โดยไม่มีรอยแผลเป็นหลงเหลือ
บริเวณอื่นๆที่อาจเจอรอยโรคได้ด้วยเหมือนกัน คือ ตูด แขน ขา รวมทั้งอวัยวะสืบพันธุ์ในทารกอาจพบ กระจัดกระจายทั่วตัวได้
โดยทั่วไปโรคมือเท้า ปากตลาดว่ามีลักษณะอาการน้อยส่วนมากมักมีเพียงแต่ไข้ปวดเหมื่อยตามตัวและก็เจ็บปาก แต่ว่า ในคนป่วยบางรายบางทีอาจพบภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการต่อว่าดเชื้อ enterovirus 71 ปัจจัยเสี่ยงต่อ การพบภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง คือ

  • อายุในกรุ๊ปผู้เจ็บป่วยอายุน้อยจะพบอาการแทรกรุนแรงแล้วก็เสียชีวิตมากกว่าในกรุ๊ปคนเจ็บที่อายุมาก อย่างเช่นการระบาดในปีพุทธศักราช2541 ที่ประเทศไต้หวัน พบว่าอัตราการเสียชีวิตโดยรวมเป็น44.4/100,000 รายแม้กระนั้นกรุ๊ปที่อัตราการตายสูงสุดเป็น6-11 เดือนพอๆกับ 96.96/100,000 ราย
  • จับไข้สูงมากไปกว่า 39o C และนานเกิน 3 วัน
  • มีลักษณะอาการอาเจียนมากมายรับประทานอาหารไม่ได้

ซึ่งปัจจัยเสี่ยงในข้อ 2 แล้วก็ 3 จากการศึกษาวิจัยที่โรงหมอเด็ก Chang Gung ประเทศไต้หวัน พบว่า ชมรมกับการติดเชื้อ EV มากกว่า Cox A  โดยชอบทำให้เกิดภาวะเข้าแทรก/ทางระบบประสาท ระบบหัวใจ รวมทั้งปอดได้สูง ทำให้คนไข้เสียชีวิตอย่างเร็วจากภาวการณ์ปอดอักเสบน้ำ เลือดออกในปอด แล้วก็ภาวการณ์ช็อก
แม้กระนั้นเชื้อคอกแซคก็ไวรัส เอ 16 ก็อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนเป็น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อห่อหัวใจอักเสบ และก็ภาวะช็อกได้ แต่เจอได้น้อยกว่าจากเชื้อ เอนเทอโรไวรัส 71 มาก
ปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคมือเท้าปาก

  • เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี เป็นกลุ่มอายุที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมากที่สุด เพราะมักพบการติดเชื้อและการระบาดของโรคใน สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือศูนย์เด็กเล็กเป็นส่วนใหญ่
  • การที่ผู้ดูแลเด็กไม่ได้ให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อของโรคมือเท้าปาก
  • สภาพที่อยู่อาศัย หรือโรงเรียน/ศูนย์เด็กเล็กไม่ถูกสุขลักษณะ เช่น มีลักษณะอับ ทึบ แสงแดดส่องไม่ถึง
  • การใช้ข้าวของเครื่องใช้ เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ช้อน ร่วมกัน
  • การไอ จาม รดกัน หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว
แนวทางการรักษาโรคมือ เท้าปาก การวินิจฉัยโรคมือเท้าปากโดยทั่วไปใช่อาการและอาการแสดงเป็นสําคัญ (clinical diagnosis) โดยแพทย์จะตรวจร่างกายหารอยโรคจําเพาะที่บริเวณมือเท้า ปากร่วมกับมีไข้ ได้แก่  ผู้ป่วยมีไข้ 38 – 39 องศาเซลเซียส  พบจุดนูนแดง ตุ่มน้ำใส หรือ แผลที่เยื่อบุปาก ลิ้น และเหงือก พบจุดแดงราบ ตุ่มนูน หรือตุ่มน้ำที่มือ เท้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และแก้มก้น
การตรวจรอยโรคที่ผิวหนัง (cutaneous lesion) ทางพยาธิวิทยา(histology) จะพบเม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil และ lymphocyte เพิ่มขึ้น แต่จะไม้พบmultinucleated giant cell หรือ inclusion body 11 สําหรับในกรณีที่ต้องการทราบชนิดของเชื้อไวรัสที่ก้อโรค สามารถทําได้โดยการแยกเชื้อไวรัส หรือตรวจ ร่องรอยการติดเชื้อจากนํ้าเหลือง สําหรับประเทศไทยใช้วิธี micro-neutralization หากพบผู้ป่วยในข่ายสงสัยให้ เก็บตัวอย่างดังนี้

  • อุจจาระภายใน 14 วันของการป่วยโดยเก็บประมาณ 8 กรัม ใส่กล่องพลาสติกสะอาด
  • สวอบลําคอ (throat swab) โดยจุ่มปลายสวอบลงใน viral transport media ให้จมปลาย ตัวอย่างในข้อ 1 และ 2 ให้เก็บส่งโดยแช่เย็นในกระติกนํ้าแข็งอุณหภูมิ 4-8o C และส่งห้องปฏิบัติ การโดยเร็วที่สุด
  • เก็บเลือด 2 ครั้งประมาณ 3-5 มล.ต่อครั้ง ครั้งแรกที่สุดภายใน 3-5 วันหลังป่วยและครั้งที่ 2 หลัง จากครั้งแรก 14วัน โดยใส่ในหลอดแก้วปราศจากเชื้อพันพลาสเตอร์ให้แน่น เก็บตัวอย่างในตู้เย็น เพื่อรอส่งตรวจพร้อมกัน

โรคมือเท้าปากไม่มีวัคซีนหรือยาสำหรับรักษาโรคโดยตรง การรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ เช่นการให้ยาลดไข้ paracetamol หรือให้ยาบ้วนปากเพื่อช่วยลดอาการเจ็บของแผลในช่องปาก ถ้าตุ่มกลายเป็นหนองหรือพุพองก็จะให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลินวี อะม็อกซีซิลลิน อีริโทรไมซิน เป็นต้น ถ้ามีภาวะขาดน้ำเนื่องจากกินและดื่มไม่ได้ ก็จะให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ก็จำเป็นต้องรับเด็กไว้รักษาในโรงพยาบาลหรือส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ.2539 มีการศึกษาที่ Medical College of Ohio ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการทดลองใช้ acyclovir ในการรักษาผู้ป่วยโรคมือเท้า ปาก 13 รายซึ่ง 12 รายเป็นเด็กอายุ 1-5 ปีและอีก 1 รายเป็นผู้ใหญ่ โดยเริ่มใช้ยา acyclovir ภายใน 1-2 วัน หลังเริ่มมีรอยโรคพบว่าอาการของผู้ป่วยดีขึ้น และรอยโรคเปลี่ยนแปลงดี ขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังเริ่มรักษา ได้ให้ acyclovir ต่ออีก 5 วันจนรอยโรคหายไปหมด ผู้ศึกษาเชื่อว่า acyclovir อาจไปยับยั้งเอนไซม์ thymidine kinase ของ Cox A16แต่ก็อาจมีประโยชน์ ด้านอื่นด้วยเช่น อาจทําให้ผู้ป่วยสร้าง interferon เพื่อยับยั้งไวรัสมากขึ้น15 อย่างไรก็ดียังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ acyclovir ในการ ลดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
และหลังจากการติดเชื้อผู้ป่วยจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสที่ก่อโรค แต่อาจเกิดโรคมือเท้า ปากซํ้าได้จาก enterovirus ตัวอื่นๆ
การติดต่อของโรค มือ เท้า ปาก  โรคมือเท้าปากสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งจากตุ่มน้ำใส หรือสารคัดหลั่งจากจมูกและปากอันได้แก่ น้ำมูก เสมหะ หรือน้ำลาย นอกจากนี้แล้วไวรัสยังสามารถพบได้ในอุจจาระ โดยไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ตั้งแต่ในระยะแรกที่แสดงอาการโดยช่วงที่มีการแพร่กระจายมากที่สุด คือ สัปดาห์แรกที่ผู้ป่วยมีอาการและอาจจะยังพบได้อีกหลายสัปดาห์ในอุจจาระของผู้ป่วยที่หายจากอาการของโรคแล้ว นอกจากนี้แล้วในผู้ใหญ่อาจจะสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้โดยไม่แสดงอาการใดๆ ซึ่งการได้รับไวรัสอาจเป็นการได้รับโดยตรงเช่นจากการไอหรือจาม หรืออาจจะได้รับไวรัสโดยอ้อมโดยการสัมผัสกับพื้นผิวหรือสิ่งของที่มีเชื้อไวรัสอยู่ เช่นในสถานรับเลี้ยงเด็กซึ่งอาจมีของเล่นหรือของใช้เด็กที่ปนเปื้อนน้ำลายเนื่องจากเด็กเล็กมักชอบนำสิ่งของเข้าปาก  ดูดเลียนิ้วมือ รวมถึงจากการรับประทานอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อ มือของผู้เลี้ยงดูเด็กที่ไม่สะอาด เป็นต้น  เนื่องจากโรคมือเท้าปากมักพบในเด็กเล็ก ดังนั้นการระบาดมักพบในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือตามโรงเรียนอนุบาล  เชื้อเอนเทอโรไวรัสสามารถทนสภาวะกรดในทางเดินอาหารมนุษย์ได้ และมีชีวิตอยู่ในอุณหภูมิห้องได้ 2-3วัน
โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเย็นหรือชื้นแฉะเชื้ออาจอยู่ได้เป็นเดือน  นอกจากนี้ การทำลายเชื้อต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสม น้ำยาฆ่าเชื้อทั่วๆ ไปบางชนิด เช่น แอลกอฮอล์ ๗๐ เปอร์เซ็นต์และแอลกอฮอล์เจลใช้ป้องกันไวรัสไข้หวัดได้ แต่สำหรับเชื้อไวรัสเอนเทอโร แอลกอฮอล์ไม่มีผลโดยตรง
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก เนื่องจากโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่จำเป็นต้องให้ยารักษาจำเพาะ เพียงแต่ให้การดูแลตามอาการ และเฝ้าติดตามอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด โดยมีวิธีปฏิบัติ ดังนี้

  • ทานยาลดไข้ พาราเซตามอล เป็นครั้งคราวเวลา มีไข้สูง
  • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยสังเกตดูว่ามีปัสสาวะออกมากและใส จึงนับว่าได้น้ำพอเพียง
  • ในช่วงที่มีอาการเจ็บแผลในปาก ให้กินอาหารเหลวหรือของน้ำๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก แกงจืด นม น้ำเต้าหู้ น้ำหวาน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บในปาก อาจใช้วิธีอมน้ำแข็งก้อนเล็กๆ ดื่มน้ำหรือนมเย็นๆ กินไอศกรีม หรือบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ (ผสมเกลือป่นครึ่งช้อนชาในน้ำอุ่น ๑ แก้ว) วันละหลายๆ ครั้ง เพื่อบรรเทาอาการเจ็บแผลในปาก
  • แยกของใช้ไม่ใช้ร่วมกับคนอื่น เช่น แก้วน้ำ หลอดดูด ช้อน-ส้อม ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดมือ ขับถ่ายอุจจาระลงในในโถส้วม
  • ควรทำความสะอาดพื้นห้องและพื้นผิวอื่นๆ ที่สัมผัสบ่อยๆ รวมถึงห้องสุขาและห้องน้ำ โดยล้างด้วยน้ำและผงซักฟอก แล้วตามด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของคลอรีน เช่น ไฮเตอร์ ไฮยีน คลอร็อกซ์ โดยผสมตามฉลากปิดข้างขวด ทิ้งไว้ ๑๐ นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำให้สะอาดเพื่อป้องกันสารเคมีตกค้าง
  • แยกเด็กที่ป่วยไม่ให้คลุกคลีกับเด็กคนอื่นๆ ทั้งเพื่อนบ้าน และพี่น้องที่อยู่ในบ้านเดียวกัน เช่น การกอดรัด การเล่นของเล่นที่เปื้อนน้ำลายหรือน้ำมูกของผู้ป่วย โดยเฉพาะในกรณีที่มีน้องเล็กๆ อายุ ๑-๒ ปีหรือน้อยกว่า เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดอาการรุนแรง ไม่นำเด็กไปในที่ที่มีคนอยู่จำนวนมาก เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด สระว่ายน้ำ ควรให้เด็กอยู่ในที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี
  • ขอให้เด็กหยุดเรียนเป็นเวลา ๗ วันนับจากวันเริ่มมีอาการ (ถึงแม้ว่าเด็กอาจมีอาการดีขึ้นก่อนครบ ๗ วัน) หากเด็กมีอาการป่วยรุนแรงขึ้น เช่น ไข้สูง อาเจียน หอบเหนื่อย ซึม ชัก หรืออาการแย่ลง ต้องรีบพาไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที ในกรณีผู้ป่วยเป็นผู้ใหญ่ให้หยุดงานเป็นเวลา 7 วันเช่นกัน
  • ควรปรึกษาแพทย์ เมื่อมีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
  • ตุ่มน้ำ กลายเป็นตุ่มหนองหรือพุพองจากการเกาให้แพทย์พิจารณาใช้ยาปฏิชีวนะรักษา
  • มีอาการเจ็บแผลในปาก จนกินอาหารและดื่มน้ำไม่ได้ มีภาวะขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะออกน้อย
  • มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนรุนแรง ไม่ค่อยรู้ตัว ชัก แขนขาอ่อนแรง หรือหายใจหอบเหนื่อย ควรส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
  • อาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์

การปกป้องตัวเองจากโรคมือเท้าปาก

  • สำหรับเด็ก ให้ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกคราวข้างหลังการขับถ่าย ก่อนที่จะรับประทานอาหาร หรือเมื่อสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลาย
  • สำหรับผู้ที่คอยทำหน้าที่ดูแลเด็ก ให้ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและก็สบู่ทุกหนก่อนที่จะมีการเตรียมอาหาร ก่อนอาหาร และข้างหลังการขับถ่าย และข้างหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก ข้างหลังการช่วยล้างก้นให้แก่เด็กเล็กที่เพิ่งขับถ่าย หรือสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งของเด็ก ดังเช่น น้ำมูก น้ำลาย
  • ให้บุตรหลานหลีกเลี่ยงการเล่น หรือคลุกคลีกับเด็กที่ป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก
  • ไม่นำเด็กตัวเล็กๆไปในที่ที่มีคนอยู่เยอะมาก ได้แก่ ห้าง ตลาด สระว่ายน้ำ รวมทั้งควรให้อยู่ในที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี ในช่วงที่มีการระบาดของโรคมือเท้าปากในพื้นที่
  • เลี่ยงการใช้ข้าวของ ได้แก่ แก้วน้ำ หลอดดูด ขวดที่เอาไว้ใส่สำหรับนม ช้อนชาม เสื้อผ้า ผ้าขนหนู ของเด็กเล่น เป็นต้น  ร่วมกับคนอื่นๆโดยเฉพาะในตอนที่มีการระบาดของโรคนี้
  • ฝึกฝนเด็กให้มีสุขนิสัยที่ดี รวมถึงหลบหลีกการใส่นิ้วมือหรือของเล่นเข้าปาก
  • ทําความสะอาดพื้น ของใช้เสื้อผ้าที่บางทีอาจแปดเปื้อนเชื้อ ด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อที่ใช้ทั่วไปข้างในบ้าน
  • บิดามารดาผู้ดูแลช่วยตรวจทานอาการของลูกหลานทุกวี่วัน ถ้ามีแผลในปากหลายแผล โดยยิ่งไปกว่านั้นหากเจ็บมากมายกระทั่งทำให้ไม่ค่อยทานอาหาร ให้ช่วยแจ้งแก่สถานศึกษาเพื่อมีการปฏิบัติการควบคุมโรคที่สมควร
  • สำหรับบิดามารดาผู้ดูแลที่จะพาลูกหลานที่เป็นเด็กเล็กไปยังต่างประเทศที่มีการระบาด สามารถเดินทางได้ตามธรรมดา โดยให้ปฏิบัติตัวตามความถูกอนามัยที่ดี หลีกเลี่ยงพาลูกหลานไปสถานที่ยัดเยียด แล้วก็หากบุตรหลานมีอาการเจ็บป่วยที่สงสัยโรคมือ เท้า ปาก ให้พาไปพบหมอ

สมุนไพรที่ใช้รักษา/ทุเลาอาการของโรคมือเท้าปาก สมุนไพรซึ่งสามารถประยุกต์ใช้บรรเทาอาการของโรคมือเท้าปากนั้นมีดังนี้ ถ้าหากมีแผลในปากก็สามารถใช้กลีเซอรีนพญายอหยอดรอบๆแผลได้ เพราะในใบพญายอมีสารฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ทำให้แผลหายเร็วขึ้นและไม่มีอันตราย ไม่มีผลข้างเคียง
            สมุนไพรในโรค มือ-เท้า-ปากเป็นฟ้าทลายโจร (Andrographis paniculata (Burm.F.) Nees.) เป็นงานศึกษาเรียนรู้วิจัยที่ทำในประเทศจีน โดยนักวิจัยได้สกัดสารสำคัญของฟ้าทลายขโมยและทำให้อยู่ในรูปแบบของยาฉีดเป็นAndrographolide Sulfonate injection
การวิจัยนี้ทำในเด็กที่เป็นโรค มือ-เท้า-ปาก อายุ 1-13 ปี จำนวน 230 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกจะได้รับการดูแลและรักษาแบบแผนเดิมร่วมกับ สารสกัดฟ้าทะลายขโมยในแบบบาฉีด (Andrographolide Sulfonate injection) อีกกรุ๊ปจะได้รับการดูแลรักษาแบบแผนเดิม โดยติดตามผล 7-10 วัน ผลการศึกษาพบว่า กรุ๊ปแรกจะเจออาการแทรกซ้อนแบบร้ายแรงน้อยกว่ากรุ๊ปลำดับที่สองอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นยังส่งผลให้ไข้ลดน้อยลงได้เร็วขึ้น ทำให้แผลที่ผิวหนังรวมทั้งแผลในปากหายมากยิ่งกว่ากลุ่มหวานใจษาแบบแผนเดิม และไม่พบการเสียชีวิตรวมถึงผลกระทบที่ร้ายแรงในกลุ่มทดลองอีกด้วย
เอกสารอ้างอิง

  • ดร.ภก.ปิยทิพย์ ขันตยาภรณ์.โรคมือเท้าปากในเด็ก.บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน.ภาควิชาจุลชีววิทยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Chang L, Lin T, Huang Y, et al. Comparison of enterovirus 71 and coxsackie-virus A16 clinical illnesses during the Taiwan enterovirus epidemic, 1998. Pediatr Infect Dis J 1999;18(12): 1092-6.
  • Abzug MJ. Hand-Foot-and-Mouth Disease. Kliegman: Nelson Textbook of Pediatrics, 19th ed.
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.โรคมือ-เท้า-ปาก.นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 326.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.มิถุนายน.2549
  • โรคมือ-เท้า-ปาก (Hand-Food-and-Mouth Disease; HEMD) และโรคจากเชื้อ Enterovirus 71 (EV-71) .หน่วยโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป “โรคมือ-เท้า-ปาก (Hand-foot-and-mouth-disease)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 1121-1123. http://www.disthai.com/[/b]
  • Alsop J. Hand-foot-and-mouth disease in Birmingham in 1959. Br Med J 1960;2:1708.
  • Shelley WB, Hashin M, Shelley ED. Acyclovir in the treatment of hand-foot-and-mouth disease.Cutis 1996;57:232-4.
  • โรคมือ เท้า ปาก พ.ศ.2555. หมอชาวบ้าน(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • Ho M, Chen E, Hsu K, et al. An epidemic of enterovirus 71 infection in Taiwan. N Engl J Med 1999; 341(13): 929-35.
  • Jennifer CH, Antoinette FH. Hand-food-and-mouth disease. In: Freedberg IM, Eisen AZ, editors. Fitzpatrick’s Dermatology in General Medicine. 5th ed. New York: McGraw-Hill; 1999. p. 2403-7.
  • สมุนไพรที่เคยมีการทำวิจัยในโรคมือเท้าปาก.อภัยภูเบศสาร.ปีที่ 12 .ฉบับที่133.กรกฎาคม.2557
  • Luan YC, Tzou YL, Yhu CH, Kou CT, Shin RS, Ming LK, et al. Comparison of enterovirus 71 and coxsackie virus A16 clinical illnesses during the Taiwan enterovirus epidemic, 1998.Pediatr Infect Dis J 1999;18:1092-6.
  • Robinson CR. Report on an outbreak of febrile illness with pharyngeal lesions and examthem. Toronto, Summer 1957-isolation group A Coxsackie virus. Can Med Assoc J 1958;79:615.
  • Theokiss Z, Joel DK. Enterovirus infection. Pediatrics in Review 1998;19:183-91.
  • พญ.ชนิกานต์ คีรีวิเชียร,พญ.ธันยวีร์ ภูธนกิจ.โรคมือเท้าปาก (Hand-Food-and-Mouth-Disease).คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.กันยายน 2545.หน้า 1- 9
  • โรคมือเท้าปาก-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ